18 กันยายน 2568

ชิลีฉลองสามวาระพิเศษในเดือนกันยายนที่กรุงเทพฯ

กรุงเทพฯ, 18 กันยายน 2568 — วันนี้ ชิลีเฉลิมฉลองวันชาติทั่วประเทศและทั่วโลก แต่ที่กรุงเทพฯ วาระแห่งการเฉลิมฉลองนี้จัดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพื่อให้สอดคล้องกับอีกสองวาระพิเศษของชิลีคือ การประชุมสุดยอดธุรกิจชิลี–อาเซียน 2025 และครบรอบ 10 ปีความตกลงการค้าเสรีชิลี–ไทย โดยบรรยากาศแห่งมิตรภาพ นวัตกรรมสร้างสรรค์และความร่วมมือส่งผ่านจากซันติอาโกถึงกรุงเทพฯ ตลอดเดือนกันยายน

ธงชาติชิลีโดดเด่นสง่างามอยู่บนอาคารประดับไฟที่พาร์คพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน หนึ่งในศูนย์การค้าสุดหรูของอาเซียน ขณะที่การประชุม Chile–ASEAN Business Summit 2025 ปิดฉากอย่างงดงามที่โรงแรม  ไฮแอท รีเจนซี สุขุมวิท ตลอดสามวันที่อัดแน่นไปด้วยการเสวนาระดับสูง การเจรจาจับคู่ธุรกิจ และการแสดงทางวัฒนธรรม ตอกย้ำบทบาทของชิลีในฐานะพันธมิตรที่มั่นคงของไทยและอาเซียน

การจัดงานนี้ดำเนินการโดย ProChile สำนักงานส่งเสริมการส่งออก ภายใต้กระทรวงการต่างประเทศชิลี โดยมีวาระพิเศษครบรอบ 10 ปี FTA ไทย–ชิลี ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญที่เกื้อหนุนให้การค้าระหว่างสองประเทศเติบโตอย่างชัดเจน และผลักดันให้ไทยเป็นประตูหลักของชิลีสู่ตลาดอาเซียน ในงาน มีบริษัทชิลีเข้าร่วมกว่า 20 ราย ครอบคลุมธุรกิจเกษตรและอาหาร อาหารทะเล ไวน์ ภาคบริการ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มีการจับคู่ธุรกิจกว่า 200 รอบกับคู่ค้าจากไทย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ยังมีการสัมมนา FTA การเยี่ยมชมกิจการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก และเทศกาลสินค้าจากชิลีในห้างค้าปลีกสำหรับผู้บริโภคโดยตรงในกรุงเทพฯ




นายออสการ์ อาริอากาดา ผู้แทนการค้าชิลีประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ในปี 2567 การส่งออกอาหารจากชิลีมาไทยมีมูลค่ากว่า 134 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีแซลมอนและเชอร์รีครองอันดับหนึ่ง ครึ่งปีแรกของปี 2568 การส่งออกแซลมอน เพิ่มขึ้น 35.6% และเชอร์รีเกือบ 60% กระแสตอบรับจากผู้บริโภคไทยดีเยี่ยม”

กิจกรรมไฮไลต์อื่นๆ ได้แก่ การสาธิตทำอาหารชิลีและงานกาลาดินเนอร์ การจัดงานชิมไวน์ ‘A Journey Through Chile’ เทศกาลสินค้าจากชิลีในกูร์เมต์มาร์เก็ต เอ็มควอเทียร์ และ GO! Wholesale รังสิต ตลอดจนการประดับไฟธงชาติชิลี ที่พาร์คพารากอน  นอกจากนี้ นักธุรกิจนานาชาติที่มาร่วมงานยังได้เยี่ยมชมกิจการที่เกี่ยวข้อง เช่น การบินไทยคาร์โก ศุลกากรลาดกระบัง และทรูดิจิทัลพาร์ค เพื่อกระชับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และพลังงานหมุนเวียน


การประชุมสุดยอดธุรกิจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การเข้าถึงตลาดอาเซียนของชิลี ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ในเวลาเดียวกัน ชิลีซึ่งมีความมั่นคงด้านการค้า
และการลงทุน ถือเป็นประตูสู่ ลาติน อเมริกาสำหรับอาเซียนด้วยเช่นกัน

นางซานอูเอซากล่าวสรุปว่า “ชิลีเข้ามาในอาเซียนไม่ใช่เพียงเพื่อการค้า แต่เพื่อสร้างความไว้วางใจ การแบ่งปันนวัตกรรม และการร่วมมือกันเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ชิลีใส่ใจในด้านคุณภาพ ความยั่งยืน และการสร้างพันธมิตรที่ยืนยาว”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น