เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

31 มกราคม 2567

คณะการท่องเที่ยวฯ DPU ร่วมเทศกาล BKKDW 2024

ชูเส้นทางเดินเที่ยวย้อนรอยวันวานย่านสุดคูลกับทริป “ทรงวาด...ที่วาดไว้ในความทรงจำ” 


คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมงานเทศกาล Bangkok Design Week 2024 (BKKDW2024) จัดกิจกรรมนำชมถนนทรงวาด ในธีม "ทรงวาด...ที่วาดไว้ในความทรงจำ" โดยร่วมเดินทางท่องเที่ยวไปกับ ดร.ยุวรี โชคสวนทรัพย์ หรือ อาจารย์นวล ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์เมือง และอดีตชาวถนนทรงวาด ซึ่งจะเป็นผู้นำย้อนเวลาสู่ถนนทรงวาดในวันวาน ไม่ว่าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวของคุณแม่ โรงขายไข่ ร้านรวงในวันวานและภาพจำประทับใจต่าง ๆ เมื่อวัยเยาว์

“เราอยากให้คนรู้ว่า ถนนทรงวาด...เป็นมากกว่าจุดเช็คอินใหม่ แต่ตรงนี้เป็นบ้าน เป็นที่ทำมาหากิน เป็นจุดรวมศรัทธา...เป็นพื้นที่แห่งชีวิตและความทรงจำของใครหลายคน”




จากคำกล่าวข้างต้น จึงเป็นที่มาของเส้นทางเดินเที่ยว (Walking Tour) ภายใต้ ธีม  "ทรงวาด...ที่วาดไว้ในความทรงจำ" Songwad..Walking the Memories โดย ดร.ยุวรี โชคสวนทรัพย์ หรือ อาจารย์นวล ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์เมืองและหัวหน้าทีมการตลาดและประชาสัมพันธ์ คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เล่าถึงที่มาของเส้นทางทัวร์ครั้งนี้ ว่า กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาล Bangkok Design Week 2024 แรกเริ่มก่อนเข้าร่วมกับเทศกาลดังกล่าวอาจารย์ภควดี วรรณพฤกษ์ (ปีย์) อาจารย์ประจำหลักสูตรของคณะฯ ได้มาเล่าให้ฟังว่า อยากทำทริปเที่ยว ถ.ทรงวาด ให้ฉีกแนวกว่าทริปของทัวร์อื่น ซึ่งได้โปรโมทจุดเช็คอิน ที่วิวสวย สถานที่สำคัญ หรือ ร้านน่านั่ง ไปหมดแล้ว โดยอยากทำทริปให้น่าจดจำมากกว่านั้น เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่คนรุ่นใหม่มากขึ้น และส่วนตัวอาจารย์นวลก็เป็นเด็กทรงวาดมาก่อน เกิดและโตที่นี่ จึงมองว่าโครงการนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้กลับไปสถานที่แห่งความทรงจำในวัยเด็กอีกครั้ง จึงร่วมกับอาจารย์ปีย์เสนอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ม.ค.-4 ก.พ.67 ภายใต้ธีม “Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี” เพราะมองว่า Walking Tour นี้จะทำให้คนรู้จักถนนทรงวาดมากขึ้น



นอกจากนี้ ทางคณะฯ ยังได้เชิญ อาจารย์กิรติ ศรีสุชาติ จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU เข้ามาร่วมออกแบบตราปั๊มและโลโก้ของโครงการฯ รวมถึงเป็นผู้สอนนักศึกษาของคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรมในการนำผลงานภาพถ่ายฝีมือนักศึกษา มาทำเป็นโปสเตอร์ของที่ระลึกให้กับผู้ร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งการถ่ายภาพและออกแบบส่วนหนึ่งมาจากผลงานของนักศึกคณะการท่องเที่ยวฯ ถือเป็น Art activity อย่างหนึ่งที่ได้ร่วมกันทำ โดย อ.กิรติ สะท้อนให้ฟังว่าการได้ทำโครงการฯร่วมกับคณะการท่องเที่ยวฯทำให้รู้จัก ถ.ทรงวาดมากขึ้น และเพิ่งทราบว่าย่านนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นย่านฮิตติดอันดับ 1 ใน 40 ย่านที่คูลที่สุดจากทั่วโลก และติดอันดับ 1 ของกรุงเทพฯ โดยผ่านการจัดอันดับจากสื่ออันดับโลกด้านไลฟ์สไตล์อย่าง Time Out ในปี 2023 ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศสนใจมาแฮงเอาท์และอยากมา Chic City ชมความเก่าแก่และเสน่ห์ของตึกในย่านนี้

สำหรับ Walking Tour นี้ จัดขึ้น 2 รอบ คือ วันที่ 28 ม.ค. 2567 และ 3 ก.พ. 2567 เริ่มตั้งแต่เวลา 9.30 - 12.30 น. โดยใช้เวลาเดินทางในการท่องเที่ยวทั้งหมด 3 ชม.  

​อาจารย์นวล ได้เล่าความเป็นมาของ ถนนทรงวาด ว่า ย้อนกลับไปช่วงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น รัชกาลที่ 1 ทรงย้ายฝั่งจากธนบุรีมาอยู่พระนคร แล้วโปรดให้สร้างพระบรมมหาราชวังขึ้นตรงบริเวณที่อยู่เดิมของกลุ่มชาวจีน จึงได้โปรดเกล้าให้ชาวจีนและชาวต่างชาติในบริเวณนั้นย้ายออก โดยจัดหาที่อยู่อาศัยใหม่ให้ตรงสามแพร่ง บริเวณถนนเยาวราช ซึ่งสำเนียงเรียกภาษาไทยที่ไม่ชัดเจนของชาวจีน ทำให้ชื่อสามแพร่ง ได้เพี้ยนเสียงเป็นสำเพ็ง จนมาถึงปัจจุบัน ส่วนถนนทรงวาด บริเวณดั้งเดิมไม่มีถนนเป็นเพียงพื้นที่ติดแม่น้ำมีบ้านเรือนอยู่หนาแน่น เมื่อพ.ศ. 2449 เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในสำเพ็ง บ้านเรือนสมัยนั้นเป็นไม้ติดๆกันทำให้เพลิงไหม้ได้ง่าย

​จากเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงจัดระเบียบที่อยู่อาศัยใหม่ โดยทรงกางแผนที่แล้ววาดถนนขึ้นใหม่ให้ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วให้คนจีนขยายออกมาอยู่ตรงนี้ จึงเรียก ถนนทรงวาด และภายหลังมีถนนทรงวาดมาแล้ว รัชกาลที่ 5 ทรงประกาศ ในการสร้างบ้านเรือนห้ามสร้างโรงเรือนด้วยไม้ขัดแตะ ดังนั้นบ้านเรือนในถนนทรงวาด จึงเป็นลักษณะห้องแถวที่สร้างด้วยปูนแบบบ้านร้านค้า (Shophouse) สันนิษฐานว่า อาคารลักษณะดังกล่าวที่เป็นตึกทรงฝรั่ง เช่น ตึกผลไม้ มีความใกล้เคียงกับตึกในเมืองปีนังและสิงคโปร์ น่าจะเป็นการรับอิทธิพลของสถาปัตยกรรมบริเวณนิคมช่องแคบ (Straits Style) ซึ่งเป็นความนิยมในยุคนั้น

อาจารย์นวล เล่าให้ฟังอีกว่า สิ่งที่ยังเหมือนเดิมในปัจจุบันมีเพียงตึกเท่านั้น เมื่อก่อนถนนเส้นนี้เป็นจุดลงสินค้าทางเรือ เป็นจุดกระจายสินค้า มีรถสิบล้อเข้า-ออก เพื่อมารับสินค้านำไปจำหน่ายที่อื่น พื้นที่แห่งนี้เป็นเสมือน คลังสินค้าขายส่ง (Warehouse) ตอนเด็กจำได้ว่าพ่อทำงานที่ บ.เกษตรรุ่งเรืองพืชผล ส่วนแม่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ซอยเยื้องๆตรงข้ามบ้านพัก สมัยนั้นบ้านของบริษัทจะอยู่ตรงริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีโป๊ะหันหน้าออกไปทางแม่น้ำ มีห้องน้ำรวมอยู่ 2 ห้อง ทุกครอบครัวต้องตกลงกันว่าใครจะอาบน้ำก่อนหลัง ครอบครัวของเราต้องอาบน้ำท้ายสุด เพราะกว่าแม่จะขายก๋วยเตี๋ยวเสร็จกว่าจะเก็บล้างก็มืดแล้ว พอ บ.เกษตรรุ่งเรืองพืชผล ไม่ได้สัมปทานต่อทุกคนต้องย้ายออกไปจากบ้านพักดังกล่าว และบ้านพักคนงานแห่งนี้ปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งของร้านน้ำชาภายใต้ชื่อ Bllue Mandarin

​เส้นทางเดินทัวร์เริ่มด้วยการเดินชมตึกเก่าโดยเริ่มจากตึกแขกที่อยู่ปากซอย ต่อด้วยร้านค้าดั้งเดิมอย่างร้านขายภาชนะเคลือบตรากระต่ายและตึกผลไม้ ซึ่งเป็นจุดเช็คอินสุดฮิตของคนชอบกินเนื้อ เพราะมีร้านก๋วยเตี๋ยวภายใต้ชื่อว่า “โรงกลั่นเนื้อ” ทุกจุดที่ผ่านอาจารย์นวลจะบรรยายให้ฟังถึงความเป็นมาและการเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังจะได้เห็นภาพงานศิลปะจากเทศกาล BKKDW 2024 ตามจุดเช็คอินต่าง ๆ อีกด้วย จากนั้นเดินชมตรอกโรงโคม ชมตึกเก่าเรื่อยมาจนถึงศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง หลังไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จ ต่อด้วยการเยี่ยมชมโรงเรียนเผยอิง ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากท่าน ดร.นงลักษณ์ เดชดำเกิงชัย ผอ.โรงเรียน ซึ่งได้เล่าประวัติของโรงเรียนสอนภาษาจีนอายุกว่า 104 ปีแห่งนี้ให้ฟังว่า

ก่อตั้งขึ้นโดยเจ้าสัวจีน 5 คนที่เข้ามาค้าขายจนประสบความสำเร็จในกรุงสยาม มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้การศึกษากับลูกหลานรวมถึงปลูกฝังประเพณีดั้งเดิมของชาวจีน จึงระดมทุนร่วมกันในพ.ศ. 2459 (สมัยร.6) รวมเงินกันได้จำนวน 3 แสนบาท นำมาสร้างโรงเรียนใน พ.ศ.2463 โดยใช้สถาปัตยกรรมอิตาเลียนผสมกับจีน ออกแบบสร้างอาคาร 3 ชั้นขนาดใหญ่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเน้นโถงทางเข้าตรงกลางด้านในมีพื้นที่เปิดโล่งสไตล์โคโลเนียลที่พบเห็นได้ในฝั่งยุโรป โรงเรียนแห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์มาจนถึงปัจจุบันและได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น นอกจากนี้ยังเป็นสถานศึกษาที่ผลิต “เจ้าสัว” ในไทยมากที่สุด

​ต่อจากนั้น คณะได้แวะชม “มัสยิดหลวงโกชาอิศหาก” มัสยิดโบราณสไตล์ยุโรปหนึ่งเดียวในย่านนี้ พร้อมแวะชมบ้านร้างคหบดีเก่า และพักดื่มน้ำชาที่ร้าน Bllue Mandarin เพื่อรับฟังเรื่องราวความเป็นมาของถนนทรงวาดจากมุมมองของอาจารย์สมชัย กวางทองพาณิชย์ นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น หรือคนทรงวาดอีกรุ่น ซึ่งได้ฉายภาพอดีตให้เห็นถึงความมั่งคั่งสูงสุดของย่านนี้ และจุดพลิกผันเมื่อมีการห้ามรถบรรทุกเข้า-ออก ในปีพ.ศ.2530 ผนวกกับการขนส่งทางเรือเริ่มลดน้อยถอยลง ทำให้การค้าย่านนี้ซบเซาลงนับแต่นั้น

​สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของทริปนี้ คือ วัดสัมพันธวงศ์ (วัดเกาะ) หลังจากนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระอุโบสถแล้ว อาจารย์นวลได้นำชมพร้อมเล่าประวัติของธรรมมาสน์ซึ่งเป็นเครื่องสังเค็ดที่ทางวัดได้รับพระราชทานจากงานพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ใน พ.ศ. 2453 จากนั้นได้มอบโปสการ์ดรูปถ่ายสถานที่สำคัญของถนนทรงวาด ให้เป็นของที่ระลึกพร้อมประทับตราปั๊มซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกิจกรรมครั้งนี้


ด้าน น.ส.เบญญาภา เวียงมูล (น้องเบญ) หนึ่งในผู้ร่วมคณะทัวร์เล่าถึงความรู้สึกหลังจบทริป ว่า เคยมาเดินเล่นแถวเยาวราช และเดินหลงมาถนนเส้นนี้ เกิดหลงเสน่ห์เข้าอย่างจัง เพราะชอบความ ชิคๆ คูลๆ ของตึกเก่า แม้บางตึกจะร้างแต่ก็ยังมีความสวย ซึ่งตอนนั้นไม่กล้าเดินเที่ยวคนเดียวเพราะมันดูวังเวงมาก ภายหลังเริ่มมีคนหยิบยกถนนเส้นนี้ขึ้นมาโปรโมท จุดเช็คอิน รวมถึงสถานที่น่าสนใจ ตนเองเรียนด้านสถาปัตย์และอยากรู้ประวัติของตึกเก่าเหล่านี้ จึงตัดสินใจร่วมทริปทันที ทัวร์นี้ตอบโจทย์ความรู้ที่เราต้องการมาก ได้เรียนรู้อะไรมากมาย และเข้าใจรูปแบบของสถาปัตยกรรมในถนนทรงวาดมากขึ้น ประวัติศาสตร์จะบอกรูปแบบของสถาปัตยกรรมได้ดี เช่น เก้าอี้ที่ยื่นออกมาในโกดังเก่ามีไว้เพื่อทำอะไร สถาปัตยกรรมการออกแบบล้วนมีฟังก์ชั่นของมัน สมัยก่อนเกิดคำถามในหัวทำไมที่ร้างๆแห่งนี้ ถึงมีคาเฟ่ได้ พอได้มาร่วมทริปนี้จึงรู้ว่าทรงวาดเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจมาก สังคมเล็กๆแห่งนี้ในอดีตเป็นแหล่งกำเนิดของเจ้าสัวไทยหลายคนและอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่อาจทำให้มองเห็นภาพใหญ่ของกรุงเทพได้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณทีมผู้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ ที่ได้ถ่ายทอดข้อมูลเชิงลึกของสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

หลังจบทริปในวันนั้น ผู้ร่วมคณะทัวร์ต่างอิ่มเอมและสัมผัสได้ถึงความมีเสน่ห์ของตึกเก่าโบราณที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยการฉายภาพอดีตจากการบอกเล่าของวิทยากรซึ่งเป็นคนทรงวาดเอง ทำให้เห็นถึงภาพความคึกคักของย่านการค้าสำคัญสมัยกรุงสยามพร้อมความรู้ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเก่าแก่ของผู้คนย่านนี้ เรียกว่า เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปเลยทีเดียว

“ฉลองตรุษจีนปีมังกร” ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

                    

ห้องอาหารจีนหยก โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ตกแต่งด้วยบรรยากาศหรูหรา โอ่โถ่ง นั่งสบาย ทั้งภายในและภายนอก  บริการอาหารจีนกวางตุ้งสูตรต้นตำรับหลากหลายสไตล์ให้คุณได้เลือกลิ้มลองมากมาย ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ                                                                                                             

ระหว่างวันที่ 9 - 11 กุมภาพันธ์ 2567 เชิญฉลองเทศกาลตรุษจีนปีมังกร ด้วยอาหารมงคลชุด “มั่งมีตลอดไป” และ “ร่ำรวยความสุข”  ซึ่งเชฟจีนผู้มากประสบการณ์ได้คัดสรรอาหารที่มีความหมายเป็นสิริมงคลมาบริการ เริ่มต้นพียงชุดละ 6,999 บาท++  สำหรับ 5 ท่าน และ 11,999 บาท++ สำหรับ 10 ท่าน 

หรือจะเลือกเมนูตามสั่งเช่น “หยี่ซัง-สลัดปลานำโชค” ซุปกระเพาะปลาหม้อดิน (ราบรื่นโชคดี) กุ้งมังกรบะหมี่ยอดซุป (มังกรหมื่นปีหมื่นหมื่นปี) ราคาเริ่มต้นเพียงที่ละ 399 บาท++ นอกจากนี้ยังมีเมนูติ่มซำบริการเฉพาะมื้อกลางวัน โปรโมชั่นพิเศษ! ใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเคทีซี รับส่วนลด 20% เฉพาะเมนูตามสั่ง (ระหว่างวันที่ 1 - 15 กุมภาพันธ์ ยกเว้นเซทเมนูอาหารชุด)  



ของกำนัลสุดพิเศษ!! เฉพาะวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่จีน เชิญเพลิดเพลินกับ “แป๊ะยิ้ม” ที่จะมาทักทายอวยพร มอบรอยยิ้มให้ทุกครอบครัวระหว่างเวลา 12.00 – 14.30 น. ทุกโต๊ะจะได้รับ “Nian Gao : ขนมเข่งปลาเงินปลาทอง” และรับสิทธิ์จับซองอั่งเปา (เมื่อใช้จ่าย 2,000 บาทขึ้นไป/บิล) เพื่อรับคูปองเมนูพิเศษสำหรับใช้บริการในครั้งถัดไป ฟรี!                                                                     

มื้อกลางวันเปิดบริการเวลา 11.30 – 14.30 น. และมื้อค่ำ 18.00 – 22.00 น. ตั้งอยู่ชั้น 2 มีห้องส่วนตัว
จำนวน 12 ห้อง เพื่อความสะดวกสบายตามความต้องการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่โทร.0-2276-4567 หรือไลน์ @theemeraldhotel และ www.facebook.com/yoktheemerald

29 มกราคม 2567

“สายสีแดง” ปลื้ม ทำสถิติผู้ใช้บริการสูงสุด (New High) อีกครั้ง

หลังดำเนินนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เผยสถิติผู้ใช้บริการสูงสุด (New High) หลังดำเนินนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า หลังจากรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ขานรับนโยบาย Quick Win ของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม ดำเนินนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ในระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ทั้ง 2 เส้นทาง ได้แก่ สายธานีรัถยา ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - สถานีรังสิต และสายนครวิถี ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีตลิ่งชัน ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการสาธารณะมากยิ่งขึ้นนั้น โดยตั้งแต่เริ่มนโยบายดังกล่าวมาเป็นระยะเวลากว่า 3 เดือน มีปริมาณผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถทำสถิติผู้ใช้บริการสูงสุด (New High) ได้อีกครั้ง เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2567 ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้บริการอยู่ที่ 35,352 คน โดยสถานีที่มีผู้ใช้บริการสูงสุด คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีจำนวนผู้ใช้บริการอยู่ที่ 9,458 คน

อีกทั้ง ในช่วงวันที่ 2 - 10 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการจัดงานเกษตรแฟร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ยังเตรียมความพร้อมในด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย และความพร้อมของขบวนรถไฟฟ้า เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้บริการที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ใช้บริการที่จะเดินทางไปที่เที่ยวในงานเกษตรแฟร์ สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงได้อย่างสะดวก โดยลงที่สถานีบางเขน และเลือกใช้ทางออกที่ 7 หรือ 8 โดยบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้โดยสารจะให้ความไว้วางใจเดินทางด้วยรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จนสามารถทำสถิติผู้ใช้บริการสูงสุด (New High) ได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ นอกจากการให้บริการเดินรถไฟฟ้า บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ รักษามาตรฐานการปฏิบัติงานในด้านการเดินรถ และซ่อมบำรุง พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพอยู่เสมอ รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจขององค์กร อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงทุกการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมืองได้อย่างยั่งยืน

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง Call Center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

28 มกราคม 2567

ชาวเพชรบุรี และคนรักมิตร จัดงานรำลึก ย้อนอดีตถิ่นเกิด มิตร ชัยบัญชา๙๐ปี

 ที่วัดท่ากระเทียม อ. ท่ายาง..จ. เพชรบุรี

วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ ๒๕๖๗   เวลา ๑๐.๐๐ น.นายจงรัก เพชรเสน นายอำเภอท่ายาง เป็นประธานงาน.ทำบุญเลี้ยงพระ ๑๐  รูป เพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้มิตร ชัยบัญชา เนื่องใน" งานรำลึกย้อนอดีตถิ่นเกิด มิตร  ชัยบัญชา ๙๐ปี  วัดท่ากระเทียม" 

การจัดงาน ลำลึกย้อนอดีตถิ่นเกิด  มิตร ชัยบัญชา ๙๐ ปีในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของชาวเพชรบุรีโดยมี คนที่รักมิตรชัยบัญาชา จากหลายๆ ที่ ทั้งส่วนกลาง คนในพื้นที่ ซึ่งหลวงพ่อแดงท่านเจ้าอาวาส วัดท่ากระเทียม  และคนรักมิตรชัยบัญชา  ได้หารือแนวทางการจัดงานฯ  ในปีต่อๆไปก็จะะจัดอย่างต่อเนื่อง ในวันที่สำคัญเช่น วันเกิดในช่วงเดือน มกราคม และงานวันครบรอบการเสียชีวิตในเดือนตุลาคมในปีนี้ จะมีเวลาเตรียมงานพอสมควร 

ซึ่งรูปแบบการจัดงานนอกจากจะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับ มิตรชัยบัญชาแล้วจะพยายามจัดในธีม ย้อนยุค ในสมัยที่มิตรชัย บัญชา ยังมีชีวิต อยู่ โดยจะเชิญชวนผู้สนใจ และผู้ที่รักมิตร ชัยบัญชา มาร่วมงานโดยเชิญชาน ให้แต่งกายด้วยเสื้อผา ย้อนยุค  มาร่วมงาน เพื่อเป็นการสร้างสีสรร การจัดงาน  และสร้างบรรยากาศงานแบบมีส่วนรวมและจัดให้มีการฉายภาพยนตร์ ที่มิตร ชัยบัญชา แสดงเป็นพระเอก ให้ผู้สนใจและผู้ที่รักมิตรชัยบัญชา ได้ชมภาพยนตร์ในบรรยากาศอดีตย้อนยุคอีกด้วย..,

26 มกราคม 2567

โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ จัดพิธีทำบุญครบรอบ 12 ปี


23 มกราคม พ.ศ.2567 - คุณนิจพร จรณะจิตต์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท อิตัลไทย กรุ๊ป พร้อมด้วยคุณวลัยทิพย์ พิริยะวรสกุล รองประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัทอิตัลไทย กรุ๊ป คุณวุฒิเวช เวชชบุษกร รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายการเงินบริษัทในเครือฯ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป คุณพรทิพย์ สว่างจิต รองประธานกรรมการฝ่ายสนันสนุนการบัญชีโรงแรม ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป คุณแฮโรลด์ โอลายา ลีออน รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป และ คุณพรทิพย์ ภิบาลวงษ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ร่วมเป็นประธานในพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสครบรอบ 12 ปี ของโรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ วันที่ 23 มกราคม 2567 โดยมีผู้บริหารและพนักงานร่วมในพิธี



ภายในงานได้มีการจัดพิธีพราหมณ์ บวงสรวงสักการะบูชาพระสยามเทวาธิราชซึ่งเป็นเทพยดาศักดิ์สิทธิ์ที่อภิบาลรักษาประเทศไทย ศาลตายายพระภูมิเจ้าที่ประจำโรงแรม ณ บริเวณทางเข้าโรงแรม และถวายเครื่องสักการะพระบรมรูปกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน พระบิดาแห่งการก่อสร้างไทย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่องค์กรรวมถึงบุคลากรภายในโรงแรม 


นอกจากนั้นยังมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารเพล ถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 9 รูป โดยผู้บริหาร พนักงาน และแขกผู้เข้าพักในโรงแรม ณ ห้องเพลย์ รูม ณ ชั้น 4 ของโรงแรม พร้อมปิดท้ายด้วยการตัดเค้กเฉลิมฉลองกับการครบรอบปีที่ 12 ของโรงแรม

เว็บไซด์: https://www.oriental-residence.com/
เฟสบุ๊คเพจ: https://www.facebook.com/OrientalResidenceBKK
อินสตาแกรม: https://www.instagram.com/orientalresidencebkk

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-125-9000

กิจกรรมจดทะเบียนสมรส เนื่องในโอกาสวันแห่งความรัก

เนื่องในโอกาสเทศกาลวันแห่งความรัก โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ ร่วมกับ สำนักงานเขตราชเทวี จัดงาน “𝑳𝒖𝒔𝒄𝒊𝒐𝒖𝒔 𝑳𝒐𝒗𝒆 เทศกาลรักหวานฉ่ำ” ขอเชิญชวนคู่รักคนไทย - ต่างชาติ มาร่วมจดทะเบียนสมรสกัน ในวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องเดอะ เลาจน์ ของโรงแรมฯ เวลา 09.00 - 12.00 น. พร้อมรับของที่ระลึก และร่วมลุ้นรับของรางวัล อีกทั้งสิทธิพิเศษมากมายภายในงานสูงสุดถึง 4 ต่อ ดังนี้ 

ต่อที่ 1 รับฟรี! ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสมรสม, แฟ้มใส่ทะเบียนสมรส, ของที่ระลึก และถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ณ สยามดาษดา เขาใหญ่  รีสอร์ท รวมมูลค่ากว่า 10,000  บาท 

ต่อที่ 2 ลุ้นรับรางวัลบัตรกำนัลห้องพัก Pool Villa 3 วัน 2 คืน ณ เรเนซองส์ เกาะสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา  พร้อมดินเนอร์วาเลนไทน์ ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ รวมมูลค่ากว่า 40,000 บาท

ต่อที่ 3  แคมเปญพิเศษสำหรับคู่รักที่มัดจำแพ็กเกจแต่งงาน ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ ราคาเริ่มต้น 200,000 บาท             

             • รับฟรี! Photo Backdrop และ แกลเลอรี่ในงาน มูลค่า 100,000 บาท

             • ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งฟรี! ณ สยามดาษดา เขาใหญ่ รีสอร์ท มูลค่า 18,000 บาท 

             • ลุ้นรับฟรี! ชุดงานหมั้นเจ้าบ่าว-เจ้าสาว 1 ชุด และถ่ายพรีเวดดิ้ง ร้าน Deep Love
                มูลค่า 40,000 บาท* (*หมายเหตุ : ลงทะเบียนคลิ๊ก https://bit.ly/3tNHDGv )

ต่อที่ 4  ลุ้นรับฟรี! แพ็กเกจถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ร้าน Deep Love ประกอบด้วยภาพขนาด 16 x 20 นิ้ว จำนวน 1 ภาพ  และชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว 1 ชุด สำหรับใส่ถ่ายภาพ พร้อมแต่งหน้า-ทำผม จำนวน 14 รางวัล*(*หมายเหตุ : ลงทะเบียนคลิก: https://bit.ly/3tNHDGv และโทร 064-632-9631 )





ลงทะเบียนจดทะเบียนสมรสล่วงหน้า ตั้งแต่วันนี้ – 7 กุมภาพันธ์ 2567
ที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตราชเทวี ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00 - 16.00 น. โทร 02 354 4216

สอบถามข้อมูลแคมเปญแพ็กเกจแต่งงาน ได้ที่ 02-309-9999 ต่อ 3245
หรือ wedding@berkeleyhotel.co.th

เปิดอย่างยิ่งใหญ่!! งานสังคมสุขใจ ครั้งที่ 9

“รวมพลังขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์” เร่งไทยช่วยหยุดโลกเดือด ชวนช้อปสินค้าเกษตรอินทรีย์จากเกษตรกรทั่วประเทศ

3 วันเท่านั้น!! “งานสังคมสุขใจ ครั้งที่ 9” เริ่มตั้งแต่วันนี้- 28 มกราคม 2567 งานเดียวเที่ยวได้ทั้งครอบครัว ช้อปได้ครบครัน ทั้งความรู้ เครือข่าย สินค้าเกษตรอินทรีย์ ข้าว ผัก ผลไม้ สดใหม่ ส่งตรงจากสวน อาหารทะเล เนื้อสัตว์ สินค้าแปรรูป งาน Art & Craft ต่างๆ จากเครือข่ายเกษตรกรทั่วประเทศ ขนมาให้ ช้อปจุใจ กว่า 200 บูธ นับ 1,000 รายการ อีกทั้งกิจกรรมเวิร์คช็อปน่าสนใจหมุนเวียนมาให้สนุกกันทุกวัน รวมถึงความรู้ดีๆ อีกมากมาย ที่คนอินทรีย์ขนมาแบ่งปัน ผ่านเวทีเสวนา และกิจกรรมต่างๆภายงาน 26-28 มกราคม 2567 ณ สวนสามพราน จ.นครปฐม เข้าฟรี!!


หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานพิธีเปิดงาน กล่าวว่า จากที่ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ “Carbon Neutrality” ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ “Net Zero Emissions” ภายในปี 2065 ภาคการเกษตรในภาพรวมเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ก่อให้เกิดปัญหามากมาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม หากแต่การทำเกษตรอย่างเข้าใจด้วยระบบอินทรีย์จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ ทั้งยังมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายสำคัญดังกล่าว
“ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง รู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วมได้มาในงานนี้ ได้เห็นการรวมพลังขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพราะคนไทยจะได้มีอาหารที่ปลอดภัย ทั้งยังช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น งานวันนี้จึงเป็นการยืนยันถึงโอกาสและอนาคตของคนไทยและประเทศไทยที่จะพัฒนาไปในทิศทางที่ยั่งยืนและมีส่วนร่วมในการดูแลโลกของเรา”

ด้านนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า จังหวัดนครปฐมมีพื้นที่เกษตรกรรมถึงกว่า 6.5 แสนไร่หรือคิดเป็นประมาณ 50% ของพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัด ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของจังหวัดนครปฐมที่มีการนำมาเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาจังหวัด โดยตั้งเป้าหมายให้จังหวัดนครปฐมเป็นศูนย์กลางอาหารปลอดภัย หรือ Food Safety Hub ด้วยการเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบทางการเกษตรและอาหารปลอดภัยที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย และงานสังคมสุขใจ ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 9 ในปีนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดนครปฐม เพราะนอกจากจะสร้างการตื่นตัวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนครปฐม ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง และเพิ่มโอกาสการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ ในอนาคต


ส่วนนายอรุษ นวราช เลขานุการมูลนิธิสังคมสุขใจ ในฐานะประธานจัดงานสังคมสุขใจ ครั้งที่ 9 กล่าวว่า วิกฤตโลกร้อนรุนแรงขึ้นจนกลายเป็น“โลกเดือด”แล้วในวันนี้ UN เตือนให้มนุษยชาติเร่งลงมือร่วมกันแก้ปัญหา ขณะที่ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับที่ 13 ของโลก คนไทยจึงต้องช่วยกันลงมืออย่างเร่งด่วน “งานสังคมสุขใจ ครั้งที่ 9” นี้ นอกจากจะเป็นการรวมกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์ในเครือข่ายสามพรานโมเดลและเครือข่ายอื่นๆ ทั่วประเทศกว่า 200 ราย ซึ่งเป็นการรวมพลังคนในห่วงโซ่สังคมอินทรีย์ครั้งสำคัญ มาร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ต่างๆ เช่น เทคนิคการทำเกษตรอินทรีย์ การแปรรูป การลดต้นทุน การจัดการขยะอาหาร การลดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ และการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ ซึ่งช่วยลดการเพิ่มอุณหภูมิของโลกได้ โดยทุกคนมีส่วนร่วมลงมือทำ


สำหรับกิจกรรมภายในงานแบ่งเป็น 4 โชน ได้แก่ โซน A ประกอบด้วย เวทีจับคู่ธุรกิจ Business Matching และศึกษาการจัดการขยะอาหาร เวทีกิจกรรมเสวนา พูดคุยงานวิชาการ กิจกรรม Workshop และแนะนำโซลูชั่นช่วยการทำเกษตรด้วยเครื่องจักรต่างๆ โดยคูโบต้า และโซนนี้เป็นพื้นที่ตลาดสุขใจ มีสินค้าหลากหลายให้ช้อป เช่น อาหารปรุงสดพร้อมทาน อาหารแปรรูป อาทิ ข้าวจี่ ข้าวปุ๊ก อาหารทะเล สังขยาฟักทอง โกโก้ ขนมกุยฉ่ายยอดแหลม สเต็ก ส้มตำ น้ำอ้อย น้ำเลม่อน เป็นต้น
โซน B ประกอบด้วย เวทีกลาง นำเสนอกิจกรรมชวนคุย เช่น โครงการร้านปันกัน กิจกรรมด้านการท่องเที่ยว กิจกรรมกับชุมชน กิจกรรม workshop ทำดอกไม้ โคมไฟ จากพลาสติก มีการจำหน่ายงาน Art & Craft และกิจกรรมเรียนรู้การจัดการขยะอาหาร ขยะพลาสติก จากโครงการ“วน” เปิดจุดรับถุงและฟิล์มพลาสติกยืด บูธ SCGP ให้ความรู้ถังหมักคู่ดิน และ SMS นำเสนอเครื่องย่อยเศษอาหารขั้นต้น รวมถึงสนุกกับกิจกรรมรักษ์โลก ที่บูธ TOCA สะสมคะแนน Earth Points แลกรับของรางวัลมากมาย พร้อมทั้งแนะนำแพลตฟอร์มส่งเสริมการท่องเที่ยว และบริการคาร์บอนต่ำ ตามหลักเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) อย่างมีส่วนร่วม
โซน C ประกอบด้วย บูธ ททท. นำเสนอ การท่องเที่ยว Amazing Organic เที่ยวตามข้าว เที่ยวชุมชนแม่ทา จ.เชียงใหม่ และบ้านบางโรง จ.ภูเก็ต เครือข่าย Central Tham ขนทัพชุมชนนำสินค้าเด่นมาจำหน่าย รวมถึงบูธ GC นำเสนอผลิตภัณฑ์ชุมชน LUFFALA และเกษตรอินทรีย์กลุ่มหอมมะหาด และ RXV Wellness Village นำเสนอการบริการด้านสุขภาพ อีกทั้งบูธจำหน่ายสินค้าและนิทรรศการจากเครือข่าย ส.ป.ก. และพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน)
โซน D ประกอบด้วย กิจกรรมเด็ก KID zone สนุกกับกิจกรรม ย้อมผ้าจากเปลือกไม้ ทำยาดมสมุนไพร ทำน้ำมันอโรม่า เรียนรู้วิถีชาวนาไทย โซนนี้ยังมีกิจกรรมจากเครือข่าย ส.ป.ก. เช่น สาธิตการทำน้ำยาบ้วนปากสมุนไพร การทำเส้นบุก และพิเศษกับกิจกรรม “อังเคิลรีย์แก๊ง” อร่อยกับสำรับ “โอมากาเห็ด × สังคมสุขใจ” การเลี้ยงไส้เดือนและหนอนทหารดำ และ Workshop Rethink & Upcycling พลาสติกแปลงเป็นของใช้ในบ้าน (เฉพาะ ศุกร์ 26 มค.67 เท่านั้น) และผ่อนคลายกับบริการด้านสุขภาพกับ ลีลาเวชตอกเส้น และสมุนไพรแช่เท้าบางกะเจ้า
งานสังคมสุขใจ ครั้งที่ 9 งานประจำปีของคนรักสุขภาพ จัดขึ้นโดย มูลนิธิสังคมสุขใจ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ องค์การมหาชน (สสปน.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กลุ่มเซ็นทรัล Rxv Wellness Village PTTGC SCGP สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ภาคีภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศ









ปีละครั้งเท่านั้น!! จัดต่อเนื่อง 3 วัน
ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 – อาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2567
ณ สวนสามพราน จ.นครปฐม เข้างานฟรี เปิดให้ช้อป
ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
ผู้สนใจสามารถสอบถามโปรแกรมงาน และข้อมูลการเดินทางได้ที่ โทร. 034 322 588-93 หรือดูรายละเอียดที่ Facebook : งานสังคมสุขใจ สวนสามพราน