เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

30 มิถุนายน 2565

มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ร่วมกับ แพทยสภา สถาบันพระปกเกล้า สธ และคณะนักศึกษาปธพ.9 จัด

 “โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 5 ประจำปี 2565” จ.ราชบุรี 


มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ แพทยสภา สถาบันพระปกเกล้า กระทรวงสาธารณสุข นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 9 (ปธพ.9) และ จังหวัดราชบุรี ร่วมจัดทำ “โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 5 ประจำปี 2565” ระหว่างวันที่ 24 - 26 มิถุนายน 2565 นำทีมแพทย์อาสาและจิตอาสา กว่า 500 คน เปิดคลินิกเฉพาะทางสาขาต่าง ๆ จำนวน 30 คลินิก ตั้งเป้าหมายให้บริการตรวจรักษาประชาชนในจังหวัดราชบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ฟรี! กว่า 19,000 คน ตลอดเดือนมิถุนายน โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์, ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา, นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี, ศาสตราจารย์ วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และนักศึกษา ปธพ. 9 ร่วมเปิดงาน

สำหรับหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) ของแพทยสภา ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า  มีที่มาจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 “อ่อนน้อมถ่อมตน ทุกคนมีดี อย่าดูถูกใคร” นำหลักธรรมาภิบาล มาเป็นหลักในการสร้างหลักสูตร และจัดกิจกรรมแพทย์อาสา ดังนั้นภารกิจที่สำคัญ คือการให้บริการตรวจรักษาคนไข้ เพื่อย่นย่อระยะเวลาในการรอคอยเข้ารับการรักษาโรคเฉพาะทางของผู้ป่วย ในการดำเนินงานครั้งนี้มีแพทย์จิตอาสา เข้าร่วมในโครงการกว่า 400 คน มาจากคณะแพทยศาสตร์ 25 แห่ง ราชวิทยาลัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 15 แห่ง แพทย์จากภาครัฐ แพทย์จากเหล่าทัพทั้ง 4 แห่ง ตลอดจนแพทย์จากภาคเอกชน โครงการจะมีคลินิกแพทย์เฉพาะทางสาขาต่าง ๆ จำนวน 30 คลินิก ได้แก่  คลินิกหัวใจและหลอดเลือด

, คลินิกส่องกล้องทางเดินอาหาร, คลินิกมะเร็งเต้านม, คลินิกกระดูกและข้อ, คลินิกศัลยกรรมทั่วไป และทางเดินปัสสาวะ, คลินิกเด็ก, คลินิกหู คอ จมูก, คลินิกทันตกรรม, คลินิกคัดกรองโรคปอด, คลินิกวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น

โอกาสนี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ กล่าวว่า “มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ชื่อโครงการฯ และดำเนินการโดยนักศึกษาหลักสูตรปธพ.9 ตามแนวคิดภายใต้หลักการ “นำหมอไปหาคนไข้” เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วย ลดภาระของผู้ป่วยในการเดินทางเข้ายังเมืองและนำองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยไปถ่ายทอดให้กับแพทย์ในต่างจังหวัดพร้อมทั้งการนำเครื่องมือระดับสูงต่าง ๆ ที่พื้นที่ขาดแคลนเพื่อลงไปช่วยในการวินิจฉัย ตรวจรักษาและคัดกรองโรคและนำไปสู่ความเชื่อมโยงประสานงานความช่วยเหลือแบบเครือข่ายทั้งในพื้นที่จังหวัดเดียวกันแต่คนละสังกัด ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนกับ 4 เสาหลักทางการแพทย์ในหลักสูตรปธพ. คือ 1. อาจารย์โรงเรียนแพทย์ 2. แพทย์ในกระทรวงสาธารณสุข 3. แพทย์ทหาร ตำรวจและภาครัฐอื่น 4. แพทย์ภาคเอกชน”







ด้าน พลอากาศตรี นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์และเลขาธิการแพทยสภา เผยว่า “มูลนิธิฯ มีการดำเนินโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ อย่างต่อเนื่องมาตลอด 9 ปี ซึ่งนับเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถให้บริการผู้ป่วยไปแล้วมากกว่า 60,000 รายและสำหรับปี 2565 นี้ นับเป็นการออกหน่วยแพทย์อาสาครั้งที่ 5 ในรัชกาลปัจจุบัน และเป็นครั้งที่ 10 ของนักศึกษา ปธพ. เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับการบริการทางด้านสาธารณสุขอย่างครบวงจรโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของแพทยสภาและบุคลากรทางสาธารณสุข 



ส่งผลให้ประชาชนได้รับความรู้ตลอดจนการฝึกปฏิบัติการต่าง ๆ ในการดูแลตนเองได้ ถือว่าเป็นการกระจายโอกาสในการเข้าถึงการรักษาในระดับตติยภูมิให้กับประชาชนในต่างจังหวัด ดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคซับซ้อนที่ต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้โดนต้องเดินทางไกลเข้ากรุงเทพเพื่อรอคอยคิวพบแพทย์ที่ยาวนาน โครงการนี้จึงตั้งเป้าหมายให้คิวการรักษาโรคยากให้เหลือเป็นศูนย์  โดยเริ่มจากการสำรวจ การคัดกรองผู้ป่วยในพื้นที่ เพื่อหาผู้ป่วยที่ตกค้างและส่งทีมแพทย์เข้าไปเพื่อทำการรักษา ภายใต้หลัก “อ่อนน้อมถ่อมตน ทุกคนมีดี อย่าดูถูกใคร”  ตามที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำรัสไว้ให้แก่วงการแพทย์ไทย”

ในฐานะประธานนักศึกษาปธพ.9 พลตำรวจโท นพ.วิฑูรย์ นิติวรางกูร กล่าวว่า “โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ ถือเป็นการผนึกกำลังของบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดทั้งจิตอาสาจากภาครัฐและภาคเอกชน นับเป็นการออกหน่วยแพทย์ขนาดใหญ่ระดับประเทศ ระดมแพทย์กว่า 400 คน มาจากคณะแพทยศาสตร์ ราชวิทยาลัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จากเหล่าทัพทั้ง 4 แห่ง แพทย์จากภาครัฐและแพทย์จากภาคเอกชน

สำหรับรายละเอียดการออกหน่วยแพทย์ฯ ครั้งนี้ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดิลก ภิยโยทัย ประธานหน่วยแพทย์อาสาฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “เนื่องจากครั้งนี้เป็นการออกหน่วยแพทย์ขนาดใหญ่ ตรวจรักษาประชาชนชาวจังหวัดราชบุรีและจังหวัดใกล้เคียง โดยมีเป้าหมายกว่า 19,000 คน ยังมีกิจกรรมจากอีกหลายหน่วยงาน ที่ผนึกกำลังร่วมแรงร่วมใจร่วมสนับสนุน โดยผู้ที่มารับบริการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ในการจัดเตรียมสถานที่ กิจกรรมบนเวที อาหาร เครื่องดื่ม การเดินทาง ที่พัก การจัดงานพิธีเปิด การประชาสัมพันธ์ และการจัดเก็บข้อมูลเพื่อการประเมินผลโครงการ เป็นภารกิจของนักศึกษาในหลักสูตร ปธพ.9 ฝ่ายสนับสนุนแพทย์อาสา ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูงที่เป็นข้าราชการ สังกัดกระทรวงต่างๆ และภาคเอกชนจากหลากหลายสาขาอาชีพ ร่วมด้วยช่วยกันดูแลจนสามารถมอบบริการทางการแพทย์ให้กับผู้เข้ารับการรักษา ได้ครบถ้วน 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม ร่วมกันห่มผ้าพระธาตุ มีพระสงฆ์ร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ ที่วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดราชบุรี เพื่อความเป็นสิริมงคล อีกด้วย คุณยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ผู้แทนหน่วยสนับสนุนแพทย์อาสาฯ ได้กล่าวเพิ่มเติม ในช่วงเช้ามีประกอบพิธีบวงสรวงที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จังหวัดราชบุรี พร้อมออกหน่วยแพทย์อาสาสำหรับพระภิกษุสงฆ์ ให้บริการพระสงฆ์ เณร แม่ชี จำนวนกว่า 682 รูป ก่อนออกหน่วยแพทย์อาสาใหญ่พร้อมกันทั้ง 30 คลินิก 

-------------------------------------------------------------------------------------------

โครงการมีคลินิกแพทย์เฉพาะทางสาขาต่าง ๆ จำนวน 30 คลินิก ได้แก่ 

1. คลินิกหัวใจและหลอดเลือด

2. คลินิกส่องกล้องทางเดินอาหาร

3. คลินิกมะเร็งเต้านม  

4. คลินิกกระดูกและข้อ

5. คลินิกคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและสุขภาพตับ

6. คลินิกจักษุ

7. คลินิกโรคหลอดเลือดสมอง

8. คลินิกศัลยกรรมทั่วไป และทางเดินปัสสาวะ 

9. คลินิกตรวจสุขภาพทั่วไป+คัดกรองสารเคมีในเลือด(เกษตรกร) 

10. คลินิกเด็ก

11. คลินิกหู คอ จมูก

12. คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟู

13. คลินิกผิวหนัง

14. คลินิกทันตกรรม

15. คลินิกแพทย์แผนไทย

16. คลินิกแพทย์ฝั่งเข็ม

17. คลินิกคัดกรองสุขภาพจิต 

18. คลินิกคัดกรองโรคปอด 

19. คลินิกคัดกรองมะเร็งปากมดลูก 

20. คลินิกตรวจสุขภาพทั่วไปพระสงฆ์

21. คลินิกฝึกอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน

22. คลินิกรับบริจาคโลหิต 

23. คลินิกวัคซีนไข้หวัดใหญ่

24. คลินิกสัตวแพทย์

25. คลินิกกฎหมาย 

26. คลินิกผ่าตัดเส้นเลือดเพื่อล้างไต 

27. คลินิกวัคซีนโมเดิร์นนา

28. คลินิกศัลยกรรมระบบประสาทและสมอง

29. คลินิกรถเข็นพระราชทาน

30. คลินิกพื้นที่ห่างไกล เด็ก และ 608

ครูโอ๊ะ ผนึกกำลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน"เปิดโลกการศึกษาพาน้องดูหนังฝึกทักษะภาษาอังกฤษ"

พร้อม เป็นสักขีพยาน พิธี MOU ความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน


เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2565 .​นางกนกวรรณ​ วิลาวัลย์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพร้อมร่วมเป็นสักขีพยาน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU)​ ความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน ระหว่างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 36 จังหวัดภูเก็ต วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต เครือพาราไดซ์กรุ๊ปและโรงแรมอันดารารีสอร์ท​ เรสซิเดนซ์​ พร้อมมอบนโยบายและพบปะคณะครู​ นักเรียน​ ผู้บริหารสถานศึกษา​ ผู้นำท้องถิ่น​ ภาครัฐ​ ภาคเอกชน​ ในกิจกรรม​ "เปิดโลกการศึกษาพาน้องดูหนังฝึกทักษะภาษาอังกฤษ" และให้โอวาทสร้างแรงบันดาลใจกับนักเรียนและผู้ให้การสนับสนุนเพื่อการพัฒนาผู้เรียนด้านภาษาอังกฤษในโรงภาพยนตร์​ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล​ โดยมี​ นายณรงค์​ วุ่นซิ้ว​ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต้อนรับ และมี นายอานุภาพ เวชวนิชสนอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต  นางสาวพัชรี เชาว์พลกรัง ศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต  พร้อมทั้งผู้บริหารสถานศึกษาทั้งภาครัฐภาคเอกชน นางสาวณัฏฐ์กัญญา แสงโพธิ์ ประธานกรรมการบริหารในเครือพาราไดซ์กรุ๊ปและโรงแรมอันดารารีสอร์ทเรสซิเดนซ์ ผู้นำท้องถิ่น คณะครู นักเรียน  ร่วมต้อนรับ





นางกนกวรรณ​ กล่าวตอนหนึ่งว่า  ในวันนี้ ดิฉันในนามรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงศึกษาธิการ​ รู้สึกเป็นเกียรติ ดีใจและปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเห็นพลังของชาวภูเก็ต ภายใต้การนำของ ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นการติดตามนโยบายและได้เห็นผลสัมฤทธิ์ในความก้าวหน้าที่นำมาสู่พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน  ระหว่าง โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 36 จังหวัดภูเก็ต วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต เครือพาราไดซ์กรุ๊ปและโรงแรมอันดารารีสอร์ท​ เรสซิเดนซ์​  ซึ่งถือเป็น  Partnership School Project ที่ดี ที่ก่อร่างและได้เห็นความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มากไปกว่านั้นสิ่งที่เราได้เห็นยังเป็นการต่อยอดจากที่ท่านนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ และผู้ว่าราชการภูเก็ตได้เป็นผู้นำในการบูรณาการการศึกษากับทุกภาคส่วน ทั้งในระบบ และนอกระบบอย่างยั่งยืน โดยใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ 

โดยเครือเซ็นทรัลได้สร้างและสานฝันให้เด็กๆ ได้มาชมภาพยนตร์เรื่อง JURASSIC WORLD DOMINION จูราสสิค เวิลด์ ซึ่งจะเห็นว่าลูกๆนักเรียนมีความตั้งอก ตั้งใจ ชมภาพยนต์ ดังนั้นภาพยนตร์จึงถือเป็นอีกสื่อในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ดี และธรรมชาติของมนุษย์จะเริ่มพูดได้ก่อนการเขียน ดังนั้นเพื่อเติมเต็มศักยภาพในเรื่องภาษาอังกฤษ เราต้องไม่อายและกล้าที่จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เราทุกคนต้องมาร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้กับลูกหลานในจังหวัดภูเก็ต และในวันนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่พ่อเมืองภูเก็ต จะก่อร่างและเติมฝันทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวเป็นเมืองการศึกษาเป็นเมืองที่คนทั้งประเทศและคนทั่วโลกต้องการจะเดินทางมาท่องเที่ยว ดังนั้นเราทุกคนจะมาร่วมกันสร้างและสานฝันเพื่อก่อประโยชน์สูงสุดไปด้วยกัน

“ขอแสดงความชื่นชมและขอขอบคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เครือเซ็นทรัล เครือ Accor พี่น้องประชาชนชาวการศึกษา ทั้งอาชีวะ ศึกษาธิการจังหวัด กศน. สพป. และขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทุกพลังความทุ่มเท โดยเฉพาะภาคเอกชน ที่สำคัญขอขอบคุณ นายอานุภาพ เวชวนิชสนอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ที่ท่านได้พูดว่าชีวิตนี้จะทำให้ชาวภูเก็ตได้รับการเติมเต็ม ซึ่งท่านจะเป็นตะเกียบคู่ที่แข็งแรงร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในการร่วมด้วยช่วยกัน ใช้การศึกษาเป็นรากแก้วของการพัฒนา และเราจะสู้ไปด้วยกันทำให้ภูเก็ตเจริญรุ่งเรืองเป็นที่เลื่องลือเป็นที่ยอมรับของชาวโลกต่อไป และเราจะรักกันตลอดไป” นางกนกวรรณ กล่าว

ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 3/2565 สถานการณ์ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อของชาติมหาอำนาจ

และราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น สร้างความกังวลสูงต่อผู้ประกอบการ คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาไตรมาสแรกของปีหน้า

นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน และคณะเศรษฐศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น จากคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และสมาชิกหอการค้าไทยจีน และประธาน ผู้บริหาร กรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าไทยจีน จำนวน  325 คน  ระหว่างวันที่ 16 ถึง 24 มิถุนายน 2565  เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ได้ดังนี้ 

ในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์โลกมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน จากเหตุดังกล่าวจึงมีการสำรวจปัจจัยที่มีความกังวลที่เกิดมาจากสถานการณ์ในต่างประเทศ พบว่าผู้ให้ข้อมูลความกังวลในสองลำดับแรกคือสถานการณ์ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อของชาติมหาอำนาจ และราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ที่สร้างความกังวลกับผู้ให้ข้อมูลเป็นอย่างมาก (เป็นจำนวนร้อยละ 76 และ 68 ตามลำดับ) ในขณะที่ความกังวลในลำดับรองลงมาคือราคาอาหารโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและความผันผวนของตลาดการเงิน (เป็นจำนวนร้อยละ 38 และ 29 ตามลำดับ) จากสถานการณ์โควิดในวันนี้พบว่าผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มีความกังวลอยู่บ้างแต่ใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายมากขึ้น (ร้อยละ 65) และอีกส่วนหนึ่งมีความกังวลพอควรและใช้ชีวิตระวังเช่นเดิม (ร้อยละ 20) และมีผู้ให้ข้อมูลบางส่วนได้หมดความกังวลแล้ว (ร้อยละ 11) สถานการณ์คลี่คลายความกังวลจากโควิดเป็นสัญญาณที่ดีมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ 





จากการปรับตัวของราคาพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสที่สอง ผู้ให้ข้อมูล ได้แบ่งปันประสบการณ์ผลกระทบต่อต้นทุนทางธุรกิจ และพบว่าร้อยละ 50 ของผู้ให้ข้อมูลที่สำรวจมีต้นทุนการประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 10 ถึง 20  ร้อยละ 31 ของผู้ให้ข้อมูลมีต้นทุนเพิ่มขึ้นระหว่าง ร้อยละ 20 ถึง 40 และร้อยละ 12 ของผู้ให้ข้อมูลมีต้นทุนเพิ่มมากกว่าร้อยละ 40 จากประเด็นดังกล่าวจึงมีคำถามต่อเนื่องหากในสามเดือนหน้าราคาน้ำมันและวัตถุดิบยังคงเดิมเช่นวันนี้จะมีการปรับราคาสินค้าหรือไม่ พบว่าร้อยละ 51 ของผู้ให้ข้อมูลจะต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 25 ของผู้ให้ข้อมูลต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นให้เท่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังที่ผ่านมา และมีเพียงร้อยละ 14 ยังรอการปรับราคาได้ แนวโน้มดังกล่าวส่งสัญญาณว่าปัญหาทางด้านเงินเฟ้อคงยังไม่ชะลอตัวลง

เมื่อได้สอบถามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศจีนกล่าวคือในระยะที่ผ่านมารัฐบาลจีนมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้ให้ข้อมูลร้อยละ 60 คาดว่าสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะต้องใช้เวลามากกว่าอีกหกเดือนจากวันนี้ ขณะที่ร้อยละ 34.5 คาดว่าต้องใช้เวลาระหว่างสามถึงหกเดือน จากนโยบายปลอดโควิดของจีนนั้นที่ทำให้เกิดการปิดบังเมืองชั่วคราว ผู้ให้ข้อมูลให้ข้อคิดเห็นว่านโยบายดังกล่าว มีผลต่อการส่งออกของประเทศไทยไปยังประเทศจีน โดยที่ร้อยละ 48 ของผู้ให้ข้อมูลระบุว่ามีผลกระทบเป็นอย่างมาก และร้อยละ 31 มีผลกระทบพอประมาณ จากสถานการณ์ภายในประเทศจีนต่อการเดินทางไปต่างประเทศ ร้อยละ 44 ของผู้ให้ข้อมูลคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเยือนประเทศไทยในไตรมาสแรกของปี 2566 ในขณะที่ร้อยละ 16 ของผู้ให้ข้อมูลคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมายืนเมืองไทยก่อนสิ้นปี 2565 ส่วนผู้ให้ข้อมูลที่เหลือคาดว่าต้องรอจนหลังไตรมาสที่สองของปี 2566 ที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง 


ในเรื่องของการท่องเที่ยวอีกเช่นกันจากนโยบายผ่อนปรนจนกระทั่งไม่มีการตรวจโควิดกับนักท่องเที่ยวก่อนเข้าประเทศ ผู้ให้ข้อมูลร้อยละ 55 คาดว่าต้องใช้เวลาระหว่างสามถึงหกเดือน การท่องเที่ยวจะนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอีกครั้งหนึ่งอย่างเต็มที่ ขณะที่ร้อยละ 36.8 คาดว่าต้องใช้เวลามากกว่าอีกหกเดือน 

นายณรงค์ศักดิ์  กล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและไทย จากการสำรวจพบว่าร้อยละ 29 คาดว่าเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนโดยรวมของจีนในไตรมาสที่ 3 จะดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ในขณะที่ร้อยละ 43 คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะทรงๆ ส่วนร้อยละ 22 มีความเห็นว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเติบโตช้าลง ซึ่งผลการประเมินดังกล่าวได้สะท้อนถึงการคาดคะเนการส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบันกล่าวคือ ร้อยละ 54 คาดว่าการส่งออกของไทยไปยังจีนจะเพิ่มขึ้น และ ร้อยละ 27 ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน การคาดคะเนการนำเข้านั้น ร้อยละ 58 คาดว่าการนำเข้าจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้น และร้อยละ 23 การนำเข้าจะทรงตัว ส่วนผลของการสอบถามความคิดเห็น ด้านการลงทุนของจีนในไทย พบว่า ร้อยละ 56 ของผู้ให้ข้อมูลคิดว่าการลงทุนจากจีนในไทยในไตรมาสที่สามเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่สองจะเพิ่มขึ้นในขณะที่ร้อยละ 28 ของผู้ให้ข้อมูลคาดว่าการลงทุนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน กล่าวโดยสรุปได้ว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นบ้างในอีกสามเดือนหน้า และน่าจะมีผลที่ดีกับประเทศไทยในเรื่องการค้า และการลงทุนระหว่างประเทศ

การสำรวจการคาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ของไทยโดยรวม ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน สรุปได้ว่าร้อยละ 52 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ร้อยละ 25 จะทรงๆ ขณะที่ร้อยละ 20 ไตรมาสที่ 3 จะชะลอตัวลงอีก ทั้งนี้ภาคธุรกิจที่ยังสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในไตรมาสหน้า คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว พืชผลการเกษตร ธุรกิจบริการสุขภาพ และธุรกิจออนไลน์ ส่วนธุรกิจที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว พืชผลการเกษตร  และพลังงานและสาธารณูปโภค การสอบถามเพิ่มเติมในส่วนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พบว่าเป็นอุตสาหกรรมเป็นโอกาสของประเทศไทยที่สำคัญและจะนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้หากได้รับการแก้ไขอุปสรรคอย่าวรวดเร็ว

การคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน ผู้ให้ข้อมูลร้อยละ 51 คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์น่าจะปรับตัวลดลง ร้อยละ 22 คาดว่าคงเดิม ร้อยละ 23 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ส่วนแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสหน้านั้น เสียงส่วนใหญ่ร้อยละ 57 คาดว่าเงินบาทจะมีค่าอ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา และอีกร้อยละ 17 คิดว่าถ้าเงินบาทจะอ่อนตัวลงเป็นอย่างมาก

กล่าวโดยสรุป ผลการสำรวจในครั้งนี้ สิ่งภาคเอกชนต้องติดตาม คือ สถานะการณ์ความขัดแย้งของมหาอำนาจที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย สถานะการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง มีผลทำให้การนำเข้าพลังงานมีต้นทุนสูงขึ้นมาก ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวที่จะได้ประโยชน์จากการที่บาทอ่อน
ยังไม่สามารถหวังผลได้เต็มที่ จะกดดันให้เงินเฟ้อค่อยๆสูงขึ้น โดยภาคเอกชนก็ยังมีความกังวลใจกับการปรับราคาขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ

29 มิถุนายน 2565

ภาครัฐและเอกชน มัลดีฟส์และไทย ร่วมหารือถึงประโยชน์ของเครื่องบินทะเล เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการบิน

กรุงเทพฯ ประเทศไทย -- H.E., Mr. Ahmed Zuhair รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและการบินพลเรือนแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเกี่ยวกับประโยชน์ของเครื่องบินทะเลที่มีต่อประเทศไทย เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบินทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้ประชุมหารือ โดยมี วรกัญญา สิริพิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สยาม ซีเพลน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครื่องบินทะเลมาตรฐานสูงแห่งแรกของประเทศไทยให้การต้อนรับ ณ โรงแรมสวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา เมื่อวันก่อน



มูลนิธิเพื่อสัมพันธภาพไทย-จีน ร่วมกับ “บาโอจิ”มอบรองเท้าพยาบาลให้กับ คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว

นายชาลี ลิ้ม ประธานมูลนิธิเพื่อสัมพันธภาพไทย-จีน และ ประธานบริษัท บริษัท บาโอจิ จำกัด พร้อมด้วย นางสาวยุพารัตน์  เนียมหอม มอบรองเท้าพยาบาล ให้กับ คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว มูลค่ากว่า 160,000 บาท มี นายอรัญ เอี่ยมสุรีย์ ผู้อำนวยการคลินิกแพทย์แผนจีน โรงพยาบาล หัวเฉียว รับมอบ
โดยมี แพทย์จีน สมชาย จิรพินนิจวงศ์, เภสัชกร เย็นจิตร เตชะดำรงสิน, นายศิลปชัย พันธุ์สุริยานนท์ ร่วมรับมอบ


ณ คลินิกแพทย์แผนจีน โรงพยาบาล หัวเฉียว เมื่อเร็ว ๆ นี้

บริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จัดโครงการ CSR

 “มอบรอยยิ้มให้น้อง พร้อมเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก”     


บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จัดโครงการ CSR “มอบรอยยิ้มให้น้อง พร้อมเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก” ปรับปรุงลานอเนกประสงค์ ให้แก่ โรงเรียนชุมทางตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 25

        
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมที่บริษัทให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องผ่านการจัดกิจกรรม CSR ต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาการ และสุขภาพของเด็ก และเยาวชน ซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไปในอนาคต รวมทั้งช่วยส่งเสริมโรงเรียน หรือสถานศึกษาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ให้มีลานกิจกรรมที่สามารถใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด บริษัทจึงได้จัดโครงการ CSR “มอบรอยยิ้มให้น้อง พร้อมเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก” ปรับปรุงลานอเนกประสงค์ ณ โรงเรียนชุมทางตลิ่งชัน โดยมีพิธีเปิดโครงการ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา                                                        














รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตคนชานเมือง Call Center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

27 มิถุนายน 2565

สสว. ร่วมออกบูธในงาน FTI Expo 2022 วันที่ 29 มิ.ย.- 3 ก.ค.65 ศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว.ร่วมออกบูธในงาน FTI Expo 2022 เพื่อนำเสนอบริการและสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการในงาน รวมทั้งให้คำแนะนำปรึกษาและสมัครสมาชิก สสว. อีกด้วย  สำหรับงานFTI Expo 2022 ท่านจะได้พบสุดยอดผู้นำและ CEO จากภาครัฐและเอกชนกว่า 25 ท่าน ตลอด 5 วัน เข้มข้นด้วยวิสัยทัศน์และแนวคิดด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ใน FTI Future Forum  

พบกับบูธสสว. หมายเลขP-01 และบูธTHAI SME-GP หมายเลข A302-Aภายในงาน FTI Expo 2022  ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2565 เวลา 10.00 - 20.00 น.

ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฯ เชียงใหม่
ดูรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ https://ftiexpo.com/forum/

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น

ผ่านพ้นช่วงต้นปีไปอย่างรวดเร็วมาก หลังจากที่ทุกคนคงจะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อให้สามารถพิชิตเป้าหมายชีวิตของแต่ละคนให้สำเร็จ ทุ่มเทขนาดต้องให้รางวัลตัวเองกันสักนิดด้วยการออกไปสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติ ทิวเขาที่เขียวขจีที่แสนสงบสุขตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และยังสามารถช่วยให้ทุกคนได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าพร้อมสูดโอโซนบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด 

วันนี้ Toptotravel อยู่ที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดอันดับหนึ่งในใจเป็นจังหวัดที่ ภูเขาสวย มีทะเลหมอกเยอะ
มีหลายดอยให้เราเที่ยว พร้อมคาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ และวัดที่สวยงามติดอันดับของโลก จังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาแต่โบราณกาลประมาณ 750 ปีที่ผ่านมา มีอายุเก่าแก่กว่าจังหวัดเชียงใหม่ไปโดยประมาณ 50 กว่าปี มี ”คำเมือง” เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านศิลปะ ประเพณีวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในรูปแบบล้านนา ไทลื้อ ไทใหญ่ ไทเขิน จากสิบสอบปันนาผสมผสาน เข้าด้วยกัน และมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งในอนาคต จังหวัดเชียงราย




โรงแรมเฮอริเทจ เชียงรายโฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่นเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงรายด้วยจำนวนห้องพัก 321 ท้อง และห้องประชุม 10 ท้อง ทั้งห้องประชุมขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กที่สามารถรองรับได้มากกว่า 1,500 คน มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและครบครันที่สุด สามารถจัดงานประชุมสัมมนาจัดเลี้ยงรับรอง งานแต่งงาน งานเปิดตัวสินค้า รวมไปถึงการจัดนิทรรศการระดับนานาชาติ (MICE) โดยผ่านมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) และเป็นสมาชิกสมาคมโรงแรมไทย (THA)
โรงแรมฯ ถูกออกแบบอย่างหรูหราได้มาตรฐานลงตัวในทุกดีไซน์ ตามระดับสากล รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสะท้อนถึงศิลปะ วัฒนธรรมล้านนา ล็อบบี้ต้อนรับอันโอ่โถง ล็อบบี้เลาจน์ออกแบบล้านนาร่วมสมัยด้วยภาพวาดสีสะท้อนถึงศิลปะพื้นบ้านของชาวเชียงรายห้องอาหารนานาชาติ ศูนย์ออกกำลังกาย สระว่ายน้ำที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ รวมถึงพื้นที่สีเขียวเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง


โปรโมชั่น....
โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย รอต้อนรับทุกท่านด้วยการบริการที่อบอุ่นและประสบการณ์ที่น่าประทับใจทำทุกวันให้เป็นวันพิเศษ ครอบครัวสายมู หรือจะพลาด ! พักโรงแรมหรู พร้อมพาเที่ยววัดชื่อดังในจังหวัดเชียงราย กับโปรโมชั่น “แฟมมิลี่ สเตย์เคชั่น” รับส่วนลดมากกว่า 70% ฟรี ! รถรับ-ส่ง และสิทธิประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย





ช่องทางการจอง https://bit.ly/3lolQP8

จองและเข้าพักได้ตั้งแต่ วันนี้ – 30 มิถุนายน 2565

▪️ ห้องดีลักซ์ --> 1,999 บาท/คืน (สำหรับ 2 ท่าน)

▪️ ห้องเฮอริเทจสวีท 1 ห้องนอน --> 2,899 บาท/คืน (สำหรับ 2 ท่าน)

▪️ ห้องเฮอริเทจสวีท 2 ห้องนอน --> 4,399 บาท/คืน (สำหรับ 4 ท่าน)


สิทธิประโยชน์โปรโมชั่น.... 

- ฟรี อัพเกรดห้องดีลักซ์ เป็นห้องเอ็กเซ็กคิวทีฟดีลักซ์

- ฟรี รถรับ-ส่งสนามบิน

- ฟรี รถรับ-ส่งวัดชื่อดังในจังหวัด (วัดร่องขุ่น วัดห้วยปลากั้ง และวัดร่องเสือเต้น) เลือกได้ 1 วัด

- เช็คอินได้ก่อน 14.00 น. และเช็คเอ้าท์ได้ถึง 16.00 น.

- ส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม 20% (ไม่รวมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์)

- ส่วนลดค่าบริการซัก-รีด 15%

- พิเศษราคาเตียงเสริมเพียง 850 บาท




สอบถามเพิ่มเติมได้ที่่ โทร 052 055 888

📲 Line ID: theheritagechiangrai

📬 m.me/TheHeritageChiangRai

📧 reservation@heritagechiangrai.com

💻 www.heritagechiangrai.com


#TheHeritageChiangRaiHotelandConvention #โรงแรมเฮอริเทจเชียงรายโฮเทลแอนด์คอนเวนชั่น #TheBiggestHotelandConvention #ChiangRai #Thailand #FamilyStaycation #FamilyTime #FamilyPackage #Promotion #toptotravel