เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

29 เมษายน 2565

บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น ลงนามสัญญาร่วมกับ แคนนาบิสต้า เนเธอร์แลนด์

เดินหน้าพัฒนาระบบอุตสาหกรรมการปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบครบวงจร ดันไทยสู่ฐานการผลิต ‘กัญชา ฟาร์มาซูติคอล เกรด’ แห่งแรกในเอเชีย

บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น ผู้นำด้านการปลูกกัญชาทางการแพทย์ของไทย ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ร่วมกับ แคนนาบิสต้า เนเธอร์แลนด์ ผู้นำแบบครบวงจรด้านการปลูกกัญชาทางการแพทย์ระดับโลก พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำของเนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วย บอสแมน แวน เซล, เดลฟี่ และ พาราไดส์ ซีดส์ ผนึกพลังเพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านการปลูกและพัฒนาสายพันธุ์แบบบูรณาการ เพื่อให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านกัญชาเพื่อการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียอย่างแท้จริง โดยการลงนามสัญญาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายชาตรี   อรรจนานันท์  เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และ นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ 

นายนิพนธ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น จำกัด เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างไทยและเนเธอร์แลนด์ ในครั้งนี้ว่า  ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบการปลูกกัญชาทางการแพทย์ระดับ ฟาร์มาซูติคอล เกรด แห่งเดียวในประเทศไทยและแห่งแรกในเอเชีย โดยได้นำข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของไทยที่ทั่วโลกต่างยอมรับว่าเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเพาะปลูกกัญชา มาผสานกับองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่เนเธอร์แลนด์สั่งสมมาจนเป็นผู้นำระดับโลกอย่างครบวงจร

“ความร่วมมือในครั้งนี้ เริ่มจากการคัดสรรเมล็ดพันธุ์คุณภาพจาก พาราไดส์ ซีดส์ ธนาคารเมล็ดพันธ์กัญชาที่ใหญ่ที่สุดและเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์เมล็ดกัญชาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานด้านคุณภาพสูงสุดของโลก เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยาอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการรักษาที่มีความเฉพาะเจาะจงของกลุ่มโรค เสริมด้วยการนำระบบ Automated Agricultural System ซึ่งใช้ระบบ Logistics and Robotics ที่พัฒนาเพื่อการปลูกระดับอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานด้านคุณภาพสูงสุดในโลก เพื่อนำกัญชาที่ได้ไปใช้ในอุตสาหกรรมยา อาหาร และเครื่องดื่ม และระบบ Vertical Farming ที่เป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกโดยประหยัดพื้นที่ ประหยัดพลังงาน และน้ำ รวมทั้งระบบ Data & Business Intelligence ที่สามารถควบคุมระบบอากาศ ความชื้น และระบบรดน้ำที่แม่นยำ เพื่อการเจริญเติบโตของพืชผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นนวัตกรรมของบอสแมน แวน เซล มาใช้ในประเทศไทย และการนำ Mechanization, Automation และ ICT ในการควบคุมระบบการปลูกทางไกลผ่านระบบออนไลน์ของ เดลฟี่ ผู้พัฒนาความรู้ทางการเกษตรและสร้างระบบการปลูกมาพัฒนาใช้ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สูงที่สุดและมีมาตรฐานคุณภาพระดับโลก” นายนิพนธ์ พันธเกียรติไพศาล กล่าวสรุป


พม. โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ อนุมัติ การจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุ

พม. โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ อนุมัติ “การจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิ ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ” ประจำปีงบประมาณ 2565

​โดยกรมบัญชีกลางจะดำเนินการโอนงวดแรกในช่วงปลายเดือนเมษายน 2565 นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยและได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรมกิจการผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ ได้อนุมัติแนวทางการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพ แก่ผู้สูงอายุ ที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำปีงบประมาณ 2565 ดังนี้

1. ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 100 บาทต่อเดือน

2. ผู้สูงอายุที่มีรายได้มากกว่า 30,000 - 100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 50 บาท ต่อเดือน

​โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จะจ่ายเงินสงเคราะห์ฯ งวดแรกในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งเป็นการจ่ายสำหรับเดือนตุลาคม 2564 - กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งกรมบัญชีกลางแจ้งกำหนดการโอนเงินเข้าบัตรสวัสดิการฯงวดแรก ในช่วงปลายเดือนเมษายน 2565 และงวดถัดไปจะดำเนินการจ่ายเป็นรายเดือนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กันยายน 2565 โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินเข้าบัตรสวัสดิการ ทุกเดือนต่อไป ดูน้อยลง


28 เมษายน 2565

เที่ยวไทยรับพลังบวก เที่ยวแก้ชงเสริมมงคลปีขาล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย และศูนย์ประสานงานสื่อมวลชน ให้การต้อนรับ ดร.คฑา ชินบัญชร พรีเซนเตอร์ เที่ยวไทยรับพลังบวก เที่ยวแก้ชงเสริมมงคลปีขาล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคณะนักท่องเที่ยว จากโครงการ "#เบตง หรอยแรง แหล่งใต้ สไตล์นกแอร์" จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในโอกาสเปิดเส้นทาง บินตรง เบตง กับนกแอร์  โดยบินทุกวันอาทิตย์ วันอังคาร และวันศุกร์  เริ่มแรกระหว่าง 29 เมษายน - 29 กรกฎาคม 2565    ไฟล์ทบินแรกเพื่อการพาณิชย์  วันที่ 29 เมษายน 2565


หรอยแรงแหล่งใต้ (Savory South) กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เที่ยวภาคใต้ โดยการออกแบบประสบการณ์การท่องเที่ยวจากเสน่ห์วันวาน ผสานกับความทันสมัย ความสวยงามของทัศนียภาพความสบายกายสบายใจและ อาหารถิ่นของเบตง ที่มีศักยภาพในการจูงใจให้นักท่องเท่ียวชาวไทย ทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มคู่รักกลุ่มเพื่อน กลุ่มผู้เกษียณ กลุ่ม GenX, GenY หรือ GenZ ออกเดินทางช่ืนชมความสวยงามของประเทศไทย ทางใต้สุดแดนสยาม แลก เปลี่ยนความเป็นอยู่วิถีชีวิตชาวไทย ให้วิถีแห่งความเป็นไทยยังคงอัตลักษณ์ท่ีเพียบพร้อมและงดงาม ควรค่า แก่การสืบสานให้ยังคงอยู่ ตลอดท้ังส่งเสริมให้เกิดคุณค่ากลับคืนสู่ท้องถิ่นโดยใชการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและส่งเสริมวิถีความเป็นไทย ให้ยั่งยืนสืบไป

การท่องเที่ยวแห่วประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญชวนคนไทยทุกคน ร่วมสัมผัสวิถีชาวไทยแดนใต้ ออกเดินทางไปสัมผัส ประเทศไทยให้ Amazing ยิ่งกว่าเดิม

บริษัท คชเชอร์ โกลบอล ฟู้ด จำกัด เตรียมฉลองครบรอบ 1 ปี ผลิตภัณฑ์นมโคแท้ 100%

บริษัท คชเชอร์ โกลบอล ฟู้ด เตรียมฉลองครบรอบ 1 ปี ผลิตภัณฑ์นมโคแท้ 100% คุณภาพเยี่ยมแบรนด์ “East Field” ขนทัพ มหกรรมสินค้าให้เตรียมใส่ตะกร้า พร้อมช้อปออนไลน์ได้ที่ Facebook  Khotcher Store และ Online Official Platform ทาง Shopee Lazada เพียงพิมพ์   Khotcher  Store  มหกรรมลดราคาจัดหนักจัดเต็มครั้งนี้ เตรียมเอาใจสายสุขภาพรักการดื่มนม และชื่นชอบสินค้านำเข้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศ  เช่น ซอสเกาหลี ASSI, ขนมเวเฟอร์ลักชูรี่ White Castle  5.5 นี้เตรียมแจกโค้ดมากมาย พร้อมลุ้นรับโค้ดช้อปฟรี มูลค่า 10,000 บาท มูลค่ารวมกว่า 30,000 บาท

บริษัท คชเชอร์ โกลบอล ฟู้ด จำกัด เตรียมฉลองครบรอบ 1 ปี  ผลิตภัณฑ์นมโคแท้ 100% คุณภาพเยี่ยมแบรนด์ “East Field”  ในปีนี้นับเป็นโอกาสดีที่แบรนด์ของเราได้รับการตอบรับที่ดี และนับว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และ ออฟไลน์ ก้าวสู่ความสำเร็จตามเป้ามา 1 ปี และในปีนี้มีเป้าหมายขยายช่องทางเข้าสู่ร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ลุยปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเติบโต และ เป้าหมายในการโฟกัสช่องทางทำตลาดเทรนด์ใหม่ โดยอัพเดทในส่วนของแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ ผลิตภัณฑ์นมสูตรออริจินัล มีอัตราเติบโตได้มากถึง 60% และในส่วนของผลิตภัณฑ์นมรสแลคโตสฟรี เป็นทางเลือกสินค้าสุขภาพทางเลือกสามารถเติบโตได้ถึง 40% สามารถเติบโตในด้านของยอดขายได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 65  โดยแคมเปญของช่องทางจำหน่ายออนไลน์ครั้งนี้ จะแจกส่วนลดสูงสุด 20%  (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) โดยทุกการใช้จ่ายสามารถลุ้นรับคูปองโค้ดสูงสุด 10,000 บาท สูงสุดถึง 3 รางวัล เอาใจสายช้อปออนไลน์ ให้ได้รอติตตามกัน อย่าพลาดเพราะแคมเปญดีแบบนี้มีวันเดียว Flashsale 5.5 ทาง Shopee และ Lazada  เพียงพิมพ์ร้านค้า Khotcher Store 

ในส่วนของความท้าทายต่อไปของแบรนด์ “East Field” คือการศึกษาวิจัยผลิตภัณฑ์นมรสชาติใหม่ที่เชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในวงกว้าง  คาดว่าจะเปิดไลน์ผลิตเพื่อออกวางจำหน่ายในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อรองรับตลาดวัยเรียน วัยทำงาน และผู้ที่ชื่นชอบการดื่มนมมากขึ้น

ท่านสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์นมโคแท้ 100% คุณภาพเยี่ยม แบรนด์ “East Field” และผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ คชเชอร์ โกลบอล ฟู้ด หรือ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเวปไซด์ http://www.khotcherglobalfood.com

Official Facebook: Khotcher Global Food

Shopee: Khotcher Store, Lazada: Khotcher Store

สำหรับข้อมูลผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทฯทั้งหมดสามารถติดตามได้ทาง

Facebook: Khotcher Store Tel : 0639951714

Email: marketing@khotcherglobalfood.com

27 เมษายน 2565

งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022

หน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้านท่องเที่ยว-บริการจับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์จัดงาน ฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 มั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจฟื้น รับภาครัฐเปิดประเทศ เตรียมรับนักท่องเที่ยวกลับเข้าไทย

งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมบาริสต้า สมาคมเชพประเทศไทย สมาคมค้าปลีกไทย และ กว่า 15 องค์กรท่องเที่ยว-บริการไทยและนานาชาติ ร่วม อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ พร้อมจัดงานฯ ช่วยผู้ประกอบการฟื้นฟูธุรกิจ มั่นใจธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และบริการทยอยฟื้นจากภาครัฐเปิดประเทศ แนะผู้ประกอบการ
เตรียมรับคลื่นนักท่องเที่ยวกลับไทย กำหนดจัดงานฯ ระหว่างวันที่ 21 - 24 กันยายน 2565
ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์





นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในปีนี้ถือเป็นปีเริ่มต้นของการฟื้นฟู คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจโรงแรมก็จะดีขึ้นตามไปด้วย ส่วนความร่วมมือในการจัดงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 นั้น นับเป็นงานเดียวที่สมาคมฯ ร่วมมือในการจัดงานมายาวนานกว่า 20 ปี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญเป็นเวทีใหญ่ของการแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นการรวมตัวของผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้า บริการ เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เพื่อนำมาปรับใช้และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทุกๆ ด้านตามรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) พร้อมสร้างความปลอดภัยและการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคให้แก่ลูกค้า โดยไม่ลืมเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ลูกค้ามองหา ธุรกิจโรงแรมต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้าน ส่วนกิจกรรมของสมาคมในงานฯ นั้น ประกอบด้วยการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี การเสวนาที่น่าสนใจ อาทิ การพัฒนามาตรฐานโรงแรมอย่างไรให้ยั่งยืนและแข่งขันได้ ฯลฯ 

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย

ด้านนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ธุรกิจร้านอาหารนับว่าได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลายธุรกิจในภาคท่องเที่ยว เมื่อภาครัฐเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น การบริโภคก็มากขึ้นตามไปด้วย โดยอาหารไทยก็เป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นกัน สำหรับความร่วมมือในการจัดงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 นั้น สมาคมฯ ได้ร่วมจัดงานฯ มากว่า 15 ปี โดยจุดนัดพบสำคัญประจำปีของผู้ประกอบการธุรกิจและผู้สนใจในธุรกิจอาหารทั่วประเทศ ที่มารวมตัวกันแลกเปลี่ยนความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ อัปเดทเทรนด์ มองหาวัตถุดิบ อุปกรณ์ เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในธุรกิจ รวมถึงการจัดประชุม สัมมนา และให้ความรู้ โดยปีนี้จะมุ่งเน้นที่การพัฒนาธุรกิจอาหารอย่างไรให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในโลกสมัยใหม่ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้มีโซนธุรกิจร้านอาหารและบาร์ (Restaurant & Bar Thailand) เกิดขึ้นใหม่ สมาคมฯ เองก็ได้เตรียมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ไว้สำหรับผู้ร่วมงานด้วยอย่างมากมายเช่นกัน



ด้านนายมีชัย อมรพัฒนกุล นายกสมาคมบาริสต้าไทย กล่าวว่า ในภาวะปกติธุรกิจกาแฟและร้านกาแฟเติบโตอยู่ที่ 3-5% มูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท แต่สถานการณ์โควิดทำให้สภาพตลาดอยู่ในภาวะคงที่ หลังจากนี้มองว่าตลาดจะทยอยกลับสู่ภาวะปกติจากสัญญาณการฟื้นตัวที่เห็นได้ชัดขึ้น เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาการบริโภคก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งธุรกิจกาแฟและร้านกาแฟยังถือว่าอยู่ในช่วงที่เติบโตได้ เรายังเห็นผู้ผลิต จัดจำหน่าย

ร้านกาแฟใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ทางสมาคมฯ และผู้จัดงานงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 มีเป้าหมายที่จะพัฒนาผู้ประกอบการให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งได้ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้ว อาทิ การสนับสนุนบาริสต้าไทยในการแข่งขันระดับโลกจนได้เป็นแชมป์ World Latte Art ในปี 2017 และปีนี้จะมีโซนธุรกิจกาแฟและเบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand) โดยเฉพาะ เป็นโซนที่รวมสินค้า อุปกรณ์ บริการ และผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟและธุรกิจกาแฟที่พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจ โดยสมาคมฯ จะมีการจัดกิจกรรมแข่งขันสำคัญ 2 รายการ คือ การแข่งขันศิลปะบนถ้วยกาแฟ (Thailand National Latte Art Championship (TNLAC) และการสร้างสรรค์เครื่องดื่มจากกาแฟ (Thailand National Coffee in Good Spirits Championship (TNCIGS) ) เพื่อหาตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเวทีระดับโลกอีกด้วย

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงานฯ

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงานฯ กล่าวว่า งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 พัฒนาต่อยอดจากงานฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ ที่จัดขึ้นต่อเนื่องกว่า 28 ปี โดยเป็นการกลับมาจัดงานอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ทั้งการขยายการจัดงานจากกลุ่มอาหาร ท่องเที่ยว โรงแรม ครอบคลุมถึงธุรกิจต่อเนื่องในกลุ่มบริการ สปา โรงพยาบาล ค้าปลีก โลจิสติกส์ ฯลฯ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและทำให้งานครบวงจรมากขึ้น การเพิ่มโซนจัดแสดงใหม่ 2 โซน คือ โซนธุรกิจกาแฟและเบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand) โซนธุรกิจร้านอาหารและบาร์ (Restaurant & Bar Thailand) และสถานที่จัดงานใหม่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่จัดงาน 10,000 ตารางเมตร พร้อมคงจุดเด่นในส่วนต่างๆ ไว้ครบถ้วน ทั้งการจัดแสดงและพาวิลเลี่ยนนานาชาติ ซึ่งขณะนี้มีการตอบรับเข้าร่วมงาน จากประเทศญี่ปุ่น อิตาลี กว่า 20 บริษัท และจะเพิ่มขึ้นจากอีกหลายประเทศอย่างแน่นอน กิจกรรมการฝึกอบรม การประชุมสัมมนาจากสมาคมพันธมิตรกว่า 20 องค์กร การแข่งขัน การประกวด ฯลฯ และไฮไลท์การจัดแสดงสินค้าและบริการจากกว่า 300 บริษัทชั้นนำทั่วโลก

จึงเป็นโอกาสดีของทั้งผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ให้บริการ และผู้ประกอบการผู้ผลิตวัตถุดิบอาหาร อุปกรณ์ในร้านอาหารและธุรกิจบริการ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ และผู้ให้บริการในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม บริการในการเข้ามาร่วมจัดแสดงงานฯ และอยากเชิญให้ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ รวมถึงผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชมงาน เพราะจะได้พบกับสินค้าอาหารและอุปกรณ์ระดับพรีเมียม เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ การแข่งขัน การประชุม การสัมมนา Workshop พร้อมทั้งพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้และเจรจาธุรกิจกับผู้ร่วมจัดแสดงงานทั้งโลกได้ทั้งแบบ Online และ Onground 


งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 - 24 กันยายน 2565
ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผู้สนใจเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานเพิ่มเติม
สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com ติดต่อ คุณสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร
อีเมล Supaporn.a@informa.com หรือ โทร.02-036-0500

26 เมษายน 2565

Wonderful Pearl Cruise

พิชิต กุลเกียรติเดช ประธานกรรมการบริหาร  "เรือวันเดอร์ฟูลเพิร์ล"  มอบดอกไม้ให้การต้อนรับ กนกรส วงศ์เวคิน  และ เอิร์ธ สายสว่าง ในโอกาสมาถ่ายทำรายการ Aom Gen X (อ้อมเจนเอ็กซ์) ทางยูทูปชาแนล เมื่อเร็วๆนี้

 Aom Gen X เป็นรายการพาชิมอาหาร รีวิวโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ต่างๆ   และกิจกรรมสนุกๆ ทางยูทูปชาแนล




จุฬาฟาร์เทคแทคทีม ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสเต็มแอ็คทีฟ CUphar by CHULA PHARTECH

วันที่ 26 เมษายน 2565 กรุงเทพมหานคร:  จุฬาฟาร์เทค จับมือกับ ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมStemAkivภายใต้แบรนด์ CUpharby CHULA PHARTECH เอกสิทธิ์เฉพาะ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากการค้นพบคุณสมบัติต่อเซลล์ผิวของสารสกัดธรรมชาติระหว่างการทำวิจัยเรื่องสเต็มเซลล์เพื่อช่วยผู้ป่วยมะเร็งภายในงาน FROM STEM TO SKINณ SID ชั้น 3 SIAM SQUARE ONE

ศาสตราจารย์ ดร.บัญฑิต เอื้ออาภรณ์อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่าจากยุทธศาสตร์หลัก 4 ประการของมหาวิทยาลัย อันได้แก่ การเป็นผู้นำแห่งอนาคต การวิจัยนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ การสร้างความยั่งยืน และ การเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมสร้างสรรค์สังคมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งผลให้คณะต่างๆ ภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัยต่างก็พยายามพัฒนาขีดความสามารถด้านวิชาการ งานวิจัย รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจากผลงานการวิจัยเฉพาะทางอีกด้วย 


ผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่างๆภายใต้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอง มีหลากหลายแขนงหลากหลายอุตสาหกรรมและหนึ่งในคณะที่มีคณาจารย์และบุคคลากรผู้ทรงคุณวุฒิมีบทบาทหน้าที่และมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อสังคมภายใต้สภาพแวดล้อมและเศรษฐกิจในปัจจุบันนั่นคือคณะเภสัชศาสตร์ผู้คิดค้นวิจัยยาและพัฒนาวัคซีนเพื่อช่วยควบคุมโรคอุบัติใหม่รวมถึงโรคต่างๆที่ผู้คนในปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ คณะเภสัชศาสตร์ ก็ได้นำนวัตกรรมที่ค้นพบขึ้นในขณะทำงานวิจัยสเต็มเซลล์เพื่อช่วยผู้ป่วยมะเร็ง มาพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม StemAktiv จนเกิดผลิตภัณฑ์สกินแคร์เพื่อผิวพรรณและความงามสำหรับทุกคน ภายใต้แบรนด์ CUpharโดยบริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด ที่เป็นแหล่งสนับสนุนนวัตกรรมจากคณะเภสัชศาสตร์ออกสู่ประชาชนเพื่อเป็นการยืนยันว่าผลงานวิจัยที่ทุ่มเทคิดค้นและพัฒนามานับปีหรือนับสิบปีนั้นสามารถตอบโจทย์และช่วยเหลือผู้บริโภคในสังคมได้จริงและเป็นรูปธรรม


และโอกาสนี้ บริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด จับมือกับบริษัทไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดตัวแบรนด์ CUpharด้วยผลงานวิจัยนวัตกรรมชุดแรกเป็นของ StemAktiv โดย ศ.ภก.ดร.ปิติ จันทรวรโชติ ที่จะเปิดเผยกลไกการทำงานจาก Stem สู่ Skin ที่นี่เป็นครั้งแรกสู่สายตาสาธารณชนสำหรับนวัตกรรม StemAktivเกิดขึ้นจากการนำสมุนไพรธรรมชาติมาสกัดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง จนได้สารสกัดพิสูจน์ในหลอดทดลองแล้วว่าสามารถชะลอ ฟื้นฟูและกระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยการกระตุ้นให้เซลล์ต้นกำเนิดกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง เชื่อมต่อกลไกการส่งสัญญานระหว่างเซลล์ให้สมบูรณ์ ฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ที่เสื่อมสภาพ อีกทั้งยังกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ใหม่ กระตุ้นกลไกการกำจัดพิษ และ โปรตีนขยะภายในเซลล์ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการบำรุงและแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวหนังศีรษะ และเส้นผม ในทุกช่วงวัยและยังอาจช่วยแก้ปัญหาจากการแพ้สารเคมีจากส่วนผสมของสกินแคร์แบบดั้งเดิม อันเป็นลิขสิทธิ์ของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเท่านั้น


โดยผลิตภัณฑ์สกินแคร์ภายใต้แบรนด์ CUpharโดยบริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1) สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวโดยเฉพาะ เช่น ผิวแพ้ง่าย ผิวแห้งจัด แพ้สารเคมี แพ้น้ำหอม ผู้ป่วยผิวหนัง ผู้สูงวัย ผู้ป่วยเด็ก(Nourishing Body Lotion, Deep Nourishing Moisturizer)

2) สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวหนังศีรษะ ผมร่วง ผมบาง หัวล้าน ผมหงอก รังแค คัน แพ้ง่าย(Hair Tonic Enrichmentและ Hair Nourishing Shampoo)

3) สำหรับผู้ใช้สกินแคร์ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพทั้งการวิจัยพัฒนา วัตถุดิบที่มีคุณภาพ การสกัดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และการผลิตที่ได้มาตรฐาน รวมถึงคุณภาพที่ไว้ใจได้(Deep Revitalizing HYA Concentrated Serum, Essence Miracle Water, Acne Clear)


ซึ่งผลิตภัณฑ์ CUpharโดย บริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด เราได้ร่วมมือกับ บริษัท ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยเฉพาะ ให้เป็นผู้ดำเนินการจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์สกินแคร์ภายใต้แบรนด์CUpharสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่Facebook: CUphar Online
LINE: @CUpharOnline (มี@)
Website: www.cuphar.com


25 เมษายน 2565

“เอ็นไอเอ” เดินหน้าหลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม (CCIO) รุ่น5

ชูพัฒนาเมืองนวัตกรรม พลิกฟื้นจากวิกฤตด้วยความยั่งยืน ดึงวิทยากรแนวหน้าทั่วโลกร่วม 

สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดรับเข้าร่วมหลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม (CCIO) รุ่น 5 เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจในการพัฒนาเมืองแบบครบทุกมิติ สอดรับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต พร้อมลงลึกเนื้อหาการพัฒนาเมืองนวัตกรรมกับวิทยากรระดับแนวหน้าจากทั่วโลกร่วมบรรยาย เริ่ม 11 มิถุนายน – 30 กรกฎาคม 2565 นี้

ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อํานวยการสํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดเผยว่า NIA จัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม (Chief City Innovation Officer: CCIO) ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 5 ซึ่งหลักสูตรนี้มุ่งสร้างมุมมองความเข้าใจในนวัตกรรมสำหรับกลุ่มบริหารระดับสูง (C-Level) ด้านการพัฒนาเมืองและชุมชน 

โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความสามารถในการพัฒนาและการจัดการเมืองนวัตกรรม พัฒนาทักษะการวางแผนยุทธศาสตร์และการจัดการเมืองที่เป็นไปตามหลักสากล พร้อมทั้งนำหลักการของเมืองต้นแบบมาปรับใช้ในบริบทของท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่ เพื่อบูรณาการองค์ความรู้มาใช้ประโยชน์ในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมด้วยการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพใน 3 ระดับ คือ ย่าน เมือง และภูมิภาค นำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SUSTAINABLE DEVELOPMENT GOALS: SDGS) ของสหประชาชาติ และเพื่อให้เกิดการพัฒนาเมืองนวัตกรรมที่มีความทั่วถึง ยั่งยืน และเชื่อมโยง (INCLUSIVE, SUSTAINABLE, AND CONNECTED CITY)




“การจัดอบรมหลักสูตรนี้สอดคล้องกับแผนพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่และภูมิภาค ในเรื่องการสร้างนวัตกรและบุคลากรนวัตกรรมให้เพิ่มขึ้นในพื้นที่ (Create The Dots) การสร้างเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และชุมชน เพื่อให้เกิดพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านนวัตกรรม รวมถึงการกำหนดแนวทางการพัฒนาพื้นที่หรือคลัสเตอร์เป้าหมายร่วมกัน (Connect The Dots) และการพัฒนากิจกรรมด้านเครือข่ายที่สนับสนุนการพัฒนาพื้นที่นวัตกรรม (Networking Assets) และสามารถสนับสนุนผลการดำเนินงานในตัวชี้วัดด้านการสร้างเครือข่ายนักพัฒนาเมืองไม่น้อยกว่า 40 ราย ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบในด้านการยกระดับความสามารถและทักษะของผู้บริหารเมือง รวมถึงการสร้างเครือข่ายของผู้บริหารเมืองและนวัตกรในระดับท้องถิ่น” ดร.พันธุ์อาจ กล่าว

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อํานวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวว่า “ที่ผ่านมาการจัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม หรือ CCIO มีผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก สร้างให้เกิดเครือข่ายนักพัฒนาเมืองและนวัตกรมากกว่า 180 คน เกิดแนวคิดหรือโครงการต้นแบบในการพัฒนาเมืองรวมถึงเกิดความร่วมมือ     จนเกิดโครงการที่นำไปสู่การปฏิบัติจริงมากกว่า 10 โครงการ ก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนกว่า 50 ล้านบาท”

สำหรับหลักสูตร CCIO รุ่นที่ 5 นี้ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองครอบคลุมทุกมิติ สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น เมืองแห่งอนาคต (City of The Future) กระบวนทัศน์ใหม่ของเศรษฐกิจเมือง (New Paradigm of City Economy) นวัตกรรมเปลี่ยนเมือง (UrbanTech Innovation) เมืองสู้วิกฤต (City and the Crisis)  ฐานรากเมืองยั่งยืน (ESG Principles for Sustainable Cities) เมืองผู้สูงวัย (City for Silver Economy) วิทยาการข้อมูลสําหรับการบริหารเมือง (Data Science for City Management) และการสื่อสารเมือง (City Visualization & Communication) โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมบรรยายทั้งในและต่างประเทศ ผู้เข้าร่วมอบรมในหลักสูตรนี้จะได้รับความรู้เพื่อนำไปพัฒนาองค์กร ธุรกิจ และเมือง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถสร้างเครือข่ายนักบริหารระดับสูง      ที่เข้มแข็ง และสามารถต่อยอดสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ก่อให้ประโยชน์ต่อธุรกิจและประเทศได้ ดังจะเห็นได้จากความสำเร็จในการต่อยอดความรู้และเครือข่ายผู้บริหารของผู้เข้าร่วมอบรมทั้ง 4 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งจะจัดอบรมตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน – 30 กรกฎาคม 2565



 ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ cciothailand@gmail.com หรือ www.nia.or.th/ccio

24 เมษายน 2565

จังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันครอบครัว ประจำปี 2565

 “พลังครอบครัว พลังผู้สูงวัย กับชีวิตวิถีใหม่ ไร้รอยต่อเทคโนโลยี” 

          เมื่อวันศุกร์ที่ 22 เม.ย. 2565 ที่ศาลาประชาคม จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิด งานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันครอบครัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิด “พลังครอบครัว พลังผู้สูงวัย กับชีวิต วิถีใหม่ ไร้รอยต่อเทคโนโลยี” เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ตามศักยภาพของตนเอง โดยมอบโล่ให้กับ ผู้สูงอายุที่รักษาสุขภาพแข็งแรง ที่มีอายุ 104 ปี ได้แก่ นายหม่าหล่ากู เจริญพระธรรมดี /ผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมได้แก่ นายโชติ นรามณฑล อายุ 74 ปี ประธานมูลนิธิบรรเทาสาธารณะภัย จังหวัดแม่ฮ่องสอน / ผู้สูงอายุที่เสียสละบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ได้แก่ นางวารี เมืองหมอกงาม /และโรงเรียนผู้สูงอายุต้นแบบตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน อีกทั้งเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติครอบครัวร่มเย็น ได้แก่ ครอบครัว นางสรารัตน์ เนื้อนวลจันทร์ /ครอบครัวนางอนงค์ แกนุ และครอบครัวนายติโต ขันแก้ว ดี และหน่วยงาน องค์กรที่ปฏิบัติงานด้านผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และกระตุ้นให้ประชาชนและสังคมตระหนักถึง ความสำคัญของครอบครัว และส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในการตะหนักและเห็นถึงความสำคัญ

ของสถาบันครอบครัว  นอกจากนี้ยังเป็นเวทีให้ผู้สูงอายุ ได้แสดงความสามารถ ทั้งดนตรีการฟ้อนรำ  เป็นการถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญา อันทรงคุณค่า  มีส่วนบูรณาการ การจัดนิทรรศการของหน่วยงานๆต่าง และการบรรยายให้ความรู้เรื่อง พลังครอบครัว พลังผู้สูงภัย กับชีวิตวิถีใหม่ ไร้รอยต่อ เทคโนโลยี และเรื่อง อาชญากรรมทางไซเบอร์ภัยของผู้สูงอายุ  อีกด้วย







         ทั้งนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ 13 เมษายน ของทุกปี เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันที่ 14 เมษายน ของทุกปี เป็นวันครอบครัวแห่งชาติ โดยให้หน่วยงานทุกภาคส่วน มีการจัดกิจกรรมในวันผู้สูงอายุและวันครอบครัวแห่งชาติ รวมทั้งการรณรงค์ให้ทุกคนเห็นความสำคัญและ ตระหนักในคุณค่าของผู้สูงอายุ และครอบครัว ด้วยสถานการณ์ผู้สูงอายุจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุทั้งสิ้น 35,751 คน คิดเป็นร้อยละ 12.50 ของประชากรในจังหวัดแม่ฮ่องสอน