เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

09 ธันวาคม 2566

นักท่องเที่ยวมากประสบการณ์ ชวนย้อนอดีตวันวาน เที่ยวชมมรดกโลกแห่งใหม่ เมืองโบราณศรีเทพ

ย้อนอดีตสู่เมืองโบราณศรีเทพ เยือนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่ลพบุรี สัมผัสวิถีท่องเที่ยวใหม่สายจิตวิญญาณที่สระบุรี


ย้อนอดีตสู่เมืองโบราณศรีเทพ เยือนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่ลพบุรี  และสัมผัสวิถีท่องเที่ยวใหม่สายจิตวิญญาณที่สระบุรี  นักท่องเที่ยวหลายคนอยากมาสักครั้ง สัมผัสบรรยากาศดั้งเดิม เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยรอบนี้เราไปเที่ยว เป็นประจำทุกปี ทริปเดินทางจัด โดย  ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว(ช.ส.ท)  นั่งรถรางชมบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ  กินไอติมมรดกโลก ตามแลนด์มาร์คประวัติศาสตร์ด้วยกัน





แอดมิน ได้มีโอกาสร่วมเดินทาง ท่องเที่ยวเมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย การเดินทางครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว นำโดย คุณวรางคณา สุเมธวัน นำสื่อมวลชนจากส่วนกลางและคณะนักท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทริป กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชมมรดกโลกอันทรงคุณค่า บ้างก็ตั้งใจเอาไว้ว่าอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เสพธรรมชาติให้เต็มปอด แต่สำหรับคนรักธรรมชาติ  และเรื่องของความอร่อยขึ้นชื่อ ในแต่ละย่านนั้น เพราะว่าอาหารเป็นอีกหนึ่งหนทางในเรียนรู้วัฒนธรรมได้เช่นเดียวกัน ย้อนอดีตสู่เมืองโบราณศรีเทพ เยือนแผ่นดินสมเด็จแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ลพบุรีและสัมผัสวิถีท่องเที่ยวใหม่ปลายจิตวิญญาณที่สระบุรี เดินทางชมสถานที่ท่องเที่ยว 9 แห่ง ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี และสระบุรี ระหว่างวันที่ 1 - 3 ธันวาคม 2566


คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยวหรือ (ช.ส.ท.) เผยว่า
“วันนี้ ชมรมได้มีโอกาสพากลุ่มนักท่องเที่ยวมากประสบการณ์ สัมผัสเส้นทางท่องเที่ยวอดีตเมืองโบราณศรีเทพ เที่ยวชมมรดกโลกแห่งใหม่ เมืองโบราณศรีเทพ ได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม   โดยชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยวจัดขึ้น เพื่อร่วมแสดงความยินดี แสดงความภาคภูมิใจในโอกาสที่ประเทศไทยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก  ในโอกานี้ถือโอกาสพาคณะนักท่องเที่ยวมากประสบการณ์ และสื่อมวลชนเดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ทยว  เยือนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และสัมผัสวิถีชีวิตท่องเที่ยวสายจิตวิญญาณ เส้นทางการท่องเที่ยวรวมทั้งหมด สามจังหวัด  คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดสระบุรี จำนวน สามวัน



  


จุดที่ 1 เมืองโบราณศรีเทพ  จังหวัดเพชรบูรณ์
คนส่วนใหญ่คงจะทราบดีอยู่แล้วว่า เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของไทย

เราก็เดินทางมาถึง เมืองโบราณศรีเทพ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพเป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์จำนวน 10 แห่งของประเทศไทยปัจจุบัน จัดตั้งขึ้นโดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อปี 2527 สำหรับชื่อเรียก “ศรีเทพ” นั้นเป็นการอนุโลมตามพระวินิจฉัยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งวิชาประวัติศาสตร์และโบราณคดีไทย ที่ได้ทรงสันนิษฐานไว้ในคราวเสด็จตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในปี 2447

สำหรับเรา ที่นี่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของ แหล่งอารยธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย  เนื่องจากยังเป็นพื้นที่ที่ปรากฎร่องรอยหลักฐานสะท้อนให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยของมนุษย์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมทวารวดีและเขมรตามลำดับ ซึ่งรวมระยะเวลาที่มีความเจริญรุ่งเรืองถึงกว่า 800 ปี ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างไปด้วยสาเหตุโรคระบาดร้ายแรงหรือปัญหาภัยแล้งประการใดประการหนึ่งหรือทั้งสองประการ ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 19 อันเป็นช่วงก่อนที่วัฒนธรรมสุโขทัยและอยุธยาจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสักมีการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องมาจนเท่าถึงปัจจุบัน



จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “เมืองโบราณศรีเทพ” เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม

โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า The Ancient Town of Si Thep and its Associated Dvaravati  Monumentsนอกจากเมืองโบราณศรีเทพแล้ว ยังมีโบราณสถานในสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง ได้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่เป็นแหล่งแบบต่อเนื่อง อีก 2 แหล่ง ได้แก่



โบราณสถานเขาคลังนอก

เป็นโบราณสถานที่ค้นพบมานานแล้วในหมู่โบราณสถานของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่เพิ่งบูรณะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2555 ลักษณะของเขาคลังนอกเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13–14 ในสมัยทวารวดี สันนิษฐานว่าเดิมมีลักษณะเป็นสถูปขนาดใหญ่ที่สามารถขึ้นไปด้านบนได้ ปัจจุบันเหลือเพียงฐานขนาดใหญ่ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อด้วยศิลาแลง สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีทางขึ้นทั้ง 4 ด้าน กว้างด้านละประมาณ 64 เมตร ความสูงจากฐานถึงยอด ประมาณ 20 เมตร แบ่งเป็น 2 ชั้น

โบราณสถานถ้ำเขาถมอรัตน์

ตั้งอยู่ในเขตตำบลโคกสะอาด อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ห่างจากเมืองศรีเทพไปทางทิศตะวันตก ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นศาสนสถานที่ดัดแปลงจากถ้ำหินปูนธรรมชาติ ภายในถ้ำมีคูหาเดียวหันหน้าไปทางด้านทิศเหนือ ขนาดความกว้างประมาณ 4.6 เมตร สูง 13 เมตร และความยาวประมาณ 20 เมตร บริเวณเกือบกึ่งกลางคูหามีเสาหินปูนธรรมชาติซึ่งสามารถเดินวนได้โดยรอบ

มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของไทยนี้ อยู่ภายใต้เกณฑ์คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล ด้วยเกณฑ์ข้อที่ 2 คือความสำคัญของการแลกเปลี่ยนคุณค่าของมนุษย์ในช่วงเวลาใด เวลาหนึ่ง หรือในพื้นที่ในวัฒนธรรมใดๆ ของโลกผ่านการพัฒนาด้านสถาปัตยกรรม หรือ ทางเทคโนโลยีอนุสรณ์ศิลป์ การวางแผนผังเมืองหรือการออกแบบภูมิทัศน์ และเกณฑ์ข้อที่ 3 เป็นพยานหลักฐานที่ยอดเยี่ยมหรือหาที่เสมอเหมือนไม่ได้ของประเพณีวัฒนธรรม หรือวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่ หรือสูญหายไปแล้ว

เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทยแห่งที่ 4 ต่อจากเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร, นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง และเป็นแหล่งมรดกโลกแหล่งที่ 7 ของประเทศไทย



สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปเที่ยวชมมรดกโลกแห่งใหม่นี้ เมืองโบราณศรีเทพอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ 130 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอวิเชียรบุรีประมาณ 25 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 21 (เฉลิมพระเกียรติ-หล่มสัก) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 102 แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2211 ไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตรจะเห็นป้ายบอกทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพอยู่ด้านขวามือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ 

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น. โทร. 0-56921-322, 0-56921-354
ข้อมูลอ้างอิง : อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

จุดที่ 2 พระนารายณ์ราชนิเวศน์  จังหวัด ลพบุรี 
พรระนารายณ์ราชนิเวศน์ ชมพระราชวังโบราณที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดให้สร้างขึ้น ณ เมืองละโว้ (จังหวัดลพบุรี)  ความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมโบราณดั้งเดิม เป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวมาทุกยุคทุกสมัย

พระนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือ วังนารายณ์ ตั้งอยู่ในเขตตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2209 เพื่อใช้เป็นที่ประทับ ล่าสัตว์ ออกว่าราชการ และต้อนรับแขกเมืองนั่นเอง นอกจากนี้พระองค์ทรงประทับ ณ พระราชวังแห่งนี้ประมาณ
8-9 เดือนในช่วงปลายรัชกาลก่อนที่พระองค์จะสวรรคต

นอกจากนี้ยังมีอาคารสถาปัตยกรรมอื่นๆ ที่เขตพระราชฐานชั้นนอก ที่น่าสนใจมากมาย ทั้ง อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก หมู่ตึกพระคลังศุภรัตน์ หรือหมู่ตึกสิบสองท้องพระคลัง ตึกพระเจ้าเหา ตึกเลี้ยงต้อนรับแขกเมือง และโรงช้างหลวง ซึ่งปัจจุบันก็ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงาม และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์รวบรวมของเก่าต่างๆ ที่ขุดค้นพบอยู่ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์
                

 - เข้าชม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ โบราณสถานงดงามเก่าแก่ของจังหวัดลพบุรี  มีพระปรางค์องค์ใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลง สูงที่สุดในจังหวัดลพบุรี ภายในวัดประดิษฐาน "พระพุทธลวบุรารักษ์" พระพุทธรูปปางนาคปรก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองลพบุรี นั่งรถชมวิถีชีวิตชาวเมืองลพบุรีพร้อมชมแหล่งท่องเที่ยวและโบราณสถานที่สำคัญ อาทิ





- บ้านหลวงรับราชทูต (บ้านวิชาเยนทร์)สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่รองรับราชทูต ที่มาเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ และ เป็นบ้านพักของ คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ เป็นศิลปะตะวันตกแบบเรอเนสซองส์

 - พระปรางค์สามยอด ปราสาทศิลาแลงแบบขอมศิลปะบายน เรียงเชื่อมต่อกัน 3 องค์ ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาท มีการต่อเติมวิหาร เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์

- ศาลพระกาฬ เทวสถานเก่าแก่ของขอม ทับหลังท าด้วยศิลาทรายสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ อายุราวศตวรรษที่ 16 ภายในวิหารประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬที่เคารพสักการะของประชาชน



ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดฯ ให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2209
เพื่อใช้เป็นที่ประทับ ณ เมืองลพบุรี และทรงโปรดเสด็จมาประทับที่นี่มากถึงปีละ 8-9 เดือน แบ่งเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขตพระราชฐานชั้นใน กำแพงพระราชวัง ก่ออิฐถือปูน มีใบเสมาเรียงรายบนสันกำแพง มีซุ้มประตูทั้งหมด 11 ประตู ประตูทางเข้าเป็นทรงจัตุรมุขมีช่องโค้งแหลม จั่วซุ้มประตูตกแต่งลายกระจังปูนปั้นที่วิวัฒนาการมาจากดอกบัว ซุ้มประตูและกำแพงพระราชฐานชั้นกลางและชั้นใน มีช่องเล็ก ๆ เจาะเป็นรูปโค้งแหลมคล้ายบัวเรียงเป็นแถวสำหรับวางตะเกียง ประมาณ 2,000 ช่อง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมขึ้นใหม่ และพระราชทานชื่อว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์ สิ่งที่น่าสนใจที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้แก่




- พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งที่มีศิลปะแบบผสมผสานระหว่างไทยและฝรั่งเศส เดิมเป็นท้องพระโรงมียอดแหลมทรงมณฑป ตรงกลางท้องพระโรงมีสีหบัญชร ซึ่งเป็นที่เสด็จออกเพื่อทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผู้เข้าเฝ้า ประตูและหน้าต่างท้องพระโรงซึ่งอยู่ด้านหน้าทำเป็นโค้งแหลม ส่วนตัวมณฑปซึ่งอยู่ด้านหลังทำประตูหน้าต่างเป็นซุ้มแบบไทย คือ ซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ ในจดหมายเหตุทูตฝรั่งเศส กล่าวพรรณนาพระที่นั่งว่าตามผนังประดับด้วยกระจกเงา ซึ่งนำมาจากฝรั่งเศส เพดานแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส 4 ช่อง ประดับด้วยลายดอกไม้ทองคำ และแก้วผลึกที่ได้มาจากเมืองจีนงดงามมาก ผนังด้านนอกพระที่นั่งตรงมณฑปชั้นล่างเจาะเป็นช่องโค้งแหลมไว้สำหรับวางตะเกียง ซึ่งจะเห็นได้อีกเป็นจำนวนมาก ตามซุ้มประตูและกำแพงของพระราชวัง สมเด็จพระนารายณ์ฯ เคยเสด็จออกรับคณะราชทูตฝรั่งเศส เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ ที่พระที่นั่งองค์นี้เมื่อปี พ.ศ. 2228 ด้วย




- พระที่นั่งจันทรพิศาล สร้างในปี พ.ศ. 2208 เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์ฯ สร้างทับลงไปบนรากฐานเดิมของพระที่นั่งซึ่งพระราเมศวรโอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้าอู่ทองได้ทรงสร้างเมื่อครั้งครองเมืองลพบุรี พระที่นั่งองค์นี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยแท้ ด้านหน้ามีมุขเด็จ ภายหลังเมื่อได้สร้างพระที่นั่งสุทธาสวรรค์ขึ้น สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงย้ายไปประทับที่พระที่นั่งองค์ใหม่และโปรดฯ ให้ใช้พระที่นั่งจันทรพิศาลเป็นที่ออกขุนนาง ซึ่งตรงกับบันทึกของชาวฝรั่งเศสว่าเป็นหอประชุมองคมนตรี - พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน บันทึกของชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า พระที่นั่งองค์นี้อยู่ในพระราชอุทยานที่ร่มรื่น ทรงปลูกพรรณไม้ต่าง ๆ ด้วยพระองค์เอง หลังคาพระที่นั่งมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง ที่มุมทั้งสี่มีสระน้ำใหญ่สี่สระ เป็นที่สรงสนานของพระเจ้าแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณ์ฯ สวรรคต ณ พระที่นั่งองค์นี้เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231





- ตึกพระเจ้าเหา อยู่ทางด้านใต้ของเขตพระราชฐานชั้นนอก ตึกหลังนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ได้อย่างชัดเจนมาก เป็นตึกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร ยกพื้นสูงขึ้นไปประมาณ 1 เมตร ตัวตึกเป็นรูปทรงไทย ฐานก่อด้วยอิฐศิลาแลงและก่ออิฐขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ปัจจุบันเหลือแต่ประตูหน้าต่าง ทำเป็นซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ ด้วยเหตุว่าภายในตึกมีฐานชุกชีปรากฏให้เห็นอยู่ และชาวฝรั่งเศสได้ระบุว่าเป็นวัด จึงสันนิษฐานว่าเป็นหอพระประจำพระราชวัง ตึกพระเจ้าเหา หรือ พระเจ้าหาว ซึ่งคำว่า หาว เป็นภาษาไทยโบราณหมายถึงท้องฟ้า ในปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ พระเพทราชาและขุนหลวงสรศักดิ์ใช้ตึกพระเจ้าเหา เป็นที่นัดแนะประชุมขุนนางและทหารเพื่อแย่งชิงราชสมบัติขณะที่สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงพระประชวรหนัก


 - ตึกรับรองแขกเมือง อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า ตึกหลังนี้อยู่กลางอุทยานซึ่งแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสรอบตึก มีคูน้ำล้อมรอบ ภายในคูน้ำมีน้ำพุเรียงรายเป็นระยะอยู่ 20 แห่ง ด้านหน้าตึกเลี้ยงรับรองมีรากฐานเป็นอิฐแสดงให้เห็นว่าตึกหลังเล็ก ๆ คงจะเป็นโรงมหรสพ ซึ่งมีการแสดงให้แขกเมืองชมภายหลังการเลี้ยงอาหาร สมเด็จพระนารายณ์ฯ ได้พระราชทานเลี้ยงแก่คณะทูตจากประเทศฝรั่งเศส ณ สถานที่นี้เมื่อปี พ.ศ. 2228 และปี พ.ศ. 2230 สิ่งที่น่าสนใจที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้แก่ - หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2405



เพื่อเป็นที่ประทับของพระองค์เมื่อครั้งเสด็จฯ บูรณะเมืองลพบุรี ประกอบด้วยพระที่นั่ง 4 องค์ คือ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นที่ประทับ พระที่นั่งวิสุทธิวินิจฉัย เป็นท้องพระโรงเสด็จออกว่าราชการแผ่นดิน พระที่นั่งไชยศาสตรากร เป็นที่เก็บอาวุธ และพระที่นั่งอักษรศาสตราคม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานให้เป็นศาลากลางจังหวัด ต่อมาเมื่อศาลากลางจังหวัดย้ายไปอยู่ที่ใหม่ พระที่นั่งหมู่นี้จึงรวมกับพระที่นั่งจันทรพิศาล และหมู่ตึกพระประเทียบ เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ - หมู่ตึกพระประเทียบ เป็นเขตพระราชฐานฝ่ายใน สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายในและข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองลพบุรี - ทิมดาบหรือที่พักของทหารรักษาการณ์ เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นกลางข้างประตูทั้ง 2 ด้าน ตรงบริเวณสนามหญ้าจะแลเห็นศาลาโถงข้างละหลัง คือตึกที่สร้างเพื่อเป็นที่พักของทหารรักษาการณ์ในเขตพระราชวัง 


พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 16.30 น. 
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์

เปิดทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์และวันอังคาร)
เวลา 09.00 - 16.00 น. อัตราค่าบริการ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท

จุดที่ 3   บ้านกล้วย & ไข่ Café ลพบุรี  ลพบุรี มีคาเฟ่ที่ถ่ายทุ่งทานตะวัน อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี   มาชมความสวยงาม พร้อมเก็บภาพแห่งความประทับใจ ถ่ายรูปกับทุ่งทานตะวันแปลงใหญ่สีเหลืองสดใส ที่กำลังบานสะพรั่ง มาแล้วรับรองว่าอินกับบรรยากาศแน่นอน



บ้านกล้วย&ไข่ cafe’ คาเฟ่ และสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ของ จ.ลพบุรี พื้นที่โดยรอบจะปลูกพืชผลทางการเกษตร มีร้านจำหน่ายพืชผลตามฤดูกาลและสินค้าแปรรูปต่างๆ ที่นี่มีรถกอล์ฟให้บริการฟรีมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ช่วงกลางวันที่แดดจัด แสงดี ถ่ายรูปปัง อลังการที่สุดห้ามใจ ถ่ายรูปแบบจุกกันเลยโซนสัตว์โลกน่ารัก จะมีเจ้าวัวนม หมู แพะ และกระต่าย รอต้อนรับ หลายท่านมาป้อนนมเจ้าลูกวัว ขวดละ 20 บาท หากใครไม่ได้แวะเข้าไปที่โซนคาเฟ่ สามารถเอาส่วนลดมาใช้แทนเงินสดป้อนอาหารสัตว์

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีครบจบในที่เดียว ไม่ว่าสวนทุ่งดอกดาวกระจาย ดอกดาวเรือง ทุ่งทานตะวันที่มีบานให้ชมกันทั้งปี และซุ้มถ่ายรูปมากมาย แถมยังมีสวนสัตว์น่ารักๆ อย่าง น้องวัวนม น้องแพะ น้องแกะ น้องกระต่าย น้องหมูแคระน้อยเวียดนาม กิจกรรมเก็บไข่แบบไกล้ชิด มีให้อาหารปลาแบบสนุกสยาน




สถานที่พักรถที่น่าแวะสุดๆ อีกเช่นกันโดร้านมีจุดชาร์จไฟ สำหรับรถไฟฟ้า มีให้บริการถึง 2 จุด มีบริการ อาหาร เครื่องดื่ม ขนม ให้ลูกค้าได้นั่งทานพักผ่อนกันชิวๆ มีของฝากให้เลือกซื้อมากมาย
ร้านเปิดบริการทุกวัน  เวลา 07:00-20:00 น.

ร้านตั้งอยู่ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ห่างจากเขื่อนป่าสัก เพียง 800 เมตร
พิกัด https://maps.app.goo.gl/MRzpLwQV67oYj5Z4A

รายละเอียดเพิ่มเติมและเมนูต่างๆ
https://sites.google.com/view/bananaandegg09/index                                                        

จุดที่ 4 ตลาดหัวปลี  จ.สระบุรี
พื้นที่ส่งเสริมสินค้าท้องถิ่น ตลาดชุมชนเกษตร  เกิดเป็นพื้นที่เล็กๆ แบบมีสไตล์ในบรรยากาศเก๋ ตกแต่งในแต่ละมุมได้ น่ารักมีจุดให้ถ่ายภาพหลายจุด ภายในตลาดเย็นสบาย   พากิน..สร้างสุข เพื่อสุขภาพดี(ดี) เป็นสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่สามารถนั่งรถมาแป๊บเดียวได้พบกับสิ่งดีๆ ที่ “ตลาดหัวปลี” ตั้งอยู่ที่ท้ายศูนย์ OTOP คอมเพล็กซ์ พุแค ที่นี่รวมเอาสินค้าชุมชน อาหารขนมปรุงสุกสดใหม่ รวมไปถึงของดีสระบุรี ที่รวบรวมงานแฮนด์เมดพื้นบ้าน อาหารพื้นเมืองเอาไว้มากมาย รวมถึงอาหารท้องถิ่นมาไว้รอต้อนรับให้นักท่องเที่ยวไม่ไปเที่ยวตลาดของดีจังหวัดสระบุรี แวะมาอุดหนุนสินค้าชุมชนกันนะคะ สินค้าหลายชนิเหมาะกับการซื้อกลับมาเป็นของฝากที่สุด







พิกัด : ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี 
https://goo.gl/maps/Wkk3L646uP9S7UmKA

เปิดบริการ : วันเสาร์-อาทิตย์ และ
วันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
ตลาดหัวปลี ติดต่อ : 085 123 7365 

จุดที่ 5  หอมนสิการ
“หอมนสิการ” ท่องเที่ยวสายธรรม..กราบสักการะพระพุทธองค์
สถานที่ท่องเที่ยว Unseen แก่งคอย สระบุรี ตื่นตากับพระพุทธรูปพระบรมโลกนาถเนื้อสัมฤทธิ์ปิดทองคำแท้ หนึ่งเดียวภาพปักพระบรมโลกนาถศิลปะงานปักมือถึง 651,000 ฝีเข็ม ชมนิทรรศการ “เส้นทางเดิน ของพระพุทธเจ้า”ขนาดพื้นที่ 7.4  ไร่ ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี มีฉากหลังเป็นภูเขาหินปูน ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ภายในจำลองเส้นทางเดินของพระพุทธเจ้า ในรูปแบบนิทรรศการร่วมสมัย ที่จะดึงผู้เข้าชมให้เหมือนย้อนเวลาไปที่อินเดีย เมื่อ 2,500 ปีก่อน  หอมนสิการประกอบด้วย 2 กลุ่มอาคาร คือ 1 อาคารหอมนสิการ แบ่งเป็นส่วนนิทรรศการและหอจัตุรัส ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการะบูชา 




ผู้ชมจะย้อนเวลาสู่สมัยพุทธกาล เล่าเรื่องของเจ้าชายสิทธัตถะ ค้นพบวิถีแห่งความเสียสละกว่าที่พระพุทธองค์จะทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ที่จะปลุกจิตสำนึกในธรรมแท้ ผ่านการจัดแสดงแบบ Interactive เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ผู้เข้าชมหอมนสิการได้รับหูฟัง (เลือกภาษาไทยหรืออังกฤษ)  บรรยายห้วงเวลาต่าง ๆ จากพุทธประวัติ เรียกว่า เส้นทางเดินของพระพุทธเจ้า ฝั่งขาเข้า ชมพระพุทธประวัติในรูปแบบนิทรรศการร่วมสมัย (Journey to the Life of Buddha) ผู้เข้าชมจะเหมือนเดินอยู่ในอุโมงค์ย้อนเวลา แล้วเสพงานศิลปะร่วมสมัย ภาพ แสง สี เสียงบรรยาย และวิดีโอสื่อผสมระดับภาพยนตร์ ให้ได้ซึมซับผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 พาย้อนสู่ครั้งพุทธกาล 





หอจตุรัส ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อการสักการะ ที่จะทำให้ผู้มาเยือนเดินทางกลับไปแบบไม่ว่างเปล่า แต่จะได้ข้อคิดในหลักการดำรงชีวิต เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้ทางไว้ ลองสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้นะคะ




จุดที่ 6 วัดแก่งคอย  จ.สระบุรี
วัดเก่าแก่ศูนย์รวมใจของชาวแก่งคอย เที่ยวสระบุรี Unseen ถ้ำนาคา วังพญานาค วัดแก่งคอย เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญของประเทศไทย ซึ่งได้รับการดูแล การพัฒนาปรับปรุงจากทางวัดและชาวบ้านเป็นอย่างดีอยู่เสมอ เพื่อเป็นเกียรติแก่ชุมชนแก่งคอยและเพื่อรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ ศรีป่าสัก ไหว้พระนอนองค์ใหญ่ ชมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ภายในวัดฯ อาทิ พระธาตุอินทร์แขวนจำลอง ถ้ำนาคา วังพญานาค ตระการตา ขึ้นชื่อในเรื่องโชคลาภและความรัก




วัดแก่งคอย นั้นตั้งอยู่ในตำบลแก่งคอย อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี 2330 โดยชาวบ้านได้ร่วมใจกันก่อสร้างยกที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์เพื่ออุทิศถวายในบวรพุทธศาสนา 

สถานที่ตั้ง : 353 ถ.สุดบรรทัด ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
เวลาเปิดปิด : 08.00 -17.00 น.

พิกัด : https://goo.gl/maps/j4e8ayy64tS2uDPy9

จุดที่ 7 สวนมิ่งมงคล
สวนมิ่งมงคล เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สำหรับคนเมืองที่อยากได้อารมณ์สบายๆ สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ สีเขียวของต้นไม้ที่ถูกวางภูมิทัศน์ไว้งดงามให้ความสบายตา สวนมิ่งมงคล จิบกาแฟ
ที่ร้าน Coffee Cat ร้านเป็นอาคารกระจก สามารถนั่งจิบกาแฟสบายๆ ส่งสายตาชื่นชมธรรมชาติ ชมนิทรรการเฉลิมพระเกียรติ และชมแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางการเกษตรแบบได้ทดลอง ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขอรัชกาลที่ 9 ในอาคารทรงกล่อง ที่โดดเด่นท่ามกลางสวนศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา หอชาวนาโคกนาศัย อำเภอเส้าไห้ รับประทานอาหารกลางวัน  ณ ศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา หอชาวนาโคกนาศัย


จากนั้นเดินชมสถานที่สำคัญ สวนที่ถูกออกแบบตกแต่งให้เป็นสไตล์ English Cottage Garden หรือสวนชนบทอังกฤษแต่เน้นใช้พันธุ์ไม้ไทยๆ มาปรับประยุกต์เข้าด้วยกัน สำหรับใครที่อยากมาเดินเที่ยวผ่อนคลาย นอกจากจะเดินชมสวน ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ตามมุมสวยต่างๆ แล้ว คุณยังจะได้สนุกสนานไปกับการให้อาหารปลาคาร์ฟในสระน้ำขนาดใหญ่ ของสวนแห่งนี้ พร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันสดชื่นของสวนที่มีวิวเป็นน้ำพุ กังหันน้ำ และกังหันลม



ค่าเข้าชม: ฟรี
ตำบล ทับกวาง อำเภอ แก่งคอย สระบุรี 18260
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 8.00-18.00 น.

จุดที่ 8 วัดพระพุทธฉาย
วัดพระพุทธฉาย ที่เที่ยวสระบุรี วัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด เป็นที่พระดิษฐาน พระพุทธฉาย และ รอยพระพุทธบาท ที่พุทธศาสนิกชนต่างเคารพบูชา มีลักษณะเป็นภาพเลือนราง ประทับอยู่หน้าผาเชิงเขา คล้ายกับพระพุทธรูปยืน จึงเรียกหนึ่งว่า “เงาพระพุทธเจ้า” 


เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเห็น วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่บนเชิงเขาพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี สร้างขึ้นในสมัยของ พระเจ้าทรงธรรม กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากที่ได้มีการออกค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแห่งหน จนกระทั่งได้มาพบ รอยพระพุทธบาท และ พระพุทธฉาย รอยพระพุทธรูป หรือที่เชื่อกันว่าเป็นเงาของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่บนแผ่นหินตรงชะง่อนผา จึงได้มีการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทเอาไว้ พร้อมกับมีการสร้างสังฆารามขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ขึ้นมากราบไหว้บูชาค่ะ เวลาผ่านไปหลายร้อยปี สิ่งก่อสร้างภายในวัดได้มีการทรุดโทรมลงอย่างมาก ทางกรมศิลปากรจึงได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระพุทธฉายครั้งใหญ่ มีการทุบซ่อมแซมพื้น จึงได้ค้นพบ รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา บนยอดเขา ก่อนสร้างมณฑปครอบเอาไว้ด้วย

วัดพระพุทธฉาย สระบุรี
ที่อยู่ : ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรีพิกัด : https://goo.gl/maps/PrDvxqe3ELJQM7P36

เปิดให้เข้าชม : 07.00-17.00 น.
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/watphraputtachai


จุดที่ 9 โคกนาศัย โฮมสเตย์ จ. สระบุรี

น่าสนใจสำหรับคณะผู้มาเยือนอีกแห่งหนึ่งคือ โคกนาศัย โฮมสเตย์ เราเดินทางมาที่นี่เพื่อทานอาหารกลางวันที่ทำขึ้นโดยชาวบ้านในชุมชน ภายใต้การนำของ กำนันคนเก่ง ที่รวมกลุ่มชาวบ้านในชุมชนที่ร่วมแรงร่วมใจกัน ใครถนัดด้านการทำอาหาร ใครถนัดเรื่องทำผลิตภัณฑ์ ใครถนัดเรื่องอะไรก็จะนำมาให้บริการกับนักท่องเที่ยว ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งของคณะผู้สูงวัยและสื่อมวลชน ที่ช่วยกันอุดหนุนจนทั้งผลไม้ สินค้าต่างๆ แฮนด์เมด หมดในพริบตา 





ศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา หอชาวนาโคกนาศัย
ตำบล: ม่วงงาม อำเภอ: เสาไห้. จังหวัด: สระบุรี

ทริปนี้เข้าพักที่ : โรงแรมแวลเลย์การ์เดนท์รีสอร์ท มวกเหล็ก
เป็นรีสอร์ทที่น่าพักผ่อนอีกหนึ่งที่เลยทีเดียว บรรยากาศโดยรวมสงบเงียบมากเหมาะกับการพักผ่อน ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวขจีและเงียบสงบใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี โรงแรมระดับ 4 ดาวโดยที่พักตั้งอยู่ในเมืองมวกเหล็ก


สัมผัสธรรมชาติมวกเหล็ก ดงพญาเย็น มนต์เสน่ห์ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบกับห้องพักสไตล์ไทย
โมเดิร์น อาหารนานาชนิด พร้อมด้วยบริการจาก รอยยิ้มและความอบอุ่นที่ประทับใจที่พัก บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดเพื่อให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ บริการอินเทอร์เน็ตฟรีภายในรีสอร์ตนี้จะช่วยให้ผู้เข้าพักไม่พลาดการติดต่อ

ขอขอบคุณ ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว(ช.ส.ท) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดโอกาสให้โอกาสให้สื่อมวลชนได้ร่วมทริป เล่าเรื่องราวประสบการณ์จริง ในครั้งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น