เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

30 กันยายน 2563

สิงห์บุรี ประกาศเจตนารมณ์ โครงการ "บ้านน่านอน เมืองน่าอยู่"

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสิงห์บุรี จัดโครงการบ้านน่านอน เมืองน่าอยู่ พัฒนาที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ คนพิการ และประชาชนทั่วไป  เพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้มีมาตรฐานมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมขจัดอุปสรรคและสนับสนุนให้คนพิการ ผู้สูงอายุ สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ โดยมีสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อคนพิการ ผู้สูงอายุ รวมถึงมีสุขอนามัยและความมั่นคงปลอดภัย


ตั้งเป้าภายในปี 2564 ดึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน การปกครองส่วนท้องถิ่น อสม. อพม. และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในจังหวัดสิงห์บุรี บูรณาการร่วมกันในหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ ให้ประชาชนในจังหวัดสิงห์บุรีตระหนักและให้ความสำคัญในการรักษาความสะอาดบ้านเรือนและชุมชนของตนเองให้สะอาด น่าอยู่ และปลอดภัย ครอบคลุม 7 หมื่นกว่าครอบครัว (ประชากร 208,446 คน)

ในการนี้ นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์   ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ขอประกาศเจตนารมณ์ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน บ้านเป็นสถานที่สำคัญที่บุคคลในครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และมีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่ บ้านที่สะอาด ปลอดภัย เป็นระเบียบเรียบร้อยสะท้อนความมีระเบียบวินัย ส่งผลให้ประชาชนมีสุขภาพร่างกายจิตใจที่แข็งแรง  และภายในปี 2564 จังหวัดสิงห์บุรี ประชาชนต้องมี “บ้านน่านอน เมืองน่าอยู่"








ชวนไป...กินปูห้อยขา ที่ธนาคารปูม้า

ชุมชนบ้านเกาะเตียบ
ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร

วันนี้ Toptotravel  มีโอกาสมาแวะ กลุ่มธนาคารปูม้า ชุมชนบ้านเกาะเตียบ ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่มีการน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวิถีเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้จนเป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นเครื่องมือสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรชาวบ้าน ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม เป็นการสร้างรายได้ให้คนในชุมชน

กลุ่มธนาคารปูม้า ชุมชนบ้านเกาะเตียบ ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่มีการน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวิถีเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้จนได้ผล สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และมีรายได้เพิ่ม เป็นแหล่งเรียนรู้และพัฒนามาต่อยอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หน้าสนใจแห่งหนึ่งของจังหวัดชุมพร ที่คงความเป็นธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์

เอาใจคนที่ชอบกินปูและวิถีสโลว์ไลฟ์ ชิลไปไหนจะพาไปพักผ่อนแบบอันซีน ที่บ้านเกาะเตียบ ซึ่งเป็นจุดขึ้นเรือ ในช่วงนี้น้ำลง จะปรากฏเป็นริ้วรายสันทรายริมหาดมองแล้วสวยมาก น้ำทะเลที่บ้านเกาะเตียบ เวลานี้สวยเหลือเกิน ส่วนการเดินทางไปยังธนาคารปูม้าบ้านเกาะเตียบ ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองชุมพร ประมาณ 90 กิโลเมตร ต้องใช้ถนนเลียบชายฝั่งทะเลของกรมทางหลวงชนบท ผ่านตำบลสะพลี ตำบลชุมโค และตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จ.ชุมพร


ธนาคารปูม้าบ้านเกาะเตียบ ถือเป็นความภาคภูมิใจของชุมชนบ้านเกาะเตียบ และชาวชุมพร แสดงให้เห็นถึงการร่วมแรงร่วมใจกันของชาวบ้านในการนำเอาสิ่งที่ได้รับจากการเดินทางไปศึกษาดูงานมาประยุกต์เข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสงวนรักษาทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเอาไว้ให้เป็นแหล่งทำมาหากินที่ยั่งยืนของชุมชน บรรยากาศดี อาหารสดอร่อย มีมุมถ่ายรูปสวยๆ  เยอะมาก



ผู้ที่ต้องการเดินทางไปเยี่ยมชมธนาคารปูม้าบ้านเกาะเตียบเป็นหมู่คณะ  ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ของ กินปูห้อยขาพาดูปะการัง กับสายรุ้งนำเที่ยว เราไปจอดรถที่ หน้าร้าน สายรุ้งนำเที่ยว ริมทะเลโดยที่ชายหาดแห่งนี้  ทุกคนสวมเสื้อชูชีพแล้วทยอยลงเรือ ชาวบ้านที่นี่ยังคงใช้เรือหาปลาและสัญจรไปมาอย่างเรียบง่ายทุกคนก็ออกมาต้อนรับ 

และให้เรานั่งพักเหนื่อย ดื่มน้ำเย็นๆ ระหว่างที่ทยอยนำอาหารทะเลสด  สายปู สายกุ้ง สาบปลาหมึก  รับรองว่าฟิน....น้ำจิ้มปรุงปรุงใหม่ๆ กลิ่นหอม เมนูขึ้นชื่ออย่างปูม้านึ่งตัวโตๆ ตบท้ายด้วยผลไม้อย่างแตงโมหวานชื่นใจ 



หลังจากถ่ายรูป เดินชมทะเลกันจนเต็มอิ่ม เราก็กลับมาที่สายรุ้งนำเที่ยว เพื่อเดินทางกลับ ส่วนใครอยากนอนพักผ่อนในบรรยากาศอบอุ่นสโลว์ไลฟ์ สามารถติดต่อได้เลย สะดวกปลอดภัยและ สะอาดมาก

ใครอยากมากินปู ดูทะเลและพักผ่อนในบรรยากาศอบอุ่นสโลว์ไลฟ์ สุดฮอตแบบนี้ ลองหาโอกาสมาพักที่ กินปูห้อยขาพาดูปะการัง สายรุ้งนำเที่ยว


ใครมาเที่ยวชุมพรโทรหาพี่สาย  กินปูห้อยขาแบบสุดฟิน  โทร. 087 276 9390 (พี่สาย) 
Facebook : สายรุ้ง สาธิตศานนท์  
Line Id :  0872769390  


คลิปเสียง : คุณสายรุ้ง สาธิตศานนท์  

#ดำน้ำเกาะร้านเป็ดร้านไก่ #กินปูห้อยขา #ชัญญ่าว่าดี #สายรุ้งนำเที่ยว #ชมเกาะยอ #อาหารทะเลอร่อย #เที่ยวชุมพร  #แหล่งท่องเที่ยวชุมพร  #ฉลามวาฬ #กินปูห้อยขาพาดูปะการัง #กินปูห้อยขาสายรุ้งนำเที่ยว #กินปูห้อยขาธนาคารปู #สดกว่านี้ก็ต้องไปกินในทะเลแล้ว

29 กันยายน 2563

โสสุโก้ เปิดตัวไอเท็มใหม่ล่าสุด กาวซีเมนต์โสสุโก้ ตอบโจทย์ช่างมืออาชีพ

กระเบื้องโสสุโก้  ภายใต้บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน)  ผู้สร้างสรรกระเบื้องปูพื้นและบุผนังให้มีดีไซน์หลากหลายตามสไตล์ในแบบคุณจนเป็นที่นิยมสำหรับผู้ใช้งานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ล่าสุดเพื่อเติมเต็มความต้องการใช้งานของช่างมืออาชีพ กาวซีเมนต์โสสุโก้ใช้ปูกระเบื้องเซรามิกตั้งแต่ขนาดทั่วไป จนถึงกระเบื้องขนาดใหญ่ ที่ไซส์ 60x60 ซ.ม. จัดเต็มด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ผสมวัสดุประสานพิเศษมีประสิทธิภาพการยึดเกาะแน่น ติดนานทนทาน ช่วยให้ช่างปูกระเบื้องได้ง่าย ด้วยสูตรแห้งเร็ว  ทำให้ประหยัดเวลาในการทำงาน เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ช่างเล็ก ช่างใหญ่ต้องมีติดไม้ติดมือ  กาวซีเมนต์โสสุโก้   หรือที่ช่างเรียกว่า กาวซีเมนต์พี่บิ๊ก สังเกตง่ายๆ จากถุงสีชมพู  มีวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายโสสุโก้ทั่วประเทศ 

             
สำหรับท่านที่สนใจสามารถดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่  http://www.sosuco2008.co.th/
หรือเฟสบุ๊คแฟนเพจ https://www.facebook.com/sosucothailand/

เคล็ดลับ “สุขภาพดี” กับเหล่าศิลปิน ดารานักแสดง และเซเลบริตี้รรุ่นใหญ่ กับ One Day One Life with BAAC

วันเดียว ที่เดียว - ครบเซตเรื่องสุขภาพ

BAAC ร่วมกับ FM96.5 จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคุณผู้ฟังคลื่นวิทยุ FM96.5 ทุกท่านได้เรียนรู้จักกับ การดูแลสุขภาพในแนวทางการป้องกัน และฟื้นฟูสุขภาพ  แบบชะลอวัย Anti-Aging ภายใต้ชื่องาน “One Day One Life with BAAC วันเดียว ที่เดียว ครบเซตเรื่องสุขภาพ” 

นำโดยคุณบุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี พิธีกร และนายแพทย์บัญชา แดงเนียม เป็นวิทยากรตลอดกิจกรรม ทั้งนี้ยังเสริมทัพด้วย คุณชรัส เฟื่องอารมย์ - คุณชลิต เฟื่องอารมย์ -คุณทูน หิรัญทรัพย์ คุณบดินทร์ ดุ๊ก และคุณเอิร์ธ สายสว่าง เรียกได้ว่าเป็นการขนเหล่าบรรดาศิลปิน ดารานักแสดง และเซเลบริตี้รุ่นใหญ่  มาเผยเคล็ดลับการดูแลสุขภาพให้ยังคงดูหนุ่มสาวอ่อนกว่าวัย 


สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 100 ท่าน โดยอยู่ภายใต้การกำกับและรักษามาตรฐานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19   ณ. สถานี วิทยุ โทรทัศน์ อสมท (MCOT)




“เคอีกรุ๊ป”จับมือ “อาลีบาบาคลาวด์”สร้าง “SKY OS” แพลตฟอร์มแรกในเอเชีย

แม้จะอยู่ต่างอุตสาหกรรมกัน ก็สามารถจับมือกันมาเขย่าวงการธุรกิจได้ ล่าสุด “เคอี กรุ๊ป” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับชั้นนำของประเทศไทย จับมือ “อาลีบาบา คลาวด์” ผู้นำเทคโนโลยีระบบการจัดการอันดับหนึ่งของเอเชีย สร้างนิวโมเดลแพลตฟอร์มแรกในเอเชีย ภายใต้ชื่อ “SKY OS”เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงธุรกิจแบบครบวงจรและทันสมัยของเมืองไทย อีกทั้งยังสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้หลากหลายธุรกิจ ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีกร้านค้าศูนย์การค้า และอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท หวังช่วยผู้ประกอบการร้านค้า และธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายการลงทุนด้านเทคโนลียี ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนไล่ตามไม่ทัน

“นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอี กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับ บริษัท อาลีบาบา คลาวด์ จำกัด นำโดย“นายไทเลอร์ ควิว”ผู้จัดการของอาลีบาบา คลาวด์ ประจำประเทศไทย ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อกลุ่มค้าปลีก, ร้านค้า, ศูนย์การค้า และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ภายใต้ชื่อ “SKY OS” (สกาย โอเอส) เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงธุรกิจแบบครบวงจรและทันสมัยของเมืองไทย อีกทั้งยังสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้หลากหลายธุรกิจ นอกจากแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจค้าปลีกแล้ว ยังคาดว่าจะมีการพัฒนา“SKY OS” (สกาย โอเอส) พัฒนาระบบให้ครอบคลุมการบริหารธุรกิจเรียลเอสเตทอื่นๆ ในอนาคต

ทั้งนี้ “SKY OS” (สกาย โอเอส) ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) ซึ่งเป็นระบบดิจิทัลอัจฉริยะ และเป็นเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานหลักของอาลีบาบาซึ่งโซลูชั่นของอาลีบาบา คลาวด์ ได้ให้การสนับสนุนธุรกิจต่างๆ อย่างประสบผลสำเร็จมาแล้วมากมาย ทั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เทคโนโลยีการเงินโลจิสติกส์ สื่อดิจิทัล และ ธุรกิจบันเทิง ตลอดจนระบบจ่ายเงิน เกตเวย์ และระบบการชำระเงินแบบไร้เงินสดหรือ E-Wallet ที่สมบูรณ์ครบวงจร ทำให้มั่นใจได้ว่า ระบบ Sky OS จะเป็นระบบที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ประกอบการในประเทศไทย

จุดเด่นของ“SKY OS” (สกาย โอเอส) คือการรวบรวมแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบนี้ให้กับพันธมิตรธุรกิจ และร้านค้าต่างๆ สามารถนำไปใช้ในการบริหารงานและบริหารการขาย เพื่อเพิ่มช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด บนแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพที่สุด โดยไม่ต้องกังวลกับการลงทุนไล่ตามเทคโนลียีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว เนื่องจาก “SKY OS” (สกาย โอเอส) จะเป็นผู้พัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สเตทออฟดิอาร์ต 5 หลักการทำงานสำคัญคือ

1. โครงสร้างสำหรับการทำระบบลอยัลตี้และแคมเปญ พัฒนาระบบให้ผู้ประกอบการทุกประเภทธุรกิจ สามารถนำบิ๊กดาต้าไปใช้ในการเพิ่มฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อการส่งโปรโมชั่นผ่านทุกสื่อที่เข้าถึง เช่น โปรแกรมสะสมแต้ม และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ตลอดจนการสร้างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จด้วยการเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ

2. เป็นโมเดลธุรกิจแบบ O2O หรือออนไลน์ ทู ออฟไลน์ (Online to Offline) ผสมผสานระหว่างธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์ โดยนำคุณภาพของออฟไลน์มาช่วยยกระดับให้กับออนไลน์ ในการขายและการทำการตลาด การโอนที่รวดเร็วและการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับผู้ค้าปลีก

3. เป็นระบบที่ทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ เพราะมีพื้นฐานมาจากโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของอาลีบาบา คลาวด์รวมถึงมีระบบสนับสนุน ณ จุดขาย หรือ POS ซึ่งใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ประกอบการ

4. แพลตฟอร์มบิ๊กดาต้า พร้อมระบบการสร้างชุมชนผู้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดยอาลีบาบา คลาวด์ จะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงบิ๊กดาต้าและการใช้งานได้ ผู้ค้าปลีกจะสามารถสร้างชุมชนของผู้ใช้ และเข้าถึงแต่ละกลุ่มได้แม่นยำมากขึ้น

5. สร้างสังคมไร้เงินสด ช่วยสร้างสังคมไร้เงินสด ผ่าน กระเป๋าเงินออนไลน์ คูปองและ voucher ออนไลน์ และมีระบบสะสมแต้มและแลกคะแนนสะสม ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ค้าปลีกได้แทบทุกรูปแบบที่ธุรกิจต้องการ 

“SKY OS” (สกาย โอเอส) จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด รวมถึง โครงการหมู่บ้าน คอนโดมิเนียม สำนักงาน โรงแรม อพาร์ทเมนต์ ตลาด และค้าปลีก โดยอำนวยความสะดวกในทุกด้านที่ธุรกิจต้องการ และเป็นท่าเชื่อมต่อไปยังบริการด้านบัญชี แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า การเก็บและจ่ายเงิน บริการออนดีมานด์ ประกัน และอีกมากมาย บริการเหล่านี้มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพคอยรองรับ โดยมีราคาที่เข้าถึงได้

ทั้งอาลีบาบา คลาวด์ และเคอี กรุ๊ป ต่างเห็นพ้องว่า แพลตฟอร์ม“SKY OS” (สกาย โอเอส)มีโอกาสทางการตลาดสูง และมีประโยชน์อย่างมากในเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยแพลตฟอร์มนี้ถือเป็นครั้งแรกในไทยและเอเชีย และจะเริ่มเปิดให้บริการภายในปลายปีนี้ สำหรับลูกค้าและร้านค้าของศูนย์การค้า ภายใต้การบริหารของกองรีท BKER ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้แก่ ศูนย์การค้า คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC), เดอะคริสตัล เอกมัย รามอินทรา-ราชพฤกษ์-ชัยพฤกษ์, เดอะซีน, เพลินนารี, อมอรินี, สัมมากร เพลส ราชพฤกษ์-รามคำแหง-รังสิต และแอมพาร์คจุฬา 

ในระหว่างนี้ หากมีผู้ประกอบการร้านค้าประเภทธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และเล็ก แม้ไม่ได้อยู่ในกองรีท BKER ก็สามารถเข้าร่วมในแพลตฟอร์ม“SKY OS” (สกาย โอเอส)ได้ อีกทั้งยังมั่นใจได้เพราะพัฒนาโดยอาลีบาบา คลาวด์ ซึ่งมีความเสถียร และพิสูจน์แล้วจากการทำงานให้กับธุรกิจในหลายภูมิภาค

“นางศุภานวิต”กล่าว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้จะส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีมากขึ้นในประเทศไทย เพื่อเสริมกลยุทธ์ในการแข่งขันทางธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพในการค้าขายอย่างมีประสิทธิภาพด้วยศักยภาพของอาลีบาบา คลาวด์ ที่เป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย เทคโนโลยีนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญทางธุรกิจในการช่วยสร้างยอดขาย เพิ่มฐานลูกค้า ให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการใช้บริการคลาวด์มากขึ้นในประเทศไทย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต”

“SKY OS เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับทั้งร้านค้าและผู้เช่า เรามั่นใจว่าด้วยเครื่องมือต่างๆ ของอาลีบาบา คลาวด์ จะตอบโจทย์ความต้องการที่ซับซ้อนของเจ้าของธุรกิจได้ ด้วยประสบการณ์จากการทำงานให้กับธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกมาแล้วมากมาย 

“SKY OS” (สกาย โอเอส) มีคุณสมบัติหลักที่พิเศษในด้านการสร้างโปรแกรมลอยัลตี้ ที่ร้านค้าและศูนย์การค้าในไทยสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องลงทุนในการสร้างระบบพื้นฐานขึ้นมาใหม่ด้วยตนเอง โดยมีสิ่งที่พิเศษกว่าแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ดังนี้

1. การให้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าซึ่งปกติร้านค้าอาจไม่สามารรถทำได้ และสามารถร่วมกับร้านค้าอื่นๆ ในการร่วมมือหรือแลกเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ผ่านแพลตฟอร์มนี้

2. การสะสมคะแนนของทุกร้านค้าและทุกธุรกิจลูกค้าทุกท่านที่สมัครเป็นสมาชิก สามารถสะสมคะแนน หรือแลกเปลี่ยนแต้มได้จากทุกร้านค้าในระบบ “สกาย โอเอส”

3. การทำโปรโมชั่นแบบแลกเปลี่ยนกันระหว่างร้านค้า หรือธุรกิจ หรือรูปแบบอื่นๆร้านค้าสามารถทำโปรโมชั่นการตลาดข้ามหมวดหมู่ธุรกิจได้ ทำให้ลูกค้าสามารถสะสมคะแนนผ่านกิจกรรม อาทิ การทำกิจกรรมร่วมการเล่นเกมส์ และการถ่ายรูป ซึ่งระบบสามารถจัดเป็นการสะสมคะแนนได้ทุกรูปแบบ 

โดยร้านค้าภายในศูนย์การค้า สามารถใช้เพียงโทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ในการยืนยันการสะสมแต้มให้ลูกค้า และยืนยันการใช้สิทธิพิเศษ ร้านค้ายังสามารถนำแพลตฟอร์มนี้ไปเป็นแพลตฟอร์มของร้านค้าได้ เพียงปรับอินเทอร์เฟซการใช้งานของfront-end หรือหน้าจอให้เป็นของร้านค้านั้น รวมถึงประยุกต์ให้เข้ากับโปรแกรมสะสมคะแนนของทางร้าน และไม่ว่าร้านค้า หรือผู้ประกอบการจะไม่ได้อยู่ภายในศูนย์การค้าในเครือ BKER ก็สามารถใช้บริการได้ ในต้นทุนที่ต่ำกว่าการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ขึ้นมาเองอย่างมาก อีกทั้งสามารถปรับฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ ได้ง่าย

โดยทั่วไป หากธุรกิจต้องการพัฒนาแอปพลิเคชั่นขึ้นมาด้วยตนเอง จะมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแพลตฟอร์มราว 800,000-5,000,000 บาท สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง แต่หากใช้บริการพัฒนาแอปพลิเคชั่นของ “SKY OS” (สกาย โอเอส)จะค่าใช้จ่ายราว 300,000-1,000,000 บาทเท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับความยากง่าย ดังนั้นสกาย โอเอส จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ประกอบการในการสร้างฟีเจอร์พื้นฐานที่ครบถ้วนสำหรับบริหารจัดการโปรแกรมลอยัลตี้และแคมเปญต่าง การทำการตลาดแบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ โดยธุรกิจสามารถเลือกที่จะเป็นผู้ดูแลระบบหลังบ้านเอง หรือว่าจ้างให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบได้ 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาแอปพลิเคชั่น คือความเสถียร ความเร็ว การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และหน้าจอการใช้งานที่น่าใช้ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง และดูแลระบบความปลอดภัยและภาษาของโปรแกรม ซึ่งอาจพบปัญหาได้หากใช้ผู้พัฒนาที่ไม่ใช้โปรแกรมภาษาล่าสุดในการพัฒนา และจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่มเติม  ซึ่งแพลตฟอร์มสกาย โอเอส ที่พัฒนาโดยอาลีบาบา คลาวด์ จะทำให้เจ้าของธุรกิจก้าวข้ามความเสี่ยงเหล่านี้ และสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์

“วาสนารัก แฟนมีตติ้ง” นำรุ่นลูก “ณิชา-ไอซ์-แพร-โบ๊ท”

ปะทะรุ่นพ่อแม่ “ทุ่งเสน่หา” “เต้ย-เด่นคุณ-สมิธ” แฟน ๆ เฮลั่น!!



สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ร่วมกับ 2 ละคร “วาสนารัก” ผลงานของ 2 ผู้จัด “จิ๋ม-มยุรฉัตร” กับ
“หนุ่ม-กฤษณ์” และละคร “ทุ่งเสน่หา” ผลงานของผู้จัด “คิง-สมจริง” จัดทำกิจกรรม “วาสนารัก แฟนมีตติ้ง” ในวันที่ 24 กันยายน 2563 ณ โรงแรมโฟร์วิงส์ สุขุมวิท 26 ที่ผ่านมา โดยมี นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้อำนวยการสำนักผลิตรายการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนักแสดงละคร “วาสนารัก” อาทิ ณิชา ณัฏฐณิชา, 

ไอซ์ ภาณุวัฒน์, แพร พิชชาภา และโบ๊ท ธารา ร่วมกับนักแสดงละคร “ทุ่งเสน่หา” อาทิ เต้ย จรินทร์พร, เด่นคุณ งามเนตร และสมิธ ภาสวิชญ์ ที่แบกความสนุกมามอบให้กับแฟน ๆ

​สำหรับกิจกรรมนี้ได้เปิดโอกาสให้กับแฟนละครผู้โชคดี 60 คน ที่ถูกคัดเลือกจากการร่วมสนุกผ่าน Facebook : Ch3EventOfficial ได้มาสนุกสนานแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับเหล่านักแสดงนำละคร “วาสนารัก” และ “ทุ่งเสน่หา” 





ซึ่งบรรยากาศเป็นการเลี้ยงแบบจิบน้ำชาเบา ๆ สวย ๆ เต็มไปด้วยความฟิน ความอบอุ่นปนเสียงฮาของผู้โชคดี ที่เกิดจากการได้ฟังเพลงเพราะ ๆ “แด่เธอ” จาก “ณิชา-ไอซ์-แพร-โบ๊ท” นักแสดงละคร “วาสนารัก” และเพลง “ที่รักเราคงรักกันไม่ได้” จาก “เต้ย-เด่นคุณ-สมิธ” นักแสดงละคร “ทุ่งเสน่หา” ปิดท้ายด้วยเพลง “มนต์รักลูกทุ่ง” จากนักแสดงทั้ง 7 คน บอกเลยว่าฟินหนักมาก นอกจากนี้ยังมีการเล่นเกมสนุก ๆ ที่มีของรางวัลแจกแบบไม่อั้น ทั้งยังสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากแฟน ๆ ได้อย่างมากโข ได้แก่ “เกมใบ้คำ 90’s สุดปัง” งานนี้แฟน ๆ ที่อยู่ยุค 90’s คือรอด และอีกหนึ่งเกมที่ฮาไม่แพ้เกมแรกก็คือ “เกมฉากนี้มีคำถาม” ซึ่งนักแสดงทั้ง 7 คน จะเป็นผู้ตั้งคำถาม เรียกได้ว่าแฟน ๆ ต่างตั้งใจฟังคำถามและเตรียมยกมือตอบคำถามกันอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว และช่วงสุดท้ายของกิจกรรมเหล่านักแสดงทั้ง 7 ก็ได้ไปร่วมถ่ายรูปกับแฟน ๆ อย่างเป็นกันเอง






​ด้านหนุ่ม “สมิธ ภาสวิชญ์” ตัวแทนของเหล่านักแสดงละครรุ่นพ่อแม่อย่าง “ทุ่งเสน่หา” ได้เผยความรู้สึกว่า “วันนี้ก็มาดูรุ่นลูก ๆ ว่าลูก ๆ เราเป็นยังไงบ้าง ลูกก็ใช้ได้กันเลยทีเดียว (หัวเราะ) และวันนี้รู้สึกอบอุ่นมาก เพราะวันนี้ทั้งแฟน ๆ วาสนารัก กับแฟน ๆ ทุ่งเสน่าหา ได้มาเจอกัน และวันนี้ก็ยังได้มาโชว์เสียงร้องเพลงเพราะ ๆ อีกด้วย ก็สนุกกันมากเลย ก็ฝากละครรุ่นลูกอย่าง วาสนารัก ด้วยนะครับ” ส่วนสาว “ณิชา-ณัฏฐณิชา” เป็นตัวแทนของเหล่านักแสดงละครรุ่นลูกอย่าง “วาสนารัก” ออกมาเผยความรู้สึกว่า “ก็ดีใจนะคะ ที่วันนี้ได้มารวมตัวกันของละครทั้งสองเรื่อง ไม่คิดว่าจะเจอกันในงานมีตติ้งในช่วงนี้ด้วย ก็ดีใจที่ได้มาเจอกันกับทุก ๆ คน และก็ขอฝากละครวาสนารักด้วยนะคะ ตอนนี้กำลังเข้มข้นเลยค่ะ ใกล้รุ่งจะไม่ยอมพรรณษาอีกต่อไปแล้วนะคะ (หัวเราะ) จะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามกันนะคะ” 


หากใครที่พลาดงานสนุกสุดฟินแบบ สามารถติดตามได้ทางช่อง 3 กด 33
ติดตามชมละคร “วาสนารัก” ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 20.23 น. และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 20.18 น.

ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ร่วมทำ CSR

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท.โดยคุณสมชาย ชมภูน้อย ผ.อ.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้การสนับสนุน และบริษัทจักรวาล แอนด์ ซัลไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด ร่วมกับสถานีวิทยุเสียงสามยอด โดยมีคุณชดา บูรณะพิมพ์ ผจก.ทั่วไป บ.เทรเชอร์ มาร์เก็ตติ้ง ประสานงานนำคณะสื่อมวลชนและคณะร่วมบุญเดินทางสู่วัดดงพญาเย็น ปากช่อง นครราชสีมา



     คณะสื่อและผู้ร่วมบุญ พร้อมเดินทางออกจากสวนลุมรัชดาฯ พร้อมอาหารเช้าบนรถสู่จุดหมายแรก พร้อมรับประทานอาหารกลางวัน ที่บิ๊คโจ๊ย รีสอร์ต  มวกเหล็ก สระบุรี โดยการสนับสนุนของ การท่องเที่ยวสำนักงานอยุธยา-สระบุรี โดยคุณบิ๊คโจ้ย ให้การต้อนรับ จากนั้นเดินทางต่อไปท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชมเขื่อนลำตะคลอง เขายายเที่ยง และฟาร์มเกษตร ก่อนเข้าสู่ที่พัก 360  องศา รีสอร์ต เขาใหญ่ และช่วงเย็นร่วมรับประทานอาหาร พร้อมกล่าวต้อนรับจาก ผ.อ.สมชาย ชมภูน้อย แบบ Callfaren เนื่องจากท่านติดภาระกิจ พร้อมกับน้องๆศิลปินดาราอีกสามคนที่มาให้ความบันเทิงตลอดทั้งคืนก่อนเข้าพักผ่อนตามอัธยาศัย

     คณะสื่อและผู้ร่วมบุญรับประทานอาหารเช้าที่พักออกเดินทางสู่ไร่สุวรรณ ชมไร่ข้าวโพด จากนั้นเดินทางต่อไปทำ CSR ที่วัดดงพญาเย็นปากช่อง เริ่มงานบุญ ร่วมถวายสังฆทาน มอบเงินร่วมสร้างพระอุโบสถ เสร็จพิธีร่วมรับประทานอาหารเที่ยงที่วัด ก่อนออกเดินทางต่อไปชมฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์ค และชมไร่องุ่นศิริวัฒน์ ก่อนเดินกลับกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ

23 กันยายน 2563

กนอ. ร่วมกับ ส.อ.ท. จัดสัมมนาวิชาการ ECO INNOVATION FORUM 2020

 ชูแนวคิด “ปรับตัวให้อยู่รอด ทางออกอุตสาหกรรม 4.0 ในยุค New Normal” 

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (ส.อ.ท.)
จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2563 Eco Innovation Forum  2020  ภายใต้แนวคิด “ปรับตัวให้อยู่รอด ทางออกอุตสาหกรรม 4.0 ในยุค New Normal ” ในวันที่ 24-25 กันยายน 2563 ณ  ห้อง GH 201-202
ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา




โดยในปีนี้ได้รับเกียรติจาก รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม คุณภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี   เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาวันที่ 24 กันยายน 2563 และมอบนโยบายทางออกของอุตสาหกรรม 4.0 ในยุค New Normal รวมทั้งมอบโล่เกียรติยศและประกาศเกียรติคุณให้กับนิคมอุตสาหกรรม / ท่าเรืออุตสาหกรรม / โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับต่างๆ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นวาระพิเศษครบรอบ 20 ปี แห่งการดำเนินการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จากจุดเริ่มต้นในปี 2542 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราจะเห็นถึงพัฒนาการของนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ก้าวกระโดดสู่เป้าหมาย ของการเป็นหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอันดับต้นๆของทวีปเอเชีย โดย กนอ. มีเป้าหมายสำคัญ ที่จะนำพานิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้วทั้ง 39 แห่งในประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศได้ทั้งหมด ภายในปี 2568

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนในการหาแนวทางการปรับตัว เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลง ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ และการหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจเพื่อก้าวข้ามสถานการณ์นี้  ภายในงานสัมมนานี้ กนอ. สอท. พันธมิตรจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน จะได้มาร่วมกันหาแนวทางการปรับตัวปรับกลยุทธ์เพื่อให้ทุกภาคส่วนอยู่รอดและยังคงต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ทั้งการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และลดของเสียในการผลิต ปรับปรุงคุณภาพการผลิต และหาหนทางการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ภายใต้นโยบาย BCG (Bioeconomy, Circular Economy, Green Economy) ของรัฐบาล ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญ กับการดำเนินงานตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ร่วมกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ  มาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาสู่ Industry Transformation รวมทั้งการวางแนวทางการสร้างสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชน  และสังคมอย่างยั่งยืน นำไปสู่การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ  

สำหรับไฮไลท์ของทุกปี คือ การมอบโล่เกียรติยศ และประกาศเกียรติคุณ ให้กับนิคมอุตสาหกรรม ท่าเรืออุตสาหกรรม และโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองเป็น นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ซึ่งในปีนี้มีนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองในระดับ Eco-World Class จำนวน 3 แห่ง ระดับ Eco-Excellence จำนวน 13 แห่ง Eco-Champion จำนวน 34 แห่ง นิคม/ท่าเรืออุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 4.0  จำนวน 3 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 4.0 จำนวน 5 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Factory) จำนวน 29 แห่ง และโรงงานที่สนับสนุนการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 35 แห่ง นอกจากนี้ยังมีการมอบประกาศนียบัตรให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรอง Water Footprint อีก 7 แห่ง