22 สิงหาคม 2568

เพ ลา เพลิน จับมือ GISTDA-อพวช. จัดใหญ่ "สัปดาห์วิทยาศาสตร์ ปี 2568"

เพ ลา เพลิน จับมือ GISTDA-อพวช. จัดใหญ่ "สัปดาห์วิทยาศาสตร์ ปี 2568" เพ ลา เพลิน จับมือ GISTDA-อพวช. จัดใหญ่ "สัปดาห์วิทยาศาสตร์ ปี 2568"



บุรีรัมย์ – อุทยานเรียนรู้ เพ ลา เพลิน จังหวัดบุรีรัมย์ ตอกย้ำความเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้นอกห้องเรียน การสนับสนุนเยาวชนด้านทักษะในศตวรรษที่ 21 และ STEAM Education ผ่านการเรียนรู้รูปแบบกิจกรรม ด้วยความร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA และ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) จัดกิจกรรม “สัปดาห์วิทยาศาสตร์: ปฏิบัติการวิทย์ กู้โลก พิชิตภัยพิบัติ” ระหว่างวันที่ 20-29 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การเรียนรู้ เพ ลา เพลิน บุรีรัมย์ โดยได้รับความสนใจจากเยาวชนลงทะเบียนเข้าร่วมอย่างคับคั่งกว่า 9,000 คน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเยาวชนในการแสวงหาโอกาสพัฒนาตนเองและผู้ปกครองที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้นอกห้องเรียน

นายประณัย สายชมภู กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท จำกัด เปิดเผยว่า “เพ ลา เพลิน มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่สนุกสนานและสร้างสรรค์ในหลากหลายด้าน และมีการจัดตั้งโครงการ เพ ลา เพลิน อะคาเดมี่ ที่เป็นหน่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านภูมิปัญญา การเกษตร สมุนไพร สุขภาพ ศิลปะ และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน STEAM Education โครงการนี้สัปดาห์วิทยาศาสตร์ซึ่งเราจัดต่อเนื่องตลอดหลายปีมานี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำความรู้เชิงวิชาการมาประยุกต์ใช้จริง เพื่อเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้แบบ STEAM อย่างแท้จริง การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพื้นที่ภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำองค์ความรู้ระดับประเทศมาถ่ายทอดสู่เยาวชนอย่างใกล้ชิด โครงการนี้จึงเป็นความตั้งใจของเราที่จะนำองค์ความรู้ระดับประเทศมาไว้ใกล้บ้าน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเตรียมความพร้อมให้เยาวชนของเราพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในอนาคต”


การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐ โดย นายมนูญศักดิ์ นามประเทือง นายอำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ขณะที่ด้าน ดร.ปราณปริยา วงศ์ษา ผู้อำนวยการสำนักเครือข่ายองค์ความรู้ GISTDA กล่าวเสริมว่า “ภารกิจของเราคือการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีอวกาศมาใช้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ การร่วมมือกับเพ ลา เพลิน และอำเภอคูเมืองในครั้งนี้ได้นำกิจกรรม One Day Kids on Tour มาจุดประกายความฝันและสร้างแรงบันดาลใจด้านเทคโนโลยีอวกาศให้กับเยาวชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่า 9,000 คน เพื่อให้น้องๆ ได้สัมผัสเทคโนโลยีอวกาศในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน ผ่านการลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง เพื่อให้เข้าใจว่าเทคโนโลยีและข้อมูลภูมิสารสนเทศสามารถช่วยเราได้อย่างไรในการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้”

ไฮไลท์กิจกรรมช่วงระหว่างวันที่ 20 - 22 สิงหาคม 2568 ทาง GISTDA ได้นำเอาฐานกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายมาให้เยาวชนได้สัมผัส และเรียนรู้กันเต็มที่ เช่น ฐานกิจกรรม Space Hololens เรียนรู้เรื่องดาวเทียมสำรวจโลกของประเทศไทยผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง ฐานกิจกรรม โดรนนักสำรวจ DRONE / UAV Simulationฝึกบินโดรนด้วยโปรแกรมจำลองเสมือนจริง ฐานกิจกรรม การเดินทางกลับของนักบินอวกาศ กิจกรรมประดิษฐ์ parachute จำลองการกลับสู่โลกของนักบินอวกาศ และยกทัพชุดนิทรรศการด้านอวกาศ ให้น้องๆ เรียนรู้และศึกษาอย่างใกล้ชิด กิจกรรมต่างๆ ที่นำมาเป็นฐานเรียนรู้ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ข้อมูลที่ถูกต้องผ่านวิทยากรผู้เชี่ยวชาญโดยตรง และสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และอวกาศ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ผ่านอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศ 

นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมในช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 25 - 29 สิงหาคม 2568 โดย องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) การเรียนรู้พิชิตภัยพิบัติ ประกอบด้วย นิทรรศการ “Plearn Science Explorer” และ “นิทรรศการแผ่นดินไหว” รวมถึงกิจกรรมเกี่ยวกับ PM 2.5 เช่น การสาธิตฝุ่นในฤดูหนาว ฐานกิจกรรมมุมนักประดิษฐ์ “สูงท้าสั่น”ทดสอบความคิดสร้างสรรค์ด้วยการประดิษฐ์สิ่งของที่ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน และกิจกรรม Hands-on Activity “บุหงารำไป”

กิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้ เพ ลา เพลิน จังหวัดบุรีรัมย์ และขอสงวนสิทธิ์สำหรับการจองล่วงหน้าเท่านั้น 

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 092-504-2565 LINE: @PlayLaPloen หรือคลิ๊ก https://lin.ee/jIufYzR Facebook: www.facebook.com/PlayLaPloen บุรีรัมย์ – อุทยานเรียนรู้ เพ ลา เพลิน จังหวัดบุรีรัมย์ ตอกย้ำความเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้นอกห้องเรียน การสนับสนุนเยาวชนด้านทักษะในศตวรรษที่ 21 และ STEAM Education ผ่านการเรียนรู้รูปแบบกิจกรรม ด้วยความร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA และ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) จัดกิจกรรม “สัปดาห์วิทยาศาสตร์: ปฏิบัติการวิทย์ กู้โลก พิชิตภัยพิบัติ” ระหว่างวันที่ 20-29 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การเรียนรู้ เพ ลา เพลิน บุรีรัมย์ โดยได้รับความสนใจจากเยาวชนลงทะเบียนเข้าร่วมอย่างคับคั่งกว่า 9,000 คน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเยาวชนในการแสวงหาโอกาสพัฒนาตนเองและผู้ปกครองที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้นอกห้องเรียน

นายประณัย สายชมภู กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท จำกัด เปิดเผยว่า “เพ ลา เพลิน มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่สนุกสนานและสร้างสรรค์ในหลากหลายด้าน และมีการจัดตั้งโครงการ เพ ลา เพลิน อะคาเดมี่ ที่เป็นหน่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านภูมิปัญญา การเกษตร สมุนไพร สุขภาพ ศิลปะ และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน STEAM Education โครงการนี้สัปดาห์วิทยาศาสตร์ซึ่งเราจัดต่อเนื่องตลอดหลายปีมานี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำความรู้เชิงวิชาการมาประยุกต์ใช้จริง เพื่อเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้แบบ STEAM อย่างแท้จริง การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพื้นที่ภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำองค์ความรู้ระดับประเทศมาถ่ายทอดสู่เยาวชนอย่างใกล้ชิด โครงการนี้จึงเป็นความตั้งใจของเราที่จะนำองค์ความรู้ระดับประเทศมาไว้ใกล้บ้าน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเตรียมความพร้อมให้เยาวชนของเราพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในอนาคต”


การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐ โดย นายมนูญศักดิ์ นามประเทือง นายอำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ขณะที่ด้าน ดร.ปราณปริยา วงศ์ษา ผู้อำนวยการสำนักเครือข่ายองค์ความรู้ GISTDA กล่าวเสริมว่า “ภารกิจของเราคือการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีอวกาศมาใช้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ การร่วมมือกับเพ ลา เพลิน และอำเภอคูเมืองในครั้งนี้ได้นำกิจกรรม One Day Kids on Tour มาจุดประกายความฝันและสร้างแรงบันดาลใจด้านเทคโนโลยีอวกาศให้กับเยาวชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่า 9,000 คน เพื่อให้น้องๆ ได้สัมผัสเทคโนโลยีอวกาศในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน ผ่านการลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง เพื่อให้เข้าใจว่าเทคโนโลยีและข้อมูลภูมิสารสนเทศสามารถช่วยเราได้อย่างไรในการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้”

ไฮไลท์กิจกรรมช่วงระหว่างวันที่ 20 - 22 สิงหาคม 2568 ทาง GISTDA ได้นำเอาฐานกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายมาให้เยาวชนได้สัมผัส และเรียนรู้กันเต็มที่ เช่น ฐานกิจกรรม Space Hololens เรียนรู้เรื่องดาวเทียมสำรวจโลกของประเทศไทยผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง ฐานกิจกรรม โดรนนักสำรวจ DRONE / UAV Simulationฝึกบินโดรนด้วยโปรแกรมจำลองเสมือนจริง ฐานกิจกรรม การเดินทางกลับของนักบินอวกาศ กิจกรรมประดิษฐ์ parachute จำลองการกลับสู่โลกของนักบินอวกาศ และยกทัพชุดนิทรรศการด้านอวกาศ ให้น้องๆ เรียนรู้และศึกษาอย่างใกล้ชิด กิจกรรมต่างๆ ที่นำมาเป็นฐานเรียนรู้ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ข้อมูลที่ถูกต้องผ่านวิทยากรผู้เชี่ยวชาญโดยตรง และสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และอวกาศ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ผ่านอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศ 

นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมในช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 25 - 29 สิงหาคม 2568 โดย องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) การเรียนรู้พิชิตภัยพิบัติ ประกอบด้วย นิทรรศการ “Plearn Science Explorer” และ “นิทรรศการแผ่นดินไหว” รวมถึงกิจกรรมเกี่ยวกับ PM 2.5 เช่น การสาธิตฝุ่นในฤดูหนาว ฐานกิจกรรมมุมนักประดิษฐ์ “สูงท้าสั่น”ทดสอบความคิดสร้างสรรค์ด้วยการประดิษฐ์สิ่งของที่ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน และกิจกรรม Hands-on Activity “บุหงารำไป”

กิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้ เพ ลา เพลิน จังหวัดบุรีรัมย์ และขอสงวนสิทธิ์สำหรับการจองล่วงหน้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 092-504-2565 LINE: @PlayLaPloen หรือคลิ๊ก https://lin.ee/jIufYzR Facebook: www.facebook.com/PlayLaPloen

20 สิงหาคม 2568

OMODA & JAECOO เปิดตัว JAECOO 5 EV

รถไฟฟ้าพรีเมียมที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และน้อง ๆ สี่ขา

กรุงเทพฯ 19 สิงหาคม 2568 – OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก เปิดตัว "JAECOO 5 EV" ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและรักการใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ พร้อมรองรับสำหรับสัตว์เลี้ยงแสนรัก ในราคาเริ่มต้นที่ 629,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Dynamic และเริ่มต้นที่ 679,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Max

พิเศษสำหรับลูกค้า JAECOO 5 EV 1,000 ท่านแรก ที่จองและรับภายใน 30 กันยายน 2568 รับข้อเสนอสุดพิเศษ ราคาเริ่มต้นที่ 549,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Dynamic และราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Max

คุณบิล จาง ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ โอโมดา แอนด์ เจคู บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าวว่า “JAECOO 5 EV ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการผจญภัย ครอบครัวที่รักการท่องเที่ยว หรือคนรักสัตว์เลี้ยงที่ต้องการพาสมาชิกตัวน้อยร่วมเดินทางไปด้วยกัน เราใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อให้ JAECOO 5 EV เป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่ทำให้ทุกการเดินทางมีความหมายมากขึ้น”

ชีวิตสุดสนุกในทุกวัน JAECOO 5 EV ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือการออกทริปสุดสนุกในวันหยุด ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมระบบความบันเทิงครบครัน รวมถึงโหมดคาราโอเกะในรถที่จะเปลี่ยนการเดินทางให้เป็นปาร์ตี้เคลื่อนที่สุดมันส์กับเพื่อน ๆ


JAECOO 5 EV มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ได้แก่ JAECOO 5 EV Long Range Max และ JAECOO 5 EV Long Range Dynamic โดยรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Max โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในด้วยเบาะหนังสังเคราะห์พรีเมียม เบาะปรับไฟฟ้า หน้าจอสัมผัสขนาด 13.2 นิ้ว พร้อมไฟเรืองแสงปรับได้ 64 สี ที่ช่วยสร้างบรรยากาศการเดินทางให้สมบูรณ์แบบ มาพร้อมกล้องรอบคัน 540° หลังคาพาโนรามิค (Panoramic Fixed Glass Roof) ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1.45 ตร.ม. และประตูท้ายไฟฟ้าเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด โดยมีให้เลือกสีภายนอกถึง 5 สี และสีภายใน 2 สี (ขึ้นอยู่กับ combination ของแต่ละสีรถภายนอก) ส่วนรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Dynamic ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ด้วยเบาะผ้าที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและทันสมัย ตรงใจกลุ่มผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการออกแบบที่ทันสมัยและมีสไตล์ หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว กล้องรอบคัน 360° พร้อมมีมาให้เลือกสีภายนอก 3 สี

น้อง ๆ สี่ขาก็เที่ยวได้ สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง JAECOO 5 EV ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษด้วยวัสดุหุ้มเบาะที่ทนทานต่อรอยข่วน ทำความสะอาดง่าย พร้อมจุดยึด ISOFIX สำหรับติดตั้งที่นั่งสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ให้พาน้องหมา น้องแมวไปเที่ยวได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นทริปพาน้องไปอาบน้ำ หรือพักผ่อนริมทะเลในวันหยุด

ห้องเก็บของใหญ่จุใจ พร้อมลุยทุกทริป พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการแพ็กอุปกรณ์แคมปิง บอร์ดเล่นเซิร์ฟ หรือจักรยาน สำหรับทริปท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ หรือจะใช้ขนของช็อปปิงก็สะดวกสบาย

JAECOO 5 EV ยังมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ให้ระยะวิ่งไกลถึง 461 กิโลเมตร มาพร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS 19 ฟังก์ชัน และโครงสร้างตัวถังที่ใช้เหล็กกำลังสูงถึง 77% เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร


พิเศษสำหรับลูกค้า JAECOO 5 EV 1,000 ท่านแรก ที่จองและรับภายใน 30 กันยายน 2568 รับข้อเสนอสุดพิเศษ ราคาเริ่มต้นที่ 549,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Dynamic และราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาท สำหรับรุ่น JAECOO 5 EV Long Range Max รับฟรี WALL CHARGE พร้อมติดตั้ง ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.78% รวมถึงการรับประกันตัวรถ 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร และรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร* นอกจากนี้ ลูกค้าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการขาย ด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง (โทร 02-0208888 กด 1) ฟรี นาน 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ครอบคลุมทั่วประเทศไทย พร้อมศูนย์บริการมาตรฐานที่พร้อมดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร



สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ JAECOO 5 EV ได้แล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ OMODA & JAECOO ทั่วประเทศ เงื่อนไขต่าง ๆ ข้อกำหนดทั้งหมด และรายละเอียดโปรโมชันเพิ่มเติม

สามารถดูได้บนเว็บไซต์ www.omodajaecoo.co.th/th








กรมการท่องเที่ยวปั้นเครือข่ายต้านค้ามนุษย์ “รู้เท่าทัน สังเกตได้ ช่วยได้ ไม่เพิกเฉย”

กรมการท่องเที่ยวปั้นเครือข่ายต้านค้ามนุษย์ “รู้เท่าทัน สังเกตได้ ช่วยได้ ไม่เพิกเฉย” ยกระดับความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมาย

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยวได้รับทุนอุดหนุนเพื่อการวิจัยจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อดำเนินโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและปราศจากการค้ามนุษย์ โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อป้องกันและต่อต้านการค้ามนุษย์ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และยกระดับภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย 



โครงการนี้กรมการท่องเที่ยวได้ออกแบบและพัฒนาหลักสูตรอบรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและปราศจากการค้ามนุษย์ “รู้เท่าทัน สังเกตได้ ช่วยได้ ไม่เพิกเฉย” โดยครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะรูปแบบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ จริยธรรมและสิทธิมนุษยชน วิธีสังเกตพฤติกรรมและสัญญาณเตือน ตลอดจนขั้นตอนการรายงานเหตุ ให้แก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ผู้ให้บริการ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ไม่น้อยกว่า 400 คน ใน 6 พื้นที่ท่องเที่ยวเป้าหมาย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี อุดรธานี สงขลา และภูเก็ต เพื่อสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Goals : STGs) โดยเฉพาะในประเด็นการขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก รวมถึงการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ผ่านมากรมการท่องเที่ยวได้จัดอบรมไปแล้ว 5 ครั้ง ในจังหวัดเชียงใหม่ ชลบุรี สงขลา ภูเก็ต และอุดรธานี และจะจัดการอบรมครั้งถัดไป ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของโครงการ ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร



“การค้ามนุษย์เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในทุกมิติ หากสามารถป้องกันได้อย่างมีระบบ จะช่วยรักษาภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” นายจาตุรนต์ กล่าวทิ้งท้าย

19 สิงหาคม 2568

เที่ยวอุตรดิตถ์ เมืองลับแล ที่น่าไปแลแบบไม่ลับ กับ ชสท.

ทริปนี้ สุขทันที....ที่เที่ยวอุตรดิตถ์ Grand Moment Uttaradit 

อยู่ในที่ที่ใช่ ในจังหวะที่ลงตัว เที่ยวเมืองลับแล ยามตะวันลับฟ้าเที่ยวอุตรดิตถ์ เมืองลับแล ที่น่าไปแลแบบไม่ลับ อุตรดิตถ์มีความหมายว่าเมืองท่าแห่ง ทิศเหนือและก่อนจะมาเป็นเมืองท่าสำคัญ แต่เดิมอุตรดิตถ์เคยเป็นเมืองในปกครองของเมืองพิชัยอันเป็นเมืองเก่าแก่ ปรากฏชุมชนอาศัยมาตั้งแต่สมัยโบราณ

ทริป สุขทันที... ที่เที่ยวอุตรดิตถ์ ขบวนรถไฟ ถึงจุดหมายปลายทาง ณ สถานีศิลาอาสน์ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์  ชสท. เปลี่ยนเป็นรถตู้ VIP ปรับอากาศ เดินทางไปยัง จุดหมายแรก พิพิธภัณฑ์บ้านกนกมณี      


เริ่มต้นการเดินทางตามโปรแกรมจุดแรกเมื่อถึงยังเที่ยวอุตรดิตถ์ เมืองลับแล ที่น่าไปแลแบบไม่ลับจุดหมายแรกของทริป พิพิธภัณฑ์ บ้านกนกมณี ขนมอร่อยประจำจังหวัดอุตรดิตถ์

เที่ยวอุตรดิตถ์ เมืองลับแล ที่น่าไปแลแบบไม่ลับอุตรดิตถ์มีความหมายว่าเมืองท่าแห่ง   ทิศเหนือและก่อนจะมาเป็นเมืองท่าสำคัญ อุตรดิตถ์เคยเป็นเมืองในปกครองของเมืองพิชัยอันเป็นเมืองเก่าแก่ ปรากฏชุมชนอาศัยมาตั้งแต่สมัยโบราณ


เปิดทริป.. #สุขทันทีที่เที่ยวอุตรดิตถ์ กับ ชสท. โดย คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรม.ช.ส.ท.  พร้อม นำคณะ นทท.วัยเก๋า สืีอมวลชนและสมาชิกชมรมกว่า 90 ท่าน ท่องเที่ยว เมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์ ภายใต้ชื่อกิจกรรมสุขทันที...ที่เที่ยวอุตรดิตถ์



บ้านกนกมณี เป็นบ้านของอำมาตย์โท พระยาอัธยาศัยวิสุทธิ์(โชติ กนกมณี) ต้นตระกูลกนกมณี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ (พ.ศ.2474 - 2476) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2476

อำมาตย์โท พระยาอัธยาศัยวิสุทธิ์(โชติ กนกมณี) เกิดที่บ้านคลองผดุงกรุงเกษมฝั่งเหนือ ตำบลคลองผดุง อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร สมรสกับภรรยาคนแรก มีบุตร ธิดา 2 คน และสมรสกับคุณหญิงแข อัธยาศัยวิสุทธิ์ มีบุตร-ธิดารวม 11 คน ท่านรับราชการ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยและ จังหวัดอุตรดิตถ์ ตามลำดับหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475 ท่านได้ลาออกจากราชการ จึงต้องย้ายครอบครัวออกจาก จวนผู้ว่าราชการจังหวัดฯ แต่ด้วยมีความรักและผูกพันกับจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงดำริที่จะใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ที่จังหวัดนี้ 



โดยซื้อที่ดิน จำนวน 5 ไร่ ที่ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง ในราคา 800 บาท ปลูกเรือน 3 หลัง เป็นเรือนไทยประยุกต์ สร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง มีชานเชื่อมต่อกันทุกหลังเพื่อให้ลูกๆ และบริวารอยู่อาศัย

ชมบ้านเก่าอายุ 90 ปี ของสะสม ของใช้ในอดีตที่หาดูได้ยาก และเรื่องราวที่มาของ "ขนมเทียนเสวยบ้านกนกมณี" Afternoon Tea แกล้มกับขนมไทยโบราณ ขนมเทียนเสวย เป็นขนมไทยโบราณ คิดขึ้นโดย คุณชิดดวง กนกมณี บุตรีอดีตเจ้าเมืองอุตรดิตถ์




โดยซื้อที่ดิน จำนวน 5 ไร่ ที่ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง ในราคา 800 บาท ปลูกเรือน 3 หลัง เป็นเรือนไทยประยุกต์ สร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง มีชานเชื่อมต่อกันทุกหลังเพื่อให้ลูกๆ และบริวารอยู่อาศัย

ชมบ้านเก่าอายุ 90 ปี ของสะสม ของใช้ในอดีตที่หาดูได้ยาก และเรื่องราวที่มาของ "ขนมเทียนเสวยบ้านกนกมณี" Afternoon Tea แกล้มกับขนมไทยโบราณ ขนมเทียนเสวย เป็นขนมไทยโบราณ คิดขึ้นโดย คุณชิดดวง กนกมณี บุตรีอดีตเจ้าเมืองอุตรดิตถ์



⛅️: พิพิธภัณฑ์ บ้านกนกมณี
🍴: สอนวิธีการทำขนมเทียนเสวย
☎:  081 924 0934
⏰: เปิด 07.00-19.00 น.
📍: ถ.บรมอาสน์ อ.เมืองอุตรดิตถ์

ทีม ชสท. เข้าพักยังโรงแรมสีหราช

มาพักที่ โรงแรมสีหราช อุตรดิตถ์… อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
ที่นี่ใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อให้ทุกช่วงเวลาของคุณเต็มไปด้วยความสุข และความผ่อนคลาย

ผ่อนคลายในสระเกลือกลางแจ้ง! น้ำใสสะอาด เหมาะสำหรับการพักผ่อนยามบ่ายออกกำลังกายที่ “สีหราชฟิตเนส” พร้อมเครื่องออกกำลังกาย*ทันสมัยครบครันเพลิดเพลินกับคลาสแอโรบิค*ยามเย็น เติมพลังและสุขภาพที่ดี อบซาวน่า เพื่อคลายความเมื่อยล้า และคืนความสดชื่นให้ร่างกาย

เริ่มต้นวันใหม่ด้วย American Breakfast Buffet* อาหารเช้าจัดเต็ม เสิร์ฟด้วยรอยยิ้มและความใส่ใจพักที่นี่…ไม่เพียงแค่ “พักผ่อน” แต่คือการได้กลับบ้านอีกครั้ง

โรงแรมสีหราช จังหวัดอุตรดิตถ์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร 089 4616339
☎ 055-832790

กดลิงค์ : m.me/seeharajhotel

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/bQU7R8BwHmZHQ8sn9

Email : seeharajhotel@hotmail.com  www.seeharajhotel.com


วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง 
วัดบรมธาตุ หรือ วัดทุ่งยั้ง กรมศิลปกรประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม  พ.ศ. 2478  สร้างขึ้นในสมัยของกรุงสุโขทัยตอนปลาย สมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 หรือ พระยาลิไท


วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง วัดสำคัญประจำเมืองทุ่งยั้ง ใน อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ว่ากันว่าน่าจะสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยของกรุงสุโขทัยตอนปลาย ช่วงสมัย สมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 หรือ พระยาลิไทย นั่นเอง ซึ่งชาวบ้านทั่วไปจะเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดบรมธาตุ แต่ส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า วัดทุ่งยั้ง มากกว่า อีกทั้งกรมศิลปกรยังได้มีการประกาศขึ้นทะเบียนให้วัด เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ในปี พ.ศ. 2478 อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์

วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง อุตรดิตถ์
ที่อยู่ : 33/5 หมู่ที่ 3 บ้านทุ่งยั้ง ถนนอุตรดิตถ์-ลับแล ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
พิกัด : https://goo.gl/maps/Ykm5yzhHV3Ap64XF7  

เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.30 น.

วัดกลางธรรมสาคร (วัดกลาง) อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ 
นมัสการพระพุทธพิชัยไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) องค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดอุตรดิตถ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 15 เมตร สูง 25 เมตร เฉพาะพระเกศเปลวเพลิงหนัก 1 ตัน พระอุโบสถหลังเก่านี้ 


สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่สามด้าน ลายปูนปั้นที่ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์และตัวเหรา รวมทั้งที่ซุ้มหน้าต่างประตูมีความวิจิตรงดงามอย่างยิ่ง หน้าบันเป็นไม้จำหลักรูปครุฑจับนาค มีตราพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประดิษฐานอยู่ท่ามกลางลายเครือเถาก้านขด มีเทพนมอยู่เป็นระยะ มีรูปสัตว์สอดแทรกอยู่ตามลายเครือเถาที่เกี่ยวพันกันไปอย่างต่อเนื่อง หน้าต่างอุโบสถประดับกระจกลวดลายละเอียดงดงาม ซึ่งรวมถึงลวดลายปูนปั้นต่างๆที่มีรายละเอียดที่น่าสนใจมากกว่าวัดที่ผ่านมาในจ.อุตรดิตถ์ที่ใด้ลงให้ชมกันงานแกะสลักไม้ที่หน้าบัน รวงผึ้งและสาหร่ายรวงผึ้ง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ไปจนถึงงานปูนปั้นประดับกระจกที่ซุ้มประตู ซุ้มหน้าต่าง รวมถึงบานประตูและหน้าต่าง ที่ล้วนงดงามและอ่อนช้อย



ชมพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น วัดกลางในอดีตเคยเป็นท่าจอดเรือ วัดกลาง ท่าเรือ  เป็นวัดเก่าแก่ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาราวปี พ.ศ. 2010 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลังเมื่อ พ.ศ. 2504  เดิมนั้นชื่อว่า “วัดมณฑปทอง” เพราะมีมณฑปทองที่ครอบรอยพระพุทธบาท  แต่ประชาชนนิยมเรียกว่า “วัดกลาง”" เพราะที่ตั้งวัดอยู่กลางชุมชน สร้างขึ้นเป็นวัดแรกในท้องถิ่น  เดิมมีอุโบสถหลังเก่าภายในประดิษฐานพระพุทธรูปที่ยังคงความงดงามเป็นศิลปะสมัยอยุธยา    

วัดแห่งนี้มีวิหารอดีตเจ้าอาวาสที่ชาวบ้านเคารพนับถือกันอย่างมาก  คือ พระครูประสาธน์วิทยาคม หรือ หลวงพ่อนอ จันทสโร เป็นพระนักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่  เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม วัดแห่งนี้ยังได้เก็บรักษา เจดีย์ทรงระฆังสันนิษฐานว่าถูกสร้างจำลองจาก  พระจุฬามณีเจดีย์ และยังมีศิลาสีเขียว  2 แผ่นใหญ่  ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าทรงธรรมในสมัยกรุงศรีอยุธยา 



เส้นทาง :วัดกลางธรรมสาคร (วัดกลาง) อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ 
https://maps.app.goo.gl/X6rwgcqyipnJGL4o6


ร้านลานโพธิ์ : Lan Pho Cafe'
ร้านอาหารอุตรดิตถ์ บรรยากาศดีล้อมรอบด้วยต้นไม้ และกาแฟสด

ร้านอาหารไทยสไตล์บ้านกลางสวนในจังหวัดอุตรดิตถ์ รายล้อมไปด้วยสวนธรรมชาติ บ่อน้ำ และมุมสวย บรรยากาศร่มรื่น เหมาะสำหรับเดินเล่นและถ่ายรูปม าพร้อมกับอาหารไทยหลากหลายเมนู ทั้งเมนูยอดนิยมและเมนูที่หาทานได้ยาก เมนู และอื่น ๆ อีกมากมาย



ร้านอาหารอุตรดิตถ์ บรรยากาศดีล้อมรอบด้วยต้นไม้มีกาแฟสด อาหารทั้งไทยเทศรอให้บริการทุกท่านอยู่
เปิดบริการเวลา 09:00-21:00น ร้านหยุดทุกวันอังคารยกเว้นอังคารนักขัตฤกษ์
บอกเลยว่า…ไม่อร่อยให้มันรู้ไป 


ลานโพธิ์-อุตรดิตถ์ โทร. 055 816888


ณ สวนดีพิชัย  ตำบลคอรุม

ล่องเรือ - ชม​ ชิม​ฝรั่งกิมจู​  กรอบ​ หวาน​ อร่อย​ ไร้สารอินทรีย์​ เก็บ​ทาน​ด้วยเอง
มาเปิดประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวนฝรั่งล่องเรือชมสวน “ณ สวนฟุ้งขจร” จังหวัดปทุมธานี แหล่งท่องเที่ยวที่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุด ๆ ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้วิถีเกษตรตามแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ ไปเก็บผักปลอดสาร


ล่องเรือชมสวนฝรั่งกิมจูและเก็บผลผลิตสดๆ ฝรั่งแดงกิมจูลูกผสม มีชื่อวิทยาศาสตร์และมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับต้นฝรั่งทั่วไปเกือบทุกอย่างคือ เป็นไม้ยืนต้น จากต้น ณ สวนดีพิชัย  ตำบลคอรุม พร้อมรับฟัง คำบรรยายให้ข้อมูลความเป็นมาของสวน การทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน โดย คุณลุงสายฝน เกิดแก้ว (เจ้าของสวน)



สวนฝรั่งกิมจูหรือสวนดีพิชัย เป็นสวนของ นายสายฝน เกิดแก้ว เกษตรกรที่ปรับประยุกต์แนวทางการปลูกฝรั่งกิมจู และกล้วยไข่ 

ที่มีการขุดร่องน้ำเพื่อให้รากของต้นไม้ได้ดูดน้ำอย่างเต็มที่
โทร. 063 668 5123

สถานีรถไฟชุมทางบ้านดารา
มาเที่ยว อุตรดิตถ์ ชมสะพานที่มีชื่อว่า สะพานปรมินทร์ ที่เที่ยวอุตรดิตถ์ พิกัดสวมาถ่ายรูปเช็คอิน สะพานปรมินทร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ บ้านดารา อำเภอพิชัย เป็นสะพานเหล็กของการรถไฟที่มีความยาวมากที่สุดในภาคเหนือ และเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญในการข้ามแม่น้ำน่านของ จังหวัดอุตรดิตถ์ อีกด้วย 

โดยได้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 5 พระราชทานนามสะพานแห่งนี้ว่า สะพานปรมินทร์ ะพานนี้ก่อสร้างโดยช่างชาวเยอรมัน ในช่วงปี ร.ศ.125 หรือประมาณ พ.ศ.2449 มีการเปิดสะพานใช้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ในปี พ.ศ.2452 นับว่าเป็นสะพานที่มีความสวยงามและมั่นคง แข็งแรงอย่างมากจนถึงปัจจุบัน

ที่อยู่ : ตำบลบ้านดารา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
พิกัด : https://goo.gl/maps/9ygetmBrLMrC7U6MA  

เปิดให้เข้าชม : สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งวัน

บ้านดารา
ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านดารา ตําบลบ้านดารา อําเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นใหม่ หลังจากมีสถานีรถไฟบ้านดารา มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ สถานีรถไฟบ้านดารา ตำบลบ้านดารา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นใหม่ หลังจากมีสถานีรถไฟบ้านดารา มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ สถานีรถไฟบ้านดารา อยู่ที่บ้านดารา 

สักการะท่านพ่อพระยาพิชัยดาบหัก ณ วัดเอกา

วัดเอกา ตำนานพื้นที่สมรภูมิรบประวัติศาสตร์ของชาติไทยสมัยพระยาพิชัยดาบหัก เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ซึ่งพระยาพิชัยได้สู้รบกับข้าศึกจนดาบหัก วัดเอกาเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นวัดที่ปรากฏตามหลักฐานเอกสารทางประวัติศาสตร์ว่าเป็นสถานที่ที่พระยาพิชัยดาบหักได้ทำดาบหักระหว่างสู้รบกับพม่าที่นี่ ร่องรอยที่ทำให้เห็นเหตุการณ์ในคราวนั้นปรากฏเป็นตัวอักษรบนป้ายหน้ารูปปั้นของพระยาพิชัยดาบหัก




“วัดเอกา” ตำนานพื้นที่สมรภูมิรบประวัติศาสตร์ของชาติไทยสมัยพระยาพิชัยดาบหัก เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ซึ่งพระยาพิชัยได้สู้รบกับข้าศึกจนดาบหัก วัดเอกาเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชุมชนท้องถิ่น หมู่1 ตำบลคอรุม อำเภออำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เพราะเป็นวัดที่ปรากฏตามหลักฐานเอกสารทางประวัติศาสตร์ว่าเป็นสถานที่ที่พระยาพิชัยดาบหักได้ทำดาบหักระหว่างสู้รบกับพม่าที่นี่ ร่องรอยที่ทำให้เห็นเหตุการณ์ในคราวนั้นปรากฏเป็นตัวอักษรบนป้ายหน้ารูปปั้นของพระยาพิชัยดาบหัก


เมื่อวันแรมเจ็ดค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง ซึ่งตรงกับวันที่ 7 มกราคม 2316 เป็นวันคล้ายวันที่ "พระยาพิชัย" ได้ต่อสู้กับกองทัพพม่าจนดาบหัก ณ สมรภูมิบริเวณวัดเอกา จึงได้รับสมญานามว่า ''พระยาพิชัยดาบหัก'' งานพระยาพิชัยดาบหักและงานกาชาดที่จัดขึ้นเริ่มต้นวันนี้ ก็มีจุดประสงค์เพื่อเชิดชูวีรกรรมของพระยาพิชัยดาบหัก วีรบุรุษของชาติไทยและเป็นทหารเอกคู่พระทัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ได้สร้างวีรกรรมต่อสู้กับข้าศึกผู้รุกรานแผ่นดินไทยอย่างองอาจกล้าหาญ จนได้รับการยกย่องเชิดชูสืบต่อกันมาอย่างยาวนานเป็นที่ภาคภูมิใจของชาว จังหวัดอุตรดิตถ์



วัดเอกาอยู่ติดถนนสายอุตรดิตถ์-พิชัย-พรหมพิราม ทางหลวงหมายเลข 117 (ก่อนถึงแยกเข้าอำเภอพิชัย) บริเวณวัดมีอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักให้ได้สักการะ 

สะพานรวงผี้ง  บ้านปางต้นผึ้ง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ 

สะพานกลับหัว หนึ่งเดียวในสยาม สร้างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คาดว่าญี่ปุ่นใช้ลำเลียงอาวุธ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุหากโครงสร้างอยู่ด้านบน รูปร่างคล้ายรังหรือรวงผึ้ง ปัจจุบัน ยังใช้งานอยู่ มีรถไฟวิ่งผ่าน



สะพานนี้ได้รับการซ่อมแซมเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลังฝ่ายพันธมิตรโจมตีทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟ สะพานที่คาดว่าญี่ปุ่นใช้ลำเลียงอาวุธ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุ หากโครงสร้างอยู่ด้านบนสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายจากเครื่องบิน จึงทำโครงสร้างไว้ด้านล่าง ซึ่งเป็นไปตามหลักวิศวกรรม เมื่อมองจากทางอากาศจะเห็นเหมือนทางรถไฟทั่วไป ไม่เห็นเป็นสะพาน ปัจจุบันสะพานนี้ยังใช้งานอยู่ 


ซุ้มประตูกาลเวลาเมืองลับแล “เที่ยวเมืองลับแล ยามตะวันลับฟ้า” ณ ซุ้มประตูกาลเวลาเมืองลับ

อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก 
แลนด์มาร์กที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ ทหารเอกพระเจ้าตากสินมหาราช ขุนนางในสมัยอยุธยาตอนปลายและธนบุรี ทหารเอก คู่พระทัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และเป็นผู้มีส่วนกอบกู้เอกราชของชาติไทยหลังการเสีย หลังการเสียกรุงศรีอยุธยา
ครั้งที่ 2

สักการะพระแท่นศิลาอาสน์ ณ วัดพระแท่นศิลาอาสน์ พระอารามหลวง วัดพระแท่นศิลาอาสน์ ตั้งอยู่ที่บนเนินเขาเต่า หรือเขาทอง บ้านพระแท่น ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล  มีความเชื่อว่าการได้มาสักการะบูชาพระแท่นศิลาอาสน์ จะได้รับอานิสงส์สูงสุด พุทธศาสนิกชนผู้มีความศรัทธา จะตั้งใจมานมัสการให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต พระแท่นศิลาอาสน์ เป็นศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ฐานของพระแท่นโดยรอบประดับด้วยลายกลีบบัว มีตำนานว่า พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์เคยเสด็จ มาจำศีลบำเพ็ญพุทธบารมี ณ ที่แห่งนี้ 

📍พิกัด : https://g.co/kgs/SHaRLxE



เรือนตักเงิน (เริอนตักเงิน) สาขา 1 อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ 

บ้านตักเงิน ร้านอาหารตักเงินเป็นร้านเล็กๆห้องแอร์​แต่รสชาติอาหารนี่ไม่ธรรมดา เปิดมาแล้ว ๒๘ ปี อาหารไทย -ผัดสามเหม็น (สะตอ+ชะอม+กระเทียมโทน+กุ้งสด) -น้ำพริกปลาร้าสับ ผักต้ม -ข้าวโพดทอด -ปอเปี๊ยะทอด -แหนมเนือง 


ร้านอาหารบ้านตักเงิน
ที่อยู่ : 27/2 ต.บ้านเกาะ อ.เมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ 53000
โทรศัพท์ : 055441345 , 0812833063
ร้านอาหาร บ้านตักเงิน ร้านนั่งสบายๆ ไม่อึดอัด บรรยากาสดี




ส่งตะวันลับฟ้า ที่ สะพานเฉลิมพระเกียรติพระบรมราชินีนาถ 

เขื่อนสิริกิติ์ อำเภอท่าปลา  ชมบรรยากาศบริเวณเหนือเขื่อนสิริกิติ์จะเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ มีวิวทิวทัศน์ที่งดงาม #เขื่อนสิริกิติ์ อำเภอท่าปลา  ชมบรรยากาศบริเวณเหนือเขื่อนสิริกิติ์จะเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ มีวิวทิวทัศน์ที่งดงามส่งตะวันลับฟ้า ที่ สะพานเฉลิมพระเกียรติพระบรมราชินีนาถ


เขื่อนสิริกิติ์ เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก่อสร้างขึ้นตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่าน เดิมชื่อ"เขื่อนผาซ่อม" ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถขนานนามว่า "เขื่อนสิริกิติ์" เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2511 ซึ่งก่อสร้างขึ้นปิดกั้นแม่น้ำน่าน ณ บริเวณเขาผาซ่อม ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ก่อสร้างโดยกรมชลประทาน เมื่อ ปี 2506 แล้วเสร็จในปี 2515 ลักษณะของเขื่อนเป็นเขื่อนดิน แกนกลางเป็นดินเหนียว  สันเขื่อนสูง 133.60 เมตร ยาว 810 เมตร กว้าง 12 เมตร อ่างเก็บน้ำสามารถเก็บกักน้ำได้ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุของอ่างมากเป็นที่สามรองจากเขื่อนศรีนครินทร์ และ เขื่อนภูมิพล ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รวม 4 เครื่อง กำลังผลิตเครื่องละ 125,000 กิโลวัตต์ รวมกำลังผลิต 500,000 กิโลวัตต์ ให้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 1,255 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง อยู่ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 58 กิโลเมตร  

สามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำเขื่อนสิริกิติ์
ได้ที่ https://skdam.egat.co.th/index.php/water-data

บ้านพักรับรอง เขื่อนสิริกิติ์

พักที่เรือนนกกนะจอก มาเขื่อนสิริกิติ์รอบนี้ประทับใจที่สุด ที่พักสะอาด อาหารอร่อยบริการเยี่ยม บ้านพักรับรองเขื่อนสิริกิติ์  ที่นี่ เขื่อนสิริกิติ์ ระเบียงน่าน เขื่อนสิริกิติ์ บ้านพักรับรอง เขื่อนสิริกิติ์ 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมหรือจองห้องพัก  โทร.089 9616573

ณ โรงคั่วกาแฟ  ร้านลมเย็น อำเภอเมือง อุตรดิตถ์กาแฟดี กาแฟอร่อย ต้องกาแฟลมเย็น ร้านกาแฟที่จำหน่ายกาแฟสดระดับพรีเมี่ยม พร้อมบาริสต้าฝีมือการันตีด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี พร้อมกันนั้นยังจำหน่ายของฝาก/ที่ระลึก

โรงคั่วกาแฟลมเย็น โรงคั่วกาแฟพรีเมี่ยมคุณภาพสูง Lomyen Coffee Roasters  ที่ที่เมล็ดกาแฟทุกเมล็ดกลายเป็นความพิเศษ กาแฟคั่วระดับมืออาชีพ จาก “Lomyen Coffee Roasters” โรงคั่วกาแฟลมเย็นดื่มด่ำทุกอณูความหอม…เพราะทุกเมล็ดกาแฟ…คือหัวใจของเรา 



โรงคั่วกาแฟพรีเมี่ยมคุณภาพสูง มั่นใจได้ถึงคุณภาพ 💯% คั่วที่นี้ ชงที่นี้ ดื่มที่นี้! แล้วมาค้นพบกาแฟที่เป็น ‘รสนิยม’ดื่มด่ำทุกอณูความหอม…กาแฟคั่วระดับมืออาชีพ จาก “Lomyen Coffee Roasters” โรงคั่วกาแฟลมเย็น

Line id : @huanlomyen

Tiktok  : huanlomyenuttaradit
Facebook page : lomyencoffeeroasters
Tel : 099-635-5141, 065-526-2956

พิกัดสวย สะพานเก่าแก่ ข้ามแม่น้ำน่านในอดีต สะพานปรมินทร์ ที่เที่ยวอุตรดิตถ์ 
สะพานปรมินทร์ หรือที่เรียกกันว่า สะพานบ้านดารา อยู่ในพื้นที่ของ ตำบลบ้านดารา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำน่าน และอยู่ใต้สถานีรถไฟชุมทางบ้านดาราอีกทีค่ะ ซึ่งสะพานนี้ก่อสร้างโดยช่างชาวเยอรมัน ในช่วงปี ร.ศ.125 หรือประมาณ พ.ศ.2449 มีการเปิดสะพานใช้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ในปี พ.ศ.2452 นับว่าเป็นสะพานที่มีความสวยงามและมั่นคง แข็งแรงอย่างมากแห่งหนึ่ง 


นับว่าเป็นสะพานเหล็กของการรถไฟที่มีความยาวมากที่สุดในภาคเหนือ และเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญในการข้ามแม่น้ำน่านของ จังหวัดอุตรดิตถ์ อีกด้วย โดยได้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 5 พระราชทานนามสะพานแห่งนี้ว่า สะพานปรมินทร์ นั่นเองค่ะ ใครชอบเที่ยวชมสะพานเก่าแก่ในประวัติศาสตร์ ก็สามารถเดินทางมาชมสะพานนี้

     


โดยได้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 5 พระราชทานนามสะพานแห่งนี้ว่า สะพานปรมินทร์ ะพานนี้ก่อสร้างโดยช่างชาวเยอรมัน ในช่วงปี ร.ศ.125 หรือประมาณ พ.ศ.2449 มีการเปิดสะพานใช้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ในปี พ.ศ.2452 นับว่าเป็นสะพานที่มีความสวยงามและมั่นคง แข็งแรงอย่างมากจนถึงปัจจุบัน

"บ้านดารา" ตำบลแห่งนี้อยู่ริมแม่น้ำน่าน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จทางรถไฟมาถึงตำบลนี้ ขณะนั้นยังไม่มีชื่อสถานี และจุดนี้ก็เป็นจุดพักเติมน้ำรถจักรไอน้ำ พระองค์ท่านจึงพระราชทานนามว่า "บ้านดารา" ซึ่งดาราที่ว่านี้คือพระนามของ "พระราชชายาดารารัศมี" หนึ่งในพระมเหสีเอก พระราชธิดาของ พระเจ้าอินทวิชยานนท์ และเจ้าทิพเกสร แห่งนครเชียงใหม่ ซึ่งทางรถไฟสายนี้ต่อมาได้สิ้นสุดที่เชียงใหม่ อันเป็นสถานที่ประสูติของพระชายาดารารัศมี 


วัดพระฝาง
วัดพระฝาง หรือชื่อเต็มว่า วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ วัดสวยเก่าแก่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย โดยพบหลักฐานตามทะเบียนวัดระบุว่า สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.1700 ซึ่งเป็นก่อนสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชค่ะ ทำให้นอกจากที่นี่จะเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแล้ว ยังเป็นโบราณสถานศูนย์กลางเมืองฝางสวางคบุรีแห่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่อีกด้วย มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เยี่ยมชมวัดเก่าแก่สมัยสุโขทัย และเรียนรู้ประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเมืองฝางในอดีต ณ วัดพระฝาง อุตรดิตถ์โดยมี สมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ ททท. พร้อมด้วย นางสาวภัททิรา คำอภิวงศ์ รอง ผอ. ททท. สำนักงานแพร่ ศูนย์ประสานงานจังหวัดอุตรดิตถ์ ทีมททท.ภาคเหนือ ให้เกียรติมาร่วมกิจกรรม




อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่  อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ หรือชื่อเดิม อุทยานแห่งชาติคลองตรอน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ชมต้น "มเหสักข์" ต้นสักยักษ์ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสักใหญ่ที่สุดในโลก อายุกว่า 1,500 ปี ตั้งตระหง่านในอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นสมบัติล้ำค่าทางธรรมชาติที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก


ต้นสักใหญ่ อายุประมาณ 1500 ปี อยู่ในอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ อุตรดิตถ์ …ถูกพบเมื่อประมาณปี 2470 เป็นต้นสักที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันยืนต้นสูง 47 เมตร เดินศึกษาธรรมชาติกันเต็มอิ่มที่ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 บ้านปางเกลือ ตำบลน้ำไคร้ อำเภอน้ำปาดการเดินทาง จากอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ถึงสามแยกบ้านป่าขนุนมาตามทางหลวงหมายเลข 1047 ถ้ามาในช่วงต้นฤดูหนาว เส้นทางนี้จะเต็มไปด้วยผืนป่าจะเปลี่ยนสีงดงามมาก จากนั้นผ่านทางเข้าอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่



อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ : Ton Sak Yai
สถานที่ติดต่อ : หมู่ 3 ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ 53110
ที่อยู่ : ตำบลบ้านดารา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์

พิกัด : https://goo.gl/maps/9ygetmBrLMrC7U6MA  

เปิดให้เข้าชม : สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งวัน


สถานีรถไฟศิลาอาสน์ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ 
เดินทางกลับโดยรถไฟ ขบวนที่ 8 (ด่วนพิเศษ) เส้นทางศิลาอาสน์ – สถานี   กรุงเทพอภิวัฒน์  (ถึงจุดหมายปลายทางตามกำหนดการเดินรถ เวลา18.55 น.) 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0 5541 1311 หรือ Call Center 1690





ร้านของฝากอุตรดิตถ์  ขวัญใจนักท่องเที่ยวและไม่ควรพลาด

1. ทุเรียนหลงลับแล - GI ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ผลผลิตออกช่วงเดือน เมษายน- กรกฎาคม

2. ข้าวแคบ ข้าวเกรียบว่าว อาหารทานเล่นของคนลับแลดั้งเดิม หากมาแล้วไม่ได้ถือว่ามาไม่ถึงลับแล และมีแบบอบกรอบ

3. ผ้าคลุมไหล่หมักโคลน - ผ้านุ่ม กลิ่นหอมธรรมชาติ เหมาะสำหรับซื้อไปเป็นของฝากให้กับผู้ใหญ่ 

4. ผ้าซิ่นตีนจกพาสเทล - ยอดนิยมในปัจจุบัน ที่มีการใช้สีที่ร่วมสมัย ถูกใจวัยรุ่น จะไปใส่เองเก๋ๆ หรือไปฝากคนสนิท พร้อมแพ็กเกจจิ้งสวยงาม

5. เสื้อยืดลับแล - ด้วยเอกลักษณ์ของเมืองลับแล และคำพูดที่ว่า "ลับแล ที่นี่ไม่พูดโกหก" ได้นำประโยคนี้ลงไปในเสื้อ เพื่อสื่อถึงเมืองแห่งสัจจาวาจา และยิ่งไปกว่านั้น ลายเส้นมินิมอล ที่สื่อถึงภูมิทัศน์เมืองลับแล เมืองที่ซึ่งอยู่ระหว่างหุบเขา ได้เป็นอย่างดี 

สำหรับใครที่มาเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ อย่าลืมซื้อของฝากอุตรดิตถ์ ที่สำคัญอยากให้มาเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ กันเยอะๆ เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารให้แวะเยอะมากๆ ยิ่งมาช่วงทุเรียนหลงลับแลบอกเลยว่าต้องลองดู แล้วพบกันใหม่ทริปต่อไปเร็วๆ นี้นะคะ



จัดโดย ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว แล้วพบกันใหม่ทริปต่อไปเร็วนี้นะคะ

#ชสท #ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว
#toptotrvel #ทททศูนย์ฯอุตรดิตถ์

#สุขทันทีที่เที่ยวอุตรดิตถ์

‎#ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว

‎#GrandMomentอุตรดิตถ์

‎#ท่องเที่ยวเมืองลับแล

‎#AmazingThailand

‎#SeasonOfNorth