เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

19 พฤษภาคม 2568

“ซีพีแรม” รายแรกในซีพีได้รับเลือกเป็นต้นแบบ มอก.9999

มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงภาคอุตสาหกรรมการันตีต้นแบบในการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน

บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ผู้นำด้านอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน สร้างความภาคภูมิใจแก่อุตสาหกรรมอาหารไทย ได้รับเลือกให้เป็นต้นแบบในการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน และเป็นบริษัทแรกในเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือเครือซีพี ที่ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงภาคอุตสาหกรรม หรือ มอก.9999 ตามกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ประกาศใช้มาตรฐานดังกล่าว เพื่อส่งเสริมให้องค์กรอุตสาหกรรมไทยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างระบบการจัดการขององค์กรให้สมดุลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับธุรกิจในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ผ่านหลักการสำคัญ 3 ด้าน คือ “ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี” บนพื้นฐานของ “ความรู้และคุณธรรม” โดยได้รับเกียรติจาก นายจงรักษ์ โรจน์พลาเสถียร ผู้อำนวยการสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ เป็นผู้มอบประกาศนียบัตร มอก.9999 โดยมี นายชุมพล ลีละศุภพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด เป็นผู้รับมอบประกาศนียบัตร มอก.9999 ณ ห้อง Auditorium ชั้น 6 อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค (TDPK) กรุงเทพฯ 

ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้ แนวคิดความยั่งยืนจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นเข็มทิศสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่มั่นคง ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือเครือซีพีได้ให้ความสำคัญและนำมาประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง โดยบริษัท ซีพีแรม จำกัด เป็นผู้นำร่องในการนำมาตรฐาน มอก.9999 มาปรับใช้ภายในองค์กร ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดมั่นใน 4 หลักการสำคัญคือ การทำงานร่วมกัน เคารพประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การทำงานแบบบูรณาการ และการทำงานเชิงระบบ โดยมาตรฐานนี้จะเข้ามาช่วยสร้างความสมดุลในห่วงโซ่อุปทาน ที่ทำให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็น พนักงาน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่ใช่แค่พัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพแต่ยังช่วย “พัฒนาคน” ให้เป็นคนดีมีคุณค่าพร้อมขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าอย่างสมดุลกับสังคมและสิ่งแวดล้อม มาตรฐานนี้คือรากฐานของความยั่งยืนที่แท้จริง ทั้งต่อตัวเรา องค์กร และสังคมโดยรวม


มาตรฐาน “มอก.9999” ยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของซีพีแรมในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกองค์กรในทุกมิติ ผ่านกระบวนการคิดและการตัดสินใจบนหลักเหตุผล ความรัดกุม และคำนึงถึงความเหมาะสมอย่างรอบด้าน เพื่อวางรากฐานธุรกิจที่มั่นคงในระยะยาวควบคู่ไปกับการสร้างสมดุลระหว่างการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างความสุขให้กับผู้คนทั้งองค์กร

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซีพีแรมได้รับมาตรฐาน “มอก.9999” ก็คือตลอดระยะเวลากว่า 18 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนิน “โครงการเกษตรกรคู่ชีวิต” มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้จริงในระดับชุมชน ผ่านการส่งเสริมอาชีพโดยคำนึงถึงความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่เป็นหลัก โดยพิจารณาตามความเหมาะสมด้านพื้นฐานอาชีพและทรัพยากรที่มีอยู่ ทั้งยังมีการคัดเลือกเกษตรกรที่มีความพร้อมให้มาพัฒนาระบบงานไปพร้อม ๆ กับบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม และการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเพาะปลูกตามมาตรฐาน GAP การส่งเสริมให้สามารถวางแผนการผลิตที่ยั่งยืนเพื่อเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ ไปจนถึงการรับซื้อผลผลิตในราคาที่เหมาะสม ส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถนำความรู้และประสบการณ์มาเป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในอนาคตได้ด้วยตนเอง และอีกมากมาย

หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นคือการส่งเสริมให้ชุมชนเกษตรกรรอบๆ โรงงานซีพีแรม ทำการเพาะปลูก “กะเพรา” จากเมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพในการเพาะปลูกมีผลผลิตที่ดีมีกลิ่นหอม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในเมนูยอดนิยม “ข้าวกะเพรา” ของซีพีแรมที่จัดจำหน่ายอย่างแพร่หลายในร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสะท้อนถึงการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับฐานราก เข้ากับอุตสาหกรรมอาหารระดับประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

ด้วยวิสัยทัศน์ “เรามุ่งมั่นในการส่งมอบอาหารคุณภาพ เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคน” ที่ยึดมั่นในคุณภาพ ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซีพีแรมยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารที่เปี่ยมด้วยความอร่อย ปลอดภัย และให้คุณค่าทางโภชนาการ พร้อมดูแลสิ่งแวดล้อมและยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทย เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน และเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกใบนี้อย่างยั่งยืนต่อไป

18 พฤษภาคม 2568

ดร.ปราชญ์​วลี​ อิทธิ​สวัสดิ์ เปิดออฟฟิศใหม่

ทำบุญเลี้ยงพระ เปิดออฟฟิศใหม่ บริษัทรักษาความปลอดภัยศูนย์ ไอ.พี(1979) จำกัด และ บริษัท สกายกรีน จำกัด

เมื่อวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม 2568 คณะผู้บริหาร บริษัทรักษาความปลอดภัยศูนย์ ไอ.พี(1979) จำกัด และบริษัทสกายกรีน จำกัด จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ

นำโดย ดร.ปราชญ์​วลี​ อิทธิ​สวัสดิ์​ ทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อทำการ เปิดออฟฟิศใหม่ ถนน นวมินทร์ เขตบึงกุ่มเป็นการกระทำที่ให้ผลบุญทั้งแก่เจ้าภาพและบริษัท รวมถึงเป็นการเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับสถานที่ทำงานใหม่



โดยมี ญาติมิตรพวกพ้องร่วมแสดงความยินดี กันคับคั่ง ในการนี้ ทาง ครอบครัวอิทธิสวัสดิ์ และคณะผู้บริหารทั้ง2บริษัท  ได้ร่วมกัน บริจาคถวาย รถกระบะ 1 คันให้กับ วัดหุบเฉลา จังหวัดเพชรบุรี นำไว้ใช้เพื่อสาธารณกุศลต่อไป โดยมีผู้ช่วยเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี และ พระอธิการเด่น  เจ้าอาวาสวัดหุบเฉลา รับมอบการบริจาคถวายครั้งนี้  ขอร่วมอนุโมทนา​บุญครั้งนี้ด้วย

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เดินหน้ายกระดับ ASEW 2025

สู่เวทีพลังงานสะอาดระดับเอเชีย ดึงพันธมิตรระดับภูมิภาคหนุนไทยสู่ศูนย์กลางพลังงานแห่งอนาคต

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผนึกความร่วมมือกับองค์กรพลังงานชั้นนำจากในและต่างประเทศ อาทิ สมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) เตรียมจัดงาน ASIA Sustainable Energy Week 2025 (ASEW) งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานสะอาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ภายใต้แนวคิด "Empowering Digital Transformation in Sustainable Energy Towards Net Zero" พร้อมเปิดเวทีเชื่อมโยงผู้ประกอบการ ผู้นำเทคโนโลยี นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายทั่วโลก ร่วมสร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานแห่งอนาคต ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมพลังงานของภูมิภาค สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ระหว่างวันที่ 2–4 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) กรุงเทพฯ


ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล นายกสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) กล่าวว่า ปัจจุบันเอเชียกำลังก้าวขึ้นสู่บทบาทผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมพลังงาน โดยเฉพาะด้าน "ระบบกักเก็บพลังงาน" ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน พร้อมเน้นย้ำว่า "มาตรฐานความปลอดภัย" คือหัวใจสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว สมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) ให้ความสำคัญ ทั้งการขับเคลื่อนมาตรฐานความปลอดภัย และการขยายความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร โดยการเข้าร่วมเครือข่าย ASEAN Battery Safety Network ซึ่งดำเนินการภายใต้ ASEAN Costi Endorsement เพื่อยกระดับความปลอดภัยของผู้ผลิต ผู้ใช้งาน และหน่วยงานกำกับดูแล ในปีนี้ TESTA ได้ร่วมเป็นพันธมิตรจัดการประชุมในงาน ASIA Sustainable Energy Week 2025 (ASEW) พร้อมจัด International Energy Storage Forum 2025 – 5th TESTA Annual Symposium ภายใต้หัวข้อ "Technology Advancement Towards Battery Safety" เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานและมาตรฐานความปลอดภัย พร้อมจัดนิทรรศการจัดแสดงนวัตกรรม โดย ASEW ถือเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย เพื่อขับเคลื่อนพลังงานสะอาดอย่างปลอดภัยและยั่งยืน



นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เราเป็นผู้นำธุรกิจด้านการงานจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมเจรจาธุรกิจระดับภูมิภาค โดยงาน ASIA Sustainable Energy Week 2025 (ASEW) คือก้าวสำคัญที่เรายกระดับจากเวทีอาเซียนสู่ระดับเอเชียอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิด “Empowering Digital Transformation in Sustainable Energy Towards Net Zero หรือ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” มุ่งผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีพลังงานสะอาดแห่งเอเชีย รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด และมีแบรนด์ชั้นนำเข้าร่วมกว่า 1,500 แบรนด์ จากทั่วโลก อาทิ ABB, ANTAI SOLAR, ANDSOLAR, ATESS, BYD, DELTA, HITACHI ENERGY, HUAWEI, TESLA ENERGY และ SUNHOME รวมถึงพาวิเลียนนานาชาติ อาทิ จีน ฟินแลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และ สหราชอาณาจักร มาจัดแสดงนวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียน การจัดการพลังงาน และระบบกักเก็บพลังงาน พร้อมสัมมนาความรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกกว่า 200 หัวข้อ เช่น REA Conference, Thailand ConneXt, ASIA Urban Energy Assembly, International Energy Storage Forum, Hydrogen Forum, SEA SAF Forum เป็นต้น รวมถึงกิจกรรมไฮไลท์ที่ตอบโจทย์ผู้ชมงานทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นโซน Data Center and Cloud District, Hydrogen District, Start-Up Alley, Carbon Free Valley และ InnoTech Stage ปีนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 32,000 คนจาก 65 ประเทศทั่วโลก และเราเชื่อมั่นว่างาน ASEW จะเป็นศูนย์กลางในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ และเชื่อมโยงทุกภาคส่วนในระบบนิเวศพลังงานสะอาดของเอเชีย พร้อมกันนี้จัดร่วมกับงาน  MobilityTech Asia – Bangkok (MTAB) 2025 งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมชั้นนำของภูมิภาค ด้านการขนส่งแห่งอนาคตและยานยนต์อัจฉริยะ ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางด้านพลังงานยั่งยืนและเทคโนโลยีแห่งอนาคตของเอเชียอย่างแท้จริง



ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของเอเชีย กับงาน ASIA Sustainable Energy Week 2025 วันที่ 2-4 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) กรุงเทพฯ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม และลงทะเบียนเข้าชมงานได้ที่ www.asew-expo.com

15 พฤษภาคม 2568

โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง สถานที่พักผ่อนริมทะเลแห่งใหม่ของจังหวัดระยอง

ปักหมุดเที่ยวระยอง จังหวัดยอดนิยมกับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล พร้อมสัมผัสที่พักระยองติดทะเล โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง (Fortune Saeng Chan Beach Hotel Rayong) ตั้งอยู่​ใกล้กับทะเล​ ชายหาดแสงจันทร์ เดินข้ามถนนมาก็ถึงหาดทราย ห้องพักมีให้เลือกแบบวิวทะเลและวิวแม่น้ำ พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกในยามเช้าและยามค่ำ บรรยากาศดี เงียบสงบ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเติมพลังให้กับคุณในวันที่อ่อนล้า มีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครันในบรรยากาศ Luxury พร้อมห้องพักหลากหลายรูปแบบ ภายในห้องพักมีเตียงนุ่มนอนสบายและสิ่งอำนวยความสะดวกครบ





โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง ให้ความสำคัญในทุกๆ งานประชุม จัดเลี้ยง กิจกรรม ปาร์ตี้ อีเว้นท์ อบรม ทั้งขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ หรือแม้แต่การจัดงานที่สุดแสนมหัศจรรย์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นในสถานที่ของเรา เพราะเราเห็นคุณค่าของความ “รู้สึก” ทุกความมุ่งมั่น หรือแม้แต่ทุกการเริ่มต้นที่นำไปสู่ความสำเร็จ เรายินดีสนับสนุนการจัดงานตามงบประมาณให้เกิดขึ้นอย่างเกินความคาดหมายและสมบูรณ์แบบที่สุด



กลิ่นจันทร์  พร้อมเสิร์ฟอาหารสไตล์  “Thai and Western Crusine” ที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนการปรุงจากเชฟผู้มากประสบการณ์เพื่อให้ได้รสชาติอร่อยในทุกจาน  ไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ยามเช้าที่คัดสรรเมนูให้ทานได้แบบทุกเพศทุกวัย อีกทั้งเมนูอะลาคาร์ททั้งอาหารและเครื่องดื่มที่ชวนให้ลิ้มลองมากกว่า  100 รายการ  พร้อมบรรยากาศการตกแต่งแบบร่วมสมัยจัดสรรพื้นที่ให้เลือกนั่งได้หลายมุมเหมาะสำหรับทุกโอกาส โดยห้องอาหารกลิ่นจันทร์ บริเวณชั้น 1 / รองรับ 92 ที่นั่ง


ความพิเศษของโรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง คือ การอยู่ในแวดล้อมธรรมชาติทั้งชายทะเลและป่าชายเลน แต่ยังคงเข้าถึงความศิวิไลซ์ที่มีสาธารณูปโภคอย่างครบครัน  ซึ่งเส้นทางมา โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง สะดวก เข้าถึงง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือสาธารณะสาธารณะ  อีกทั้งเส้นทางจากโรงแรมไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดระยอง สามารถเดินทางไปได้สะดวก มีมุมถ่ายรูปสวยๆ มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องอาหารนานาชาติ ปิดท้ายด้วยร้านอาหารค่ำนั่งชิลชมวิวยามค่ำคืน

พิกัด : โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง

53 ถ.เลียบชายฝั่ง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง
Location https://shorturl.asia/uBc7U

https://www.fortunehotelgroup.com/fortune.../location/ 

สอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า

โทร 064 585 9948
Line OA : @fortunesaengchan https://lin.ee/28ZV5a8
https://www.fortunehotelgroup.com/fortune-saengchan-beach-hotel/location/

#ชสท #ททท #สีสันตะวันออก  #สุขทันทีที่เที่ยวภาคตะวันออก
#ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว #amazingthailand #ระยอง #toptotravel


เริ่มแล้ว!! เทศกาลท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนริมทะเลอันดามัน Amazing Krabi Green Guide Fest 2025

จัดขึ้นเพื่อชวนทุกคนมาร่วมเรียนรู้ ทดลอง และสร้างแรงบันดาลใจสร้างการท่องเที่ยวยั่งยืนไปด้วยกัน ระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 ณ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา–หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ 

🏞️🏞️วันที่ 15 พฤษภาคม 2568  นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ขึ้นกล่าววัตถุประสงค์การจัดงาน Amazing Krabi Green Guide Fest 2025 และได้รับเกียรติจากนายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน “Amazing Krabi Green Guide Fest 2025” เทศกาลท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดกระบี่ และพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ชูแนวคิด Green Vibes และ Eco-Friendly Event เพื่อมุ่งยกระดับจังหวัดกระบี่สู่การเป็นพื้นที่ต้นแบบจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสีเขียวอย่างยั่งยืนในระดับสากล รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวร่วมขับเคลื่อนกระบี่สู่ “อนาคตแห่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน”ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15 - 18 พฤษภาคม 2568 ณ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา–หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่



โดยงาน Amazing Krabi Green Guide Fest 2025 นำเสนอความเชื่อมโยงกับแนวคิด 5 Must Do in Thailand และ 7 Greens เพื่อส่งเสริมประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่า และสร้างความเข้าใจใหม่ ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและร่วมขับเคลื่อนกระบี่สู่อนาคตแห่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ผ่านโซน 7 Greens ได้แก่ Green Recreation กิจกรรม Sound Healing และ Yoga และกิจกรรมสร้างมูลค่าจากเศษขยะ Green Music การแสดงดนตรีสด โชว์อัตลักษณ์ ตั้งแต่วงดนตรีท้องถิ่นรวมไปจนถึงศิลปินระดับประเทศ Green Food เสิร์ฟเมนูรักษ์โลกที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น Green Art นิทรรศการศิลปะจากวัสดุรีไซเคิล Green Learning การจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และกิจกรรมให้ความรู้สำหรับเด็กและเยาวชน Green Society พื้นที่พบปะพูดคุยคนรักษ์โลก Green Tourism เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในกระบี่ที่เน้นการลดคาร์บอน  การจัดงานครั้งนี้ ททท. ตั้งใจให้เป็นต้นแบบของ Carbon Neutral Event ในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งการใช้วัสดุ ทั้งในงานตกแต่ง ภาชนะอาหารและเครื่องดื่ม การใช้วัสดุท้องถิ่นเพื่อลดระยะทางในการขนส่ง การใช้พลังงานทดแทน ลดใช้พลังงานก๊าซหุงต้ม และมีการบริหารจัดการแยกขยะ รวมถึงรับซื้อขยะจากการจัดงานเพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ คำนวณและชดเชยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อขอการรับรองเป็นงาน Carbon Neutral Event อย่างถูกต้อง








ทั้งนี้ ททท. คาดว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้าร่วมงานมากกว่า 5,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนไม่น้อยกว่า 35 ล้านบาท 

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/amazingkrabigreenguidefest 

#AmazingThailand #5MustDoInThailand #7Greens #ThailandFestival2025
#เที่ยวไทยAmazingยิ่งกว่าเดิม #GenGreen #GreenVibesOnly #สายกรีนต้องมา
#สายชิลล์รักษ์โลก #GreenLifestyle #เที่ยวไทยไม่ทิ้งรอยเท้า

Klook เผยผลสำรวจ “Travel Pulse”

Gen Y และ Gen Z เกินครึ่ง ลงทุนซื้อทริปท่องเที่ยว แก้ความเครียด บำบัดจิตใจ!  พร้อมเปิดแคมเปญ The Best You กระตุ้นนักเดินทางรุ่นใหม่ 

Klook แพลตฟอร์มท่องเที่ยวและกิจกรรมชั้นนำของเอเชีย เผยผลสำรวจล่าสุด จากการทำแบบสอบถาม “Travel Pulse” กว่า 7,000 คนทั่วโลก อาทิ ไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย โดย Klook พบว่า นักเดินทาง Gen Y หรือกลุ่ม Millennials และ Gen Z จำนวนเกินครึ่ง ยอมจ่ายเงินซื้อความสุข เลือกทริปออกเดินทางท่องเที่ยว เพื่อพักผ่อน และหนีความตึงเครียดจากการเรียนหรือการทำงาน ตลอดจนต้องการค้นหาตัวตน หรือสร้างแรงบันดาลใจใหม่ให้กับชีวิตตัวเอง อีกทั้งยังพบว่า 48% ของนักเดินทาง หลังจากจบทริปใกล้บ้านหรือจากต่างประเทศ พวกเขารู้สึกถึงความสุขเพิ่มขึ้น มีพลังบวกกลับมาทำงานหรือเรียนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 



จากผลวิจัยดังกล่าวยังพบว่า พฤติกรรมการจองทริปท่องเที่ยว กิจกรรม และเดินทางของคนไทย Gen Y และ Gen Z มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 25% โดยประเทศเป้าหมาย 5 อันดับแรกของคนรุ่นใหม่ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และเวียดนาม ตามลำดับ นอกจากนี้ยังชื่นชอบการทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ เยี่ยมชมแลนด์มาร์ค หรือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ช้อปปิ้ง ชมการแสดง หรือนิทรรศการต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้คนไทย Gen Y และ Gen Z นิยมออกเดินทาง อันดับ 1 คือเพื่อหลีกหนีความเครียด บำบัดสุขภาพจิต (Travel as Therapy) 2.ค้นหาประสบการณ์ใหม่ที่มีความหมาย ดีต่อชีวิต ดีต่อใจ (Meaningful Experiences) 3.อิทธิพลจากแรงกระตุ้นของโซเชียลมีเดียต่างๆ และ 4.ความคุ้มค่ากับการลงทุน (Value for Money) 

ทั้งนี้ Klook ขอสร้างความสุขและตอบรับความต้องการของนักเดินทาง ด้วยการขับเคลื่อนแนวคิดการเดินทางให้มากกว่าจุด “เช็คอิน” เป็นการ “เชื่อมต่อ” ตัวตนที่แท้จริงจากภายใน พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “The Best You” ชวนทุกคนออกเดินทาง เพื่อค้นพบเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง รวมถึงจับมือ “มาริเอะ คนโดะ” ศิลปินชื่อดัง นักสร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก เจ้าของวลียอดฮิต “Spark Joy” หรือการจุดประกายความสุข มาร่วมถ่ายทอดความสุขครั้งใหม่ผ่านการท่องเที่ยว โดยคาดหวังแคมเปญ The Best You จะเข้ามาช่วยสร้างสีสันและกระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวหรือจองกิจกรรมต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่าน Klook เพิ่มขึ้น 25-50%

Klook เปิดตัวแบบทดสอบออนไลน์ ซึ่งเป็นทั้งเครื่องมือค้นหาตัวตนผ่านเกมส์สนุกๆ ที่ทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับการเลือกเส้นทางผจญภัยในแบบฉบับที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง นำทางไปสู่การวิเคราะห์เชื่อมโยงประสบการณ์ และครีเอทการเดินทางที่คัดสรรมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะตามหาความสนุกในสวนสนุก อยากเรียนรู้ความสวยงามจากการหยุดนิ่งท่ามกลางวิวธรรมชาติบนรถไฟ หรือเปิดใจลองสิ่งใหม่ๆ ไปพร้อมกับคนที่คุณรัก The Best You คือการค้นหาประสบการณ์ที่ช่วยให้คุณได้ใกล้ชิดกับตัวตนในแบบที่คุณใฝ่ฝัน เพื่อช่วยให้นักเดินทางเริ่มต้นเส้นทางสู่เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของคุณเอง ค้นหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติม: รับชมภาพยนตร์สั้น The Best You ได้แล้วตอนนี้

14 พฤษภาคม 2568

ชสท. พาเที่ยว ทริป สุขทันที...ที่เที่ยวระยอง 3 วัน 2 คืน


วันที่ 9 – 11 พฤษภาคม  2568 โดย ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท)  ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยองสนับสนุนเส้นทางท่องเที่ยวโดย ททท.สำนักงานระยอง ภายใต้แคมเปญ “สุขทันที...ที่เที่ยวระยอง” ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ชายหาดสวยงาม ตลอดจนกิจกรรมทางน้ำและกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีที่พักและร้านอาหารอร่อยให้เลือกตามความชอบ  ถึงเวลออกเดินทางร่วมกับชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว และคณะนักท่องเที่ยววัยเก๋า รวม 50 กว่าท่าน โดยการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง 

คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรม ชสท.

คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรม ฯ นำคณะนักท่องเที่ยวและสมาชิกชมรมฯ และสมาชิกอาวุโสของชมรมฯ ตามโครงการสุขทันทีที่เที่ยวระยอง มาเที่ยวภูมิภาคภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเทศกาลทานผลไม้ ช่วงนี้มีผลไม้ตามฤดูกาลหลากหลายชนิด โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด สละ เงาะ ที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ทริปการเดินทางเยียมชมพื้นที่ชุมชน โดยทางชมรมฯ ไม่พลาดเข้าไปท่องเที่ยวพื้นที่ชุมชนบ้านทะเลน้อย เพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์  ด้วยการนำเสนอวิถีชีวิตและวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งจังหวัดระยองมีจุดที่น่าสนใจเรื่องประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจที่ทุกคนต้องไม่ลืม คือจุดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินแวะมาพักทัพที่นี่ ก่อนเข้าตีเมืองจันทบุรี นี่คือประวัติศาสตร์ของไทย


กิจกรรมดังกล่าวมี นายวัชรพล สารสอน ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง ให้เกียรติเปิดงานพร้อมเผยทิศทางการตลาดกระตุ้นท่องเที่ยวระยอง ช่วงหน้าฝน และเปิดฤดูกาลผลไม้ขึ้นชื่อของเมืองระยอง โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์ทุเรียน ชื่อดัง ณ ห้องบอลรูม โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์บีช ระยอง 



ชมรมฯ ในฐานะสื่อกลางในการท่องเที่ยว พร้อมนำเสนอทุกสิ่งเหล่านี้เพื่อไปถึงพี่น้องคนไทยให้ได้รับรู้ว่านี่คือ จังหวัดที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว เป็นทำเลทองด้านการท่องเที่ยว ซึ่งไม่ควรพลาด” และนี่คือหนึ่งเหตุผลที่เรามาเยือนเมืองระยอง ในทริปสุดพิเศษในครั้งนี้ 

จุดแรก...ช่วงเช้าวันแรก เริ่มจากจุดแรกของทริปการเดินทาง
วัดลุ่มมหาชัยชุมพล Wat Lum Mahachai Chumpon

จุดเช็คอิน  ต้นสะตือที่วัดลุ่ม ต้นไม้แห่งประวัติศาสตร์ พระเจ้าตากสินเคยผูกช้างศึกและประทับนั่งโคนต้น
ต้นสะตือ แผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่นอยู่ในวัดลุ่มมาจนทุกวันนี้ บริเวณข้างต้นสะตือเป็นที่ตั้งของศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชรูปทรงแบบจัตุรมุข ด้านในประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขนาดเท่าองค์จริง ให้ได้กราบสักการะกัน


สะตือ ต้นไม้แห่งประวัติศาสตร์
เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จมาคั้งค่ายพักแรมประตูชุมพลเพื่อเตรียมทัพเข้าตีเมืองจันทบุรี เคยใช้ผูกช้างศึกประจำพระองค์ ชื่อ “พังคีรีบัญชร” และประทับนั่ง ณ โคนต้นสะตือนี้ขณะเรียกประชุมคณะกรมการเมืองและราษฎรชาวระยอง ประกาศเจตจำนงในการกอบกู้เอกราชคืนจากพม่า

ปัจจุบัน ต้นสะตือ ประวัติศาสตร์อายุกว่าสามร้อยปี แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นร่มเงาให้กับประชาชนที่มากราบ
สักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ภายในวัดลุ่มมหาชัยชุมพล
ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง
📍 https://goo.gl/maps/A46Wu7x1dJ2Cpka68

ภายในวัดลุ่มมหาชัยชุมพลยังมีอุทยานการเรียนรู้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างความเข้าใจทางประวัติศาสตร์ของสมเด็จพระเจ้าจากสินมหาราชตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ด้านในมีพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขนาดเท่าองค์จริงและศาลที่ประทับ เพื่อให้ลูกหลานได้ตระหนักถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ บริเวณด้านหน้าศาล มีบอร์ดนิทรรศการ แสดงอัตชีวประวัติของสมเด็จพระเจ้าตากสิน และเส้นทางยาตราทัพสมัยดำรงพระยศเป็นพระยาตาก วัดลุ่มฯ แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เปิดให้เข้าชมฟรี 

เวลาทำการ วันอังคาร - วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์)
เวลา 09.30 - 16.00 น.
โทร. 038 029 091
📍https://goo.gl/maps/z6ohkzKRNH8rLoAJ6

เส้นทาง : https://maps.app.goo.gl/tLchpbYmA3a8mqa19 

จุดที่สอง สวนสุภัทราแลนด์ Suphattra Land
บุฟเฟ่ต์ผลไม้ที่สวนสุภัทราแลนด์ Suphattra Land

คำกล่าวที่ว่า กินทุเรียนก่อนใครไประยอง ... สวนผลไม้ที่เปิดให้ประชาชนเข้าชม  เรียกว่าช่วงนี้เป็นเทศกาลทานผลไม้จริงๆ สำหรับเมืองระยอง หลายแห่งเปิดให้เข้าชิมผลไม้กันแล้ว ครั้งนี้ชสท.พาคณะมากันที่ สวนสุภัทราแลนด์ เปิดให้ประชาชนเข้าชมสวนโดยมีรถรางพานำชม พร้อมกับชิมบุฟเฟ่ต์ผลไม้จากต้นตามฤดูกาล ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง สละ มะเฟือง ชมพู่ แก้วมังกร ส้มโอ ขนุน มะม่วง ช่วงผลไม้ออกเดือนเมษายน ถึงเดือนมิถุนายน ของทุกปี คณะเดินทางท่องเที่ยวเยี่ยมชม และทานมื้อกลางวันที่นี่


ที่นี่มีผลไม้ประเภทมังคุด ทุเรียน เงาะ ลองกอง ส้มโอ สละสุมาลี  เป็นช่วงที่ผลไม้ ต่างๆ เริ่มสุกและทานได้ในทุกปี  ผลไม้จะออกผลผลิต ออกราว เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน  ของทุกปี  โดยนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี

ในส่ววนของสวนสุภัทราแลนด์ เปิดคาเฟ่น้ำตกกลางสวน เข้าฟรี ไม่เสียค่าเข้า สามารถติดต่อที่จุดประชาสัมพันธ์ ทางสวนมีรถกอล์ฟ หรือรถรางบริการรับ-ส่ง ฟรีถึง คาเฟ่ ในบริเวณน้ำตกกลางสวน ร่มรื่นและสวยงามมาก  ส่วนของโปรแกรมเที่ยวชมสวน & บุฟเฟ่ต์ทุเรียนและผลไม้นานาชนิน” สัมผัสวิถีชีวิตชาวสวน พร้อมไกด์นำเที่ยว ทานเรียบร้อยแล้ว สามารถนั่งรถรางชมสวนผลไม้ บนพื้นที่ 800 ไร่  สัมผัสวิถีชีวิตชาวสวน พร้อมไกด์นำเที่ยว 

สนใจสามารถติดต่อซื้อบัตรหน้าสวน

🔹ราคาท่านละ 790 บาท

🔹ต่างชาติ ท่านละ 850 บาท

🔹เด็กสูงน้อยกว่า 90 ซม. = เข้าฟรี

🔹เด็กสูง 90-120 ซม. = 395 บาท

🔹เด็กสูงมากกว่า 120 ซม. = คิดราคาผู้ใหญ่

สัมผัสวิถีชีวิตชาวสวน พร้อมไกด์นำเที่ยว

จุดที่ 1: เก็บผลไม้ สดๆ จากต้น ชิมผลไม้แสนอร่อย
จุดที่ 2: ทานบุฟเฟ่ต์ทุเรียน และผลไม้นานาชนิด
โปรแกรมเที่ยวชมสวน & บุฟเฟ่ต์ทุเรียนและผลไม้” นั่งรถรางชมสวนผลไม้ บนพื้นที่ 800 ไร่ 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม สวนเปิดบริการทุกวัน
เวลา 8:00น. – 17:00 น.
โทร. 081 5881519 /095 3266246 /038 892048

Line ID: @suphattraland
http://line.me/ti/p/@suphattraland

เส้นทางมาสวน : https://goo.gl/maps/oiYR8pRbA2K2

จุดที่ สาม วัดเขาโบสถ์ Wat Khao Bot และ จุดชมวิววัดเขาโบสถ์ จังหวัดระยอง
มาใช้ชีวิตให้ช้าลง...ขอขมากรรม พลิกชีวิต ที่โบสถ์มหาอุตม์ และจุชมวิววัดเขาโบสถ์  พื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อความสงบ ปัจจุบันเริ่มมีการปรับปรุงพื้นที่โดยรอบให้สะดวกต่อการเข้าชม ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรและการเข้ามาขอขมากรรมของพุทธศาสนิกชน ภายในโบสถ์เจ้าหน้าที่จัดวางโต๊ะพร้อมบทสวดมนต์และบทสวดขอขมากรรมไว้บริการ ในช่วงไม่มีนักท่องเที่ยวหลายคนเข้ามานั่งสมาธิอย่างสงบเงียบ ความเลื่อมใสสืบต่อกันมาจนกลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายของชาวระยอง 

จุดชมวิวเป็นสะพานแขวนสวยๆ วัดเขาโบสถ์ อยู่ในพื้นที่ของวัดเขาโบสถ์จังหวัดระยอง สามารถขับรถขึ้นไปจอดด้านบน ด้านบนจะมีสะพานแขวนสีเขียว ที่เป็นจุดชมวิว สามารถมองเห็นวิวสวยๆได้จากด้านบน จนไกลสุดลูกหูลูกตา 


สมัยก่อนวัดเขาโบสถ์มีชื่อว่า วัดเขาชากแขก เพราะมีแขกอาศัยอยู่จำนวนมาก ปัจจุบันวัดเขาโบสถ์มีอายุมากกว่า ร้อยปีแล้ว ไฮไลท์ที่นี่ มีจุดชมวิวที่มีสะพานเหล็กสีเขียว ยาวกว่า 75 เมตร ดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติ วิวต้นไม้และป่าเขากว้างสุดสายตา วัดเก่าระยอง ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตาก อายุวัดราว ๆ 100 กว่าปี  เป็นอีกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวระยองที่ต้องมากันสักครั้ง ด้านในโบสถ์ยังคงอยู่ในสภาพเมื่อ100  กว่าปี ยังไม่เคยบรูณะใดๆ มีบทสวดต่างๆ เข้ามาด้านในรู้สึกได้ถึงความสงบ และแรงศรัทธาของผู้ที่มาในวันนี้ ที่วัดเขาโบสถ์มีจุดชมวิว ตั้งอยู่บนยอดเขา 

วัดเก่าระยอง ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตาก อายุวัดราว ร้อยกว่าปี ตั้งอยู่ตำบล ทับมา จ.ระยอง เป็นอีกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวระยองที่ต้องมากันสักครั้งนะคะ ด้านในโบสถ์ยังคงอยู่ในสภาพเดิมยังไม่เคยบรูณะใดๆ มีบทสวดต่างๆ เข้ามาด้านในรู้สึกได้ถึงความสงบ และแรงศรัทธาของผู้ที่มาในวันนี้ แก้กรรม ถอนคำอธิฐาณ สาบาน คำสาปแช่ง หรือแก้ดวงติดๆ ขัดๆ ลองกันมาดูที่วัดเขาโบสถ์มีจุดชมวิว ตั้งอยู่บนยอดเขา 

วันธรรมดา สามารถขับรถขึ้นเขาไปจอดด้านบนวัดได้เลย วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุด ต้องจอดไว้ด้านล่างทางวัดจะมีบริการ รถรับ - ส่ง  

วัดเขาโบสถ์ : ตำบลทับมา อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/zRTg2EPFbNQj8pWW7

จุดที่สี่ เช็คอินเข้าที่พัก
โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง

โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง อยู่ติดกับหาดแสงจันทร์ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงชายหาด ห้องพักมีให้เลือกแบบวิวทะเลและวิวแม่น้ำ พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกในยามเช้าและยามค่ำ บรรยากาศดี เงียบสงบ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเติมพลังให้กับคุณในวันที่อ่อนล้า ภายในห้องพักมีเตียงนุ่มนอนสบายและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันห้องพักของโรงแรม มีห้องพักหลายแบบให้ได้เลือกพักทั้งห้อง Sea view และ River view อุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครันมีฟิตเนส และสระว่ายน้ำส่วนกลางอยู่บนชั้น 3 ของโรงแรม ที่มองเห็นวิวทะเลของหาดแสงจันทร์ ที่งดงามมากๆ






โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง อยู่ติดกับหาดแสงจันทร์ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงชายหาด ห้องพักมีให้เลือกแบบวิวทะเลและวิวแม่น้ำ พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกในยามเช้าและยามค่ำ บรรยากาศดี เงียบสงบ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเติมพลังให้กับคุณในวันที่อ่อนล้า ภายในห้องพักมีเตียงนุ่มนอนสบายและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องพักของโรงแรม มีห้องพักหลายแบบให้ได้เลือกพักทั้งห้อง Sea view และ River view อุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครัน มีฟิตเนส และสระว่ายน้ำส่วนกลางอยู่บนชั้น 3 ของโรงแรม ที่มองเห็นวิวทะเลของหาดแสงจันทร์ ที่งดงามมากๆ

อาหารเช้าของโรงแรมจะเป็นแบบบุฟเฟต์ ที่มีให้เลือกทานหลากหลายเมนูใครกำลังหาโรงแรมบริเวณหาดแสงจันทร์ จ.ระยอง ที่เห็นวิวทะเล  ตาม "พาเธอเที่ยว" มาพักที่โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง หากนักท่องเที่ยวมาจังหวัดระยอง ที่ฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยองถือเป็นหนึ่งที่พักที่อยากให้ลองมาสัมผัสกัน  

พิกัด : โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง
53 ถ.เลียบชายฝั่ง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง
Location https://shorturl.asia/uBc7U


สอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า
โทร 064 585 9948

Line OA : @fortunesaengchan https://lin.ee/28ZV5a8
https://www.fortunehotelgroup.com/fortune-saengchan-beach-hotel/location/

ช่วงเย็น: แวะทานอาหารเย็นที่ ร้านอาหารริมทะเล, ลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่
มื้อค่ำ  “ ครัวลุงระ ”

มืัอค่ำวันนี้…..กินอาหารซีฟู้ดบรรยากาศชายทะเล ร้านเด็ดที่ระยอง หาดแสงจันทร์ที่ห้ามพลาด ทริปนี้ทีม ชสท. อยู่ที่ ร้านอาหารทะเลที่ไม่ธรรมดาของ“ครัวลุงระ” ร้านอาหารทะเลบ้าน ๆ ที่หน้าตาธรรมดา แต่รสชาติว้าวมาก อาหารรสมือของคนท้องถิ่นแท้ ๆ ความคุ้นชินอย่างหนึ่งสำหรับคนไทยคือการจะกินอาหารทะเลให้อร่อยต้องไปกินที่ร้านอาหารริมทะเลซึ่งเป็นต้นทางของวัตถุดิบ อาหารทะเลพื้นบ้านสูตรเด็ดใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของทะเลที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ สดอร่อยอย่างแน่นอน




ร้าน ตั้งอยู่ที่หาดแสงจันทร์ จังหวัดระยอง เป็นร้านที่ทั้งคนท้องถิ่น เมนูแนะนำ เมนูซีฟู้ดของที่นี่สดใหม่ เนื้อแน่นๆ จากทะเลระยอง
ครัวลุงระ เปิดทุกวัน 11:00 - 21:00 น.
(ตรวจสอบวันหยุดได้ที่หน้าเพจ)
พิกัด : ถนน เลียบชายฝั่ง ต.ปากน้ำ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง (การเดินทาง มุ่งหน้าหาดแสงจันทร์ เจอแยกนางยักษ์ เลี้ยวซ้ายมาประมาณ 2 กิโลเมตร ร้านอยู่ฝั่งซ้ายมือ แนะนำให้จองก่อนนะคะ คิวยาววววว)

วันที่สอง 
จุดที่ 5 ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส เส้นทางศึกษาธรรมชาติ

ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแสแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ เดิมเป็นแหล่งทำการเกษตรและปศุสัตว์ เทศบาลและชาวบ้านจึงร่วมมือกันฟื้นฟูต้นไม้และระบบนิเวศของป่าชายเลนกลับมาใหม่ พร้อมสร้างสะพานไม้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร พาดผ่านกลางทุ่ง ไว้เป็นเส้นทางธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษา 

เมื่อเดินมาจุดชมวิวก็จะพบกับทุ่งต้นโปรงกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา โดยสีของใบจะเปลี่ยนไปตามทิศทางของแดด ซึ่งจะสวยงามที่สุดในช่วง 11.00-15.00 น. ที่จะเปลี่ยนเป็นทุ่งสีทองงามอร่ามตา ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรี ทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.



"ชุมชนปากน้ำประแส" ชุมชนในพื้นที่อำเภอแกลง ที่ยังคงใช้วิถีชีวิตเรียบง่าย แม้ว่าความเจริญของเทคโนโลยีจะคืบคลานเข้าไปถึง แต่ชาวบ้านก็ยังรักษาตัวตนแต่ดั้งเดิมเอาไว้เป็นอย่างดี พร้อมกับเรียนรู้และสำรวจชุมชนริมแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ดูแลโดยวิสาหกิจท่องเที่ยววิถีชุมชนตำบลปากน้ำประแส ที่นำผลผลิตมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นกระจายรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน 

“ตอนนี้สะพานบางส่วนมีชำรุดบ้าง ค่อยๆ เดิน ระวังด้วยคร้า”  


สะพานไม้ขนาดกว้างราวหนึ่งเมตร ทอดยาวแทรกแซมเข้าสู่ป่าโกงกาง คดเคี้ยวตามทางสู่จุดเช็คอินทุ่งโปรงทอง (ดูจากป้ายที่ระบุเอาไว้กลางลาน)  นอกจากนี้ก็จะมีป้ายบอกทางไปศาลเจ้าพ่อแสมผู้ ทางไปต้นแสมยักษ์  ไปหอชมธรรมชาติ  และ... ที่นี่ไม่ใช่เพียงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติทั่วไป แต่เป็นพื้นที่ต้นแบบความร่วมมือในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนอย่างยั่งยืนอย่างมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและได้รับการประกาศให้เป็นโครงการป่าในเมืองจังหวัดระยอง “มหัศจรรย์ป่าชายเลน ทุ่งโปรงทองปากน้ำประแส” 

คลองแสมผู้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ได้มีการขุดลอกแต่อย่างใด ผืนดินเดิมมีความอุดมสมบูรณ์
คลองกว้างและน้ำเชี่ยวกว่านี้ แต่ถูกบุกรุกจนเสื่อมโทรม ต่อมาทางการและชาวบ้านได้เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันฟื้นฟูให้กลับมาสมบูรณ์ขึ้น กลายเป็นป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดของระยอง 

หากใครมาเที่ยวทุ่งโปรงทอง สามารถมาได้ตลอดทั้งปีเปิดให้เข้าทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.ไม่มีค่าเข้าและ“เข้าฟรี” หากเอารถมาก็สามารถนำไปจอดไว้ที่จุดจอดรถ

เส้นทาง : https://maps.app.goo.gl/EHVpBHLvZLFsSBqD9 


วันที่สอง จุดที่หก อนุสรณ์เรือหลวงประแส
อนุสรณ์เรือรบหลวงประแสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในชุมชนปากน้ำประแส จังหวัดระยอง. เรือรบหลวงประแสลำนี้เคยถูกใช้ในสงครามเกาหลี และได้ถูกปรับให้เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และเยี่ยมชม

ตัวเรือมีขนาดใหญ่ ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของเรือรบ อนุสรณ์เรือรบหลวงประแสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในชุมชนปากน้ำประแส จังหวัดระยอง. เรือรบหลวงประแสลำนี้เคยถูกใช้ในสงครามเกาหลี และได้ถูกปรับให้เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และเยี่ยมชม การเยี่ยมชมเรือช่วยให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และภารกิจของเรือในสงครามเกาหลี มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ทั้งภายในและภายนอกเรือบรรยากาศริมน้ำที่สวยงามและผ่อนคลาย 

อนุสรณ์เรือหลวงประแส ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบล: ปากน้ำกระแส อำเภอ แกลง เป็นอนุสรณ์สถานของเรือที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ราชนาวีไทย ถือเป็นอนุสรณ์เรือหลวงที่ปลดระวางและนำมาตั้งตระหง่านอยู่ที่ปากน้ำเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของคนรุ่นหลัง บริเวณใกล้เคียงมีร้านรวงตลอดทางแนวสนริมหาด เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว








บริเวณรอบๆ ตัวเรือรบหลวงนั้น จะถูกปรับเปลี่ยนให้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดระยอง ซึ่งเรือหลวงประแสลำนี้เป็นเรือหลวงประแสลำที่ 2 ที่นำเข้ามาแทนเรือหลวงประแสลำที่ 1 ซึ่งเกยตื้นไปในสงครามเกาหลี

เส้นทาง :  https://maps.app.goo.gl/EHKE64kyGkx9xTz8A 

จุดที่เจ็ด  : ชุมชนบ้านทะเลน้อย 
"ผักกระชับ" วัชพืชกินได้ "บ้านทะเลน้อย"

หนึ่งในชุมชน ที่เที่ยวระยอง อันสวยงดงามแห่งนี้ ก็คือ ชุมชนปากน้ำประแส นั่นเอง ซึ่งที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ในประวัติศาสตร์ของสงครามเกาหลีเลยค่ะ อีกทั้งวิวทิวทัศน์ ก็สวยงามน่าไปเยือนที่สุด

วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านทะเลน้อยระยองชุมชนต้นแบบการรวมกลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นแหล่งปลูกผักกระชับแห่งเดียวในประเทศไทย และยังมีการท่องเที่ยวตามรอยวัฒนธรรมวิถีชุมชน เช่น สักการะบัลลังก์พระเจ้าตากโบราณ พระพุทธรูปโครงหวาย โบสถ์โบราณสมัยรัชกาลที่ 4 ณ วัดราชบัลลังก์ประดิษฐาราม กิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ สัมผัสวิถีชุมชนทะเลน้อย ชมสาธิตการทำปลาเค็มแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม การปลูกและเก็บผักกระชับ ล่องเรือชมทัศนียภาพทะเลน้อย ชุมชนบ้านทะเลน้อย จังหวัดระยอง ชุมชนเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนะธรรม วิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง หนึ่งในชุมชนที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยเรา รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สมาชิกชุมชนบ้านทะเลน้อยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง และเพาะปลูกผักสวนครัวขึ้นชื่อที่หาทานได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น ซึ่งก็คือ ผักกระชับ นั่นเอง ผักกระชับที่นำมารับประทาน จะเป็นส่วนของต้นอ่อน สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย อาทิ แกงส้ม ยำ ผัด หรือจะทานสดคู่น้ำพริกก็อร่อยไม่แพ้กัน เนื่องด้วยผักกระชับมีพื้นที่เพาะปลูกเฉพาะตัว บวกกับ ขั้นตอนการเพาะปลูกที่ยุ่งยาก จึงทำให้ ผักกระชับ เป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับชุมชน นอกจากรายได้จากการเพาะปลูกผักกระชับแล้ว สมาชิกชุมชนยังรวมกลุ่มกันสร้างรายได้จากเส้นทางท่องเที่ยวทางทะเล ที่พักโฮมสเตย์ ผลิตภัณฑ์จักสาน และผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปสดใหม่




ที่นี่มีจัดรถรางเอาไว้บริการสำหรับหมู่คณะ เพื่อนำชมฐานเรียนรู้ที่น่าสนใจ ซึ่งก็มีหลายฐาน แล้วแต่ทางผู้จัดจะเลือก ไม่ว่าจะเป็นจัดให้ชมการสาธิตทำปลาเค็มแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม การสาธิตและฝึกการปลูกผักกระชับ การทำกล้วยตาก บ้านแสดงศิลปหัตถกรรมของคุณยายประทวน ซื่อตรง วัย 72 ชาวบ้านที่ทำโมเดลบ้านทรงไทยโดยใช้ข้าวเปลือก เป็นวัสดุพื้นบ้านที่ปัจจุบันยังคงเก็บรักษาไว้  และที่สำคัญ มีพระสานหวาย ประดิษฐานในโบสถ์โบราณสมัยรัชกาลที่ 4 ที่วัดราชบัลลังก์ 

โทร. 081 864 9086 
เส้นทาง : https://maps.app.goo.gl/Rn4EXBSGn4f3gmxq5 



วัดราชบัลลังก์ประดิษฐาราม Wat Ratchabanlang Praditthawararam 
วัดราชบัลลังก์ ในช่วงเริ่มสร้างมีชื่อว่า “วัดเนินสระ” อาจเป็นเพราะตั้งชื่อตามสภาพพื้นที่ คือมีสระน้ำสำหรับชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภคอยู่ชายเนิน 


วัดราชบัลลังก์ประดิษฐาราม สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ มีอุโบสถเก่าแก่อายุประมาณ 300 ปีเศษ ผนังก่ออิฐถือปูน ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 10.70 เมตร ซุ้มประตูหน้าต่างตกแต่งด้วยลายดอกไม้ ผลงานสถาปัตยกรรมกึ่งไทยกึ่งจีนที่วิจิตรงดงาม



วัดราชบัลลังก์ประดิษฐาราม หรือชาวอำเภอ แกลง จังหวัดระยอง เรียกกันในชื่อ “วัดทะเลน้อย” ตามประวัติที่เล่าสืบต่อกันมาสันนิษฐานกันว่าแรกเริ่มนั้นเป็นวัดที่ “พระเจ้าตากสิน” ให้ชาวบ้านสร้างขึ้น เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับทหารที่เสียชีวิตจากวีรกรรมทุ่งเพลงบ้านทะเลน้อย

“วัดทะเลน้อย” เรียกตามชื่อหมู่บ้านที่ตั้งวัด ด้วยเป็นสถานที่ตั้งฐานทัพในเส้นทางกู้ชาติของพระเจ้าตากฯ ตำนานบอกเล่าของผู้คนในหมู่บ้านนับรวมไปถึงหลักฐานที่ค้นพบสำคัญคือ...แท่นรองพระบาท ที่เชื่อกันว่าเป็นของที่อยู่คู่กับบัลลังก์ มีลวดลายแบบจีนผสมอยู่ทุกส่วน ลงรักปิดทองด้วยฝีมือช่างชั้นสูง


ช่วงอาหารค่ำ : ช.ส.ท. จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ 
เนื่องในโอกาสที่ ช.ส.ท. นำนักท่องเที่ยววัยเก๋าและสื่อมวลชน พร้อมสมาชิกชมรมฯ  ร่วมเดินทางสู่จังหวัดระยอง กว่า50 คน ภายใต้โครงการ "สุขทันที...ที่เที่ยวระยอง" วันที่ 9-11 พ.ค.นี้

ขอบคุณ คุณวัชรพล สารสอน ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง 


ช่วงอาหารค่ำ : ช.ส.ท. จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ โดนายวัชรพล สารสอน ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง ให้เกียรติเปิดงานพร้อมเผยทิศทางการตลาดกระตุ้นท่องเที่ยวระยองช่วงหน้าฝน เปิดฤดูกาลผลไม้ โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์ทุเรียน ณ ห้องบอลรูม โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์บีช ระยอง เนื่องในโอกาสที่ ช.ส.ท. นำนักท่องเที่ยววัยเก๋าและสื่อมวลชน พร้อมสมาชิกชมรมฯ  ร่วมเดินทางสู่จังหวัดระยอง กว่า50 ท่าน ภายใต้โครงการ "สุขทันที...ที่เที่ยวระยอง"


จุดที่เก้า : วันที่สาม
ยามเช้าก่อนเดินทางกลับ กทม ที่หาดแสงจันทร์ #ระยอง หาดแสงจันทร์ หาดที่อยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับมาพักผ่อน เป็นหาดที่มีการสร้างแนวหิน เพื่อป้องกันการกัดเซาะ ตลอดแนวชายฝั่ง หาดแสงจันทร์ มีถนนเลียบหาดที่สามารถลงเล่นน้ำได้ริมชายหาด ชมทะเล หรือ ชมตะวันคล้อยลงทะเล ก็ได้ เดินเล่นชมวิว ปั่นจักรยาน ขับรถชมทะเล ใครกำลังหาที่พักผ่อนเงียบ ๆ ใกล้ตัวเมือง เราแนะนำหาดนี้เลย เพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เป็นชายหาดที่ให้ความรู้สึกสงบที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก เหมาะแก่การมานั่งชิลๆ เดินเล่นเลียบชายหาด ถ่ายรูป หรือจะลงไปเล่นน้ำก็ได้

-ชายหาดยาวมาก -ของกินเยอะ -อาหารทะเลสด หาดแสงจันทร์ บรรยากาศสุดโรแมนติก อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ในจังหวัดระยอง ชายหาดแสงจันทร์ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำ ห่างจากตัวเมือง 7 กิโลเมตร เป็นชายหาดติดต่อกับหาดแหลมเจริญ สามารถเล่นน้ำทะเลได้ มีร้านอาหารและที่พักหลายแห่งไว้บริการนักท่องเที่ยว


จุดที่สิบ : พระเจดีย์กลางน้ำ
พระเจดีย์กลางน้ำ ที่เที่ยวระยอง สัญลักษณ์กลางน้ำ ท่ามกลางธรรมชาติสวย
ประวัติ พระเจดีย์กลางน้ำ พระเจดีย์กลางน้ำ แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เป็นเจดีย์ทรงระฆัง สูง 10 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยองเลยค่ะ และมีสะพานไว้เดินเข้าไปชมตัวเจดีย์ จริงๆ แล้วเจดีย์นี้ สร้างมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2416 ในสมัยของ พระยาศรีสมุทรโภคชัยชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เป็นเจ้าเมืองระยอง พระเจดีย์กลางน้ำ แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เป็นเจดีย์ทรงระฆัง สูง 10 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยอง อีกแหล่งท่องเที่ยวของระยอง จุดขายคือความไม่เหมือนของพระเจดีย์ ที่สร้างไว้กลางน้ำ (ปัจจุบันมีสะพานข้าม รถไปถนนได้) มีความโดดเด่นที่เจดีย์อยู่ท่ามกลางแม่น้ำและไม่มีอะไรบดบัง ถ่ายรูปได้เต็มๆ


เที่ยวป่าเดินเล่นฟินๆ สะพานไม้ที่สูงเพื่อชมวิว จุดเด่นของที่นี่สะพานไม้ที่สูงสง่า ทอดยาวหลายกิโลโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติป่าชายเลนใจกลางเมืองระยอง พร้อมชมวิวทะเล เสพธรรมชาติ แลนด์มาร์คของจังหวัดระยองที่งดงาม ร่มรื่นจึงเหมาะกับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เดินสะพานไม้สองข้างทางก็จะมี ป่าชายเลน แม่น้ำ ถนน ทะเล วิวแบบพาโรนาม่าเลยเห็นทั้งแม่น้ำระยอง และหาดแสงจันทร์ด้วย



ข้อมูล พระเจดีย์กลางน้ำ ระยอง
ที่อยู่ : ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง


จุดที่สิบเอ็ด : หลานเอก คอฟฟี่เฮาส์
หลานเอก คอฟฟี่เฮาส์


ร้านคาเฟ่สไตล์วินเทจ ณ ตึกเก่ากว่า 110 ปี คาเฟ่ที่ถูกเนรมิตจากอาคารพาณิชย์หลังแรกในจังหวัดระยอง ใครที่ไปเที่ยวจ.ระยองแล้วอยากหาร้านกาแฟสักร้านบรรยากาศดีๆ มีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ๆ แถมยังได้กลิ่นอายของอดีต ขอแนะนำ หลานเอก คอฟฟี่เฮาส์ คาเฟ่กึ่งพิพิธภัณฑ์เพื่อชุมชนยมจินดา ที่ตั้งใจรักษาความเป็นระยอง
คาเฟ่ ย่านเมืองเก่า ระยอง จุดเช็คอินของคนชอบถ่ายภาพ ดูงานศิลปะ ดื่มด่ำกับกาแฟและของหวานต้องมาลอง ร้านถูกเนรมิตให้เป็นพื้นที่แสดงงานศิลป์สุดอบอุ่นชั้นสอง ถ่ายทอดเรื่องราว วิถีชีวิต และแรงบันดาลใจของผู้คนในระยอง มาที่ร้านต้องผ่านประตู 2 ชั้น บานแรกคือประตูบานพับไม้เก่าแก่ บ่งบอกว่าคุณได้เข้ามาใน ‘ตึกกี่พ้ง’ แล้ว และบานที่สองคือประตูกระจกที่เมื่อเปิดเข้าไปคุณจะพบกับตู้โชว์อุปกรณ์ทำกาแฟโบราณ เฟอร์นิเจอร์วินเทจ กลิ่นหอมอ่อน ๆ



ตึกใหญ่หลังนี้ซ่อนตัวอยู่ในถนนเล็กเล็ก ถูกล้อมไปด้วยบ้านเรือนจนแทบมองไม่เห็นจากภายนอก เพราะทำให้คาเฟ่แห่งนี้แดดไม่ร้อน และเป็นการย้ำเตือนการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างอบอุ่น
ขอบคุณ : ผู้ใหญ่ใจดีสำหรับเครื่องดื่มร้อน เย็น กาแฟ และไอติมอร่อยๆ ทีมงาน ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว กว่า ห้าสิบแก้ว ทุกคนสดขื่นอารมย์ดี



เวลาเปิด-ปิด : 09:00 - 18:00 น. โทร. 064-265-9699 Location : https://maps.app.goo.gl/sT1dkTujSLwDjPhy6?g_st=il จอดรถริมถนน


จุดที่สิบสอง : 
วัดป่าประดู่
ยลโบสถ์เก่า “วัดป่าประดู่” สักการะ “พระนอนตะแคงซ้าย” สิ่งที่โดดเด่นที่อยู่ภายในวัดป่าประดู่แห่งนี้คือ มี "พระพุทธรูปนอนตะแคงซ้าย" ที่เก่าแก่ เป็นพระพุทธไสยาสน์ที่แปลกที่สุดในประเทศไทย โดยปกติแล้วเมื่อมีการสร้างองค์พระปางสีหไสยาสน์ มักจะสร้างประทับอยู่ในท่านอนตะแคงขวา แต่พระพุทธไสยาสน์ที่วัดป่าประดู่สร้างในท่านอนตะแคงซ้าย


วัดป่าประดู่ (วัดพระนอน) จังหวัดระยอง เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองระยอง เดิม “วัดป่าเลไลยก์”เป็นวัดร้าง จนกระทั่งได้มีพระภิกษุ ชื่อ อุปัชฌาย์เทียน เดินทางมาจำพรรษาเพื่อบำเพ็ญวิปัสนากรรมฐาน หลังจากนั้นชาวบ้านก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงร่วมกันสร้างกุฎิถวาย พร้อมทั้งทำการบูรณะวัดใหม่ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดป่าประดู่”

ในขณะนั้น มีต้นประดู่ใหญ่อยู่ภายในวัดจำนวนมาก แต่ปัจจุบันเหลือเพียงต้นเดียว สังเกตุบริเวณทางประตูเข้าวัด สิ่งที่โดดเด่น ผู้ใดได้มาลอดพระอุโบสถ์หลังเก่าแห่ง เชื่อว่ากลับไปมี โชคดี แคล้วคลาด มีโชคลาภกันทุกรายพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน) เป็นพระนอนตะแคงซ้ายเก่าแก่ โดยปกติองค์พระปางไสยาสน์มักจะสร้างประทับอยู่ในท่านอนตะแคงขวา แต่พระพุทธไสยาสน์ที่วัดป่าประดู่สร้างในท่านอนตะแคงซ้าย องค์พระมีความยาว 11.95 เมตร สูง 3.60 เมตร แต่เดิมองค์พระอยู่กลางแจ้ง ต่อมาทางวัดจึงสร้างวิหารครอบดังปัจจุบัน สาเหตุที่พระพุทธรูปตะแคงนอนไปทางซ้ายนั้น เนื่องจากเพราะถูกสร้างขึ้นตามเหตุการณ์ ในพุทธประวัติช่วงที่พระพุทธเจ้าได้ทรงยมกาปาฏิหาริย์ให้พวกเดียรถีย์ชม โดยมี พระพุทธนิมิตแสดงอาการอย่างเดียวกับพระพุทธเจ้า เมื่อถึงอิริยาบถไสยาสน์จึงผินพระพักตร์เข้าหากันเป็นการนอนตะแคงซ้ายและขวาในลักษณะเดียวกัน


จุดที่สิบสาม : วันที่สามอาหารกลางวัน 
ตำนานป่า
ร้านอาหารท่ามกลางธรรมชาติ นั่งทานอาหารอร่อยๆพร้อมกับเสียงนกร้องและน้ำตกให้ตำนา นป่าช่วยผ่อนคลายกับร้านอาหารธรรมชาติที่มีแห่งเดียวในระยอง
ตำนานป่ากับนิยาม “ปอดในเมือง” จ.ระยอง บรรยากาศป่ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะท่ามกลางฝุ่นพิษและโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง ยังมีตำนานป่ารองรับไว้เพื่อเป็นจุดหายใจเอาออกซิเจน แค่ชื่อก็รับรู้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติตั้งแต่เข้ามาที่ร้านอาหารแห่งนี้ ทั้งน้ำตก ลำธารรวมถึงป่าต้นไม้ที่เขียวขจี สร้างความแตกตื่นให้ผู้มาทานอาหารเป็นอย่างมาก



ที่นี่มีตำนานป่ารีสอร์ท พร้อมต้อนรับทุกท่านให้ทุกวันของการพักผ่อนเป็นวันที่แสนพิเศษ มาร่วมสัมผัสความสุขด้วยกันเลยคะ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 𝗧𝗘𝗟 : 038-928222, 081-5782658, 081-5782655 𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗔 : https://lin.ee/xMrFHFs 𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗜𝗗 : tamnanpar.resort หรือ 0815782658 𝗜𝗡𝗕𝗢𝗫 : m.me/193854833970173 ติดตามรายละเอียดและโปรโมชั่นได้ที่ 𝗹𝗚 : https://bit.ly/46ghttb 𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸 : www.tiktok.com/@tamnanparrayong 𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸 : ตำนานป่า รีสอร์ท


มากี่รอบก็ชอบเหมือนเดิม ถ้ามาเที่ยว หรือแวะจิบกาแฟ สำรับผู้ที่ต้องการศึกษาดูงานที่มีสุขฟาร์มมีอะไรบ้าง..? เรียนรู้เรื่องไม้กฤษณาอย่างสนุกสนาน แถมยังได้ถ่ายรูปกับน้องหมาซามอยด์ ซุกซนสุดน่ารัก มาที่นี่เป็นวันที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความประทับใจและผลิตภัณฑ์ดีดีกลับไปดูแลสุขภาพ




🌲ทัศนศึกษาและให้ความรู้เกี่ยวกับไม้กฤษณา 🌲ศึกษาดูงานเกี่ยวกับไม้กฤษณา การสร้างคุณค่า 🌲กิจกรรม Workshop ผลิตภัณฑ์แปรรูปกฤษณา 🌲เดินชมตามจุดให้ความรู้ไม้กฤษณา 🌲ถ่ายรูปคู่กับน้องหมาซามอยด์





ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Fb:Mesook Farm Tel: 082-898-7886


ปิดท้ายทริปท่องเที่ยวด้วยความสนุกสนาน แล้วพบกันใหม่ทริปต่อไปนะคะ
จัดโดย FB : ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว #ชสท #ททท #สีสันตะวันออก #สุขทันทีที่เที่ยวภาคตะวันออก #ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว #amazingthailand #ระยอง #toptotravel #ชัญญ่าว่าดี