15 ธันวาคม 2568

การประชุมวิชาการ 10th ABLS in AEC Symposium

เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมแพทย์เลเซอร์ผิวหนังและชะลอวัยในอาเซียน (ABLS in AEC) จัดการประชุมวิชาการประจำปีครั้งที่ 10 เพื่ออัปเดตองค์ความรู้ด้านเลเซอร์ เวชศาสตร์ชะลอวัย และนรีเวชเพื่อความงาม โดยรวมผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศและระดับอาเซียนมาร่วมแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีล่าสุดและมาตรฐานความปลอดภัยในการรักษา

นายแพทย์สถาพร จินารัตน์  ผู้อำนวยการจัดงานกล่าวว่า "การสัมนาครั้งนี้มุ่งเน้น 4 สาขาหลัก ได้แก่ หัตถการเลเซอร์ผิวหนัง, การชะลอวัย, นรีเวชเพื่อความงาม, และ การเพิ่มศักยภาพทางเพศ ผ่านหัวข้อบรรยายที่ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีปัจจุบัน งานวิจัยใหม่ และแนวทางการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ





ไฮไลต์เนื้อหาวิชาการ

-เลเซอร์ผิวหนัง (Laser Skin Procedures)

อัปเดตการเลือกใช้เลเซอร์ที่เหมาะกับผิวชาวเอเชีย การดูแล before/after treatment ลดความเสี่ยงการเกิดรอยดำ–รอยขาว พร้อมเทคนิคเปรียบเทียบระหว่าง fractional, ablative และ non-ablative รวมถึงการรักษารอยแผลเป็น คีลอยด์ รอยสิว และการกำจัดขนอย่างปลอดภัย

-เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging Medicine)

เจาะลึกกลไกระดับเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับผิวเสื่อมวัย การใช้หัตถการกึ่งบุกรุก เช่น ร้อยไหม, Microneedling, RF, HIFU ตลอดจนความปลอดภัยของฟิลเลอร์และโบทูลินัมท็อกซิน นอกจากนี้ยังนำเสนอเทรนด์ใหม่ เช่น สเต็มเซลล์ เอ็กโซโซม และเปปไทด์

 -นรีเวชเพื่อความงาม (Aesthetic Gynecology)

ครอบคลุมการฟื้นฟูช่องคลอดด้วยเลเซอร์ CO₂, Er:YAG, RF และ HIFU การศัลยกรรมตกแต่งอวัยวะเพศ เทคนิคผ่าตัดและไม่ผ่าตัด การเลือกผู้ป่วย รวมถึงการแก้ปัญหาภาวะฝ่อและการกระชับอุ้งเชิงกรานแบบสหสาขา"



งานประชุม 10th ABLS in AEC Symposium ถือเป็นเวทีสำคัญสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในการพัฒนาทักษะ อัปเดตนวัตกรรม และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการรักษาคนไข้ในยุคที่เทคโนโลยีการแพทย์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

TSAG เปิดตัวสมาคมนรีเวชความงามแห่งแรกของไทย นำ AI + Hyperspectrum ยกระดับการรักษาผู้หญิงสู่มาตรฐานสากล

นพ.สถาพร จินารัตน์ นายกสมาคม TSAG – Thai Society of Aesthetic Gynecology เปิดเผยว่า “TSAG ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้าน Aesthetic Gynecology ของประเทศไทยและของโลก เรามุ่งเน้นข้อมูลที่ถูกต้อง เทคนิคที่ปลอดภัย และการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างมีมาตรฐาน เพื่อให้แพทย์ไทยสามารถให้การรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้หญิงทุกคน”



นอกจากนี้ยังกล่าวว่า “การนำ AI และ Hyperspectrum Technology มาประยุกต์ใช้ ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการนรีเวชความงาม เพราะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาแม่นยำขึ้น และทำให้ผู้รับบริการเข้าใจผลลัพธ์ล่วงหน้าก่อนตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น”

TSAG: สมาคมนรีเวชความงามแห่งแรกของไทย
สมาคม TSAG เปิดตัวขึ้นเพื่อยกระดับการรักษาความงามทางนรีเวชของไทยสู่ระดับสากล โดยมองว่าการดูแล “Aesthetic Gyn” ไม่ใช่แค่การปรับรูปทรง แต่เป็นการดูแลผู้หญิงแบบองค์รวม ทั้งด้านความมั่นใจ สุขภาพทางเพศ ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ และสุขภาพจิตโดยรวม

การก่อตั้งสมาคมเกิดจากปัญหาสำคัญ 3 ประการ ได้แก่

1. ประเทศไทยยังไม่มีศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านนี้

2. ประชาชนขาดข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้

3. ประเทศไทยยังขาดนวัตกรรมทางการแพทย์ที่โดดเด่นในสาขา Aesthetic Gynecology

ก้าวใหม่ของไทย: AI CONSULT + Hyperspectrum Imaging ไฮไลต์สำคัญของงานเปิดตัว คือ “AI Predictive Outcome” นวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้รับบริการเห็นผลลัพธ์ล่วงหน้าเสมือนจริง ผ่านเทคโนโลยีหลัก ได้แก่:

Hyperspectrum Imaging วิเคราะห์ความหนาของผิว การไหลเวียนเลือด และสภาพเนื้อเยื่อได้หลายช่วงสเปกตรัม ละเอียดกว่าตาเปล่า

AI Treatment Suggestion ประเมินตำแหน่ง–ปริมาณการฉีด เลือกเครื่องมือ Energy-based ที่เหมาะสม หรือแนะนำการผ่าตัดหากจำเป็น

Predictive Simulation จำลองผลลัพธ์หลังทำหัตถการ เช่น ฟิลเลอร์หรือผ่าตัด ตรงตามความต้องการผู้รับบริการมากขึ้น ลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยพัฒนาแอปพลิเคชัน AI สำหรับประชาชน

TSAG ยังพัฒนา Application AI สำหรับประชาชน เพื่อให้เข้าถึงการดูแลด้านนรีเวชความงามได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วย

– AI Consult วิเคราะห์ปัญหาเบื้องต้น

– คำแนะนำที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์

– ระบบจองคิวพบแพทย์เฉพาะทางทั่วประเทศ

– รองรับหลายภาษา ตอบโจทย์ Medical Tourism  Roadmap 2569–2571

2569: เปิดตัวแอป AI Consult V1 + เปิด Beta Hyperspectrum Imaging

2570: เชื่อมต่อโรงพยาบาลและคลินิกทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัว AI V2

2571: ยกระดับเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการแพทย์ไทย และพัฒนา Medical Software
เชื่อมกับเครื่องมือ AG หลายชนิด TSAG มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลาง AG ของเอเชีย

การเปิดตัวสมาคม TSAG ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศไทย ในการพัฒนามาตรฐานการรักษาความงามทางนรีเวชและผลักดันให้ไทยก้าวเป็นศูนย์กลาง Medical Hub ด้าน Aesthetic Gynecology ของภูมิภาคเอเชียและในระดับสากล









12 ธันวาคม 2568

อาร์ต วศิน ฟิตเปรี๊ยะ ซิงเกิล 2 “SORRY”


หลังปล่อยซิงเกิลแรก “Thank You” พี่อาร์ต วศิน วรณพฤกษ์ ผู้บริหารรถไฟฟ้าสายสีแดง หรือที่หลายคนคุ้นเคยในนามแด็ดดี้ของน้องหมีเนย ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ 20 วันยอดวิวทะลุ 2 แสนวิวสบายๆ 

“ผมต้องขอบคุณพี่น้อง FC ที่เปิดใจต้อนรับนักร้องสูงวัย (หัวเราะ) ทุกคนให้การต้อนรับพี่อาร์ตอย่างอบอุ่นครับ” พี่อาร์ตกล่าวต่อไปว่า ปีใหม่นี้จะมีของขวัญมอบให้ FC ทุกคน กับซิงเกิลพิเศษที่ไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมนักร้องหนุ่มผมยาวสุดเซอร์มาดติสต์ เอส ชัยณรงค์ 


”ใช่แล้วครับ ค่าย Allery1 Records เตรียมปล่อยผลงานเพลงโปรเจคพิเศษซิงเกิล 2 ของผม ชื่อเพลง ”SORRY” เพลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างรอเข้าห้องอัด ทางค่ายเลยส่งไปเรียนร้องเพลงเพิ่มเติมกับครูก้อง บ้าน AF เพื่อให้การร้องแข็งแรงมากขึ้น นอกจากนี้ทางค่ายส่งไปออกกำลังกายกับเทรนเนอร์ระดับซูเปอร์โมเดล The Face Men Thailand กุน กิตติคุณ เพื่อให้รูปร่าง เฟิร์มมากขึ้น และก็ต้องขอบคุณ APEX Beauty ศูนย์ความงามครบวงจร ที่เข้ามาช่วยดูแลผิวหน้า เพิ่มความมั่นใจ โดยคุณหมอโจ้ พญ.รัตติยา พี่ตื่นเต้นมากกับ OligioX นวัตกรรมยกกระชับล่าสุด ทำเสร็จเฟี้ยวเลย (หัวเราะ) คือ ทางค่ายอยากให้ FC ของพี่อาร์ตได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาในทุกสกิล ทุกมิติ ทรงผมยังไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนไหม พี่ชอบสกินเฮดเพราะจะได้ดูไม่แก่ (หัวเราะ) ด้านการแต่งกาย Stylist ส่ง Ref มาดูแล้ว โอ้วววว Sugar Daddy มาก (หัวเราะ) ฝากติดตามด้วยนะครับ“ อาร์ต วศิน กล่าวทิ้งท้าย

วันนี้แอดมินขอสปอยล์ FC กรุบกริบๆ นะครับ ฝากติดตาม ผลงานของพี่อาร์ต วศิน กับซิงเกิล 2 เร็ว ๆ นี้ 

10 ธันวาคม 2568

โรงพยาบาลพญาไท 1 และพันธมิตร ผ่านโครงการ ปัน ปัน ปันสุขนี้เพื่อน้อง ปีที่ 10

โรงพยาบาลพญาไท 1 และพันธมิตร ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม
ผ่านโครงการ ปัน ปัน ปันสุขนี้เพื่อน้อง ปีที่ 10


เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา10.30-13.30 น.  ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม โครงการปั้น ปั้น ปั้นสุข เพื่อน้อง ปีที่ 10 โดยมี นพ.อภิรักษ์ปาลวัฒน์วิไชย ผอ.โรงพยาบาลพญาไท1 ,อภิวัฒน์ อาระยานิมิตสกุล ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการและบริหารธุรกิจ โรงพยาบาลพญาไท1 ,พญ.สุขุมาลย์ สว่างวารี และ ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไล ผู้จัดโครงการ ปัน ปัน ปีที่ 10 พร้อมด้วยคณะแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพญาไท 1 และพันธมิตร ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมเลี้ยงอาหารกลางวัน และส่งมอบสิ่งของบริจาคให้กับน้องๆ (เด็กหญิงอายุ 6-12ปี) ในโครงการ ปัน ปัน ปันสุขนี้เพื่อน้อง ปีที่ 10 ที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ในพระอุปถัมภ์ 





กิจกรรมดังกล่าวมีพันธมิตร  ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต มีผู้ผู้สนับสนุน ร่วม ทำการกุศล ครั้งนี้

นพ.อภิรักษ์ ปาลวัฒน์วิไชย
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 1
ผู้บริหารส่งเสริมสนับสนุนให้ความอนุเคราะห์แก่เยาวชนเพื่อสังคม

คุณอภิวัฒน์ อาระยานิมิตสกุล
ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบริหารธุรกิจ โรงพยาบาลพญาไท 1
ผู้บริหารส่งเสริมสนับสนุนให้ความอนุเคราะห์แก่เยาวชนเพื่อสังคม

พญ.สุขุมาลย์ สว่างวารี
สูตินรีแพทย์และเฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวช รพ.พญาไท พหลโยธิน
ประธานผู้จัดโครงการปัน ปัน

ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไล
แพทย์เฉพาะทางด้านความงามผิวพรรณ เส้นผม และหนังศีรษะ โรงพยาบาลพญาไท 1 

ประธานที่ปรึกษาร่วมโครงการปัน ปัน
คุณสุปวีย์  ตันสกุล อดีตสื่อสารสื่อมวลชนสัมพันธ์เครือ รพ.พญาไท-เปาโล

คุณปรีญาณี กองบุญมา รองกรรมการผู้จัดการ
บริษัท นานมี จำกัด สนับสนุนชุดอุปกรณ์เครื่องเขียนและสมุดระบายสี

ตุ๊กตา และของเล่น มอบให้น้อง
โดย บริษัท จินผิน ซี่เยี่ย จำกัด





03 ธันวาคม 2568

ทีเส็บเตรียมพร้อม Southern MICE Ready

ชู 3 กลยุทธ์จับมือพันธมิตรร่วมฟื้นฟูไมซ์ภาคใต้หลังพ้นอุทกภัย

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ พร้อมจับมือพันธมิตรร่วมฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์พื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เตรียมพร้อมแคมเปญ Southern MICE Ready วาง 3 กลยุทธ์ Ease Up – Empower – Enhance จูงใจการจัดงานและเสริมแกร่งระบบนิเวศไมซ์ในพื้นที่ ตั้งเป้าให้งานไมซ์กลับมาจัดได้อย่างมั่นใจ สร้างงาน สร้างรายได้และรักษาความต่อเนื่องของเศรษฐกิจในพื้นที่





ดร. ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า  พื้นที่ 10 จังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาที่มีความรุนแรงระดับภัยพิบัติ ได้กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงอุตสาหกรรมไมซ์โดยตรง ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ทีเส็บจึงได้เร่งมาตรการช่วยเหลือฉุกเฉิน โดยเปิดบัญชีภายในองค์กรเพื่อรับบริจาคและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานทีเส็บภาคใต้พร้อมคณะทำงานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ ประเมินผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไมซ์ และประสานหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตร อาทิ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย), สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย), สมาคมโรงแรมไทย, สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวมถึงบุคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์ รวมทั้งได้ประสานความช่วยเหลือคณะนักเดินทางไมซ์จากประเทศมาเลเซียจำนวน 15 คน อพยพออกจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย  

จากการสำรวจของทีเส็บในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ มีงานไมซ์ในประเทศยกเลิกการจัดงาน 1 งาน โดยเป็นงานที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมงาน 1,200 คน และมี 3 งานที่เลื่อนการจัดงานออกไป รวมจำนวนผู้เข้าร่วม 11,400 คน  ผลกระทบเบื้องต้นต่ออุตสาหกรรมไมซ์ในพื้นที่คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 120–150 ล้านบาท จากการสูญเสียรายได้ของโรงแรม ร้านอาหาร การเดินทาง และบริการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผลกระทบต่อความต่อเนื่องของปฏิทินไมซ์ และความเชื่อมั่นของผู้จัดงานระดับชาติและนานาชาติ

ภายหลังที่ถนนสายหลักในพื้นที่เมืองหาดใหญ่เริ่มกลับมาใช้งานได้ ทีเส็บได้ประสานกับศูนย์ประชุมโรงแรม และสถานที่จัดงาน เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและฟื้นฟูระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และความพร้อมทางเทคนิค โดยสถานที่จัดงานหลักในพื้นที่  เช่น ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี (ICC หาดใหญ่) และ The Signature Convention Center – Hatyai Signature Hotel ไม่ได้รับความเสียหายเชิงโครงสร้างอาคาร และสามารถเปิดดำเนินการได้ เมื่อผ่านการตรวจสอบระบบความปลอดภัย ขณะที่โรงแรมไมซ์หลักกว่า 15 แห่งที่มีพื้นที่ประชุมรวมกว่า 10,000 ตร.ม. รวมถึง ลีการ์เดนส์ พลาซ่า หาดใหญ่  พื้นที่โซนกิจกรรมกลางเมืองและย่านถนนนิพัทธ์อุทิศ ยังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู 

ในด้านการฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ในช่วงที่ทุกภาคส่วนดำเนินการปรับปรุงจัดระเบียบพื้นที่และผู้ประกอบการตลอดจนสถานที่จัดงานกำลังเร่งปรับปรุงอาคารและระบบสนับสนุนการจัดงานเพื่อให้กลับมารองรับกิจกรรมไมซ์ได้ตามมาตรฐาน ทีเส็บได้นัดหารือผู้ประกอบการไมซ์ในอำเภอหาดใหญ่ เพื่อวางแผนกระตุ้นการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ในภาคใต้ภายใต้แคมเปญ Southern MICE Ready ที่จะได้รับการขับเคลื่อนด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญคือ Ease Up – Empower – Enhance โดยจะมีแพ็กเกจสนับสนุนการจัดงานที่ออกแบบมาใช้เฉพาะภาคใต้คือลดขั้นตอนและเงื่อนไขการขอรับการสนับสนุน เพื่อจูงใจงานที่เลื่อนให้กลับมาจัดใหม่ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2568 – กันยายน 2569 รวมทั้งดึงงานอื่นๆ ทั้งงานในประเทศและงานจากต่างประเทศให้มาจัดในพื้นที่ พร้อมๆ กับการเสริมความแข็งแกร่งระบบนิเวศไมซ์

กลยุทธ์ Ease Up มุ่งเร่งฟื้นกิจกรรมไมซ์อย่างต่อเนื่อง ลดเงื่อนไขการสนับสนุนการจัดงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวกด้านปฏิบัติการให้ผู้ประกอบการกลับมาจัดงานได้อย่างต่อเนื่องในช่วงฟื้นฟู สนับสนุนทั้งงานองค์กร งานรัฐ–เอกชน งานประชุมวิชาการ งานเทศกาล และงานแสดงสินค้าขนาดกลาง–ใหญ่ พร้อมส่งเสริมการกระจายงานไมซ์จากส่วนกลางสู่ภูมิภาค สร้างรายได้และความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงส่วนกลยุทธ์ Empower มุ่งดึงดูดและสนับสนุนการจัดงานไมซ์ในจังหวัดต่าง ๆ โดยทีเส็บจะเป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้จัดงานกับผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมสนับสนุนงบประมาณและสิทธิประโยชน์ด้านการตลาดให้กับการจัดงาน รวมไปถึงการผลักดันงานใหม่ๆ ลงพื้นที่ จัดทริปให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเยี่ยมชมพื้นที่เพื่อกระตุ้นการจัดประชุม รวมทั้งเร่งการสื่อสารประชาสัมพันธ์ความพร้อมของพื้นที่จัดงาน เพื่อให้ตลาดไมซ์มีความมั่นใจที่จะจัดงานในพื้นที่

สำหรับกลุยทธ์ Enhance มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศไมซ์ภาคใต้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการควบคู่กับการยกระดับคุณภาพบริการและมาตรฐานสถานที่จัดงาน พร้อมสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ภูมิภาคนี้สามารถแข่งขันได้ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

“ในฐานะที่สงขลาเป็นเมืองไมซ์ ทีเส็บจึงมุ่งผลักดันสงขลาให้กลับมาเป็นศูนย์กลางไมซ์ของภาคใต้อีกหนึ่งแห่ง ผ่านการฟื้นฟูอุตสาหกรรม การสร้างโอกาสทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการท้องถิ่น และการสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศไมซ์ที่เข้มแข็งให้กับพื้นที่ทั้งในจังหวัดสงขลาและจังหวัดอื่นๆ ที่มีศักยภาพในภาคใต้ เพื่อให้สามารถรองรับงานไมซ์ขนาดใหญ่และสร้างความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคง และเพื่อตอกย้ำให้เห็นพลังของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในการช่วยกันก้าวข้ามวิกฤติและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพื้นที่” ดร. ศุภวรรณ กล่าวปิดท้าย

กรมการท่องเที่ยวลุยตลาดภาพยนตร์จีน–อังกฤษ ธันวาคม 2568 ดันไทยสู่ศูนย์กลางการถ่ายทำระดับนานาชาติ

กรมการท่องเที่ยว โดยกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ เดินหน้าขยายโอกาสดึงดูดกองถ่ายต่างชาติ พร้อมเตรียมเข้าร่วมงานอุตสาหกรรมภาพยนตร์นานาชาติสำคัญในเดือนธันวาคม 2568 จำนวน 2 งานใหญ่ ทั้งในสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหราชอาณาจักร เพื่อผลักดันศักยภาพประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายด้านการถ่ายทำระดับโลก


งาน Hainan Island International Film Festival 2025 ระหว่างวันที่ 4–6 ธันวาคม 2568 ณ เมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นครั้งแรกที่กรมการท่องเที่ยวเข้าร่วมงานนี้ โดยร่วมบูรณาการกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งเป้าประชาสัมพันธ์ศักยภาพของประเทศไทยในฐานะแหล่งถ่ายทำหลากหลายภูมิประเทศ โดยเฉพาะการเจาะตลาดกองถ่ายจีนตอนใต้ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

งาน FOCUS 2025 วันที่ 8 – 9 ธันวาคม 2568 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นเวทีรวมผู้ผลิต ผู้สร้าง ผู้จัดหาสถานที่ถ่ายทำ และ Film Commission จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยปีนี้มีไฮไลต์ คือการประกาศปรับมาตรการจูงใจ (Incentive) การคืนเงินสูงสุดถึง 30% อย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานนี้ เพื่อดึงดูดกองถ่ายจากสหราชอาณาจักรและยุโรปให้เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายการถ่ายทำมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงเครือข่ายและสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพและความพร้อมของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวถึงการเดินหน้าลุยตลาดภาพยนตร์จีนและอังกฤษในเดือนธันวาคม 2568 ว่า “การเข้าร่วมงาน Hainan Island International Film Festival และงาน FOCUS 2025 ถือเป็นการเดินหน้าอย่างต่อเนื่องของกรมการท่องเที่ยวในการผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยสู่ระดับโลก เราตั้งใจนำเสนอศักยภาพของประเทศไทยในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำที่ครบครัน ทีมงานมืออาชีพที่ได้มาตรฐานสากล และที่สำคัญ คือ มาตรการ Incentive ที่ปรับเพิ่มเงินคืนสูงสุด 30% เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศไทยมากยิ่งขึ้น”


กรมการท่องเที่ยวเชื่อมั่นว่าการเข้าร่วมทั้งสองงาน จะช่วยขยายตลาดใหม่ เสริมภาพลักษณ์ประเทศไทย
ในฐานะแหล่งถ่ายทำคุณภาพระดับสากล และเพิ่มปริมาณเม็ดเงินลงทุนจากกองถ่ายต่างชาติในปี 2569
ต่อเนื่อง

02 ธันวาคม 2568

“คิปโชเก้”ร่วมกิจกรรมไนกี้ย้ำวิ่งให้สนุกแล้วความสำเร็จจะตามมา

กรุงเทพฯ: ๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ความเคลื่อนไหวของ เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เจ้าของ ๒ เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ แชมป์ ๑๑ เมเจอร์ ได้ร่วมทำกิจกรรม “ไนกี้ รีคัฟเวอรี่ รัน” (Nike Recovery Run With Kipchoge) ที่สวนสาธารณะ 100 ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อฟื้นฟูร่างกายหลังได้ร่วมลงวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. ในมหกรรมการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลก “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ที่ผ่านมา

สำหรับกิจกรรม “ไนกี้ รีคอฟเวอรี่ รัน” ครั้งนี้เปิดโอกาสให้แฟนคลับที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับ ไนกี้ และนักวิ่งสมาชิกของไนกี้และพัทธมิตรธุรกิจเข้าร่วมพบปะพูดคุยกับ เอเลียด คิปโชเก้ แบบใกล้ชิดและเป็นกันเอง
ทั้งนี้ เอเลียด คิปโชเก้ ยังได้แนะนำเทคนิคในการวิ่งมาราธอนให้ประสบความสำเร็จว่า “นอกจากการเตรียมร่างกายให้พร้อม ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอแล้ว เมื่อเจอข้อผิดพลาดจาการวิ่ง อย่าเสียใจ ให้นับมาปรับปรุงแก้ไจ เราต้องสนุกกับการวิ่งและมีความสุขในทุกๆ ครั้งด้วย” เมื่อแฟนคลับนักวิ่งถามว่าอะไรคือสิ่งที่ชอบเป็นที่สองรองจากการวิ่ง และจากความสำเร็จที่ผ่านมาทำอย่างไรเขาถึงเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ เขาตอบว่า “สำหรับผมๆ ให้ความสำคัญกับความสุขที่ได้วิ่งเข้าเส้นชัย และสิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จคือการใช้ชีวิตให้อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับวันนี้ ไม่ใช่อยู่กับเมื่อวาน ถึงมีเงินคุณก็ไม่สามารถซื้ออดีตกลับมาได้ อย่ากังวัลหรือเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และผมได้ข้อคิดเพิ่มจากการได้เจอ บัวขาว นักมวยไทยที่แม้มีชื่อเสียงโด่งดังก็ยังใช้ชีวิตแบบมีความสุขเช่นคนทั่วไป”


สำหรับการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2025 Presented by TOYOTA วัตถุประสงค์เพื่อผลักดันและยกระดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ รายการวิ่งมาราธอนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับกรุงเทพมหานคร, สมาคมกรีฑาโลก และไทยแลนด์ไตรลีก (ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ)
วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อผลักดันและยกระดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ รายการวิ่งมาราธอนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของสมาคมกรีฑาโลก (THE OFFICIAL WORLD CAPITAL MARATHON SERIES) เทียบเท่ามาราธอนระดับเมเจอร์โลก เพื่อส่งเสริมให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (SPORTS TOURISM CAPITAL CITY) และมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ จำนวน ๔๘,๐๐ คน ผู้ร่วมเดินทาง เจ้าหน้าที่ และประชาชน จำนวนไม่น้อยกว่า ๘๐,๐๐๐ คน ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท่องเที่ยวของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยกว่า ๑,๔๐๐ ล้านบาท