ตระหนักลดความสูญเปล่าทางอาหารอย่างต่อเนื่อง ปีที่ 3
บริษัท ซีพีแรม จำกัด ร่วมกับ สาขาวิชามีเดียอาตส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดตัวโครงการ การประกวดคลิปวิดีโอ “คนรุ่นใหม่ไร้ Food Waste” ปีที่ 3 เชิญชวนนักเรียน - นักศึกษาทั่วประเทศ แชร์ไอเดีย สร้างพลังผ่านคลิปวีดีโอความยาว 3 นาที ณ ห้อง GREAT ROOM ชั้น 3 โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจากนายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด และผศ.บุญเลี้ยง แก้วนาพันธ์ ประธานสาขาวิชามีเดียอาตส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้
ในปีนี้ ซีพีแรม ร่วมกับ มีเดียอาตส์ มจธ. เชิญชวนนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมส่งผลงานเข้าร่วมประกวดคลิปวิดีโอ “ คนรุ่นใหม่ไร้ Food Waste ” โดยโครงการดังกล่าว ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยโครงการดังกล่าวเริ่มต้นจากการตั้งคำถามจากสิ่งที่เราเห็นจากอาหารในจานที่เราทานไม่หมด กองอยู่ตรงหน้าที่มีแต่เศษอาหารเหลือจากการทาน หรือแม้แต่ผักและผลไม้ที่เน่าเสียอยู่ในตู้เย็น ประกอบกับการพูดถึงของคนทั้งโลก รวมถึงองค์กรยูนิเซฟถึงความยากจน การโหยหาอาหาร ความหิวโหยของเด็กน้อยในแอฟริกา หรือประเทศที่อยู่ในสภาวะสงคราม ที่ทำให้ขาดแคลนอาหาร รวมทั้งการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้ แม้แต่ในประเทศไทยเองที่ได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินทอง เมืองอู่ข้าวอู่น้ำ อยู่ที่ไหนไม่อดตาย แต่ก็ยังมีในหลายพื้นที่ห่างไกล ที่ยังขาดแคลนอาหาร อาหารไม่เพียงพอ เข้าถึงอาหารไม่ครบตามหลักโภชนาการ มีให้เห็นในข่าวอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนี้เพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องความสูญเปล่าทางอาหารในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีส่วนสำคัญ ในการร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง และลดความสูญเปล่าทางอาหาร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรม
นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด เปิดเผยว่า ซีพีแรมได้ดำเนินการลด
Food Loss ในองค์กรอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังส่งเสริมการลด Food Waste ในกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องเช่นกันในระยะหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามแนวทาง Food 3S (Food Safety, Food Security และ Food Sustainability) ขององค์กร โดย S ตัวที่สอง ที่เรียกว่า Food Security หรือความมั่นคงทางอาหารที่ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างปลอดภัย และมั่นคง ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์อย่างใดขึ้นก็ตาม มีความสอดคล้องกับแนวทางขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ที่วางเป้าหมายของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.
2030 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือโลกที่ปราศจากความหิวโหย (Zero Hunger) ด้วยการมีความมั่นคงทางอาหาร และปลอดจากภาวะการหิวโหยทุกรูปแบบ ซึ่งทุกคนจะสามารถเข้าถึงอาหารจากการกระจายอย่างทั่วถึง และมีคุณค่าโภชนาการได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี และตลอดไป ขณะที่การจะเกิดความมั่นคงทางอาหารได้นั้น จะต้องมีทรัพยากรหรือวัตถุดิบทางอาหารอันจะเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรอาหารและการผลิตร่วมกัน ระหว่างผู้ผลิตอาหารและเกษตรกร ตลอดจนอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมด และรวมไปถึงกระบวนการจัดจำหน่ายที่จะช่วยส่งต่ออาหารไปถึงมือผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงและปลอดภัย อันจะต้องมีความใส่ใจของการสร้างความมั่นคงทางอาหารร่วมกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างความต้องการในการบริโภคและวัตถุดิบที่มีอย่างยั่งยืน และสำหรับ S ตัวที่สาม ที่เรียกว่า Food Sustainability เป็นการดูแลกระบวนการผลิตและส่งมอบให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดตลอดห่วงโซ่อุปทาน และเมื่อถึงปลายน้ำคือผู้บริโภค ก็จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยกันให้เกิดความยั่งยืน เพราะหากมีการบริโภคแบบทิ้งขว้างจนกลายเป็นความสูญเปล่าของอาหารก็จะส่งผลกระทบไปยังสิ่งแวดล้อม ซึ่งข้อมูลจากโครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ (UNEP) ระบุว่า 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตขึ้นมาทั่วโลกจะกลายเป็นอาหารสูญเปล่าที่ไม่ถูกทาน (Food Waste) หากนำไปฝังกลบจะก่อเกิดก๊าซมีเทนซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก หรือโลกร้อน การดำเนินการโครงการประกวดคลิปวิดีโอ “คนรุ่นใหม่ไร้ Food Waste” จึงเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงความสูญเปล่าทางด้านอาหาร และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องในอนาคต
นายวิเศษ ยังกล่าวต่ออีกว่า วันนี้ซีพีแรมได้ดีเดย์เปิดเพจ Facebook ที่ชื่อว่า “ กินหมดจด ไร้ Food Waste ” เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยน และแชร์ไอเดียตลอดจนแรงบันดาลใจในการลดความสูญเปล่าทางอาหาร หรือ Food waste ซึ่งเป็นการขยายผลสู่ทุกกลุ่มคนในสังคม โดยจะมีการจัดแคมเปญในการร่วมแบ่งปันไอเดีย และมีการมอบรางวัลให้ผู้โชคดี ที่เข้ามาร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวแคมเปญ และกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนในได้ที่ Facebook : กินหมดจด ไร้ Food Waste
ด้านผศ.บุญเลี้ยง แก้วนาพันธ์ ประธานสาขาวิชามีเดียอาตส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ถึงเวลาที่เราต้องร่วมกันขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักในเรื่องลดความสูญเปล่าทางอาหารอย่างจริงจัง เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต การสร้างสรรค์สื่อเพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นจริงในโลกใบนี้ เป็นการบูรณาการศาสตร์ด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเราอาจจะไม่สามารถหยุดเหตุกาณ์อันเลวร้ายนี้ได้ แต่เราเป็นจุดเล็กๆ
ที่ผสานรวมกันจนเกิดพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้เหตุกาณ์ดังกล่าวชะลอการเกิดขึ้นได้ และหวังว่าถ้าคนที่ได้เห็นผลงานสร้างสรรค์ดังกล่าวจะส่งผลให้มีความตระหนักและเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมในการลดความสูญเปล่าทางอาหาร จนสามารถสร้างความอิมแพคในสังคมและโลกใบนี้ เหตุการณ์เลวร้ายดังกล่าวอาจจะหยุดการเกิดขึ้นได้
จากข้อมูลโครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ (UNEP) ระบุว่า 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตขึ้นทั่วโลกในแต่ละปี หรือประมาณ 1.3 พันล้านตัน จะกลายเป็นความสูญเปล่าทางอาหาร หรือ Food Waste และถูกปล่อยให้เน่าเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 3.3 พันล้านตันต่อปี จำนวนอาหารที่ถูกทิ้งขว้างเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 31 ล้านล้านบาท และเพียงพอนำไปเลี้ยงดูผู้คนที่หิวโหยได้มากถึง 870 ล้านคน และจากสถานการณ์ขาดแคลนอาหารของประชากรโลก ผู้คนที่อดอยากหิวโหยจำนวน 870 ล้านคนนั้น จำนวนเกินกว่าครึ่งหรือราว 552 ล้านคน อาศัยอยู่ในภูมิเอเชียแปซิฟิค ซึ่งนับรวมประเทศไทยด้วยเช่นกัน สาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤติความสูญเปล่าทางอาหารเกิดจาก ระบบการจำหน่ายมีกระบวนการควบคุมที่ไม่เหมาะสม การซื้อสินค้า และการเตรียมอาหารที่มากเกินจำเป็น ไปจนถึงความสูญเปล่าทางอาหารจากการบริโภค ทั้งในส่วนที่เหลือทาน และเลือกบริโภค รวมถึงสหประชาชาติ ยังตั้งเป้าลดความสูญเปล่าทางอาหารของโลกลงครึ่งหนึ่งในระดับค้าปลีกและผู้บริโภค และลดการสูญเสียอาหารจากกระบวนการผลิต และห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว ภายในปี 2573
ทั้งนี้ โครงการ การประกวดคลิปวิดีโอ “ คนรุ่นใหม่ไร้ Food Waste” แชร์ไอเดีย สร้างพลังผ่านคลิปวีดีโอความยาว 3 นาที เปิดรับสมัครตั้งแต่ 1 กันยายน - 30 พฤศจิกายน 2563 ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 360,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ ผู้สนใจเข้าร่วมส่งผลงานและติดตามรายละเอียดการสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/foodwasteclipcontest
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น