ซีอีโอหญิงแห่ง “นอร์ติสกรุ๊ป” (Nortis Group) กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการด้านการประหยัดพลังงานแบบครบวงจรในเมืองไทย คว้ารางวัล “Women in Renewables of The Year” สุดยอดผู้นำหญิงด้านพลังงานทดแทนระดับเอเชีย 2 ปีซ้อจากงาน Global Solar+ Energy Storage 2019 ครั้งที่ 5 การประชุมสัมมนาระดับโลกด้านพลังงานแสงอาทิตย์และการจัดเก็บพลังงาน ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเร็ว ๆ นี้
นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นอร์ติส กรุ๊ป สร้างชื่อให้ประเทศไทยอีกครั้ง หลังเป็น 1 ใน 11 ผู้นำหญิงในอุตสาหกรรมด้านพลังงานทดแทนจากทั่วโลกที่ได้รับรางวัล “Women in Renewables of The Year” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากการเฟ้นหาสตรีจากทั่วทุกภาคอุตสาหกรรมพลังงาน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ให้บริการทางวิชาการ ที่ปฏิบัติหน้าที่และมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญในการขยายตัว การพัฒนา และการปรับปรุงของภาคพลังงาน เพื่อเพิ่มบทบาทและการยอมรับของสตรีที่ทำงานในภาคพลังงาน ในขณะเดียวกันก็เป็นแรงผลักดันให้แก่ผู้หญิงในการพัฒนาตนเองและการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนต่อไป
ในปีนี้นางสาวประภารัตน์ยังได้เป็นตัวแทนผู้นำหญิงหนึ่งเดียวจากภาคอุตสาหกรรมพลังงาน ร่วมเสวนากับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานจากทั่วเอเชีย ภายใต้หัวข้อ “Challenges in Developing Sustainable and Profitable Renewable Projects” โดยกล่าวถึงสถานการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลกว่า ทั่วโลกกำลังจัดหาพลังงานทดแทนจากแหล่งพลังงานสะอาดมาใช้ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ ด้าน โดยได้นำเทคโนโลยีอย่าง IoT Big Data และ AI มาช่วยสนับสนุนในการคาดการณ์และควบคุมแหล่งทรัพยากรเหล่านั้น รวมทั้งช่วยให้ผู้บริโภคและผู้ให้บริการด้านพลังงานสามารถปรับตัวได้เร็วขึ้น นำไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน
“ในปี 2562 นี้ โซลาร์รูฟท็อปหรือการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคานับเป็นเทรนด์พลังงานที่ใกล้ตัวมากที่สุดและมีการใช้เพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลายในไทย โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่เป็นโมเดลนำร่องได้แสดงให้เห็นว่า การติดตั้งโซลาร์เซลล์มีความคุ้มค่า ประหยัดค่าไฟฟ้า และดีต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น การแข่งขันทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลให้ราคาการติดตั้งโซลาร์เซลล์ถูกลงหลายเท่าตัว เหลือเพียง 30,000 - 50,000 บาทต่อกิโลวัตต์ สามารถคืนทุนได้ภายใน 4 - 7 ปี เหล่านี้ทำให้ภาคประชาชนเริ่มหันมาให้ความสนใจเรื่องการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์มากขึ้นนั่นเอง” ประภารัตน์กล่าว
นอกจากนั้น ยังให้แนวทางในการเติบโตของธุรกิจพลังทดแทนไทย ซึ่งได้นำมาใช้กับโมเดลธุรกิจของ “นอร์ติสกรุ๊ป” และประสบความสำเร็จอย่างมาก คือการขยายการให้บริการด้านการประหยัดพลังงานแบบครบวงจร ทั้งการติดตั้ง ให้คำปรึกษาการลงทุนระบบโซลาร์เซลล์ การบริหารจัดการพลังงาน และยังเป็นผู้นำนวัตกรรม IoT ด้านพลังงานเจ้าแรกในเมืองไทย ด้วยการเป็นผู้ริเริ่มแอพพลิเคชั่น “โซลาร์ลา”(SOLARLAA) ที่ช่วยวิเคราะห์และให้คำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์และการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ซึ่งมีผู้ใช้แล้วกว่า 530 อำเภอในประเทศไทย และช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้กว่าเดือนละ 20%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น