เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

31 มีนาคม 2563

ช่อง 3 และมูลนิธิครอบครัวข่าว ชวนสมทบทุนฝ่าภัยโควิด-19

เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์       
ช่อง 3 และมูลนิธิครอบครัวข่าว ชวนคนไทยร่วมบริจาคเงินสมทบทุนช่วยเหลือ จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้หน่วยแพทย์ พยาบาล และโรงพยาบาล ในโครงการ “ช่อง 3 เคียงข้างคนไทย ฝ่าภัย
โควิด-19” เพื่อสู้กับวิกฤตภัยไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในเวลานี้ โดยอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษา และตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ที่ส่งผลต่อเนื่องไปสู่คนใกล้ตัว รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำการรักษาอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วย

         
เพื่อช่วยกันบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นดังกล่าว ช่อง 3 และมูลนิธิครอบครัวข่าว ขอเป็นส่วนหนึ่งในการรวมพลังสมทบทุน โดยการเชิญชวนคนไทยให้มาช่วยกันซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์มอบให้โรงพยาบาลที่มีความจำเป็นโดยสามารถร่วมบริจาคสมทบทุนได้ทาง บัญชีกระแสรายวัน เลขที่ 014-3-00459-6 ธนาคารกรุงเทพ สาขาอาคารมาลีนนท์ ชื่อบัญชี มูลนิธิครอบครัวข่าว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.02-262-3277 และ 02-687-5085
ช่อง 3 จะอยู่เคียงข้างคนไทยฝ่าภัยโควิด-19 ไปด้วยกัน

ช่อง 7HD บริจาค 7 ล้านบาท พร้อมอาสาเป็นสื่อกลาง ให้ประชาชน ร่วมบริจาคสมทบทุน

เชิญชวนคนไทยร่วมสมทบทุน ถึง 7 เมษายนนี้
         
ช่อง 7HD บริจาค 7 ล้านบาท พร้อมอาสาเป็นสื่อกลาง ให้ประชาชน ร่วมบริจาคสมทบทุน ผ่านบัญชี “ช่อง 7 รวมใจสู้ภัยโควิด-19” ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักเพลินจิต       เลขที่บัญชี 001-0-1-8355-8 (กระแสรายวัน) ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 เมษายน 2563 รายได้ทั้งหมดมอบให้   10 โรงพยาบาลรัฐฯ ที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19
           
ผู้ชมสามารถอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับโรคโควิด -19 และการรับบริจาค เป็นประจำทุกวันในรายการสนามข่าว 7 สี เวลา 07.30 น. และสรุปยอดเงินบริจาคแต่ละวัน ในช่วงรายการข่าวภาคค่ำ เวลา 20.00 น.ทางช่อง 7HD กด 35  ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 เมษายน 2563 เงินบริจาคทั้งหมดถูกจัดสรรให้กับโรงพยาบาล          10 แห่ง ดังนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย,โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี,
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ, สถาบันบำราศนราดูร, โรงพยาบาลราชวิถี และ โรงพยาบาลศูนย์ทุกภาค 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่, โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี, โรงพยาบาลชลบุรี จ.ชลบุรี และโรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา
           
ผู้บริจาคที่ต้องการใบเสร็จลดหย่อนภาษี สามารถส่งหลักฐานการโอนเงิน ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่มาทาง Line @ch7hdfightcovid19
            
ผู้ชมสามารถรับชม ช่อง 7HD กด 35 หรือทางออนไลน์ Facebook, instagram, 
YouTube : Ch7HD หรือรับชมย้อนหลังได้ทางแอพลิเคชั่น  BUGABOO.TV
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ช่อง 7HD    โทร 02-495-7777

นักวิชาการติงห้ามขายแอลกอฮอล์ทั้งจังหวัด

ไม่ช่วยลดการะบาดโควิด-19 ชี้อาจสวนทางให้คนเคลื่อนที่

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้หลายหน่วยงานเริ่มตื่นตระหนก เนื่องจาก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ผู้ว่าราชการบางจังหวัด สั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ถึง 16 เมษายน 2563 เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขณะที่หลายฝ่ายเห็นว่า การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 เพราะหากผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้วสามารถซื้อข้ามจังหวัดได้ ที่สำคัญยังเป็นการเคลื่อนไหวจากที่ควรอยู่กับที่ สวนทางนโยบายห้ามเคลื่อนที่ ชี้อาจเลวร้ายเกินคาด

แม้ว่าจังหวัดสกลนคร จะยังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจได้ว่าอนาคตจะไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้มีคำสั่งให้ร้านค้าหรือสถานประกอบการขายสุรา “ห้ามจำหน่ายสุรา” เป็นการชั่วคราว ในระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 16 เมษายน 2563 นี้เพื่อป้องกันการรวมกลุ่มสังสรรค์ เนื่องจาก เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของ
โควิด-19 สูง รวมทั้งสถานบันเทิงต่างๆ ที่ถูกสั่งปิดไป จนถึงวันที่ 2 เมษายน ให้ขยายเวลาเพิ่มไปจนถึง
16 เมษายนอีก และหากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี - ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ปี 2558

ในเรื่องนี้ นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ นักวิชาการและผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ค้าปลีกไทย บอกว่า การงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น อาจจะไม่ช่วยลดปัญหาการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจาก วินัยของนักดื่มที่ดื่มสังสรรค์เป็นประจำอยู่แล้ว ก็ต้องออกไปหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ในจังหวัดอื่นๆ ได้ เนื่องจาก จังหวัดใกล้เคียงยังไม่มีการห้ามจำหน่าย

ดังนั้น อยากให้ทางภาครัฐได้ทบทวนการจำหน่ายแอลกอฮอล์ว่า ยังสามารถจำหน่ายได้เหมือนเดิมตามเวลาที่ภาครัฐได้กำหนดไว้ คือ สามารถซื้อได้ในเวลา 11.00-14.00 น. และ เวลา 17.00-00.00 น. แต่ต้องเน้นเรื่องให้ประชาชนมีวินัยในการดื่มแอลกอฮอล์ภายในบ้าน ไม่มีการจัดกลุ่มสังสรรค์ หรือมั่วสุ่ม เพื่อเป็นการหยุดเชื้อ-ช่วยชาติ และหากมีการฝ่าฝืนมีก็ควรมีการลงโทษเป็นแบบอย่าง เพื่อป้องกันการลักลอบการซื้อ รวมถึงการลักลอบการผลิตเหล้าเถื่อนในช่วงนี้ด้วย
ด้านนายสมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร นายกสมาคมสุราชุมชน ได้ออกมาระบุว่า มีความกังวลในกรณีที่มีการห้ามขายสุราทั้งร้านขายส่งและร้านขายปลีกทั่วไปนั้น น่าจะทำได้ยาก เพราะอาจมีการแอบไปซื้อที่โรงผลิตเหล้า หรือถ้ามีมาตรการสั่งปิดโรงผลิตเหล้าเบียร์ หรือห้ามนำเข้าจากต่างประเทศมาขายด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดกลุ่มผลประโยชน์ที่พยายามจะเข้ามาหากินกับ “สุราเถื่อน”

ดังนั้น จึงยังไม่แน่ใจว่าการห้ามร้านค้าทั่วไป หรือยี่ปั๊วขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยลดการชุมชมหรือพบปะกันได้จริง เนื่องจาก คนที่อยากเจอกัน สังสรรค์กัน ก็มีวิธีหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ตัวเองชอบมาได้อยู่ดี ขณะที่พวกคนในเมืองก็อาจจะใช้วิธีไปแอบซื้อเหล้า เบียร์ ไวน์ ในตลาดมืด หรือโรงเหล้ามาแอบปล่อยขายได้กำไรเพิ่มขึ้น หรือกลุ่มคนหาผลประโยชน์กักตุนสินค้าจากจุดตรงนี้ด้วย รวมถึงอาจจะมีผลกระทบในเรื่องการตั้งราคาขายแพงขึ้น ส่วนคนต่างจังหวัดในหมู่บ้าน อาจจะหันไปหาซื้อในโรงผลิตเหล้าชุมชนได้

ขณะที่นายธนากร คุปตจิตต์ นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย แสดงความเห็นด้วยกับมาตรการของภาครัฐที่ให้สถานบันเทิงมีการปิดให้บริการชั่วคราว เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ โควิด-19 แต่ในกรณีการห้ามขายแอลกอฮอล์ทั้งร้านขายส่งและร้านขายปลีกทั่วไปนั้น น่าจะทำได้ยาก เพราะอาจจะมีการเดินทางหาซื้อเพื่อมาดื่มกิน

“กลายเป็นว่าจากที่ควรอยู่ในบ้านหรือในพื้นที่ใกล้บ้านเช่นร้านขายของชำ และดื่มกินในบ้านตามวิถีชีวิต กลับกลายเป็นต้องเคลื่อนไหวเดินทางไปหาซื้อเครื่องดื่มข้ามจังหวัดถ้ามีเหตุการณ์เลวร้ายคือติดโควิด-19 มาจากพื้นที่จังหวัดอื่นที่เดินทางออกไปซื้อมาแล้วยังมาติดคนในชุมชนอีก ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่ในพื้นที่บ้านที่ไม่มีคนติดเชื้อ ยังไม่นับรวมกรณีเกิดการลักลอบซื้อที่โรงผลิตเหล้าเช่นกัน รวมไปถึงการลักลอบซื้อแอลกอฮอล์แบบหนีภาษีมาดื่มกินด้วย ซึ่งนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่จะทำให้เกิดปัญหา “สุราเถื่อน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ภาครัฐต้องเข้ามาควบคุมเพิ่มด้วย”
นายธนากรกล่าว

30 มีนาคม 2563

"OLAY Retinol24" ตัวช่วยกู้หน้าพังสำหรับกลางคืน ให้ตื่นพร้อมผิวเด้ง ดูเด็กทุกวัน

OLAY เปิดตัวผลิตภัณฑ์ "OLAY Retinol24" ตัวช่วยกู้หน้าพังสำหรับกลางคืน ให้ตื่นพร้อมผิวเด้ง ดูเด็กทุกวัน ผสานนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากโอเลย์ ‘Bioavailability’


ควง Shopee เปิดตัวปล่อยโปรเด็ด 17-19 มี.ค.นี้!
โอเลย์ (OLAY) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำในประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ “OLAY Retinol24” เอาใจสาย Work hard Play harder ที่ไม่ว่าจะทำงานหนัก อดนอน หรือปาร์ตี้ดึกแค่ไหน ก็มีตัวช่วยกู้ผิวหน้าพัง ให้ลุคปังยามเช้า เสมือนผิวได้พักผ่อนเต็มอิ่ม ตื่นพร้อมผิวเด้งดูเด็กทุกวัน โดยผลิตภัณฑ์ในคอลเลคชั่นนี้ โอเลย์ได้ผสานนวัตกรรม ‘Bioavailability’ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่มีในท้องตลาด เพื่อการซึมซาบลงสู่ผิวอย่างล้ำลึกขึ้น พร้อมเปิดตัวด้วยการควงช้อปปี้ (Shopee) ผู้นำแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน จัดโปรโมชั่นสุดร้อนแรงครั้งแรก ใน “OLAY X SHOPEE Super Brand Day” กับส่วนลดจากผลิตภัณฑ์โอเลย์ทั้งหมด กว่า 50% และช็อป Olay Retinol24 ในราคาสุดพิเศษเพียงชิ้นละ 799 บาท จากราคาปกติ 1,199 บาท เตรียมนิ้วล็อค ช็อปให้ทัน 17-19 มีนาคมนี้!

ด้วยไลฟ์สไตล์สาวๆ วัย 30 ที่มากความสามารถ ทำงานหนักและสนุกไปกับทุกบทบาทในชีวิต แต่อาจจะยังขาดตัวช่วยดูแลผิวให้พร้อมรับกับสถานการณ์เหล่านั้น จึงทำให้โอเลย์เกิดแรงบันดาลใจในการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิง ที่ไม่ว่าจะทำงาน อดนอน หรือปาร์ตี้หนักเพียงไหน เช้าวันใหม่ต้องหน้าเด้ง ลุคปัง พร้อมลุยทุกสถานการณ์
ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับกลางคืนใหม่ล่าสุด “OLAY Retinol24” ที่ผสานนวัตกรรมสุดล้ำ “Bioavailability Retinoid” เทคโนโลยีที่ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมลึกลงสู่ผิวยิ่งขึ้น และฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น ดูอิ่มเอิบตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมช่วย ลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวดูอ่อนเยาว์สุขภาพดีใน 28 วัน ด้วยการผสานส่วนผสมหลักอย่าง Retinol24 (วิตามินเอ) และไนอะซินาไมด์ (วิตามิน บี3) ส่วนผสมอันเป็นเอกลักษณ์ของโอเลย์ ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเกราะป้องกันของผิว เสริมสร้างคอลลาเจน กระชับรูขุมขน พร้อมฟื้นบำรุงผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชม. โดยสามารถใช้ Olay Retinol 24 ได้ทุกวันไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ไม่ทำให้ผิวแห้ง เพราะไม่มีน้ำหอมเจือปน


สำหรับคอลเลคชั่น OLAY Retinol 24 นี้ มีผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่ายเพื่อการดูแลอย่างสมบูรณ์แบบถึง 3 ชนิดด้วยกัน คือ โอเลย์ รีเจนเนอรีส เรตินอล24 ไนท์ เซรั่ม (Olay Regenerist Retinol24 Night Serum) เซรั่มบำรุงผิวหน้าสำหรับกลางคืน เพื่อผิวเด้งใส ชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง ขับความเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์, โอเลย์ รีเจนเนอรีส เรตินอล 24 ไนท์ มอยเจอร์ไรเซอร์ (Olay Regenerist Retinol24 Night Moisturizer) มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหน้าสำหรับกลางคืน ให้ผิวเด้ง ชุ่มชื้น ตื่นรับผิวสดใสเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง และ โอเลย์ รีเจนเนอรีส เรตินอล 24 ไนท์ อายครีม (Olay Regenerist Retinol24 Night Eye Cream) ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาสำหรับกลางคืน ให้ตื่นพร้อมดวงตาที่สดใสอ่อนเยาว์ ไร้ริ้วรอยในทุกเช้า เพียงเท่านี้สาวๆ ก็ตื่นเต็มตารับวันใหม่ด้วยผิวเด้ง ดูเด็กได้ทุกวัน เหมือนนอนเต็มอิ่มมาทั้งคืนเลยเชียวล่ะ!

และที่พิเศษสุดกับการเปิดตัว Olay Retinol 24 ผลิตภัณฑ์น้องใหม่ล่าสุดจากโอเลย์ในครั้งนี้ คือทางโอเลย์ ได้ประกาศความร่วมมือในระดับภูมิภาค จับมือ ‘ช้อปปี้’ ผู้นำแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน เปิดตัวผลิตภัณฑ์ OLAY Retinol 24 ในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ให้สาวกสกินแคร์ได้เลือกช็อปผลิตภัณฑ์คุณภาพจากโอเลย์ อย่างจุใจ ที่ Olay Official Shop บนช้อปปี้ และเตรียมพบกับแคมเปญร้อนแรงรับซัมเมอร์ที่สาวกสกินแคร์ห้ามพลาด กับ “OLAY X SHOPEE Super Brand Day” ระหว่างวันที่ 17-19 มีนาคม 2563 ที่โอเลย์จัดโปรโมชั่นหั่นราคาสุดพิเศษ ลดทั้งร้านสูงสุด 50% รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 60% และของแถมสุดพิเศษทั้ง Google Home เครื่องนวดหน้า และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถช็อป Olay Retinol24 ในราคาสุดพิเศษเพียง 799 บาท จากราคาปกติ 1,199 บาท


ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://shopee.co.th/m/sbd-olay
#OlayRetinol24 #ตื่นพร้อมผิวเด้งดูเด็กทุกวัน #เมื่อคืนพังวันนี้ปัง #OlayThailand






เปิดตัว Commander รุ่นใหม่ Commander Blue Shade

เอกลักษณ์แห่งความโดดเด่น สไตล์วินเทจ ระดับตำนาน          


มิโด (Mido) ผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความเป็นมามากกว่า 100 ปี นำเสนอนาฬิกาในตระกูลคลาสสิคอย่าง Commander ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นที่เปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ และอยู่คู่กับตลาดมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ผ่านรุ่นใหม่ล่าสุด Commander Shade ที่มีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ ดึงดูดทุกสายตาให้ชวนหลงใหลในความสง่างาม และยังคงเอกลักษณ์ของตัวเรือนทรงกลม ด้วยสไตล์การออกแบบย้อนยุคและมีกลิ่นอายดั้งเดิม รับรองว่าจะสามารถสะกดสายตา ดึงดูดความสนใจจากบรรดาคนที่ชื่นชอบนาฬิกาในสไตล์วินเทจและ
นาฬิกาที่มีรูปลักษณ์ที่อยู่เหนือกาลเวลาได้เป็นอย่างดี

ในปี 1959 Mido ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นแรกของ Commander ด้วยตัวเรือนทรงกลมที่มีรูปทรงที่บางเพรียว และมีเอกลักษณ์ของคอลเล็กชั่น Commander ถือเป็นความโดดเด่น ที่สามารถจดจำได้ทันที เพียงแค่เห็นเงาที่ทอดลงมา เฉกเช่นเดียวกับหอไอเฟล ที่ผู้คนสามารถจดจำได้ จากโครงสร้างที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร แม้ว่ากาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป แต่เอกลักษณ์และรูปแบบที่เฉพาะเหล่านี้ยังสามารถสะท้อนถึงการออกแบบได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง 6 ทศวรรษ แต่ทว่า DNA ที่สำคัญในการนำนาฬิกาคอลเล็กชั่น Commander ยังคงถูกเก็บรักษาและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น และทำให้ Commander ถือเป็นคอลเล็กชั่นที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้ธรรมเนียมปฏิบัติและความเชี่ยวชาญของบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์อย่างแท้จริง นี่คือผลผลิตที่ถูกส่งออกมาเพื่อยกย่องและเชิดชูนาฬิการุ่นหนึ่งของแบรนด์ที่ถือว่าเป็นตัวแทนของแบรนด์และได้รับการจดจำจากผู้คนทั่วโลกมาโดยตลอด

แน่นอนว่า Commander ในรุ่น Commander Shade จาก มิโด ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเรือนทรงกลมที่ผลิตแบบชิ้นเดียวหรือ Monocoque เอาไว้ มาพร้อมกับเส้นสายและการขัดแต่งที่มีความประณีต ส่วนหน้าปัดมาในสไตล์ทูโทนที่มีสีดำและสีน้ำเงินเป็นส่วนประกอบ ไล่เฉดสีอย่างสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  สำหรับ Commander Blue Shade ให้ความสะดวกสบายเมื่อสวมใส่บนข้อมือด้วยการจับคู่กับสายสแตนเลสถัก Milanese ที่มีการขัดแต่งด้วยลวดลายซาติน มีการเคลือบ PVD สีดำ และด้วยตัวเรือนที่มีทรงกลมนั้นทำให้ Commander Blue Shade ดูโดดเด่นและสะดุดตายามเมื่อถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือ ภายใต้ตัวเรือนที่มีรูปทรงการออกแบบย้อนยุคและมีกลิ่นอายดั้งเดิม สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นกลับแตกต่างด้วยกลไกอัตโนมัติรุ่นล่าสุด Caliber 80 ให้ความเที่ยงตรงในการทำงาน อีกทั้งยังสามารถสำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง และจากจุดมุ่งหมายในการยกย่องรูปทรงในสไตล์วินเทจของนาฬิการะดับตำนานอย่าง Commander การสร้างสรรค์ที่โดดเด่นในครั้งนี้จะสามารถดึงดูดความสนใจจากบรรดาคนที่ชื่นชอบนาฬิกาในสไตล์วินเทจและนาฬิกาที่มีรูปลักษณ์ที่อยู่เหนือกาลเวลาได้เป็นอย่างดี


ตัวเรือนทรงกลมที่ผลิตแบบชิ้นเดียว (Monocoque) เคลือบ PVD สีดำ เปี่ยมด้วยความประณีตในทุกรายละเอียด พร้อมกับเส้นสายบนตัวเรือนที่ช่วยเติมความโดดเด่นให้กับหน้าปัดนาฬิกา ตัวเรือนจับคู่กับกระจกแบบคลาสสิคผลิตจากอะครีลิก พร้อมปั๊มสัญลักษณ์ของ Mido ลงบนตรงกลางของตัวกระจก ด้วยตัวเรือนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 37 มิลลิเมตร Commander Blue Shade ได้เปิดเผยให้เห็นถึงหน้าปัดที่มีความสวยงามในสไตล์ทูโทน ดำ-น้ำเงิน ด้วยการขัดแต่งแบบ Smoked Sunray Satin ตัวหลักชั่วโมงบนหน้าปัดได้รับแรงบันดาลมาจากจุดยึดที่อยู่บนเหล็กแต่ละชิ้นที่ประกอบเป็นหอไอเฟล และมีการขัดแต่งและเคลือบให้เป็นสีดำเงา เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถมองเห็นได้ในยามค่ำคืน จะมีการแต้มสารเรืองแสง Super-LumiNova® ทรงกลมตามหลักชั่วโมงรอบหน้าปัด รวมถึงบนเข็มชั่วโมงและนาทีแบบ Diamond-Cut ส่วนตำแหน่ง 3 นาฬิกาบนหน้าปัดมีช่องสำหรับแสดงวันและวันที่ สำหรับการเคลือบ PVD สีดำในรุ่นนี้ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของคอลเล็กชั่น Commander ทำให้ Commander Shade ยังคงความคลาสสิคที่โดดเด่นอยู่เหนือกาลเวลา ซึ่งถือเป็นความสมบูรณ์แบบในการแสดงให้เห็นถึงหลักปรัชญาที่ฝังอยู่ในยีนส์ของ Mido มาตั้งแต่ปี 1918


นอกจากนั้น 
Commander Blue Shade ยังได้รับการติดตั้งด้วยเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน นั่นคือ กลไกอัตโนมัติ Caliber 80 สามารถสำรองพลังงานได้สูงสุดถึง 80 ชั่วโมง ฝาหลังตัวเรือนนาฬิกา สลักสัญลักษณ์ดั้งเดิมของ Mido และสามารถกันน้ำภายใต้แรงดันสูงสุด 5 บาร์ (50 เมตร/165 ฟุต) สายสแตนเลสถัก Milanese ขัดแต่งด้วยลวดลายซาติน เคลือบ PVD สีดำ พร้อมตัวรักสายแบบเลื่อนปรับได้ ซึ่งช่วยทำให้การสวมใส่เปี่ยมด้วยความสะดวก สบาย และสะท้อนถึงภาพลักษณ์ในสไตล์วินเทจที่เป็นจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ แต่ยังมีความทันสมัยตามยุคสมัยปัจจุบัน
Commander Shade นอกเหนือจาก รุ่นหน้าปัดดำ – น้ำเงิน ยังมีจำหน่ายเพิ่มเติมอีก รุ่น คือ 
ตัวเรือนสตีล พร้อมหน้าปัดเล่นระดับไล่เฉดสี สีดำ เงิน หรือ ตัวเรือนสตีลเคลือบ PVD สีพิ้งค์โกล์ด พร้อมหน้าปัดเล่นระดับไล่เฉดสสีน้ำตาลอมเทา (Taupe) และเงิน ร่วมเป็นเจ้าของเรือนเวลาสไตล์วินเทจสุดหรูระดับตำนาน จากแบรนด์ มิโด (Mido) ตามแบบฉบับ Swiss made ได้แล้ววันนี้ ที่ เคาน์เตอร์ มิโด (Mido) ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ


#CommanderBlueShade
#Midowatches

Amazing Distancing @Hotel


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
 (ททท.) จับมือกับสมาคมโรงแรมไทย, สมาคมหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จัดโครงการ Amazing Distancing @Hotel ส่งเสริมการรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการกักตัวอยู่ในที่พักของตนเองในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิท-19 ในปัจจุบัน พร้อมตอบรับความต้องการของคนที่ต้องการที่พักที่มีความเป็นส่วนตัว มีอุปกรณ์และระบบรองรับสำหรับการทำงานแบบ Work from Home รวมถึงการเป็นที่พักในระย
ะสั้นๆ ระหว่างที่ยังต้องออกมานอกบ้านเพื่อทำงาน แต่ก็กังวลว่าตนเองอาจจะเสี่ยงที่จะพาหะแพร่เชื้อให้กับคนที่บ้าน ฯลฯ

ททท. จึงได้ร่วมมือกับสมาคมโรงแร
มไทย โดยให้ผู้ประกอบการโรงแรมในเครือข่ายนำห้องพักมาจัดทำแพ็คเกจตามระยะเวลาการเข้าพัก ไม่ว่าจะเป็น 7 วัน หรือ 14 วัน ซึ่งห้องพักนอกจากจะสะดวกสบายไปด้วยระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการทำงานแบบพร้อมสรรพแล้ว ยังมีบริการอาหาร 3 มื้อในทุกวัน ตลอดระยะเวลาเข้าพัก


ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียด แพ็คเกจที่พักได้ที่เว็บไซต
www.tourismthailand.org/tourismdepartmentstore


เอสซีลอร์ชูนวัตกรรมเลนส์ระดับโลก “Crizal” และ “Optifog” ใส่แว่นตาช่วยลดการสัมผัสเพื่อสุขอนามัยของคนไทย

กรุงเทพฯ – บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านการออก

แบบ การผลิตและการจัดจำหน่ายเลนส์แว่นตาจากประเทศฝรั่งเศส ตระหนักถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 (Covid-19) ที่กำลังแพร่กระจายเป็นวงกว้างในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งนอกจากการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค การสวมแว่นตาซึ่งนอกจากช่วยแก้ไขปัญหาการมองเห็นและปกป้องดวงตาแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการป้องกันไวรัสโควิด 19 ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากแว่นตาช่วยป้องกันฝอยละอองจากการไอ จาม รวมถึงสารคัดหลั่งไม่ให้ฟุ้งกระจายเข้าดวงตาโดยตรง ทั้งยังช่วยลดการสัมผัสดวงตาหรือใบหน้าซึ่งเป็นบริเวณจุดเสี่ยงในการติดเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในสื่อต่างประเทศก็ได้มีการแนะนำเรื่องการสวมใส่แว่นตาเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสดวงตาในช่วงที่มีแนวโน้มการระบาดที่สูงขึ้นนี้ หรือแม้ผู้ที่ไม่มีค่าสายตาก็สามารถใส่แว่นที่ใช้เลนส์ไม่มีค่าสายตาหรือแว่นกันแดดเพื่อเป็นการป้องกันได้

ทว่า การสวมหน้ากากอนามัยพร้อมกับการใส่แว่นตานั้น ทำให้ผู้สวมแว่นตาต้องพบปัญหาคราบไอน้ำและรอยนิ้วมือบนผิวเลนส์เป็นประจำ เอสซีลอร์ได้พัฒนาโค้ทติ้งเคลือบผิวเลนส์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อเลนส์มัลติโค้ท “ครีซอล  (Crizal)” ซึ่งสามารถคงความสะอาด เลนส์เคลียร์ใสได้ตลอดวันเพื่อการมองเห็นที่คมชัดที่สุด ลดคราบรอยนิ้วมือ ฝุ่นและไอน้ำเกาะ นอกจากนั้น ยังมีเลนส์เฉพาะทางอีกหนึ่งนวัตกรรม คือเลนส์ “อ็อปติฟ็อก (Optifog)” ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ทำงานในที่เย็นจัด ซึ่งมักพบปัญหาฝ้าเกาะผิวเลนส์บ่อยครั้ง ซึ่งนวัตกรรมเลนส์ชนิดนี้ช่วยให้เลนส์แว่นเคลียร์ใสไร้ฝ้าไอน้ำเกาะ คุณจึงไม่ต้องหยิบจับแว่นตาเพื่อทำความสะอาดบ่อยๆ และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากการสัมผัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

อีกหนึ่งเคล็ดลับที่ใครหลายคนอาจยังไม่ทราบว่า เลนส์มัลติโค้ทของเอสซีลอร์สามารถเช็ดทำความสะอาดผิวเลนส์ได้ด้วยแอลกอฮอล์ โดยไม่ทำให้โค้ทเคลือบผิวเลนส์เสียหายเหมือนเลนส์ปกติทั่วไป จึงทำให้มั่นใจเรื่องความปลอดเชื้อมากยิ่งขึ้น

เอสซีลอร์มีความห่วงใยผู้บริโภคและขอรณรงค์ให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานรัฐบาลอย่างเคร่งครัดในการฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ร่วมกัน เพื่อให้เราทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง พร้อมวิสัยทัศน์การมองเห็นที่คมชัดสดใสตามแนวคิดของเอสซีลอร์ “See More. Do More.”

27 มีนาคม 2563

ออมสิน kickof Soft Loan ปล่อยกู้ 1 หมื่นล้านบาท


บ่ายวันนี้ ออมสิน kickof Soft Loan ปล่อยกู้ 1 หมื่นล้านบาท จับมือ ททท - สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว - บสย โดยมี ท่านรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นประธานพิธี เพื่อร่วมมือพลิกฟื้นท่องเที่ยวให้กลับมาเป็นฟันเฟือง สำคัญของเศรษฐกิจไทย 



โดยดึงผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเข้าคอร์สเสริมสภาพคล่อง ยื่นกู้ได้วงเงินไม่เกินรายละ 20 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ 2% 2ปี ระยะเวลากู้เงินสูงสุดไม่เกิน 10 ปี โดย บสย. พร้อมเป็นผู้ค้ำประกันสินเชื่อ ตั้งเป้า 4,000 ราย วงเงิน 10,000 ล้านบาท #เพื่ออุตสาหกรรมไทยยั่งยืน







บริจาคโลหิต สู้วิกฤตโควิด-19


บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนคนไทยบริจาคโลหิต สู้วิกฤตโควิด-19 หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณโลหิตในคลังลดลง พร้อมสร้างความมั่นใจว่าห้องรับบริจาคโลหิตถาวร (Fixed Station) ในกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ทุกแห่ง เป็นสถานที่ปลอดภัย ด้วยมาตรการป้องกันความปลอดภัยขั้นสูงสุด
 “เพราะเรา ห่วงใย ใส่ใจ ทั้งผู้ให้และผู้รับ”



จากข้อมูลของ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ระบุว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบให้ปริมาณโลหิตในคลังลดลง เนื่องจากมีผู้บริจาคโลหิตลดลงเป็นจำนวนมาก หากแต่ในขณะเดียวกันยังมีผู้ป่วยที่ต้องการโลหิตอยู่เป็นประจำ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กรุ๊ป มีความห่วงใยและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเป็นสื่อกลางในการจัดหาโลหิตเพื่อนำไปช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ที่เจ็บป่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ในสภาวการณ์เช่นนี้ จึงได้ร่วมกับ ศูนย์บริการโลหิต สภากาชาดไทย เปิดบริการห้องรับบริจาคโลหิตถาวร (Fixed Station) อีกครั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถเดินทางมาบริจาคโลหิตได้ง่ายขึ้น ผ่านห้องรับบริจาคโลหิตถาวรในกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ทั้ง 5 สาขา ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน (ชั้น 5), เดอะมอลล์ บางแค (ชั้น P ล็อบบี้), เดอะมอลล์ บางกะปิ (ชั้น 3A) และเดอะมอลล์ นครราชสีมา (ชั้น 2)  โดยเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00-18.00 น.




นอกจากนี้ ยังได้ออกมาตรการป้องกันความปลอดภัยและสุขอนามัยเชิงรุกตามแนวทางปฏิบัติของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าห้องรับบริจาคโลหิตถาวร (Fixed Station) ในกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ทุกแห่ง เป็นสถานที่ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีมาตรการ ดังนี้

·      ผู้บริจาคโลหิตต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าพื้นที่ทุกครั้ง

·      ติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ 70% สำหรับล้างมือให้เพียงพอต่อการใช้งาน

·      ทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วมต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อแอลกอฮอล์ 70%

·      ทำความสะอาดพื้นและอุปกรณ์ภายในห้องรับบริจาคโลหิตด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

·      ทำความสะอาดห้องพักรับประทานเครื่องดื่มหลังบริจาคโลหิตทุก 1 ชั่วโมง

·  เจ้าหน้าที่และพยาบาลผู้รับบริจาคโลหิต ต้องได้รับการตรวจสุขภาพ ตรวจวัดอุณหภูมิ, สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอกอฮอลล์ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน

·      จัดทำ Social Distancing เพิ่มระยะห่างทางสังคมของทุกจุดบริการ อาทิ จุดลงทะเบียน, ห้องพักรอรับบริการ, เตียงรับบริจาคโลหิต ฯลฯ


ทั้งนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ประสงค์บริจาคโลหิตในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบุว่า ผู้ที่ประสงค์บริจาคโลหิตแต่ได้ผ่านการสัมผัสเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือมาจากต่างประเทศ ขอให้งดการบริจาค 28 วัน นับจากวันที่สัมผัสโรค ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแต่หายจากโรคแล้วต้องงดบริจาค 180 วัน นับจากวันที่หายป่วย และสำหรับผู้ที่ประสงค์บริจาคพลาสมาให้กับผู้ป่วยจะต้องได้รับการตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อในกระแสเลือด


โดยหลังจาก เดอะมอลล์ กรุ๊ป กลับมาเปิดให้บริการ “ห้องรับบริจาคโลหิต” ทั้ง 5 สาขาวันแรก (25 มีนาคม 2563) มีผู้สนใจร่วมบริจาคโลหิตแล้วกว่า 200 ราย ซึ่งได้โลหิตสนับสนุนศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติรวมกว่า 77,600 CC หากแต่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงขอเชิญชวนคนไทย องค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐ, ภาคเอกชน, นักเรียน, นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงร่วมสร้างกุศลทำความดีช่วยต่อชีวิตให้กับเพื่อนมนุษย์ ร่วมบริจาคโลหิตทุกๆ 3 เดือน ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ป่วยมีปริมาณโลหิตที่เพียงพอ และช่วยลดปัญหาการจัดหาโลหิตที่ไม่สม่ำเสมอได้ ซึ่งสามารถมาบริจาคได้ทุกวัน ที่ “ห้องรับบริจาคโลหิต” ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน (ชั้น 5), เดอะมอลล์ บางแค (ชั้น P ล็อบบี้), เดอะมอลล์ บางกะปิ (ชั้น 3A) และเดอะมอลล์ นครราชสีมา (ชั้น 2) ตั้งแต่เวลา 12.00-18.00 น. ทั้งนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ขอยืนยันที่จะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนคนไทย รวมถึง หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อฟันฝ่าปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในทุกมิติ และเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

ออมสิน จับมือ สำนักสลากกินแบ่งรัฐบาล

รับขึ้นเงินรางวัลสลากฯ เริ่มงวดแรก 16 พ.ค. นี้ 

ธนาคารออมสิน ร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้บริการรับขึ้นเงินรางวัลสลากฯ ให้กับประชาชนและผู้รับซื้อ ทุกรางวัล ยกเว้นรางวัลที่ 1 คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 1 ผ่านธนาคารออมสิน 1,062 สาขาทั่วประเทศ เริ่มงวดแรก 16 พฤษภาคมนี้ 

วันนี้ (27 มีนาคม 2563) ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการธนาคารออมสิน และประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการให้บริการขึ้นรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ระหว่าง ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งธนาคารออมสินจะเป็นตัวแทนในการให้บริการรับขึ้นเงินรางวัล ผ่านธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถูกรางวัลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
 ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารฯ พร้อมเป็นตัวแทนสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการให้บริการรับขึ้นเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านช่องทางธนาคารออมสินสาขาทั่วประเทศ ที่มีอยู่กว่า 1,062 แห่ง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนผู้ถูกรางวัล และผู้รับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/สลากการกุศล สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ง่าย และสะดวกสบายขึ้น นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพราะสามารถฝากเงินเข้าบัญชี เพื่อทำธุรกรรมอื่นๆ ของธนาคารได้ทันที รวมถึงสาขาของธนาคารออมสินทุกแห่ง สามารถตรวจสอบสลากฯ ด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันปัญหาการปลอมแปลง




ทั้งนี้ การขอรับขึ้นเงินรางวัล ผู้ถูกรางวัลจะต้องนำสลากกินแบ่งรัฐบาล/สลากการกุศล ฉบับจริง มาติดต่อด้วยตนเองที่ธนาคารออมสินสาขา โดยธนาคารจะรับขึ้นเงินทุกรางวัล ยกเว้นรางวัลที่ 1 และรับเฉพาะสลากงวดปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งสามารถขึ้นรางวัลได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันออกรางวัลในงวดนั้น ไปจนถึงเวลา 12.00 น. ของวันออกรางวัลในงวดถัดไป โดยจะคิดค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 1 ของมูลค่ารางวัลแต่ละรางวัล และค่าอากรแสตมป์ ร้อยละ 0.5 – 1.0 ของมูลค่ารางวัล ตามประเภทของสลาก รวมเสียค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.5 – 2.0 ของมูลค่ารางวัล ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการขึ้นรางวัลสลากฯ ได้ตั้งแต่งวดแรกวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป

 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ตามสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารออมสินทุกช่องทาง ได้แก่ Website : www.gsb.or.th, Line Official, Facebook : GSB Society
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ธนาคารออมสิน Call Center โทร.1115 

พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ปัจจุบัน สำนักงานสลากฯ มีตัวแทนให้บริการรับขึ้นเงินรางวัล ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย จากเดิมสามารถขึ้นเงินรางวัลได้ที่สำนักงานสลากฯ ถนนสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี เพียงแห่งเดียว หรือตามแผงลอตเตอรี่และร้านค้าบางแห่ง ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมสูงถึงร้อยละ 2-5 สำหรับความร่วมมือนี้ในครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถูกรางวัลมีทางเลือกมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมที่ถูกเรียกเก็บเมื่อนำสลากไปขึ้นเงินรางวัลที่แผงลอตเตอรี่หรือร้านค้าบางแห่ง และสามารถช่วยบรรเทาปัญหาการนำสลากฯปลอมมาขึ้นเงินรางวัลได้อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากสาขาของธนาคารออมสินมีมาตรฐานในการตรวจสอบสลากฯที่ดี มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย และมีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดี

26 มีนาคม 2563

โครงการ Amazing Distancing @Hotel นำเสนอแพ็กเกจห้องพักราคาพิเศษ


ททท.ร่วมสนับสนุนการทำ Social Distancing จับมือกับสมาคมโรงแรมไทย, สมาคมหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จัดโครงการ Amazing Distancing @Hotel นำเสนอแพ็กเกจห้องพักราคาพิเศษ ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน เพื่อตอบรับความต้องการของคนที่ต้องการที่พักที่มีความเป็นส่วนตัว สนับสนุนการทำงานแบบ Work from Home รวมถึงการเป็นที่พักในระยะสั้นๆ ระหว่างที่ยังต้องออกมานอกบ้านเพื่อทำงาน หรือบางท่านที่กังวลว่าตนเองอาจจะเสี่ยงที่จะพาหะแพร่เชื้อให้กับคนที่บ้าน

อีกทั้งโครงการนี้ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการโรงแรมไทยในช่วงที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากโรคระบาด และช่วยให้พนักงานในธุรกิจโรงแรมมีงานและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยผู้ที่สนใจแพ็กเกจพิเศษนี้สามารถเข้าชมรายละเอียดได้ทาง


www.tourismthailand.org/tourismdepartmentstore
#AmazingDistancingatHotel #SocialDistancing #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ




เดลิเวอรี่-เสิร์ฟความอร่อยถึงที่

ราคาเบาๆ แต่มากด้วยความอร่อยเหมือนเดิม
                                                                                                                                 
โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ จัดความอร่อยของทุกห้องอาหารบริการเสิร์ฟถึงที่บ้านกับ
 “Go Quik”  ไม่ว่าจะเป็นอาหารนานาชาติ  ไทย จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ เริ่มต้นเพียง 79 บาทเท่านั้น อาทิ ผัดไทยโบราณกุ้งทอดซอสมะขาม ข้าวขาหมู  ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้น้ำดำหมูนุ่ม ติ่มซำ ข้าวหน้าเนื้อวากิว ซาชิมิเซ็ต ชานมไข่มุก ฯลฯ บริการระหว่างเวลา 11.00 - 20.00 น.
โทร. 0-2290-0039 หรือ Line : Coffeeshop8413


                                                                                                                 
โปรโมชั่นพิเศษ!!! ส่งฟรี เมื่อสั่ง 2 กล่องขึ้นไปภายในรัศมี 5 กม. และสั่ง 5 กล่องฟรี 1 กล่อง

สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก – โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา

ร่วมสนับสนุนกิจกรรมเนื่องในวัน
World Obesity Day 2020 Changing the narrative

         
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Mr. Anders Lønstrup Graugaard Chargé d' affaires of Denmark to Thailand (คนที่ 5 จากซ้าย) มร.จอห์น ดอว์เบอร์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป บริษัทโนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด (คนที่ 4 จากขวา) ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน World Obesity Day 2020 Changing the narrative วันอ้วนโลก กิจกรรมที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ซึ่งตรงกับวันที่ 4 มีนาคม 2563 เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะโรคอ้วน (Obesity) และลดการแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน  เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี 

รวมทั้งภายในงานยังได้รับเกียรติจากนาวาโท นพ.บุญเลิศ อิมราพร แพทย์อายุรกรรมโรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี (ที่ 2 จากซ้าย) นพ.สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ แพทย์อายุรกรรมโรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี (ที่1จากซ้าย) นายแพทย์สมิทธ์ อารยะสกุล (หมอโอ๊ค) แพทย์แผนกไลฟ์เซ็นเตอร์และสถาบันสุขภาพผิวพรรณ โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท (ที่1จากขวา) ร่วมด้วย คุณเอิน กัลยากร อดีตนักแสดง (คนที่ 3 จากซ้าย) เพื่อให้เห็นถึงแนวทางการรักษาภาวะโรคอ้วนและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการดูแลสุขภาพและการมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ณ  ทำเนียบเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย

Organic Express ผ่านร้าน Patom Organic Living ทองหล่อ

Drive Thru  และ Delivery  เริ่มแล้ววันนี้!!
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ได้สร้างผลกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะ ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงสวนสามพราน จ.นครปฐม ซึ่งหลังจาก ปิดบริการห้องพัก ห้องอาหาร และกิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ วันนี้ได้มีการปรับแผนธุรกิจสู้วิกฤติ ด้วยการเปิดให้บริการ Organic Express ทั้งแบบ Drive Thru สั่งกลับบ้าน และ Delivery โดยดึงจุดเด่นของอาหารไทยโบราณ เลื่องชื่อยาวนานกว่า 5 ทศวรรษ มาเป็นจุดขาย เน้นความอร่อย และดีต่อสุขภาพ  ปรุงด้วยวัตถุดิบอินทรีย์คุณภาพมากกว่า 70%  เริ่มให้บริการแล้ววันนี้ ทั้งในพื้นที่ นครปฐม และกรุงเทพฯ

นายอรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการสวนสามพราน เปิดเผยว่า  เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเมนูเพื่อสุขภาพ แม้ทางสวนสามพราน จะมีความจำเป็นต้องปิดบริการในส่วนของโรงแรม ร้านอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ  แต่เพื่อประคองธุรกิจสามารถเป็นที่พึ่งของทั้งพนัก
งาน เกษตรกรอินทรีย์ในเครือข่ายสามพรานโมเดล โดยยังสามารถให้บริการอาหารสุขภาพอาหารออร์แกนิกให้ลูกค้าได้           



ทางสวนสามพรานจึงเปิดบริการ Organic Express จำหน่ายเมนูอินทรีย์พร้อมทาน ให้ลูกค้าหิ้วกลับไปทานที่บ้าน และเปิดบริการดิลิเวอรี่  สำหรับลูกค้าที่อยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตร โดยปรับพื้นที่บริเวณตลาด      สุขใจให้เป็นจุด Drive Thru  เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ไม่อยากลงจากรถ ให้สั่งอาหารจากในรถและรอรับอาหารกลับได้เลย ส่วนลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพ ก็สามารถแวะไปหาซื้อได้ที่ Patom Organic Living ทองหล่อ 23 ได้เช่นกัน


สำหรับเมนูอาหาร ในช่วงแรกจะเป็นเมนูยอดนิยม เช่น ผัดไทกุ้งสด ผัดไทมังสวิรัติ  ผัดกระเพรา ข้าวเหนียวหมู ข้าวแกงเขียวหวาน แกงขี้เหล็กหมูหลุมออร์แกนิกย่าง  แกงป่าไก่ตะเภาทองใส่ผักออร์แกนิก เหล่านี้ เป็นต้น โดยแต่ละเมนูใช้วัตถุดิบอินทรีย์อย่างน้อย 70 % ปรุงสดใหม่ทุกวัน

นอกจากนี้ยังมีอาหารทานเล่น ขนมหวาน เลิศรสสูตรลับเฉพาะสวนสามพราน เช่น ขนมครก  สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ ขนมถ้วย ขนมตะโก้  ขนมกล้วย ขนมสอดไส้ เค้กต่างๆ  ฯลฯ  นอกจากนี้ ยังมีพืชผัก ออร์แกนิก เก็บสดจากปฐมออร์แกนิกฟาร์มมามาจำหน่าย เช่น ไข่เป็ด ไข่เค็ม รวมถึงสินค้าอินทรีย์อื่นๆ    ที่จำเป็นต่อการอุปกโภคบริโภค เช่น ธัญพืช ต่างๆ ดาร์กช็อกโกแลต  เจลล้างมือ ฯลฯ และสินค้าแปรรูปจาก ร้าน SE สุขใจออร์แกนิก อีกหลากหลาย ให้เลือกช้อป





ทั้งนี้ สวนสามพรานมีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด  ทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิ พ่อครัว แม่ครัว เจ้าหน้าที่ให้บริการ รวมถึงมีจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้าที่ขับรถเข้ามาในบริเวณสวนสามพรานทุกคน  เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19

ย้ำ!! เปิดจำหน่ายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00น. ณ บริเวณตลาดสุขใจ โดยพ่อครัวและแม่ครัวไทย      ของสวนสามพรานยกทีมมาปรุงสดใหม่ทุกเมนู สำหรับบริการ Delivery จะให้บริการในรัศมี 10 กิโลเมตร จากสวนสามพราน โดยคิดค่าบริการตามระยะทาง เริ่มจาก 1 กิโลเมตรแรก 50 บาท ส่วนกิโลเมตรถัดไปคิดกิโลเมตรละ 10 บาท

สั่งอาหารและสอบถามรายละเอียดต่างๆ
โทร.081 359 5974 081 359-5975 
สำหรับลูกค้าในกรุงเทพ ก็มีบริการ  Organic Express  ผ่านร้าน Patom Organic Living ซอยทองหล่อ 23 มีครบทั้ง Delivery Take home และDrive Thru รวมถึงสามารถสั่งผ่าน wong Nai และ grabรายละเอียดโทร. 098-259-7514, 02-0848649