เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

29 มิถุนายน 2567

เครือข่ายเป็นหูเป็นตาฯ และสสส. รุกสร้างความปลอดภัยทางถนนให้เด็กและเยาวชน

เครือข่ายเป็นหูเป็นตาฯ และสสส. รุกสร้างความปลอดภัยทางถนนให้เด็กและเยาวชน จับมือกองบังคับการตำรวจจราจรและไทยฮอนด้า ติวเข้มทักษะการใช้ถนน นำร่องใน 7 โรงเรียน กทม. เขตบางรักและเขตสาทร ขณะที่สถิติความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยยังคงสูง ทุก 1 ชั่วโมง จะมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน หรือเฉลี่ยปีละมากกว่า 17,000 คน และมีผู้บาดเจ็บ พิการ อีกปีละไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน โดยอุบัติเหตุทางถนนนับเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เด็ก เยาวชน วัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตเสียชีวิต เราจะปกป้องและป้องกันชีวิตของลูกหลานไทยจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างไร   .

ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม ซึ่งมุ่งมั่นขับเคลื่อนเรื่องการสร้างความร่วมมือเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ได้ริเริ่มโครงการโรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา สร้างความปลอดภัยทางถนน โดยมุ่งติดกระดุมเม็ดแรกให้ความรู้พื้นฐานความปลอดภัยทางถนน สร้างวินัยจราจร และสร้างทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิต การเดินทางสัญจรและการข้ามถนนอย่างปลอดภัยให้เด็กและเยาวชน รวมถึงพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชน ให้มีความเป็นผู้นำ ตื่นตัวและลุกขึ้นมามีส่วนร่วมกับผู้ใหญ่ โดยได้รับความร่วมมือจาก 7 โรงเรียนในสังกัดกทม. (เขตบางรักและเขตสาทร) เข้าร่วมกิจกรรม และได้รับความร่วมมือจากกองบังคับการตำรวจจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด จัดวิทยากรมาให้ความรู้ อีกทั้งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานเขตสาทร สำนักงานเขตบางรัก ซึ่งมีนโยบายและส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง จัดทีมเจ้าหน้าที่เทศกิจ มาอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัย ระหว่างการฝึกทักษะการข้ามถนน และข้ามทางม้าลายบนถนนจริง
  . ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ประธานเครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม กล่าวว่า โรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา สร้างความปลอดภัยทางถนน เป็นหนึ่งในกิจกรรมของแคมเปญ “ระวังหมดอายุ ” เพื่อพัฒนาถนนสาทรให้เป็นถนนปลอดอุบัติเหตุต้นแบบ ซึ่งจะมีการนำบทเรียนและประสบการณ์จากการขับเคลื่อนถนนสาทร ไปสังเคราะห์ความรู้ และขยายผล สู่การขับเคลื่อน ในวงกว้าง เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งบนพื้นฐานที่เชื่อว่าอุบัติเหตุทางถนนสามารถป้องกันได้ และการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ทางเครือข่ายฯ จึงเห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกับภาคีความปลอดภัยทางถนนต่างๆ เพื่อบ่มเพาะ ปลูกฝังความรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนน ให้เด็กและเยาวชน ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ อันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและเห็นผลอย่างยั่งยืน

“ถนนสาทร เป็นถนนสายสำคัญของกรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยในแต่ละวัน มีคนทุกเพศวัย หลากหลายอาชีพ เดินทางเข้ามา ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป ทว่าในแต่ละปีมีคนจำนวนไม่น้อย ที่เข้ามาในพื้นที่ถนนสาทร แต่ก็ไม่ได้กลับบ้าน เนื่องจากประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต หลายร้อยคนต้องพิการ และมีคนจำนวนมากรวมทั้งเด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ อย่างประเมินค่ามิได้” เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆของประเทศไทย ที่ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดขึ้นทุกวัน ที่ผ่านมาทาง เครือข่ายเป็นหูเป็นตาฯ ได้มีการสื่อสาร เชิญชวนให้ทุกคน ใส่ใจความปลอดภัยเมื่อต้องใช้รถใช้ถนน ด้วยการสะกิดเตือน 4 ระวัง คือ ระวังทางข้าม ระวังทางแยก ระวังความเร็ว และระวังน็อก สำหรับโครงการโรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา ที่ได้ริเริ่มขึ้นควบคู่กันนั้น เชื่อว่าจะเป็นต้นแบบในการสร้างแรงกระเพื่อมให้สังคม เพราะเมื่อเด็กมีความตื่นตัว มีความรู้ มีทักษะความปลอดภัยทางถนน ด้วยความรัก ความปรารถนาดี พวกเขาก็จะสามารถเป็นทูตน้อย ช่วยไปสะกิดเตือนคนในครอบครัว ให้ปฏิบัติตามกฎจราจรได้ ขณะที่ตัวเด็กเอง เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เขาก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีวินัยจราจร มีสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน   .

ภายใต้ความร่วมมือจากทั้งสำนักงานเขตบางรัก และสำนักงานเขตสาทร ในเบื้องต้น มีโรงเรียนเข้าร่วมเป็นโรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา จำนวน 7 โรงเรียน คือ โรงเรียนวัดม่วงแค โรงเรียนวัดแก้วแจ่มฟ้า โรงเรียนวัดมหาพฤฒาราม โรงเรียนวัดหัวลำโพง โรงเรียนวัดสวนพลู โรงเรียนวัดยานนาวา และโรงเรียนวัดดอน โดยกิจกรรมในโครงการฯ มีการเปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ป. 6 เข้าร่วม รวมถึงมีการจัดฐานติวเข้มสำหรับนักเรียนขั้นป. 4-5-6 ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นแกนนำเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคมต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม เกิดการจดจำ ทางเครือข่ายฯ ยังได้มีการออกแบบมาสคอต “ผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา” ทำให้บรรยากาศการเรียนรู้มีความสนุกสนาน ผ่อนคลาย เด็กๆ มีแรงจูงใจในการเรียนรู้อย่างเต็มที่

ในการอบรมให้ความรู้ ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา มีการออกแบบฐานการเรียนรู้ ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติจริง และมีการทบทวน ประกอบด้วย ฐานติดกระดุมเม็ดแรก สร้างวินัยจราจร ซึ่งครูฝึกจากกองบังคับการตำรวจจราจร มีการปูพื้นฐานให้น้องๆเรียนรู้ถึงลักษณะ ความหมาย การปฏิบัติ เมื่อเห็นป้ายจราจรทั้ง 3 แบบบนถนน คือ ป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และป้ายบังคับ ซึ่งน้องๆ สะท้อนว่า การเรียนรู้ครั้งนี้ได้ประโยชน์มาก เพราะเมื่อโตขึ้น ต้องขับขี่รถไปตามเส้นทางต่างๆ ก็จะสามารถปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง .

นอกจากนี้ยังมีฐาน Honda Road Safety for Kids โดยทีมครูฝึกจากศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ซึ่งเน้นให้ความรู้การซ้อนท้ายอย่างปลอดภัย รู้จักประเภทหมวกกันน็อก และเลือกใช้ให้ถูกต้อง อีกทั้งตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการใส่หมวกกันน็อก ทุกครั้งที่ซ้อนท้าย หรือขับขี่รถจักรยานยนต์ อันจะช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บของสมองหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งน้องๆ ที่เข้าอบรมหลายคนสะท้อนว่า จะนำความรู้ที่ได้กลับไปเล่าให้พ่อแม่ และจะคอยเตือนให้พ่อแม่ใส่หมวกกันน็อก รวมถึงจะสวมใส่หมวกกันน็อกเสมอเมื่อซ้อนท้ายรถพ่อแม่มาโรงเรียน และที่นับเป็นไฮไลท์คือ ทักษะการข้ามทางม้าลาย ที่ในการทำกิจกรรม ทั้งวิทยากร ครูฝึกจากกองบังคับการตำรวจจราจรนำโดย พ.ต.อ.จินดา กลับกลาย ร.ต.ต.ดร.เฉลิมพรหม อิทธิยาภรณ์ ภายใต้การสนับสนุนของพ.ต.อ.สรพงษ์ นาคะโยคี ผู้กำกับการ ฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ รวมถึงเทศกิจ ต่างประสานมือ รวมใจเป็นหนึ่ง ร่วมกันดูแลความปลอดภัยให้น้องๆ ระหว่างฝึกทักษะนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากการฝึกข้ามทางม้าลายบนถนนจริง มีสภาพการจราจรคับคั่ง โดยในการฝึกทักษะนี้มุ่งให้นักเรียนปฏิบัติได้จริง ดังสโลแกน “ข้ามเอง มองเอง มั่นใจพอ ไม่ง้อใคร” โดยนักเรียนทุกโรงเรียนต่างประทับใจ กับความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงทุกวัน ที่ก่อนข้ามทางม้าลายทุกครั้ง ควรหยุดชะเง้อมองก่อนว่าไม่มีรถอื่นอีกจริงๆ ให้ยกมือค้างไว้ขณะข้ามถนน มีสติไม่เล่นหรือพูดคุยขณะข้ามถนนและให้ผู้ใหญ่จูงมือถ้ามากับผู้ใหญ่ รวมถึงฝึกขอบคุณผู้ขับขี่รถที่จอดให้ข้ามด้วย ดังคำบอกเล่าของ เด็กชายวิทธิพงษ์ แก้วอำนาจ หรือกัน นักเรียนชั้นป.6/1 โรงเรียนวัดดอน ที่ว่า “กิจกรรมที่ชอบมากที่สุดคือการข้ามทางม้าลาย เพราะได้ฝึกข้ามถนนจริงๆ และได้ความรู้มากขึ้น ปกติถ้าต้องข้ามถนนเองจะกลัวมากเพราะไม่อยากเสียชีวิต เมื่อได้เรียนแล้ว ต่อไปเมื่อต้องข้ามถนน ผมจะยกมือทุกรอบและขอบคุณรถที่หยุดให้ จะได้ปลอดภัยมากขึ้น เพราะผมรักอนาคตครับ”

สำหรับผู้ที่สนใจมีส่วนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้ถนนเมืองไทยปลอดภัย สามารถไปร่วมกิจกรรมและชมนิทรรศการ เรื่องราวการขับเคลื่อนของเครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม ที่จัดขึ้น บน Sky Walk สถานี BTS ช่องนนทรี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 พร้อมร่วมแสดงความคิดเห็น และร่วมกิจกรรม สะกิดเตือนด้วยความรัก "เขียน แขวน และสั่นกระดิ่ง" กับสถานีความปลอดภัยทางถนน Road Safety Station เพื่อกระตุ้นเตือนตนเองและคนที่เรารัก และรักเรา ให้เกิดความตระหนักรู้ถึงความปลอดภัยทางถนน และฟังการเสวนา แชร์ความรู้ และประสบการณ์การขับเคลื่อนของผู้ก่อการดี และภาคีเครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 12.00 น. และในวันพุธที่ 3 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.

โดยสามารถติดตามกิจกรรมของเครือข่ายฯ รวมทั้งกิจกรรมโรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตาฯ ได้ทาง Facebook : เป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม และ Facebook : Imagine Thailand Movement
หรือพิมพ์ #เป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม

“ธรรมศาสตร์เพื่อสังคม” นมธ รุ่นที่ 14 เลี้ยงสังสรรค์

“ธรรมศาสตร์เพื่อสังคม” เลี้ยงสังสรรค์ พาเพื่อน ๆ รุ่น นมธ. 14 ธรรมศาสตร์ เลี้ยงพบปะสังสรรค์ปรึกษาหารือ เกี่ยวกับกิจกรรมเพื่อสังคม โดยมี พล.ต.อ. วุฒิ ลิปตพัลลภ(อดีตรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ประธานที่ปรึกษา เข้าร่วมงาน ที่ร้าน “อำแดงไต้ฝุ่น” by The River ร้านอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ มิชลิน 2ปี ซ้อน ชิมเมนูพิเศษที่ทานได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น



อำแดงไต้ฝุ่น By the River ร้านอำแดงไต้ฝุ่น บายเดอะริเวอร์ มิชลิน 2ปี ซ้อน

ให้บริการทุกวัน 11.00 - 22.00 น.
สำรองที่นั่ง โทร. 095 716 4712
Line: Amdangtyphoon
Instagram: amdangtyphoon
เส้นทาง: https://shorturl.asia/jZXaC

#ร้านอาหรริมน้ำ #ร้านอาหารไทย #ร้านมิชลิน #แม่น้ำเจ้าพระยา 

28 มิถุนายน 2567

ซีเนกซ์ ยกมือหนุนยกเลิก LTV ชั่วคราว

วรยุทธ กิตติอุดม ซีอีโอแห่ง บมจ.ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ยกมือขอเป็นอีกเสียงที่เรียกร้องให้แบงก์ชาติยกเลิกมาตรการ Loan-to-Value (LTV) ชั่วคราว หมดยุคแล้วที่คนจองคอนโดหลายๆ ห้อง หวังขายต่อเพื่อได้กำไร พอขายไม่ได้ไม่มาโอนทำให้สต๊อกค้างในตลาด เพราะยุคนี้เป็นยุคของคนต้องการซื้อที่อยู่อาศัยตัวจริง โดยฉพาะโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวทาวน์เฮาส์ ที่ไม่ได้ตั้งเป้าเรื่องการเก็งกำไร แต่เป็นกลุ่มที่ซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 และมีความต้องการกู้ 100% การยกเลิกมาตรการ LTV ชั่วคราวน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสม และช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ได้นั่นเอง

depa ชวนเด็กไทยวัดสกิลด้านโค้ดดิ้งในรายการ Coding War

 ชิงรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท พร้อมตีตั๋วร่วมแข่งขันเวทีนานาชาติ


สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ขอชวนน้อง ๆ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา พร้อมคุณครูผู้สอนจากสถาบันการศึกษาทั่วไทยร่วมประชันไอเดีย พร้อมสร้างสรรค์ผลงานด้านโค้ดดิ้งใน “Coding War” รายการแข่งขันทักษะด้านโค้ดดิ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ อีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาดเป็นอย่างยิ่งของโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย 



Coding War เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมแข่งขันแล้ววันนี้ โดยแบ่งประเภทการแข่งขันออกเป็น2 รุ่น
ได้แก่ ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา ซึ่งหนึ่งทีมจะต้องประกอบด้วยสมาชิก 4 คน (ครู 1 คน และนักเรียน 3 คน) ร่วมวัดฝีมือด้านโค้ดดิ้งรอบคัดเลือกระดับภูมิภาคในงาน Coding Roadshow เพื่อก้าวสู่

การเป็น 1 ใน 100 ทีม เข้าร่วมการแข่งขันรอบ Final ที่ MCC Hall เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ก่อนเฟ้นหา 10 สุดยอดผลงานโค้ดดิ้งที่ได้รับการสร้างสรรค์และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 

1 ล้านบาท และได้รับสิทธิ์ร่วมการแข่งขันโค้ดดิ้งในเวทีระดับนานาชาติอย่าง Seoul International Invention Fair 2024 (SIIF 2024) ณ สาธารณรัฐเกาหลี



สำหรับโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขัน Coding War สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและส่งใบสมัครได้ที่ https://short.depa.or.th/K7YBd ตามรอบแต่ละภูมิภาค ดังนี้

รอบ 1 จังหวัดขอนแก่น

• ส่งใบสมัครได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567

• นำเสนอผลงาน วันที่ 4 - 6 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติไคซ์

 

รอบ 2 กรุงเทพมหานคร

• ส่งใบสมัครได้ถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2567

• นำเสนอผลงาน วันที่ 8 - 10 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและ

คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ

 

รอบ 3 จังหวัดอุบลราชธานี

• ส่งใบสมัครได้ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2567

• นำเสนอผลงาน วันที่ 11 - 13 กรกฎาคม 2567 ณ สำนักงาน depa สาขาภาคอีสานตอนล่าง

 

รอบ 4 จังหวัดพิษณุโลก

• ส่งใบสมัครได้ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2567

• นำเสนอผลงาน วันที่ 15 - 17 กรกฎาคม 2567 ณ สำนักงาน depa สาขาภาคเหนือตอนล่าง

 

รอบ 5 จังหวัดเชียงใหม่

• ส่งใบสมัครได้ถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2567

• นำเสนอผลงาน วันที่ 18 - 20 กรกฎาคม 2567 ณ สำนักงาน depa สาขาภาคเหนือตอนบน

 

รอบ 6 จังหวัดภูเก็ต

• ส่งใบสมัครได้ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2567

• นำเสนอผลงาน วันที่ 23 - 25 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรมเดอะ พาโก้ ดีไซน์ ภูเก็ต

 

รอบ 7 จังหวัดชลบุรี

• ส่งใบสมัครได้ถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2567

• นำเสนอผลงาน วันที่ 15 - 17 สิงหาคม 2567 ณ Thailand Digital Valley

 

รอบ 8 จังหวัดสงขลา

• ส่งใบสมัครได้ถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2567

• นำเสนอผลงาน วันที่ 19 - 21 สิงหาคม 2567 ณ สำนักงาน depa สาขาภาคใต้ตอนล่าง



ติดตามข่าวสาร depa และ โครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย
ได้ทาง www.depa.or.thwww.codingthailand.org,

Facebook Page: depa Thailand และ CodingThailand by depa

รฟฟท. จัดโครงการ CSR มอบห้องนันทนาการอเนกประสงค์ให้แก่โรงเรียนวัดสนามนอก


บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จัดโครงการ CSR ภายใต้โครงการ "พี่หนูแดงมอบความสุขให้น้อง ผ่านห้องแห่งการเรียนรู้ ปี 2" ส่งมอบห้องนันทนาการอเนกประสงค์ให้แก่โรงเรียนวัดสนามนอก จังหวัดนนทบุรี 


นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศชาติในหลายด้าน เนื่องจากเยาวชนถือได้ว่า เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพสูงและจะก้าวเป็นผู้นำประเทศชาติต่อไปในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างเสริมกิจกรรมให้น้องๆเยาวชนได้รับการศึกษาและการเล่นอย่างเหมาะสม ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและการเรียนรู้ของเยาวชน จะนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าและความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว เป็นการสร้างสังคมที่มั่นคงและยั่งยืน ดังนั้นการสนับสนุนส่งเสริมเด็กและเยาวชนจึงเป็นการลงทุนที่สำคัญและมีคุณค่าสำหรับอนาคตของประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงได้จัดกิจกรรม CSR ภายใต้โครงการ “พี่หนูแดงมอบความสุขให้น้อง ผ่านห้องแห่งการเรียนรู้ ปี 2” ขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2567 ณ โรงเรียนวัดสนามนอก หมู่ที่ 4 ถนนเทอดพระเกียรติ ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี  ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและการศึกษาให้แก่นักเรียนในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งมีพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานีรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง โดยห้องนันทนาการอเนกประสงค์นี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ซึ่งจะช่วยสร้างคุณประโยชน์ต่อนักเรียนในการพัฒนาศักยภาพและการเรียนรู้ต่อไปในอนาคตด้วย

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด มุ่งเน้นดำเนินกิจการด้านต่างๆ เคียงข้างประชาชน พร้อมกับมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าด้วยมาตรฐานระดับสากล เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ รักษามาตรฐานการปฏิบัติงานในด้านการเดินรถ และซ่อมบำรุง รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจขององค์กร ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมืองอย่างยั่งยืน




โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม

Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET” 

หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ ...ความพิเศษ” รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

27 มิถุนายน 2567

ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก จัดส่งเสริมการขายการท่องเที่ยว “ทะเลหวานตะวันออก ททท.พัทยายกทีมบุกตลาดกลุ่มCorporate


หวังกระตุ้นการเดินทางเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคในหน้าฝนนี้“ เมื่อบ่ายวันอังคารที่ 25 -26 มิถุนายน 2567 จังหวัดปราจีนบุรี และนครราชสีมา 

นายสมชาย ชมภูน้อย ผอ.ภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. ได้ให้ข่าวว่า ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก โดย ททท.สำนักงานพัทยา (ผอ.อุไร มุกประดับทอง ) จับคู่ทำงานกับ ททท.สำนักงานนครนายก (ผอ.วันดี เผื่อนอุดม) และ ททท.นครราชสีมา (ผอ.รุ่งทิพย์ บุกขุนทด)บูรณาการการทำงาน ส่งเสริมการขาย กระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวช่วงหน้าฝนนี้ เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้า จังหวัดปราจีนบุรี-นครนายก-สระแก้ว-นครราชสีมา  เจาะตลาดCorporate กลุ่มพนักงานบริษัท โรงงาน หน่วยงานราชการ เป็นผู้แทน  ในส่วนจังหวัดนครนายก - ปราจีนบุรี - สระแก้ว - นครราชสีมา


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานพัทยา ร่วมกับเมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชลบุรี และองค์กรภาคีเครือข่ายภาคท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี นําทัพผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรม ในพื้นจัดกิจกรรม “Amazing Pattaya Chonburi Roadshow to ปราจีนบรุี~นครราชสีมา" ชวนชาวปราจีนบุรี-นครนายก-สระแก้ว-โคราช เที่ยวชลบุรี ชูทะเลหวานทะเลสวย อ​าหารทะเลเลิศรส และกิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลาย ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ททท. สํานักงานพัทยา ได้นําทัพผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรมในจังหวัดชลบุรี จํานวน

29 หน่วยงาน จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเชื่อมโยงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-ภาคตะวันออก เพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค ในวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรมแคนทารี 304 จ.ปราจีนบุรี โดยมีนายอําเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกียรติ เข้าร่วมงาน และในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรม แคนทารี โคราช จ.นครราชสีมา โดยมี นายวิจิตร กิจวิรัตน์รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกียรติเข้าร่วมงาน สําหรับการจัด Roadshow หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายในครั้งนี้จัดขึ้นในธีม "Amazing Pattaya Chonburi Roadshow to ปราจีนบุรี นครราชสีมา" เชื่อมโยงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้เจรจาธุรกิจ B2B ในรูปแบบ Table Top Sales เพื่อพบปะพูดคุยเลือกซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยวจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรีที่มาร่วมนําเสนอสินค้าและโปรโมชั่นต่าง ๆ กว่า 29 หน่วยงาน



นางสาวอุไร มุกประดับทอง ผู้อํานวยการ ททท. สํานักงานพัทยา กล่าวว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่กลุ่มบริษัท นิคมอุตสาหกรรม รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐ ที่จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบการประชุมสัมมนา การท่องเที่ยวประจำปีของบริษัท (Outing Trip/Team Building) ซึ่งจังหวัดชลบุรี มีความพร้อมในการรองรับการจัดประชุมสัมมนาทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่รวมถึงมีกิจกรรมท่องเที่ยว สินค้าท่องเที่ยว ร้านอาหาร คาเฟ่ แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการได้ทุกรูปแบบ เพื่อกระตุ้นการเดินทางในช่วงวันธรรมดาอันจะเป็นการกระจายการเดินทางท่องเที่ยวไม่ให้กระจุกตัวในช่วงวันหยุด ทั้งยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามายังพื้นที่เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรีต่อไปในอนาคต




นอกเหนือจากแพคเกจและโปรโมชั่นราคาพิเศษที่ผู้ประกอบการชลบุรีนําเสนอแล้วว ททท. สํานักงานพัทยา ยังมีโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายวันธรรมดาภายในงานเพิ่มเติม คือ ยอดซื้อสะสมครบ 100,000 บาทขึ้นไป ททท. สํานักพัทยา สมทบค่าที่พัก ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่ากิจกรรม มูลค่ารวม 50,000 บาท (จํานวน 1 รางวัล) ยอดซื้อสะสมครบ 50,000 บาทขึ้นไป ททท. สํานักพัทยา สมทบค่าที่พัก ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่ากิจกรรม มูลค่ารวม 25,000 บาท (จํานวน 1 รางวัล) ยอดสะสมครบ 5,000 บาท ขึ้นไป และ 10,000 บาท ขึ้นไป รับของที่ระลึกสุดพิเศษจาก ททท. สํานักพัทยา (จํานวนจํากัดอย่างละ 20 รางวัล)

สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี ได้ที่

ททท. สํานักงานพัทยา โทร 0 3842 7667 FB: ททท. สํานักงานพัทยา

26 มิถุนายน 2567

พม. จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และ 2566

วันที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชาบดี ชั้น 19A อาคารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และประจำปี 2566 โดยมี นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวรายงาน นางภิญญา จำรูญศาสน์ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวเบิกตัวผู้เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ




นายอนุกูล กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และ ประจำปี 2566 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2565 และ พุทธศักราช 2566 และทรงให้จัดส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไปยังผู้ได้รับพระราชทาน โดยไม่ต้องเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทาน โดยให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติตามขั้นตอนการปฏิบัติของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการประกาศรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษาแล้ว


นายอนุกูล กล่าวว่า กระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ได้จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ขึ้น เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ตลอดจนเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจ และเผยแพร่คุณงามความดีของผู้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ที่ทำประโยชน์นานัปการแก่ประเทศ ศาสนา และประชาชน ในด้านการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมและพัฒนาสังคม

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า วันนี้ มีผู้เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ประจำปี 2565 และ 2566 รวมทั้งสิ้น 44 คน ประกอบด้วย ผู้กระทำความดีความชอบที่เป็นการบริจาคทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์ จำนวน 22 คน  ผู้กระทำความดีความชอบที่มีผลงานอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนา และประชาชน จำนวน 15 คน และผู้ทุ่มเท เสียสละ และให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. ในนามของอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ด้วยดีตลอดมา จำนวน 7 คน โดยแบ่งเป็น 1) ชั้นตติยดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 1 คน 2) ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 5 คน 3) ชั้นเบญจมดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 13 คน 4) ชั้นเหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 9 คน และ 5) ชั้นเหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 16 คน





รายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และประจำปี 2566 

1. ชั้นตติยดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 1 คน ได้แก่

 นางสาวปรางพิสุทธิ์ แดงเดช 

2. ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 5 คน ได้แก่

 1) นางรมณีย์ เธียรประสิทธิ์

 2) นายปณต ประพันธ์ศิลป์

 3) นายมนัส โนนุช 

 4) นางสาวพเยาว์ สุกแก้ว

 5) นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ

3. ชั้นเบญจมดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 13 คน ได้แก่

 1) นายจิรโรจน์ ลัญฉนะวณิชย์

 2) นายฉัตรชัย ศิริไล

 3) นายปินเดอร์ปาลซิงห์ มาดาน

 4) นางปรียาภรณ์ อาชาภิรมย์ศิลป์

 5) นางสาวพรไพลิน อภิรักษ์คุณวงศ์

 6) นางสาวรณิดา นกไทยเจริญ

 7) นายกิตติภูมิ อภิรักษ์คุณวงศ์

 8) นายชัยรัตน์ นพสันติ

 9) นายเศวต เศวตสมภพ

 10) นางณัฏฐิณี เนตรอำไพ

 11) นางสาวถิรัญชา เศรษฐี 

 12) นางสาวสุวรรณี ชัยสันติกุลวัฒน์

 13) นางสาวโสภณา เศรษฐี

4. ชั้นเหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 9 คน ได้แก่

 1) นายกวิน นิทัศนจารุกุล

 2) นายวิน สุธีรชาติกุล

 3) นางสาวนภัสจิรา อิงคโรจน์ฤทธิ์

 4) นางนริศรา โพธิสุวรรณ

 5) นางสาวสุชาดา กุลตันติกร

 6) นางสาวอารีพรรณ พงศ์สุวรรณ

 7) นายปภาวิน นิธิเมธาวิน

 8) นายวรเทพ ตันติวรวงศ์

 9) นางพัชนี เธียรธวัช

5. ชั้นเหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน 16 คน ได้แก่

 1) นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ

 2) นายพิชญุตม์ เมฆเกรียงไกร

 3) นางวราภรณ์ ศิริบุรานนท์

 4) นางสาวโศภิชฐ์ วงษ์กมลเศรษฐ์

 5) นายบัญชา เธียรสุนทร

 6) นายวัฒนา หยังโรจนกุล

 7) นายสุขชาติ เลิศวุฒิรักษ์

 8) นายวิวัฒน์ ศิริโวหาร (อพม.)

 9) นางสาวดวงกมล สวลีตีเมืองซ้าย (อพม.)

 10) นายอติพล ดำพิลา (อพม.)

 11) นางจันทร์แสง ไชยยงค์ (อพม.)

 12) นางจารุณี กุลปิยะวาจา (อพม.)

 13) นางจินดา ศรีนุรัตน์ (อพม.)

 14) นางชนาพร ตุลยานนท์ (อพม.) 

 15) นางพวงแก้ว พรมมิ (อพม.)

 16) นางสารภี บัวเกษ (อพม.)








นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2565 และประจำปี 2566 ทุกท่าน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรีและเกียรติยศที่จะต้องรักษาไว้เพื่อเป็นเกียรติประวัติของตนเองและวงศ์ตระกูลต่อไป รวมทั้งขอขอบคุณคณะผู้จัดงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนร่วมในการจัดงานพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์

#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธศิลปอาชา #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว #พส #กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ #เครื่องราชอิสริยาภรณ์