เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

07 พฤศจิกายน 2567

ลุฟท์ฮันซ่าฉลองครบรอบ 65 ปี แห่งการบินเชื่อมไทย-เยอรมนี

ในวันนี้ ลุฟท์ฮันซ่ามีความภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับอีกก้าวสำคัญของกลุ่มสายการบิน ในโอกาสครบรอบ 65 ปีของเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากฮัมบูร์กมายังกรุงเทพฯ ความสำเร็จอันยาวนานนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันยาวนานของสายการบินต่อตลาดไทยและภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยช่วยเชื่อมโยงวัฒนธรรม ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างเยอรมนีและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502 เที่ยวบินแรกของสายการบินลุฟท์ฮันซ่าสู่ประเทศไทยได้ออกเดินทางจากเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศ  เที่ยวบิน LH640 ซึ่งในขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ Super Constellation ได้ออกเดินทางสู่ตะวันออกไกลจากเมืองฮัมบูร์ก ผ่านดัสเซลดอร์ฟแฟรงก์เฟิร์ต โรม ไคโร การาจี และกัลกัตตา ก่อนถึงประเทศไทย โดยการเดินทางครั้งนั้นใช้เวลาเกือบสองวัน  นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สายการบินได้ขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบาย ปัจจุบัน ลุฟท์ฮันซ่าให้บริการเที่ยวบินระหว่างยุโรปและประเทศไทยหลายเที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยให้บริการที่ยอดเยี่ยมและความสะดวกสบายแก่นักเดินทางผ่านฐานการบินที่มิวนิกและแฟรงก์เฟิร์ต   นอกจากนี้ สายการบินของกลุ่มลุฟท์ฮันซ่ายังมีเที่ยวบินเชื่อมต่อระหว่างไทยไทยกับยุโรปผ่านฐานการบินอื่น ๆ ทั้งในซูริกและเวียนนาอีกด้วย โดยมีเที่ยวบินระหว่างประเทศไทยและยุโรปสูงสุดถึง 31 เที่ยวบินต่อสัปดาห์


คุณเฟลิเป้ บอนิฟาตติ รองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและกิจการร่วมค้าในภูมิภาคตะวันออก กล่าวว่า

“วาระครบรอบ 65 ปีในครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของเราในการบริการลูกค้าและเชื่อมโยงผู้โดยสารสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลก กรุงเทพฯ ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญแห่งหนึ่งสำหรับเรา และเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการของเราอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการฉลองความสำเร็จอันยาวนานของลุฟท์ฮันซ่าในประเทศไทยกว่าหกทศวรรษ ปัจจุบันเราให้บริการเที่ยวบินสู่ประเทศไทยมากกว่ากลุ่มสายการบินในยุโรปอื่น ๆ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาให้บริการด้วยเครื่องบิน A380 ไปยังกรุงเทพฯ อีกครั้งเมื่อเดือนที่แล้ว”


ความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนเป็นสิ่งที่ลุฟท์ฮันซ่าใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการพัฒนาบริการของสายการบิน ตั้งแต่การปรับปรุงยกระดับเครื่องบินให้ทันสมัยไปจนถึงการริเริ่มโครงการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลุฟท์ฮันซ่ามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือชั้น มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และน่าประทับใจให้กับผู้โดยสารชาวไทยไปพร้อมกัน

ลุฟท์ฮันซ่ามีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาเครือข่ายเส้นทางบินให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้น่าประทับใจสำหรับผู้โดยสารทุกคน เพื่อรักษาความเป็นเลิศในการบริการบนน่านฟ้าต่อไปอีก 65 ปี


สัปดาห์อาหารอิตาเลียนรอบโลก 2024 ในประเทศไทย

ร่วมฉลองการได้รับเสนอชื่อของศิลปะการปรุงอาหารอิตาเลียนเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ทางวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้โดย UNESCO


สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน กรุงเทพฯ (Italian Trade Agency) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมประจำปีที่เชิดชูความเป็นเลิศแห่งศิลปะการปรุงอาหารอิตาเลียน ในเทศกาลสัปดาห์อาหารอิตาเลียน หรือ Italian Cuisine Week 2024 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-22 พฤศจิกายน 2567 นับเป็นการจัดกิจกรรมระดับโลกครั้งที่ 9 และเป็นครั้งสำคัญยิ่งเพื่อร่วมฉลองการได้รับเสนอชื่อของศิลปะการปรุงอาหารอิตาเลียนเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้โดย UNESCO


ในโอกาสนี้ มิส เปาลา กุยด้า ข้าหลวงพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทยได้เปิดเผยว่า เทศกาลสัปดาห์อาหารอิตาเลียนที่จัดขึ้นพร้อมกันรอบโลกนี้เป็นการนำเสนอศิลปะการปรุงอาหารอิตาเลียนที่ไม่ใช่เป็นเพียงการประกอบอาหาร แต่เป็นหนึ่งในรากฐานวัฒนธรรมที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวอิตาเลียนสู่สายตาโลก ซึ่งสำหรับประเทศไทยปีนี้ได้มีการจัดทัพนำรสชาติต้นตำหรับ ของอิตาลีมาให้คนไทยได้ลิ้มลอง เพื่อสร้างความเข้าใจและชื่นชอบอาหารอิตาเลียนได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น กระชับความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมผ่านอาหารและเมนูพิเศษจากหลากหลายภูมิภาคของอิตาลี สัปดาห์อาหารอิตาเลียนในปีนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจที่จะสร้างความอิ่มเอมและดื่มด่ำกับมรดกวัฒนธรรมด้านอาหารและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอิตาลีได้ครบทุกมิติอย่างเต็มที่

ไฮไลต์แรกเป็นเทศกาลอาหารอิตาเลียนที่จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 16-22 พฤศจิกายน 2567 ร่วมกับร้านอาหารและภัตตาคารอิตาเลียนในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองด้วยรางวัล Ospitalita Italiana Award รางวัลระดับโลกที่มีจุดประสงค์เพื่อรับรองร้านอาหารอิตาเลียนแท้ในต่างประเทศ โดยมีการนำเสนอเอกลักษณ์ของอาหารอิตาเลียนอันเป็นที่ยกย่องและชื่นชอบของผู้คนทั่วไป เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคในประเทศไทยได้เข้าถึงและเข้าใจในความโดดเด่นและอิ่มอร่อยกับวัฒนธรรมอาหารของอิตาลีอย่างแท้จริง 

อีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์โดยเฉพาะเพื่อผู้ชื่นชอบของอร่อยจากเบเกอรี่ ด้วยความร่วมมือของ ALMA สถาบันสอนศิลปะการทำอาหารอิตาเลียน จัดกิจกรรมเวิร์คชอปเพื่อเสริมสร้างทักษะในการทำขนมหวานอิตาลี ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ The Food School, Bangkok กับเพสตรี้เชฟอิตาเลียนมากประสบการณ์ แองเจโล่ เบลลูซซี่ (Angelo Belluzzi) ที่จะมาถ่ายทอดเทคนิคการทำ ซิกเนเจอร์ช็อกโกแล็ต พานา ค็อตตา ระหว่างเวลา 10.00 - 12.00 น. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสรสชาติขนมอิตาเลียนแท้ๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้มีใจรักการทำอาหาร รีบ ที่นั่งมีจำนวนจำกัด สำรองที่นั่งที่ bangkok@ice.it


ยังมีกิจกรรมทางการค้าสุดพิเศษเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการด้านไวน์ที่พลาดไม่ได้ คือ Unit Wine Tour ซึ่งจะจัดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานพาณิชย์อิตาลีกับ Unexpected Italy ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567  ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยงานนี้ได้ระดมผลิตผลของผู้ผลิตไวน์ 33 แห่ง จาก 12 ภูมิภาค ของอิตาลี รวมกว่า 150 ชนิดมาให้ลิ้มลอง โอกาสพิเศษเช่นนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้นำเข้าไวน์ ผู้จัดจำหน่าย เจ้าของผับ/บาร์ และซอมเมอลิเยร์ นอกจากจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับไวน์ชนิดต่างๆ และชิมไวน์จากผู้ผลิตไวน์อิตาลีโดยตรงแล้ว ผู้ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมยังมีโอกาสอันดีที่จะเสริมสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ผลิตไวน์ชั้นเลิศอิตาลีอีกด้วย

สัปดาห์อาหารอิตาเลียน 2024 ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่รักและชื่นชอบอาหารอิตาเลียนได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารและไวน์ในเทศกาล  “Best of 4 Regions” ที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนกับบริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ณ  ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว ระหว่างวันที่ 21-27 พฤศจิกายน 2567  เตรียมตื่นตาตื่นใจกับความหลากหลายของอาหารและผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะแบรนด์ดังจากสี่ภูมิภาคของอิตาลีมาให้ได้ลิ้มลองและซื้อหากันได้ทุกวันตลอดสัปดาห์ อิตาเลียนเลิฟเว่อร์ต้องไม่พลาดติดตามข่าวสารและปักหมุดปฏิทินไปร่วมงานนี้ !

“สัปดาห์อาหารอิตาเลียน 2024 มีความสำคัญยิ่งกว่าปีไหนๆ เนื่องจากเป็นห้วงเวลาของการร่วมฉลองการได้รับเสนอชื่อของศิลปะการปรุงอาหารอิตาเลียนเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้โดย UNESCO ดังนั้น สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน กรุงเทพฯ และสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีในประเทศไทยจึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดยอดมรดกวัฒนธรรมด้านอาหารของอิตาลี กับรสชาติและความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมอิตาลีที่จะสร้างความประทับใจให้ไม่รู้ลืม” 

06 พฤศจิกายน 2567

เลขาฯ “อารี” ร่วมขับเคลื่อนความปลอดภัยเพื่อลูกจ้าง

 ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุในการทำงานไม่เกิน 1.5 คน : 1,000 คน ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ​


เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการเสวนาการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนเงินทดแทน โดยมี นายจิรวัตร์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางมารศรี  ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน คณะอนุกรรมการพัฒนาส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงาน ผู้ร่วมงานเสวนาและสื่อมวลชนให้การต้อนรับ ณ โรงแรมบุรีศรีภู จังหวัดสงขลา




นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่ากระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้            มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการเสวนาการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยความร่วมมือในการดำเนินการส่งเสริมและป้องกันเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน    แก่ลูกจ้าง ระหว่าง สำนักงานกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย ในการดูแลลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นสร้างการรับรู้และการตระหนักถึงความปลอดภัยในการทำงาน และเมื่อเกิดการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน  ก็จะได้รับสวัสดิการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยฯ ที่ดี จากผลการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยของลูกจ้างในช่วงปี  2562 – 2566 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการประสบอันตรายกรณีร้ายแรงลดลงจาก 2.53 ต่อ 1,000 ราย     เหลือ 2.13 ต่อ 1,000 ราย และมีเป้าหมายในปี 2567 อัตราการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานต้องน้อยกว่าปี 2566 โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 อัตราการประสบอันตรายเท่ากับ 1.55 ต่อ 1,000 ราย นั้น



​การจัดงานประชุมเสวนาฯ ในครั้งนี้ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องแรงงานเป็นอย่างมากที่ทุกหน่วยงาน จะได้สร้างการรับรู้ผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยฯ รวมถึงผลงานของคลินิกโรคจากการทำงานที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทน อีกทั้งยังได้แลกเปลี่ยนความรู้ เสนอข้อคิดเห็น และแนวทาง สร้างความปลอดภัยในการทำงานให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะนอกจากจะใช้เป็นเวทีแห่งการรับฟังและเสนอข้อคิดเห็นฯ จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมวิธีป้องกันความปลอดภัย เพื่อลดอุบัติเหตุในการทำงานให้ลูกจ้างเพิ่มมากขึ้นแล้ว กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมยังใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ ในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และก้าวทันตามกระแสเปลี่ยนแปลง  ของเทคโนโลยียุคใหม่ เพื่อให้สังคมแรงงานเข้าถึงข้อมูลของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ  โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ยังได้มีการมอบโล่และประกาศเกียรติคุณให้สถานประกอบการที่สามารถส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงานฯ ซึ่งเป็นรางวัลที่ยืนยันถึงผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ที่สามารถใช้เป็นต้นแบบและจูงใจให้สถานประกอบการอื่น ๆ เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความปลอดภัยและป้องกันอันตรายให้แก่ลูกจ้างอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป


​ด้าน นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานประชุมวิชาการเสวนาฯ ในครั้งนี้ว่า เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้        ความเข้าใจความสำคัญของงานกองทุนเงินทดแทนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะในการดำเนินการสนับสนุนงบประมาณด้านการป้องกันและส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงาน จากการเสวนาทางวิชาการเกี่ยวกับความปลอดภัย   ในการทำงาน ยังมีการจัดนิทรรศการสร้างการรับรู้งานประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนอีกด้วย มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 350 คน โดยความคาดหวังให้เกิดความปลอดภัยและการตระหนักถึงการลดอุบัติเหตุในการทำงานในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ให้ไม่เกิน 1.5 คน ต่อลูกจ้าง 1,000 คน และให้ครอบคลุมทั่วประเทศในอนาคต

ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน

เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก : PYONGRehabilitation Clinic

เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก (PYONGRehabilitation Clinic) คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู โดยอาจารย์ นายแพทย์ กันตพงศ์ ทองรงค์ ฉลองครบรอบ 1 ปีด้วยการจัด ‘Office Syndrome Summit 2024’ สุดยอดการประชุมเชิงสุขภาพสำหรับ ‘คนรักงาน’ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี รวมแพทย์เฉพาะทางรุ่นใหม่ 6 คนในหลากหลายสาขา เพื่อร่วมเสวนาในประเด็นต่าง ๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการมีสุขภาพกายที่ดีซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น โดยงานจัดขึ้นที่ห้องประชุมกระจก Crystal Box เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท ชั้น 19เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

Office Syndrome Summit 2024 คือการจัดงานครบรอบในรูปแบบใหม่ ที่สะท้อนความต้องการของ PYONG Rehabilitation Clinic นั่นคือเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับสังคมการทำงานของไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจ เพราะอาการออฟฟิศซินโดรมไม่ได้เป็นเพียงแค่การปวดคอ บ่า หรือไหล่อย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่ยังรวมไปถึงระบบอื่น ๆ ทั้งร่างกายภายในงานจึงมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากทีมแพทย์เฉพาะทางรุ่นใหม่ 6 ท่าน ใน 6 ประเด็นที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจ ได้แก่ อาการปวดกล้ามเนื้อ อาการปวดศีรษะ มลภาวะทางอากาศ การใช้ยาสามัญประจำบ้าน การดูแลดวงตา การนอนหลับ และปัญหาสุขภาพจิต โดยผู้เข้าร่วมงานยังสามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์เฉพาะทางได้โดยตรง เพื่อพูดคุยในประเด็นต่าง ๆ เช่น สาเหตุโรค อาการของโรค การดูแลที่เหมาะสม และการป้องกันไม่ให้เกิดโรคซ้ำ รวมไปถึงการทดลองรักษาจริงด้วยเครื่องมือกายภาพบำบัดสมัยใหม่กับทีมบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

นายแพทย์ กันตพงศ์ ทองรงค์ แพทย์ผู้ก่อตั้ง PYONG Rehabilitation Clinic กล่าวว่า “กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและพังผืดเรื้อรัง หรือ ที่คนไทยเรารู้จักกันในชื่อ office syndrome เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ประสิทธิภาพและบรรยากาศในการทำงานแย่ลงครับ และผู้คนจำนวนมาก ยังไม่รู้ว่าจะต้องการจัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร และแน่นอนว่า หลายครั้งอาการสามารถรักษาได้ด้วยการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และ การออกกำลังกายยืดเหยียดที่เหมาะสมและเพียงพอ ความรู้เป็นสิ่งสำคัญ เมื่ออาการดีขึ้น คุณภาพชีวิตของพวกเขาจะดีขึ้นตามมา”

สำหรับคนไทยมีความเสี่ยงในการเป็นออฟฟิศซินโดรมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 – 44 ปี ซึ่งที่มาของอาการเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ การนั่งในรถหรือบนโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน และอยู่กับจอคอมพิวเตอร์เป็นนานเกินไป การรักษาเบื้องต้นเริ่มได้ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผู้มีความเชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคุณ คือ ปณิธานของเรา ทำนัดเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อนำไปสู่การบำบัดรักษาที่เหมากับคุณได้ที่เจ้าหน้าที่คลินิก ชั้น L เกษรวิลเลจ หรือ Line @pyongrehab โทร 097-468-7990

#PYONGRehabilitationClinic
#รักษาอย่างตรงจุดด้วยการวินิจฉัย
#PYONGSUMMIT
#PYONGSUMMIT2024

“คุมะ” เดินหน้าธุรกิจดันยอดขายผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาด

“คุมะ” เดินหน้าธุรกิจดันยอดขายผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาด 130 ล้านชิ้น ปิดรายได้รวมปี 2567 อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท

เชื่อมั่นตลาดกระดาษทิชชู่ในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่อง 3-5% จากมูลค่าตลาดรวมกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท “คุมะ ประเทศไทย” วางแผนธุรกิจส่งสินค้าเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการหลากหลาย ล่าสุดเปิดตัว คุมะ จิบิ (Chibi) ทิชชู่เปียกแบบพกพา ไซส์มินิกลิ่มหอมอ่อนโยน ซึ่งมี “เบลล่า ราณี” เป็นพรีเซ็นเตอร์ และสามารถหาซื้อได้ใน 7-11 ทั่วประเทศไทย พร้อมเผยปี 2568 เตรียมขยายไลน์สินค้ารุกผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาด ตั้งเป้าหนุนรายได้เพิ่มขึ้น 30% จากปีนี้ที่มียอดขายรวมทุกผลิตภัณฑ์กว่า 130 ล้านชิ้น สร้างรายได้กว่า 1,700 ล้านบาท 


นายคมกริช ขจรวีรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คุมะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาด ภายใต้แบรนด์คุมะ (KUMA) กล่าวถึงภาพรวมตลาดกระดาษทิชชู่ในประเทศไทย จากข้อมูลที่มีอยู่มูลค่าตลาดประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2567 นี้ ทางคุมะน่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 17% เติบโตจากปีที่แล้ว ประมาณ 4% คาดว่าปีหน้า 2568 มูลค่าทางการตลาดกระดาษทิชชู่ในประเทศไทย จะยังสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 3-5% 

“เชื่อมั่นว่าตลาดยังคงโตได้ต่อเนื่อง มาจากความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย และผู้ประกอบการหลายๆ แบรนด์ก็พยามออกสินค้าให้ตอบโจทย์ ทุกกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน แม่และเด็ก กลุ่มผู้สูงอายุ หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง โดยปัจจุบัน สัดส่วนการจำหน่าย ออนไลน์และออฟไลน์ของคุมะเองอยู่ที่ 50:50 และในปี 2567 เราเองมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ มากกว่า 20 รายการ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อมาเติมเต็มช่องว่างทางการตลาด จากจุดเริ่มต้นปีแรกที่มีสินค้าเพียง 1 ผลิตภัณฑ์ จนถึงปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 7 คุมะยังคงยึดถือการผลิตและจำหน่ายสินค้าคุณภาพที่มาพร้อมกับราคาที่คุ้มค่า และสามารถเข้าถึงผู้คนได้ในทุกระดับชั้น”

สำหรับปี 2568 ทางบริษัทฯ มีแผนการจัดตั้งโรงงานผลิตน้ำยาทำความสะอาดในประเทศไทย เพื่อตอบรับความต้องการในตลาดที่เติบโตสูง รวมถึงจะมีการเพิ่มกลิ่นและขนาดของสินค้าน้ำยาล้างจานเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบรับต่อความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนั้น ด้วยความเชี่ยวชาญทางการผลิต จะมีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ต่อยอดสินค้าเพื่อการทำความสะอาด เช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ และอื่นๆ เพื่อเพิ่มความหลายหลากให้ผู้บริโภคมากขึ้นด้วย

ในปีนี้บริษัทฯ ขยายตัวค่อนข้างมาก เริ่มตั้งแต่โครงสร้างบุคลากร ที่มีการจัดตั้งทีมขายโดยเฉพาะในแต่ละช่องทางมากกว่า 50 คนทั่วประเทศไทย และมีการสร้างตึกออฟฟิศแห่งใหม่ที่กำลังจะแล้วเสร็จในปี 2568 เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ จากแผนการขยายธุรกิจในทุกด้าน คาดว่าปี 2568 บริษัทฯ จะสามารถเติบโตได้มากกว่า 30% โดยสินค้าในหมวดน้ำยาทำความสะอาดจะมีส่วนแบ่งของรายได้ถึง 20% จากปี 2567 ซึ่งจากรายงานปัจจุบันคาดการณ์ยอดจำหน่ายรวมทุกผลิตภัณฑ์มากกว่า 130 ล้านชิ้น และส่งผลให้มีรายได้รวมคาดการณ์อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท 


นางวรพรรณ ขจรวีรพันธ์ กล่าวเสริมว่า ในปี 2567 ทางบริษัทฯ ได้มีการแบ่ง Segment ของผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตรงจุดยิ่งขึ้น อาทิ Kuma original: คือ กลุ่มสินค้าดั้งเดิม ได้แก่ กระดาษทิชชู่เช็ดหน้า กระดาษทิชชู่เปียกหลากหลายแบบที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังรวมไปถึง Segment Premium ได้แก่ กระดาษทิชชู่คุมะ พรีเมี่ยมซอฟท์ และ พรีเมี่ยมซอฟท์บ็อกซ์ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความพรีเมี่ยมอีกขั้นและมองว่าทิชชู่ที่ในบ้านก็เปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์หรูอีกชิ้นหนึ่ง

Kuma Care Plus: เป็นความตั้งใจทำ Segment นี้ให้เกิดขึ้น เป็นผลิตที่อ่อนโยนมากขึ้น บริสุทธิ์ยิ่งกว่า เพื่อดูแลกลุ่มลูกค้าที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ กระดาษทิชชู่เปียก คุมะ แคร์ พลัส แบบน้ำเกลือ, กระดาษทิชชู่เปียก คุมะแคร์พลัส แบบน้ำบริสุทธิ์ 99%และผ้าอ้อมผู้ใหญ่ คุมะแคร์พลัส เป็นต้น 

Kuma Lady: เพราะการดูแลคุณผู้หญิงคือศิลปะแห่งความละเอียดอ่อนอีกขั้น จึงแยก กลุ่มสินค้าเพื่อดูแลคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ พร้อมมอบความสะดวกสบาย รวมถึงความมั่นใจทุกครั้งที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ คุมะ เลดี้ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ได้แก่ ผ้าอนามัยแบบกางเกง คุมะ เลดี้ มาพร้อมกับกรรมวิธีการผลิตแบบใหม่ที่ให้ความเบาบาง แต่มาพร้อมกับการซึมซับที่ดีเยี่ยม ที่ใส่กระชับไม่หนาตุง พร้อมสำหรับทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือกลางคืน

Kuma Petto : ปัจจุบันเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เป็นที่นิยมมากๆ ไม่ว่าจะเป็น น้องหมา หรือน้องแมว สัตว์เลี้ยงอื่นๆ ต่างก็ต้องการได้รับการดูแลไม่ต่างจากลูก และคุมะ เป็นแบรนด์ให้ความสำคัญในการดูแลสุขอนามัยให้กับทุกคนในครอบครัว ซึ่งรวมไปถึงสัตว์เลี้ยง จึงเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ กระดาษทิชชู่เปียกสำหรับสัตว์เลี้ยง, Dog Training pads, ทรายแมว และอื่นๆ 

Kato : เป็นน้องใหม่ที่เน้นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ House Hold Products โดยผลิตภัณฑ์เด่นประจำปีนี้คือ น้ำยาล้างจาน กาโต้ ที่ให้ปริมาณที่คุ้มค่า คุณภาพยอดเยี่ยม และราคาย่อมเยาว์ ปัจจุบันคุมะ มียอดขายทุกผลิตภัณฑ์ รวมเกือบ 130 ล้านชิ้น โดยผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุด ได้แก่ กระดาษทิชชู่เช็ดหน้าคุมะ และกระดาษทิชชู่เปียกคุมะ รองลงมาก็จะเป็นสินค้าในหมวด Kuma Care plus ได้แก่ กระดาษทิชชู่เปียก คุมะแคร์พลัส สูตรน้ำเกลือ และน้ำบริสุทธิ์ อีก 1 ผลิตภัณฑ์ ที่กำลังมาแรง คือ ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจาน Kato (กาโต้) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ล่าสุดวันนี้ (5 พฤศจิกายน 2567) ได้เปิดตัวอีก 1 สินค้าใหม่ คุมะ จิบิ (Chibi) เป็นกระดาษทิชชู่เปียก แบบพกพา ขนาดจิ๋ว ที่มีกลิ่มหอมอ่อนโยน ซึ่งมีคุณเบลล่า ราณี แคมเปน เป็นพรีเซ็นเตอร์ และลูกค้าสามารถหาซื้อได้ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทั่วประเทศไทย

นอกจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ในโอกาสปีนี้ครบรอบ 7 ปี บริษัท คุมะ (ประเทศไทย)​ จำกัด มุ่งมั่นจะเป็นองค์กรชั้นนำด้านสินค้าและบริการที่คุ้มค่าคุ้มราคา เข้าถึงผู้คนทุกระดับชั้น และทุกคนในครอบครัว จึงได้จัดงาน KUMA 7th YEAR  ANNIVERSARY หวังให้เป็นอีกหนึ่งโอกาสพิเศษเชิญชวนลูกค้าร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลมากมาย พร้อมพบปะกับพรีเซนเตอร์สาวสวย “เบลล่า ราณี แคมเปน” ที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวความพิเศษผ่านธีม "The Seventh Star : A Journey to Tangible Premium" พร้อมอัดแน่นด้วยกิจกรรมแลกรับของรางวัลพิเศษตลอดการจัดงาน ณ ลานกิจกรรมโซน B เซ็นทรัล ลาดพร้าว ตั้งแต่เวลา 10.00- 22.00 น. ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณ และความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้แบรนด์คุมะ หวังว่าลูกค้าจะได้รับความประทับใจและมีความสุขจากกิจกรรมครั้งนี้ และขอยืนยันจะมีกิจกรรมดีๆ เพื่อลูกค้าคนสำคัญอย่างต่อเนื่อง

OR เปิดตัว OR Space รามคำแหง 129

OR Space รามคำแหง  มิติใหม่ของศูนย์การค้า “พื้นที่ความสุข ครบทุกไลฟ์สไตล์ใกล้บ้านคุณ” 



OR Space รามคำแหง 129 มิติใหม่ของศูนย์การค้า พื้นที่แห่งความสุขที่จะเติมเต็มความสุขให้ทุกคน พรั่งพร้อมด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย กลมกลืน เข้าถึงง่าย และเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน


นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และนายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR พร้อมด้วยครอบครัวเซลิบริตี้ชื่อดัง  ปุ้มปุ้ย - พรรณทิพา อรุณวัฒนชัย กวินท์ ดูวาล และ ไซอัสบลู - สกาย ดูวาล ร่วมฉลองพิธีเปิด "OR Space รามคำแหง 129" ศูนย์การค้าแนวใหม่นอกสถานีบริการน้ำมันด้วยแนวคิด “Convenience Mall” บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ณ ถนนรามคำแหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร อย่างเป็นทางการ โดย OR มุ่งมั่นนำเสนอสินค้าและบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งพัฒนารูปแบบร้านค้าและขยายสาขาเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติ และมีแผนการขยายสาขา OR Space อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา OR ได้เปิดให้บริการ OR Space เณรแก้ว สุพรรณบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี 



นายดิษทัต เปิดเผยว่า ในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป OR จึงได้ใช้กลยุทธ์ในการปรับรูปแบบการบริหาร physical platform จากการดำเนินธุรกิจน้ำมันผ่านสถานีบริการ PTT Station ไปสู่การดำเนินธุรกิจค้าปลีก โดยการพัฒนา Retail Mixed-use Platform ที่มีสัดส่วน Non-oil 100% และก้าวสู่ธุรกิจศูนย์การค้าอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และนับเป็นการก้าวเข้าไปสู่การเติบโตในธุรกิจแนวใหม่ จากการที่ OR เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้ว

 




สำหรับ “OR Space รามคำแหง 129” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ เป็นศูนย์การค้ารวบรวมสินค้าและบริการครบครันเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชน โดดเด่นด้วยร้านยูนิโคล่ โรดไซด์ (Uniqlo Roadside) ดีไซน์ใหม่แห่งแรกในประเทศไทย และยังเป็นสาขาแรกในต่างประเทศที่ถอดแบบมาจากร้านยูนิโคล่ สาขามาเอะบาชิ (Maebashi) และนิชิบะ (Nishiiba) ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วยแบรนด์ชั้นนำในเครือ OR อาทิ Café Amazon, found & found, Pacamara และ Otteri รวมถึงสถานีชาร์จ EV Station PluZ ที่มีจุดชาร์จไฟฟ้าถึง 6 ช่องจอด พร้อมด้วยร้านค้าพันธมิตรชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร เช่น หวังฝูข้าวต้มปลา ราดหน้าฟาไฉ เป็นต้น บริการด้านสุขภาพและความงาม เช่น The One Relax & Spa ร้านขายยา Fascino และแว่นท็อปเจริญ ตลอดจนพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน ตลอดจนการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้คน ชุมชน สิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน (Sustainability) ด้วยแนวคิด "All Lifestyle Pulse, Community Heartbeat" เพื่อให้ “OR Space” เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ครบทุกไลฟ์สไตล์ใกล้บ้านคุณ
 



OR Space รามคำแหง 129 พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ พิเศษ! ในโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการ OR จัดโปรโมชั่นพิเศษ เพียงรวมใบเสร็จจากการซื้อสินค้าหรือบริการภายในโครงการ ครบ 800 บาท รับฟรี! ครีมอาบน้ำ Melsavon ขนาด 460ML หรือครบ 500 บาท รับฟรี! โฟมล้างหน้า S-Select Clay Facial Cleansing Foam ขนาด 160 กรัม จากร้าน found & found (จำกัด 1 สิทธิ์ ต่อท่าน ต่อวัน) พร้อมรับคูปองส่วนลดมูลค่า 50 บาท เพื่อใช้ในร้าน found & found เมื่อซื้อสินค้าขั้นต่ำ 399 บาท ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2567

05 พฤศจิกายน 2567

Be Like Bar & Bistro ร้านน้องใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่ภาย สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ


นี่คือ คุณ เชย์ ดิษย์ดนัย (Che Bikerontheway ) เจ้าของร้าน Be Like Bar & Bistro ร้านน้องใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่ภาย สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ คาเฟ่และบาร์สุดเท่ในย่านเพชรบุรีตัดใหม่ โดดเด่นด้วยบรรยากาศสบาย ๆ คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป สามารถเอ็นจอยและดื่มด่ำไปกับค็อกเทลแก้วโปรด อิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูอาหารสไตล์ฟิวชันของทางร้านอย่างเต็มที่พื้นที่ ร้านอาหาร ร้านอาหารบรรยากาศดี อาหารอร่อย ดนตรีเพราะ สัมผัสบรรยากาศดีๆ คุณเชย์เชื่อว่า ร้านอาหารที่ดีจะต้องเข้าใจลูกค้าอย่างถ่องแท้ในทุกองค์ประกอบ เข้าใจอาหาร เข้าใจวัฒนธรรมการกิน เข้าใจเชฟ เข้าใจขั้นตอนในการทำงานครัว เข้าใจลูกค้า เพราะงานอาหารและเครื่องดื่มเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน สัมผัสโมเมนต์ดี ๆ ลิ้มลองอาหารอร่อย ๆ เสิร์ฟคู่กันกับเครื่องดื่มเย็น ๆ พร้อมดนตรีสดที่จะมาสร้างสีสันให้คุณสนุกตลอดคืน




ฉะนั้น Be Like Bar & Bistro  อีกหนึ่งร้านอาหารบรรยากาศดีต่อใจไม่ใช่แค่สวยน่านั่งหรือมีมุมถ่ายรูปลงเท่านั้น ร้าน Be Like Bar & Bistro พร้อมเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มและอาหาร ที่เน้นการคัดสรรวัตถุดิบธรรมชาติ คุณภาพพรีเมียม ต้องเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างประสบการณ์กินดื่มที่ดีที่สุด ทั้งยังสร้างความแปลกใหม่ได้ไม่มีที่สิ้นสุดอีกด้วย ฟังคุณเช เล่าถึงงานที่เขารัก การเดินเข้าร้านอาหารของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ถ้าถามว่า Be Like Ba r& Bistro เข้ามาในชีวิตตอนไหน ความสุขของการใช้ชีวิต การเดินทางท่องเที่ยว ที่เป็นใบเบิกทาง 

ด้วยความเป็นคนชอบท่องเที่ยว และการกินเป็นชีวิตจิตใจ คุณเชย์ เลือกออกแจากความชื่นชอบของตัวเอง “ถ้าเราเข้าใจอาหาร เราจะเข้าใจวัฒนธรรม” คุณเชย์ อธิบายว่า นอกจากแค่รสชาติ ทำไมเขาถึงชอบอาหาร เป้าหมายที่เขาตั้งขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองและทีมไปให้ถึงก็คือ “ทำยังไงก็ได้ให้ร้านเขาขายดี ลูกค้ามานั่งทานแล้วมีควสมสุข มีรอยยิ้มกลับไป” ลูกค้ามาที่นี่ อยากฟังดนตรีสดเพราะๆ หรือจะร้องคาราโอเกะก็ได้ รับรองว่าเพลิดเพลินใจกันทั้งครอบครัว 

“คุณเชย์ ไม่ได้มองแค่ว่า กินแล้วอร่อย เครื่องดื่มชิมแล้วดี แต่ต้องถามถึงความตั้งใจของเชฟหรือ Bartender จิตรกรแต่งแต้มสีสันบนเครื่องดื่ม ซึ่งแปลว่าเราต้องเข้าใจเชฟ เข้าใจ Bartender และทีมงาน บวกกับทำให้ร้านอาหารไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร  อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ ในร้าน มีหลากหลายแต่มี Overall Experience ที่ดีที่สุด รูปลักษณ์ หรือแม้กระทั่งกลิ่นเราก็ต้องคิด”

Be Like Bar & Bistro ร้านเล็กแต่อบอุ่น สำหรับบรรยากาศของทางร้านให้สัมผัสได้ถึงความผ่อนคลาย สบายด้วยการตกแต่งมาอย่างเรียบง่าย และมีอาหารให้เลือกมากมายหลายเมนู  ที่สำคัญคือรสชาติเด็ด! เรียกว่าดีต่อใจทุกจาน  มาสัมผัสบรรยากาศดนตรีสด อาหารอร่อยรสชาติจัดจ้าน โดยคอนเซปต์หลักของที่นี่ก็คือคือ นั่งทานอาหารสบายๆ ปาร์ตี้ หรือเลี้ยงสังสรรค์ โดยมักจะนำอาหารบ้าน ๆ ไปประยุกต์ เช่น บรรยากาศของร้านอบอุ่นสบายๆ มีเมนูอาหารมากมาย รวมถึงมีดนตรีสดบรรเลงให้ฟัง ใครที่อยากปาร์ตี้ร้องเพลงกันอย่างส่วนตัวเรื่องการเดินทางก็ง่ายแสนง่าย ขับรถมาก็มีที่จอดควรค่าแก่การมาเช็คอิน ขอบอกว่ารสชาติของอาหารดีไม่แพ้บรรยากาศ Be Like 






เชื่อว่าทุกคนสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการรับประทานได้อย่างอิสระ มาเริ่มต้นความอิ่มอร่อยของมื้อนี้กันด้วยเมนูทานง่ายสามารถสั่งคู่กันกับเครื่องดื่มน่าลองหลากหลาย เมื่ออิ่มอร่อยกับอาหารมื้อค่ำกันแล้ว อย่าลืมสั่งค็อกเทล ที่นี่สามารถเลือกสั่งได้ตามที่คุณต้องการ



สำหรับโซนบาร์โดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์ ถูกออกแบบสวยงาม มู้ดเป็นบาร์เท่ๆ คอนเซ็ปต์ของร้านได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคหลังสมัยใหม่ ให้ความรู้สึกหรูหราแต่ยังคงความสบายตาเอาไว้ทำให้ไม่รู้สึกเกร็งจนเกินไป เปรียบเสมือนจุดนัดรวมตัวของสายแฮงเอาต์เครื่องดื่มหลากสีสัน ลงตัวให้คนสังเกตเห็นก่อนสิ่งอื่น เป็นที่นั่งกินได้ เคล้าเสียงเพลงที่สลับกันมาเปิดสร้างบรรยากาศในแต่ละวัน 

ร้าน Be Like Bar & Bistro
ภายใน สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ
โทร. 095 4516515
FB Fanpage : Be Like Bar & Bistro