เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

30 กันยายน 2564

พม. มอบโล่เกียรติคุณแก่ผู้เกษียณอายุราชการ ปี 2564

วันนี้ (30 ก.ย. 64) เวลา 10.30 น. ณ ห้องรับรองชั้น 9 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กทม. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีมอบโล่เกียรติคุณและของที่ระลึกแก่ผู้เกษียณอายุราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปี พ.ศ. 2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ มีผู้เกษียณจำนวนทั้งสิ้น 245 คน รวมทั้งผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ 1) นายสุทธิ จันทรวงษ์  อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 2) นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน 3) นางเทพวัลย์ ภรณวลัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง พม. 4) นางสาววิจิตา รชตะนันทิกุล ที่ปรึกษาวิชาการพัฒนาสังคม 5) นายสุพล บริสุทธิ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และ 6) นายกฤช โกญจนาท ผู้ช่วยผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ  

นายจุติ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรภาครัฐ ทั้งข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และลูกจ้างประจำ ซึ่งเป็นบุคลากรที่เป็นกำลังสำคัญของชาติ เพราะความสำเร็จในการบริหารงานทั้งหลายเกิดจากบุคลากรภาครัฐอันเป็นกลไกสำคัญ และความสำเร็จที่เกิดขึ้นย่อมหมายถึงความสำเร็จในการบริหารประเทศในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่สังคม และความผาสุกร่มเย็นของพี่น้องประชาชน สำหรับการเกษียณอายุเป็นวิถีของทางราชการ ตลอดระยะเวลาที่ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ราชการมาอย่างยาวนานนั้น นับได้ว่าทุกท่านมีความวิริยะอุตสาหะ เป็นผู้อุทิศตนและเวลาแก่ทางราชการเป็นอย่างยิ่ง อันนำมาซึ่งประโยชน์โดยรวมของทางราชการ ประชาชน และประเทศชาติ ทั้งนี้ ขอให้ทุกท่านพึงระลึกว่า  การรับราชการจนครบการเกษียณอายุเป็นความภาคภูมิใจและแบบอย่างที่ดีงาม 

นายจุติ กล่าวต่อไปว่า ตนเชื่อว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพวกท่านคือ จิตวิญญาณในการช่วยเหลือประชาชน ได้ทบทวนและเห็นถึงงานของราชการที่มีประโยชน์ต่อประเทศอย่างยิ่ง ซึ่งสิ่งที่ข้าราชการกระทรวง พม. สร้างไว้ ไม่มีวันจบ เพราะเป็นการสร้างคนหนึ่งชีวิตที่ยาวนาน ตนขอขอบคุณทุกคนสำหรับทุกหยาดเหงื่อ ความอดทน และความปรารถนาดี เชื่อว่าพี่น้องชาว พม. ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ยังคงเป็นชาว พม. เมื่อท่านเกษียณอายุ เป็นเพียงการอำลาแค่ตำแหน่ง แต่ตนเชื่อว่าจิตวิญญาณของท่านยังคงอยู่ ต้องช่วยเหลือ ดูแล และแนะนำสังคมที่ท่านได้สร้างไว้กับมือมากว่าครึ่งชีวิตของตนเอง เพราะทุกคนมีอุดมการณ์จิตใจเดียวกัน ถึงแม้ว่าสังคมปัจจุบันจะมีความซับซ้อน มีวิกฤติ และความขัดแย้งมากขึ้น 

สุดท้ายนี้ ตนต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ทิ้งสิ่งดีๆไว้กับกระทรวง พม. และหวังว่าชีวิตหลังเกษียณของทุกท่าน จะเป็นชีวิตที่มีความสุขกาย สุขใจ อีกทั้งขอถือโอกาสนี้ อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกทั้งหลายที่ทุกท่านนับถือ ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ทุกท่าน ประสพแต่ความสุข ศิริสวัสดิ์พิพัฒน์มงคล และมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรงตลอดไป





รมว.พม. รับข้อเสนอการพัฒนาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชนจากเครือข่ายภาคประชาชน พร้อมย้ำยังได้รับสิทธิเหมือนเดิม

วันนี้ (30 ก.ย. 64) เวลา 10.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) รับหนังสือข้อเสนอเรื่องการพัฒนาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชน จากตัวแทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค และเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ โดยมีผู้ร่วมชุมนุมเรียกร้อง จำนวน 300 คน ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กทม. 

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ เครือข่ายภาคประชาชนที่ติดตามนโยบายสวัสดิการสังคมของภาครัฐ ได้มายื่น 5 ข้อเสนอ ได้แก่ 1) ให้รัฐบาลยกระดับและพัฒนานโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชน เพื่อเป็นหลักประกันรายได้พื้นฐานและเป็นสิทธิสวัสดิการถ้วนหน้าขั้นพื้นฐานของประชาชน อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยใช้อัตราไม่ต่ำกว่าเส้นความยากจน ผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงน้อยจากการตกหล่นจากระบบคัดกรองความยากจน  2) การกำหนดอัตราเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับเกณฑ์รายได้ที่เพียงพอแก่การยังชีพ ซึ่งต่ำกว่าเส้นความยากจน 3 - 5 เท่า จากข้อมูลเฉลี่ยทั่วประเทศ 2,763 บาทต่อคนต่อเดือน ปี 2,562 และอัตราเบี้ยยังชีพ ทั้งนี้ ผู้สูงอายุไม่มีการปรับขึ้นมานับตั้งแต่ ปี 2554  3) ให้คณะกรรมการผู้สูงอายุนำ ร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ พ.ศ.... ฉบับประชาชน และ ผู้สูงอายุ

และบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ ฉบับที่... พ.ศ... ของคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม มาพิจารณา เพื่อให้เกิดการพัฒนานโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นกฎหมายบำนาญประชาชน 4) ให้คณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ (ใหม่) ยกเลิกแนวทางการกำหนดการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะให้จัดสรรเบี้ยยังชีพเฉพาะกลุ่มคนยากจน หรือพิจารณาจากเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ โดยผู้ที่ได้รับต้องแสดงตัวตนและรายได้ และประกาศรายชื่อให้สาธารณชนรับรู้  และ 5) ให้เปิดเผยการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ  และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง ให้สาธารณชนได้รับทราบ

นายจุติ กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นของประชาชนทุกท่าน ซึ่งเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ตนได้ลงมารับหนังสือกับตัวแทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค และได้เสนอไปว่าให้นำผลดี ผลเสีย ผลกระทบของแต่ละข้อมาเสนอในวันนี้ โดยตนจะนำไปอ่านและส่งให้กับคณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่กำลังศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ต้องนำไปเสนอยต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จากนั้น จะเสนอความเห็นไปยังคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป  หากจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกฎหมายจะต้องเสนอกลับเข้าไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระบวนการนี้ไม่สามารถตัดสินใจเพียงผู้เดียวได้ สำหรับวันนี้ทุกคนได้มายื่นหนังสือแล้ว หากตนมีข้อสงสัยหรือหารือเพิ่มเติม จะขอเรียนเชิญท่านมาพูดคุยกัน 

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บ้านเมือง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงไป ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สภาวะสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ฉะนั้น ผลกระทบมีทั้งบวกและลบ เราจะนำมาประกอบการพิจารณา เพื่อให้เกิดความทั่วถึงและเป็นธรรม  อย่างไรก็ตาม ตนยินดีและพร้อมรับฟังความเห็นของทุกคน เราจะคุยกันอย่างสันติและเป็นมิตร เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นให้สร้างสรรค์กับส่วนรวม 

และขอย้ำว่าการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ปัจจุบันยังคงจ่ายตามเกณฑ์เดิม ทุกคนจะได้รับเหมือนเดิมจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ จะด้วยกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีก็ตาม จะต้องมีขั้นตอน ทั้งนี้ อยากเรียนให้ทราบว่า วันนี้ไม่มีการตัดสิทธิใครทั้งสิ้นที่เคยได้รับอยู่เดิม ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายไว้ว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร คนที่เคยได้สิทธิเดิมก็ขอให้ได้สิทธิจนกระทั่งเสียชีวิต

29 กันยายน 2564

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เปิดตัวใหญ่กระตุ้นการกินอาหารไทย “เป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก”


กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จับมือธนาคารกรุงเทพและ 50 ร้านอาหารทั่วไทย พร้อมเปิด
ตัวใหญ่กระตุ้นการกินอาหารไทย “เป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก” ส่วนลด 50% เมนูไทยเทสเทอราปีอาหารไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมมีความเป็นเลิศทั้งรสชาติและคุณประโยชน์ ซึ่งหลอมรวมอยู่ในวิถีชีวิตคนไทยมาช้านาน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดตัว 50 ร้านอาหารร่วมโครงการ Thai Taste Therapy เชิญคนไทยเปิดประสบการณ์ใหม่กินอาหารไทยเป็น “ยาที่อร่อยที่สุดในโลก” ด้วยโปรโมชั่นส่วนลด 50%

ชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า  “ในปี 2565 สวธ.จะมุ่งเน้นการทำงานเชิงบูรณาการกับหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนเพราะการที่จะสืบสานวัฒนธรรมให้ยั่งยืนนั้นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จับมือธนาคารกรุงเทพและ 50 ร้านอาหารทั่วไทย พร้อมเปิดตัวใหญ่กระตุ้นการกินอาหารไทย “เป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก” ส่วนลด 50% เมนูไทยเทสเทอราปี 

อาหารไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมมีความเป็นเลิศทั้งรสชาติและคุณประโยชน์ ซึ่งหลอมรวมอยู่ในวิถีชีวิตคนไทยมาช้านาน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดตัว 50 ร้านอาหารร่วมโครงการ Thai Taste Therapy เชิญคนไทยเปิดประสบการณ์ใหม่กินอาหารไทยเป็น “ยาที่อร่อยที่สุดในโลก” ด้วยโปรโมชั่นส่วนลด 50%

ด้านธนาคาร กรุงเทพ  โชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารกรุงเทพ มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่นอกจากเพื่อสนับสนุนธุรกิจของผู้ประกอบการร้านอาหาร เพื่อกระตุ้นธุรกิจร้านอาหารซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง ในระยะยาว ธนาคารกรุงเทพยังร่วมมอบความพิเศษให้
กับลูกค้า เมื่อไปรับประทานอาหารที่ทุกร้านอาหารไทยชั้นนำที่ร่วมโครงการโดยลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพจะได้รับส่วนลด 50% สำหรับเมนู Thai Taste Therapy และส่วนลดสำหรับเมนูอื่นๆ สูงสุด 20%
และยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังสามารถใช้คะแนนสะสมในบัตรแลกรับเครดิตเงินคืนเพิ่มได้อีก 10% ซึ่งระยะเวลาโปรโมชั่นจะครอบคลุมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564- 31 ธันวาคม 2564”

การร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพในครั้งนี้ เป็นการช่วยกันขับเคลื่อน ต่อยอดวัฒนธรรมอาหารไทยในระดับประเทศ ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ใหม่ให้อาหารไทยด้วยเรื่องราวของอาหารไทยเป็นยาจะช่วยเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้กับอาหาร ไทย  ช่วยสร้างความนิยมในวัฒนธรรมอาหารไทย ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจให้ทุกภาคส่วน จากต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ร้านอาหาร ผู้ส่งออกวัตถุดิบอาหาร ผู้ผลิตสมุนไพรไทย ทั้ง SME ตลอดจนชุมชนท้องถิ่น”

ด้านธนาคาร กรุงเทพ โชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารกรุงเทพ มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่นอกจากเพื่อสนับสนุนธุรกิจของผู้ประกอบการร้านอาหาร เพื่อกระตุ้นธุรกิจร้านอาหารซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง ในระยะยาว ธนาคารกรุงเทพยังร่วมมอบความพิเศษให้กับลูกค้า เมื่อไปรับประทานอาหารที่ทุกร้านอาหารไทยชั้นนำที่ร่วมโครงการโดยลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพจะได้รับส่วนลด 50% สำหรับเมนู Thai Taste Therapy และส่วนลดสำหรับเมนูอื่นๆ สูงสุด 20%
และยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังสามารถใช้คะแนนสะสมในบัตรแลกรับเครดิตเงินคืนเพิ่มได้อีก 10% ซึ่งระยะเวลาโปรโมชั่นจะครอบคลุมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564- 31 ธันวาคม 2564”




ร้านอาหารทั้ง 50 ร้านที่เข้าร่วมกับโครงการไทยเทสเทอราปี ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการต้อนรับลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็นเมนู ยำใหญ่ จากร้านบ้านสุริยาศัย, ข้าวมันส้มตำ ร้านเสน่ห์จันทร์ (มิชลินสตาร์ 1 ดาว), ต้มยำปลาเก๋ากระชาย ร้านเมธาวาลัย (มิชลินสตาร์ 1 ดาว), ต้มยำกุ้ง ร้านบ้าน (มิชลินบิบกูร์มองต์), ข้าวคลุกกะปิ ร้านวนิดา, ต้มโคล้งปลาช่อน ร้านจางวางอิ่ม จังหวัดนนทบุรี, ไข่เจียวโหระพา ร้านบ้านคุณพระ จังหวัดอยุธยา และ จินเจอร์ฟาร์ม คิทเช่น จังหวัดเขียงใหม่ โดยร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการจะครอบคลุมทั้งในกรุงเทพมหานคร และใน 10 จังหวัดได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต
เขาใหญ่ อยุธยา ปราจีนบุรี และบุรีรัมย์

สามารถติดตามรายละเอียดส่วนลดได้ที่ www.thaitastetherapy.com

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ปรับเวลาปิดให้บริการรถไฟฟ้า

เป็น 22.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่าตามมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบค.) ครั้งที่ 15/2564 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 ที่ผ่านมามีมติคลายล็อกดาวน์ ซึ่งกำหนดห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืนจากเดิมกำหนดไว้ 21.00 - 04.00 น. ปรับไปเป็น เวลา 22.00 - 04.00 น. ตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นั้น

 ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับมติข้างต้น บริษัทจึงเปลี่ยนแปลงเวลาให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เป็นเวลา 05.30 - 22.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป โดยรถไฟขบวนสุดท้ายจะออกจากสถานีต้นทางคือ สถานีพญาไท และสถานีสุวรรณภูมิ เวลา 21.30 น. และจะถึงสถานีปลายทางเวลา 22.00 น.

ทั้งนี้ตามที่บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเรือโดยสารในคลองแสนแสบได้ออกประกาศหยุดให้บริการในวันที่ 29 กันยายน 2564 เนื่องจากนำพนักงานทั้งหมดเข้ารับวัคซีน เข็มที่ 3 ที่สถานีกลางบางซื่อ และจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 30 กันยายน 2564 นั้น บริษัทฯขอแจ้งประชาสัมพันธ์สำหรับผู้โดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ที่ใช้บริการเชื่อมต่อเรือโดยสารคลองแสนแสบโปรดวางแผนการเดินทางของท่านเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกในช่วงดังกล่าว 

ส่วนงานบริการลูกค้าสัมพันธ์ Call Center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ www.srtet.co.th , www.facebook.com/AirportRailLink และ Twitter : Airport Rail Link

1 October โอเอซิสสปาสาขากรุงเทพฯ พร้อมเปิดบริการ!!


ไม่ต้องเมื่อยล้ากันอีกต่อไป เตรียม voucher ให้พร้อมแล้วไปโอเอซิสสปากัน เราพร้อมให้บริการมาก


สอบถามเพิ่มเติมได้ทางไลน์ 

https://oasisspa.net/promotion/

TWO DAYS LEFT!! Bangkok Oasis Spa will reopen. Get Ready, and hold on to your voucher tight!!! We are sooooo ready to pamper you. Make sure to schedule your appointment ASAP!!! 

We miss you like CRAZYYYYYYY xoxo

For inquiry chat with us on Line, we are here for you.



รมว.พม. ดึงภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่บางซื่อ ช่วยคุณยาย อายุ 77 ปี อาศัยอยู่เพียงลำพังในเพิงไม้หลังคาสังกะสี ไร้ญาติดูแล

 

วันนี้ (29 ก.ย. 64) เวลา 10.30 น. นายจุติ  ไกรฤกษ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่เยี่ยมและช่วยเหลือคุณยาย อายุ 77 ปี อาศัยอยู่เพียงลำพังในเพิงไม้หลังคาสังกะสี ไม่มีญาติดูแล สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ต้องใช้ Walker พยุงตัวเวลาเดิน มีอาการหลงลืม ภายในชุมชนตรอกข้างโรงหนังเฉลิมรัฐ  เขตบางซื่อ กทม. โดยได้บูรณาการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือร่วมกับ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตบางซื่อและสำนักอนามัย กระทรวงกลาโหม อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เขตบางซื่อ รวมทั้งภาคีเครือข่ายกระทรวง พม. ในพื้นที่ 

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ ตนเดินทางมาลงพื้นที่พร้อมกับภาคีเครือข่าย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม ซึ่งสำเร็จได้เพราะทุกฝ่ายให้ความร่วมมือช่วยเหลือคุณยาย อายุ 77 ปี ที่มีอาการป่วยและอยู่ในภาวะยากลำบาก ลูกหลานไม่ได้อาศัยอยู่ด้วย คุณยายอยู่อย่างนี้มานานเพราะเข้าไม่ถึงสวัสดิการของรัฐ เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน ทั้งนี้ ได้มีการประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวง พม. ซึ่งมีหน้าที่หลักที่จะเข้ามาช่วยให้มีสิทธิได้ถูกต้องตามกฎหมายและสามารถเข้าถึงสวัสดิการสังคมได้ เรามาดูแลกันตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายไว้ว่า เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกกระทรวงพร้อมที่จะดูแลประชาชนทุกคน 

โดยเราอยากให้ประชาชนร่วมมือกันชี้เป้าเฝ้าระวัง ให้ประชาชนเข้าถึงและได้รับความช่วยเหลือ โดยตนยืนยันว่าการช่วยเหลือจะไม่ทำเพียงครั้งเดียว แต่จะทำอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยเหลือกันในวันนี้ หวังว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีในการทำงานร่วมมือกันทุกฝ่าย ตามนโยบายของรัฐบาลว่า จะไม่ให้มีช่องว่างระหว่างหน่วยงานราชการกับประชาชน ซึ่งจะเป็นจุดยืนยันได้ว่าทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ 

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากกลุ่มเปราะบางและประชาชนประสบปัญหาทางสังคมและได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของโควิด-19 สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ 1) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง 2) สายด่วนคนพิการ โทร. 1479 บริการ 24 ชั่วโมง และ 3) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และอาสาสมัครพัฒนาสังคมฯ (อพม.) ในพื้นที่


https://www.youtube.com/watch?v=yaO6fbJfOb4&ab_channel=Pomfrom

28 กันยายน 2564

Thailand Sustainability Expo 2021

งานเดียวที่จัดเต็มเรื่องความยั่งยืนทุกรูปแบบ กับ Virtual Expo
ด้านความยั่งยืนครั้งแรกของไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สำหรับงาน Thailand Sustainability Expo 2021 (TSX 2021) ภายใต้แนว
คิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability) ที่จัดโดย 3 ผู้นำองค์การต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลก (DJSI World Leader) นำโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ พร้อมด้วยเครือข่าย TSCN (Thailand Supply Chain Network) หรือ เครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย และองค์กรอื่น ๆ ที่มีการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยสหประชาชาติ

กับ Virtual Expo ด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พบกับ 30 สุดยอดนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนระดับโลก50 สุดยอดวิทยากรลงมือทำจริง เป็นนวัตกรตัวจริงเสนอแนวคิดเพื่อโลก และเอาใจ 100 ร้านค้าสายกรีนและธุรกิจเพื่อสังคม นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการตัวอย่าง “การพัฒนาที่ยั่งยืนหลากหลายมิติจากบริษัทชั้นนำของไทย” เพลิดเพลินไปกับผลงานศิลปะจากศิลปิน “ไทย” และ “ต่างชาติ” สะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ร่วมสนุกกับเกมสะสมคะแนน Shaper Points เพื่อแลกรับของที่ระลึก พิเศษสุด! สำหรับผู้สะสมคะแนนได้สูงสุด 10 อันดับแรก มีสิทธิ์รับ iPad Mini 6 และรางวัลอื่น ๆ มูลค่ารวม 1.4 ล้านบาท (จำนวนจำกัด) ระหว่างวันที่ 30 กันยายน - 10 ตุลาคม 2564 เข้าฟรี !!! ทางออนไลน์ ไม่มีค่าใช้จ่าย (เริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 28 กันยายนนี้เป็นต้นไป) คลิกได้ที่ https://tsx2021.thailandsustainabilityexpo.com/   

ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดี ที่ 30 กันยายน 2564 นี้ ได้มีการจัดงานเปิดตัว Thailand Sustainability Expo 2021 (TSX 2021) เวลา 15.30 น. อย่างเป็นทางการ ณ ชั้น 10 ศูนย์ C asean อาคาร CW tower ถนนรัชดาภิเษก โดยมี คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
ร่วมด้วยองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมเป็นประธานเปิดงานดังกล่าว

TQM ผนึก ทีมเจ็ทสกี ‘เปิ้ล นาคร’ ลุยช่วยน้ำท่วมลพบุรี



จากสถานการณ์อุทกภัยที่อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด (TQM) มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงร่วมกับ ทีมเจ็ทสกี ‘เปิ้ล นาคร ศิลาชัย’ พร้อมด้วยพนักงาน TQM สาขาลพบุรี ร่วมลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน พร้อมจัดถุงยังชีพแจกจ่ายให้กับผู้ที่ยังติดอยู่ในพื้นที่ไม่สามารถเดินทางออกจากที่
พักอาศัยได้ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา

พม. ร่วมกับสภากาชาดไทย-กทม. เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมมอบถุงยังชีพ “ถุงกำลังใจ” ให้กลุ่มเปราะบาง เขตบางบอนและพื้นที่ใกล้เคียง

 

วันนี้ (28 ก.ย. 64) เวลา 10.00 น. นายชูรินทร์ ขวัญทอง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (หน.ผต.พม.) ลงพื้นที่ ณ วัดนินสุขาราม เขตบางบอน  กทม. เพื่อตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับกลุ่มเปราะบางซึ่งมีความเสี่ยงสูง พร้อมมอบถุงยังชีพ “ถุงกำลังใจ” ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคและยารักษาโรคที่จำเป็น อีกทั้งให้กำลังใจทีมแพทย์บริการฉีด รวมทั้งได้นำคณะเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่เขตบางบอน ร่วมอำนวยความสะดวกกลุ่มเปราะบางที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

นายชูรินทร์ ขวัญทอง กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ  โดยเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย นำนายหยาง ซิน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนสภากาชาดจีน เฝ้าทูลละอองพระบาทน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 “ซิโนฟาร์ม” จำนวน 100,000 โดส เพื่อให้สภากาชาดไทยนำไปให้บริการฉีดแก่ประชาชน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสภากาชาดไทยได้จัดสรรวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” จำนวน 10,000 โดส ให้กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดตั้งจุดบริการฉีดวัคซีนในชุมชน และจัดชุดบริการเคลื่อนที่สำหรับกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะในชุมชนที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีน 





นายชูรินทร์ ขวัญทอง กล่าวต่อไปว่า สำหรับวันนี้ (28 ก.ย.64) กระทรวง พม. ร่วมกับสภากาชาดไทย และกรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัยและสำนักงานเขตบางบอน รวมทั้ง อพม. ในพื้นที่เขตบางบอน ได้บูรณาการลงพื้นที่ร่วมกัน ณ วัดนินสุขาราม เขตบางบอน กรุงเทพฯ เพื่อจัดตั้งจุดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในชุมชน และจัดชุดบริการเคลื่อนที่สำหรับกลุ่มเปราะบาง  ซึ่งในวันนี้ มีกลุ่มเปราะบาง ในพื้นที่เขตบางบอน และพื้นที่ใกล้เคียง เข้ารับการฉีดวัคซีนจำนวน 2,600 ราย อีกทั้งกระทรวง พม. ได้มอบถุงยังชีพ “ถุงกำลังใจ” ให้กับผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนทุกคน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

นายชูรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มเปราะบางและประชาชนประสบปัญหาทางสังคมและได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของโควิด-19 สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ 1) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง 2) สายด่วนคนพิการ โทร. 1479 บริการ 24 ชั่วโมง และ 3) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และ อาสาสมัครพัฒนาสังคมฯ ในพื้นที่



DITP หนุนสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นเติบโตฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมจัด The Marche’ by STYLE Bangkok

The Marche  by STYLE Bangkok งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นมิติใหม่แบบ New Normal 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เตรียมจัด “The Marche’ by STYLE Bangkok” งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นมิติใหม่แบบ New Normal เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตและผู้
ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและการส่งออกเชิงรุกพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในช่วงโควิดโดยกำหนดจัดงาน ระหว่างวันที่ 6-10 ตุลาคม 2564ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์




นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  กล่าวระหว่างงาน แถลงข่าว
ซึ่ง จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ ว่า “อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทยมีศักยภาพและได้รับการยอมรับในเวทีโลก ทั้งด้านวัตถุดิบในการผลิตที่หลากหลาย และผู้ประกอบการไทยที่มีฝีมือปราณีต จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ไทยที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งาน และมีศักยภาพ ได้รับการยอมรับจากผู้ซื้อ/ผู้บริโภคทั่วโลกการส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น สร้างมูลค่าการส่งออกรวมกว่า 2.4 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563
ที่ผ่านมา”

รองอธิบดีฯ นันทพงษ์ เสริมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้การจัดงาน STYLE Bangkok 2021 ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในช่วงเดือนมีนาคมต้องเลื่อนออกไป ทางกรมฯ เล็งเห็นความสำคัญและโอกาสของสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่จะช่วยฟื้นฟูการเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงจัด The Marche’ by STYLE Bangkok ขึ้นทดแทน

“การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME และเพื่อเร่งรัดการส่งออกยุค New Normal ให้ยังคงสามารถพบปะสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ และเจรจาการค้ากับผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมาย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงได้สร้างช่องทางและเวทีการค้าแบบไฮบริด ภายใต้โครงการ “The Marché by STYLE Bangkok” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME สามารถเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ และสร้างรายได้ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งเป็นไปตามแผนนโยบายหลักที่ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้แนวทางไว้”





กิจกรรมภายใต้โครงการ “The Marché by STYLE Bangkok” แบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมหลัก คือ

กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์ โดยมีทูตพาณิชย์ทั่วโลกเป็นผู้เชื่อมโยงการจับคู่ จัดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 23 - 25 สิงหาคมที่ผ่านมา 

กิจกรรมที่ 2 คือ งานแสดงสินค้า “The Marché by STYLE Bangkok” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 - 10 ตุลาคม นี้ โดยภายในงาน จะมีการจัดแสดงสินค้าจากแบรนด์สินค้าคุณภาพส่งออกชั้นนำ ผู้ผลิตตัวจริงถึง 123 ราย ครอบคลุมสินค้าแฟชั่น เคหะสิ่งทอ เครื่องหนัง ของขวัญ ของชำร่วย ของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ในครัวเรือน เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์สปา สินค้ามีดีไซน์ ตลอดจนสินค้าของเล่น และในช่วงที่ใกล้เทศกาลปีใหม่ ใครที่กำลังมองหาของขวัญพรีเมี่ยม ของขวัญปีใหม่ก็สามารถเลือกซื้อเลือกชมได้ภายในงาน นอกจากนี้ กรมฯ ให้ความสำคัญกับข้อปฏิบัติภายใต้มาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีการรักษาระยะห่าง มาตรการสุขอนามัย การจัดเตรียมจุดตรวจเช็คอุณหภูมิ จุดตรวจคัดกรอง เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจแก่ผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน


นอกจากนี้ ในวันพิธีเปิดงาน 6 ตุลาคม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกัน เพื่อร่วมสนับสนุนและผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งในด้านการพัฒนา และสร้างช่องทางตลาดทั้งในและต่างประเทศผ่านกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัล เป็นระยะเวลาถึง 5 ปีอีกด้วยครับ

ภายในงานแถลงข่าว ยังมีการเสวนาในหัวข้อ “ก้าวต่อไปของสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทย เดินต่ออย่างไรไม่ให้เป็นวงกลม” โดยวิทยากรที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เพื่อร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ของไทยให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตในยุค New Normal ได้แก่ คุณจิรชัย ตั้งกิจงามวงศ์ กรรมการผู้จัดการด้านการตลาดวิจัยและพัฒนา บริษัทอุตสาหกรรม ดีสวัสดิ์ จำกัด คุณภาณุเดช 

วัฒนสุชาติ นักแสดง พิธีกรและนักออกแบบตกแต่งภายใน และคุณธันยวัฒน์ ทั่งตระกูล Co-founder
บริษัทธาอีส อีโคเลทเธอร์ จำกัด พร้อมแฟชั่นโชว์นำโดยดารา/นายแบบสุดฮอต “ฟิลลิปส์ ทินโรจน์”


The Marche’ by STYLE Bangkok จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 ตุลาคมนี้ ณ เซ็นทรัลเวิลด์
ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานแสดงสินค้าที่เซ็นทรัลเวิลด์หรือชมถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์
ในวันที่ 6 และ 7 ตุลาคมชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stylebangkokfair.com
Facebookและ Instagram Style Bangkok Fair
หรือ โทรสายตรง กรมการค้าระหว่างประเทศ 1169

he Marche’ by STYLE Bangkok 

27 กันยายน 2564

TCEB ร่วมกับ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ TIEFA

จัดงานเทศกาลไฮบริด “ปลุกเมืองหัวหิน ด้วยงานเทศกาล HUAHIN HOP FEST 2021” 

TCEB จับมือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ TIEFA จัดงานเทศกาลไฮบริด “ปลุกเมืองหัวหิน ด้วยงานเทศกาล HUAHIN HOP FEST 2021” รวมกูรูชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทย ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะวัฒนธรรม และดนตรี ร่วมเสวนาออนไลน์ ตอกย้ำอัตลักษณ์เมืองหัวหินในมุมมองใหม่ ผ่าน Festival Economy พบการจัดงานในรูปแบบไฮบริด ที่ผสมผสานงาน Online และ Showcase อย่างยิ่งใหญ่ไว้ด้วยกัน เริ่มวันที่ 27 กันยายนนี้

นางหริสุดา บุญยวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนท์และเทศกาลนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ร่วมกับ เทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย (TIEFA) จัดงาน เทศกาลไฮบริด “ปลุกเมืองหัวหิน ด้วยงานเทศกาล HUA HIN HOP FEST 2021” สืบเนื่องจากปฏิบัติการเชิง Quick win ภายใต้โครงการ Thailand Riviera ของ TCEB ที่มีเป้าหมายการสร้างเศรษฐกิจผ่านงานเทศกาลตามนโยบาย 1 เมือง 1 สิทธิบัตรงานเทศกาล โดยใช้ Festival Economy เป็นเครื่องมือในการวางรากฐานการสร้างมรดกทางเศรษฐกิจใหม่ ให้แก่เมืองหัวหิน เพื่อเพิ่มมูลค่า ยกระดับ และส่งออกงานเทศกาลที่เกิดจากสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์และจุดเด่นของเมืองให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ผ่านการสร้างความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างเมือง ชุมชน และหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่

“TCEB ได้ร่วมมือกับ เมืองหัวหิน และ TIEFA ในการออกแบบ Festival Design โดยให้เมืองหัวหินเป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องของโครงการ เนื่องจากเป็นเมืองที่มีมรดกทางศิลปะวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และดนตรี ที่เด่นชัดในแง่ของ City of DNA ที่ระบุชัดว่าเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพไม่แพ้เมืองแถบทวีปยุโรป หรือประเทศอื่น ๆ ที่สรรค์สร้างเป็นเมืองแห่ง Riviera ซึ่งการจัดงาน HuaHin Hop Fest 2021 หรือเทศกาลแห่งศิลปะวัฒนธรรม จะเป็นการควบรวม สถาปัตย์ ดนตรี และกีฬา โดยนำต้นทุนและมรดกในอดีตของเมืองหัวหิน มาเล่าใหม่ในคอนเซ็ปต์ Nostalgia : เมืองเก่า เล่าใหม่ เชื่อมโยงกับการสร้างมรดกทางเศรษฐกิจใหม่ โดยนำเทคโนโลยีออนไลน์เข้ามามีบทบาทในการสื่อสารและสร้างสรรค์ เพื่อขับเคลื่อนการสร้างงานเทศกาลให้เดินหน้าต่อได้แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด ซึ่งความรู้ความสามารถของวิทยากรที่ให้เกียรติมาร่วมงาน จะถูกขยายผลบน Platform Online อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะทำให้เกิดระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่ และผลกระทบเชิงเศรษฐกิจในพื้นที่อันเนื่องมากจากการเช้าร่วมงานเทศกาล ส่งผลให้ชุมชน ผู้ประกอบการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้ที่เกี่ยวข้องที่เข้าร่วมงาน ได้มีโอกาสทางเศรษฐกิจร่วมกันอย่างเต็มที่”

นายประยงค์ จันทเต็ง นายอำเภอหัวหิน กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ “เมืองหัวหิน” ถูกหมุดหมายให้เป็นจังหวัดนำร่องภายใต้โครงการ Thailand Riviera ที่มีเป้าหมายการสร้างเศรษฐกิจผ่านการจัดงานเทศกาล และจากความร่วมมือระหว่าง TCEB และ TIEFA รวมถึง ภาครัฐและเอกชนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ร่วมกันระดมความคิดสร้างสรรค์และออกแบบ Festival Design ที่ตกผลึกทางความคิดจากมรดกทางศิลปะ และวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองหัวหิน จึงเกิดเป็นงานเทศกาลไฮบริด “ปลุกเมืองหัวหิน ด้วยงานเทศกาล HUA HIN HOP FEST 2021” ที่เราชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทุกคนมีความภาคภูมิใจ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นการนำเสนออัตลักษณ์ และความเป็น “เมืองหัวหิน” ที่มีเรื่องเล่าขานมากมายที่จะถูกหยิบยกมานำเสนอในมิติและแนวคิดใหม่ ถูกถ่ายทอดผ่านวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถตลอดการจัดงาน 3 วัน รวมถึงการสร้างงานเทศกาลจริงบนพื้นที่เพื่อเป็นการนำร่องของพื้นที่ สร้างความตื่นตัวในการมีงานเทศกาล บนพื้นที่จริงในเมืองหัวหิน ผ่านการ Showcase ของการแสดงผลงานศิลปะ สถาปัตย์ และดนตรี  ในช่วง เดือนตุลาคม และ พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งการขยายผลนี้นำไปสู่การปั้นเมือง เชื่อมโยงทุกส่วนเข้าด้วยกันโดยใช้งานเทศกาลเป็นเครื่องมือ เพื่อสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่ให้แก่เมืองหัวหินอย่างยั่งยืน อีกทั้งจะช่วยขยายผลและสร้างความตื่นตัวให้กับเมืองหัวหิน และเป็นการเตรียมนำร่องจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สู่การเป็นเมืองที่ถูกบูรณาการเพื่อการท่องเที่ยวอีกแห่งของเมืองไทย

สำหรับเทศกาลไฮบริด “ปลุกเมืองหัวหิน ด้วยงานเทศกาล HUA HIN HOP FEST 2021” จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริดผสมผสานการจัดงานเทศกาลทั้งแบบ Online ควบคู่กับการจัดงาน showcase โดยรวมวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถและมีชื่อเสียงในด้านต่างๆ ทั่วฟ้าเมืองไทย ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะวัฒนธรรม และดนตรี ไว้มากถึง 14 ท่าน ที่จะมาร่วมสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อต่างๆ โดยใน วันจันทร์ที่ 27 กันยายน 2564 พบการสัมมนาหัวข้อ “เสน่ห์สถาปัตย์เก่า มาเล่าใหม่” วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2564 การสัมมนาหัวข้อ “Hua Hin Art Awake!” วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2564 การสัมมนาหัวข้อ “หัวหินจะกลายเป็น World Music City ได้หรือไม่” ระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม 2564 พบกับกิจกรรม Showcase Hua Hin Art Fest ผ่านการแสดงศิลปะแบบลอยตัว และ  Archi Fest ผ่านการฉายภาพ Mapping ครั้งแรกในเมืองหัวหิน และในเดือนพฤศจิกายน 2564 กับกิจกรรม Hua Hin Music City ผ่านการแสดงของดนตรีที่หลากหลาย ให้เมืองหัวหินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง 

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์สามารถสแกน QR Code เพื่อเข้าสู่ระบบการลงทะเบียน ระบบจะส่งลิงค์การเข้าร่วมงานทางอีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้

ติดตามข้อมูลการจัดงานและสามารถรับชมได้ทาง Facebook Fanpage : TIEFA.Thailand

พม. จับมือสภากาชาดไทย ให้บริการ“วัคซีนซิโนฟาร์ม

 กลุ่มเปราะบางในชุมชนซอยรัชฏภัณฑ์

วันที่ 27 กันยายน 2564 เวลา 09.00 น. ณ บริเวณชุมชนซอยรัชฏภัณฑ์ นายกิตติ อินทรกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” พร้อมมอบถุงกำลังใจ “เรามีเรา” แก่กลุ่มเปราะบางในชุมชนซอยรัชฏภัณฑ์

     นายกิตติ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้น ในปัจจุบันมีความรุนแรง และกระจายไปยังหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ และการกระจายของเชื้อโรคแก่ประชาชนในชุมชน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย พระราชทานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 “ซิโนฟาร์ม” ที่สภากาชาดจีนน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย เพื่อให้สภากาชาดไทยนำไปฉีดให้แก่ประชาชน ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเร่งด่วน 

     
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับสภากาชาดไทย สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ร่วมกันค้นหากลุ่มเป้าหมายในชุมชนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง พร้อมจัดชุดประสานงานฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 “ซิโนฟาร์ม” แก่กลุ่มเปราะบาง ได้แก่
ผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หญิงตั้งครรภ์ ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยมีเป้าหมายให้บริการ 8 เขตของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เขตบางบอน บางแค คันนายาว ธนบุรี ดินแดง ราชเทวี ทวีวัฒนาและคลองเตย ตั้งแต่วันที่ 18-30 กันยายน 2564



         สำหรับการฉีดวัคซีนในวันนี้ พม. โดย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พิจารณาคัดเลือกชุมชน “ชุมชนซอยรัชฎภัณฑ์” (ซอยหมอเหล็ง) เขตราชเทวี เป็นพื้นที่ดำเนินการ เนื่องจาก เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ภายใต้แนวคิด “1 กรม 1 พื้นที่พัฒนา” เป้าหมาย 331 ราย ประกอบด้วย ผู้สูงอายุ จำนวน 29 ราย ผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ 7 ราย ต่างด้าว 55 ราย และกลุ่มเปราะบาง คนไร้บ้าน คนไร้ที่พึ่ง และผู้มีรายได้น้อยที่ตกสำรวจและไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน 240 ราย พร้อมนี้ พม.ยังส่งมอบถุงกำลังใจ “เรามีเรา” และกล่องกำลังใจ จากบริษัท เชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด เพื่อส่งต่อความห่วงใยแก่ประชาชน และบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าในระยะวิกฤตินี้ นายกิตติ กล่าวในตอนท้าย