เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

30 กรกฎาคม 2562

บริษัท Innovative Concierge ระดับภูมิภาค ร่วม MOU

ยกระดับการให้บริการและตั้งเป้าเบอร์หนึ่งเอเชีย


กรุงเทพฯ บริษัท เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น  ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือกับ บริษัท ออมเนีย ไลฟสไตล์ สิงคโปร์ ในเรื่องความร่วมมือระดับภูมิภาคในการให้บริการลูกค้าระดับ ไฮเน็ตเวิร์ธ (High Net Worth) นายจักรพันธ์ รัตนเพชร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น  และนายไมเคิล ลี  ประธานกรรมการบริหาร OMNIA Lifestyles ร่วมลงนาม ณ The Common Ground ประเทศสิงคโปร์


นายจักรพันธ์ รัตนเพชร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งบริษัท เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น  เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัท ให้บริการลูกค้าคอร์เปอร์เรทระดับพรีเมี่ยมของไทย ซึ่งได้แก่ธนาคารชั้นนำ ประกัน รถยนต์สุดหรู บริษัท อสังหาริมทรัพย์ และบริษัทข้ามชาติที่มีงานด้านการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าองค์กร (CRM) เพื่อสร้างประสบการณ์อันสุดพิเศษและจัดหาแคมเปญสิทธิประโยชน์จากทั่วโลก


โดยตลอดระยะเวลาที่ ผ่านมาในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำด้าน
CRM ของไทยทำให้ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลแคมเปญ สิทธิประโยชน์ระดับประเทศมากมายและยังได้มีการเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ ซิลเวอร์ โวยาจ (Silver Voyage) เพื่อนำเสนอประสบการณ์อันสุดแสนประทับใจผ่านทางการดูแลแบบครบวงจร และมี  Concierge Service ที่หมายมั่นปั้นมือให้เป็นระดับแถวหน้าของเอเชียที่จะคอยดูแลลูกค้ากลุ่ม ไฮเน็ตเวิร์ธ(High Net Worth) ได้อย่างประทับใจ

นอกเหนือไปจากการให้บริการด้านไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมของลูกค้าขององค์กรแล้ว การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการปักธงการมุ่งหน้าขยายการให้บริการในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปลายปี 2019 นี้จะมีการขยายการให้บริการในประเทศเมียนมาร์และกัมพูชา ซึ่งจะเป็นเจ้าแรกในการให้บริการในด้านนี้


นายไมเคิล ลี ได้กล่าวเสริมอีกว่า ปัจจุบัน มีผู้ให้บริการด้านคอนเซียจและไลฟสไตล์มากมายในสิงคโปร์ซึ่งส่วนมากจะเป็นแบรนด์จากฝั่งยุโรปและอเมริกา ยังไม่มีผู้ให้บริการที่มีต้นกำเนิดจากเอเชีย ความร่วมมือของสองบริษัทในครั้งนี้จะเป็นใบเบิกทางให้การให้บริการสำหรับลูกค้ากลุ่ม ไฮเน็ตเวิร์ธ (High Net Worth) ในภูมิภาคเอเชียมีความแข็งแกร่งมากขึ้น


ด้วยจุดแข็งของสองบริษัทที่มีผู้บริหารที่คร่ำวอดในวงการคอนเซียจเซอร์วิสและการทำ CRM แคมเปญระดับโลก ผนวกกับเครือข่ายพันธมิตรทั่วภูมิภาค อีกทั้งบริษัท OMNIA Lifestyles มีบริษัทลูกที่ให้บริการด้านการจัดไฮเอนอีเวนต์ซึ่งมีลูกค้าองค์กรกว่า 100 รายในสิงคโปร์ ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถร่วมมือกันขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคเอเชียและเพิ่มรายได้อยากมหาศาล โดยตั้งเป้าสร้างรายได้รวมกันของสองบริษัทกว่า 600 ล้านบาทภายในปี 2020 และตั้งเป้าเป็น Innovative Concierge Service อันดับหนึ่งของเอเชีย




ททท. ชวนสาวแซ่บรุ่นใหญ่ Woman Over 50’s ท่องเที่ยวกับแคมเปญ Girl Gang ลั้นลา

ยิ่งเที่ยวยิ่งแซ่บ #ยิ่งเที่ยวยิ่ง young


เว็บไซต์ www.AlwaysForeverYoung.com ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สายการบิน ไทยสมายล์ และ AIA, VIZ Card จัดแคมเปญ Girl Gang ลั้นลา #ยิ่งเที่ยวยิ่งแซ่บ ชวนแก๊งสาวแซ่บรุ่นใหญ่ Woman Over 50’s ออกเดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทย สร้างความสุขให้ชีวิต young & fresh #ยิ่งเที่ยวยิ่ง young


นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท. ร่วมกับพันธมิตร จัดแคมเปญท่องเที่ยว Girl Gang ลั้นลา เพื่อตอบโจทย์ insight กลุ่มนักท่องเที่ยวผู้หญิงที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งมีความ Active, young at heart ไฟแรง สนุกสนาน กับการใช้ชีวิต ชอบท่องเที่ยวและทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้ชีวิตมีสีสันอยู่เสมอ คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการ เป็นผู้บริหารระดับสูง ชีวิตมั่นคงอยู่ในช่วง Prime Time มีศักยภาพในการเดินทางท่องเที่ยวและใช้ชีวิตได้ตามใจปรารถนา และติดโซเชียลไม่ต่างกับเจนวาย กลุ่ม Woman Over 50’s ไม่ให้ความสำคัญกับอายุที่เพิ่มขึ้น คำว่า แก่ ไม่อยู่ในพจนานุกรมของชีวิต




ททท. ร่วมกับเว็บไซต์ www.AlwaysForeverYoung.com ออกแบบทริปที่ตอบโจทย์ insight กลุ่ม Woman Over 50’s มีทั้งหมด 10 destinations 7 themes ดังนี้

1.      สายปาร์ตี้ re-union ยกก๊วนปาร์ตี้ ที่ทะเลปราณฯ

2.      สายเฮลธี ชีวิตดี๊ดี ที่ปราจีนบุรี

3.      สาย Peace & Play หยุดเวลาพักใจ ไปเมืองจันท์ จันทบุรี

4.      สายแฟชั่นไทยสไตล์ชิค ของดีเมืองสกล สกลนคร

5.      สายสตรอง กาญจนบุรี แอดเวนเจอร์ และเชียงราย แอดเวนเจอร์

6.      สายฟินกินตัวแตก

-      กินแซ่บ สุราษฎร์ธานี บนวิถีแห่งสายน้ำ

-      Gastronomy City เมืองนี้มีแต่ของอร่อย ภูเก็ต

-      ปลายทางอร่อยที่เบตง ยะลา

7. สายบุญมูเตลู เก็บแต้มบุญ บนเส้นทางสายมูเตลู อุดรธานี

นายอภิชัยกล่าวสรุปว่า “ขอเชิญ สาวแซ่บรุ่นใหญ่ Woman Over 50’s ทุกท่าน แพ็กกระเป๋ายกแก๊งออกไปลั้นลากับทริปเร้าใจใหม่ ๆ 10 เดสติเนชั่นทั่วไทย เชิญออกแบบไปผจญภัยให้หัวใจสูบฉีด กรีดกรายใส่ผ้าไทยเซลฟี ไปปาร์ตี้ reunion ริมทะเล หรือจะนัดเพื่อนซี้ ตระเวนทำบุญให้สุขใจ

ทางแคมเปญร่วมกับพันธมิตร มอบข้อเสนอพิเศษให้สาวแซ่บ รุ่นใหญ่ จอง Deals โรงแรม ที่พักบัตรโดยสารราคาพิเศษจากไทยสมายล์, โรงแรมกว่า 100 แห่ง การันตีราคาพิเศษที่สุด ลด 30-40%
จองดีลดี ๆ ได้ที่เว็บไซต์แคมเปญ www.GirlGangLunLa.com



นอกจากนี้ VIZ Card และ AIA จัดคอลเลกชันโรงแรม สุด Exclusive ให้สมาชิกสาวแซ่บ อายุ 50 ปีขึ้นไป ที่ถือบัตร VIZ Card และเป็นลูกค้าหรือตัวแทน AIA สามารถรับสิทธิ์จองโรงแรมได้ ราคาสุด Exclusive ภายในเดือนกันยายนนี้

เว็บไซต์แคมเปญ www.GirlGangLunLa.com

29 กรกฎาคม 2562

“กรมราชทัณฑ์ ชวนคนไทยร่วมคืนคนดีสู่สังคม


งานนิทรรศการผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ประจำปี 2562



กรมราชทัณฑ์เตรียมจัดงาน นิทรรศการผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ประจำปี 2562 ภายใต้แนวคิด “ราชทัณฑ์แก้ไข คนไทยให้โอกาส” ระหว่างวันที่ 2-11 สิงหาคม 2562 ณ บริเวณสนามหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม


พันตำรวจเอก ณรัชต์  เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า งานนิทรรศการผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ประจำปี  2562 นี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 52 ภายในงานมีการรวบรวมผลิตภัณฑ์จากการฝึกวิชาชีพฝีมือของผู้ต้องขังทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมภารกิจด้านการพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ พร้อมทั้งสร้างทัศนคติการยอมรับผู้พ้นโทษจากสังคมภายนอก เปิดโอกาสให้ภาครัฐ และเอกชนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขผู้กระทำผิด 

พร้อมทั้งกล่าวว่า “ขอให้ผู้ต้องขังใช้เวลาในเรือนจำให้เป็นประโยชน์มากที่สุด  เมื่อพ้นโทษจะได้มีวิชาชีพติดตัว ไม่กลับมากระทำผิดซ้ำอีก และขอความเมตตาจากสังคมให้การช่วยเหลือ  มอบโอกาสให้อดีตผู้ต้องขังที่มีทักษะวิชาชีพที่ทางเรือนจำได้ฝึกฝนแล้วเข้าทำงานด้วย”


สำหรับกิจกรรมตลอดทั้ง 10 วัน ประกอบด้วย นิทรรศการโครงการพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังที่สำคัญ, บูธสาธิตทักษะฝีมือผู้ต้องขัง การประกวดผลิตภัณฑ์ฝีมือผู้ต้องขัง พร้อมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขังเรือนจำ และทัณฑสถาน อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ภาพวาด งานแกะสลัก งานหัตถกรรม,บูธอาหาร และเครื่องดื่มโดยผู้ต้องขังที่ผ่านการฝึกอบรม, ร้านจำหน่ายสินค้าทั้งจากหน่วยงานเครือข่าย และผู้พ้นโทษที่มีทักษะฝีมือด้านต่างๆ รวมกว่า 100 บูธ สามารถเลือกชม ชิม ช้อป ได้ตามอัธยาศัย

นอกจากนี้ ในแต่ละวันยังมีการแสดงจากผู้ต้องขัง และการแสดงให้กำลังใจผู้ต้องขังผลัดเปลี่ยนออกมาให้ได้ชม เช่น การขับเสภา, การแสดงดนตรีบรรเลง และขับร้อง โดยนำเสนอบทเพลงที่สร้างพลังใจ และให้ความหวัง, กิจกรรมการแสดงนาฏศิลป์ไทยประยุกต์, กิจกรรมการแสดงโขนเทิดพระเกียรติ, การแสดงจินตลีลาของผู้ต้องขังในบทแสดงที่สื่อถึงการพัฒนาคน การฝึกวิชาชีพ และโชว์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมคืนคนดีมีคุณค่าสู่สังคมไทยได้ในที่ 2-11 ส.ค 2562  ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 21.00 น. ที่บริเวณสนามหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร   สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่

 Facebook :  ผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์  Prison Product Thailand   
 ID Line     :  GPGPTHAI  (ในชื่อ Ecommerce ราชทัณฑ์)
 โทร : 098 827 3562



26 กรกฎาคม 2562

พส. ปลูกจิตสำนึกอบรมบุคลากร


เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบและกฎหมาย




 วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2562 เวลา 14.30 น. ณ โรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร นายชูรินทร์ ขวัญทอง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานมอบเกียรติบัตรและปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรแนวทางการปฏิบัติงานความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่

 นายชูรินทร์ กล่าวว่า การปฏิบัติงานราชการ ตามระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติงานราชการพึงมีและถือเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องธำรงไว้ก็คือ การรักษาวินัย ซึ่งถือเป็นการควบคุมความประพฤติให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน กฎหมายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จึงถือเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัยของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้งานราชการสำเร็จลุล่วงตามภารกิจได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 

จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมาย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ยังมีความเข้าใจในข้อกฎหมาย ขั้นตอน วิธีการในการดำเนินการ ไม่ชัดเจน ไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จะส่งผลให้การดำเนินการทางละเมิดไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอาจทำให้การดำเนินการนั้นเสียไป



นายชูรินทร์ กล่าวต่อไปว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรแนวทางการปฏิบัติงานความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 22 - 26 กรกฎาคม 2562  มีผู้เข้าอบรมจำนวน 130 คน จากทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมาย โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถ ปฏิบัติงานด้านความรับผิดทางละเมิด จากสำนักงานศาลปกครอง และกองละเมิดและแพ่ง กรมบัญชีกลาง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติความรับผิดทางละเมิด  ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ มุ่งการปลูกจิตสำนึกและตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบ กฎหมาย และนำไปปฏิบัติ รวมไปถึงรับทราบแนวคำวินิจฉัยของศาลปกครองที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำไปปรับใช้     ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง

 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ  จะมุ่งสร้างจิตสำนึกและตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร  ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  ยึดมั่นในระเบียบ และกฎหมาย เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงาน  ให้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงาน อีกทั้งเพื่อให้การดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง  ความรับผิดทางละเมิดของข้าราชการและเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และประชาชนเป็นสำคัญ  นายชูรินทร์ กล่าวในตอนท้าย





เวิลด์ รีวิร์ด โซลูชั่น : ดิจิทัลไลฟ์ เซอร์วิส

ยกระดับการให้บริการและตั้งเป้าเบอร์หนึ่งเอเชีย











กรุงเทพฯ บริษัท เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น  ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือกับ บริษัท ออมเนีย
ไลฟสไตล์ สิงคโปร์ ในเรื่องความร่วมมือระดับภูมิภาคในการให้บริการลูกค้าระดับ ไฮเน็ตเวิร์ธ (
High Net Worth) นายจักรพันธ์ รัตนเพชร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น  และนายไมเคิล ลี  ประธานกรรมการบริหาร OMNIA Lifestyles ร่วมลงนาม ณ The Common Ground ประเทศสิงคโปร์

นายจักรพันธ์ รัตนเพชร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งบริษัท เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น  เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัท ให้บริการลูกค้าคอร์เปอร์เรทระดับพรีเมี่ยมของไทย ซึ่งได้แก่ธนาคารชั้นนำ ประกัน รถยนต์สุดหรู บริษัท อสังหาริมทรัพย์ และบริษัทข้ามชาติที่มีงานด้านการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าองค์กร (CRM) เพื่อสร้างประสบการณ์อันสุดพิเศษและจัดหาแคมเปญสิทธิประโยชน์จากทั่วโลก
โดยตลอดระยะเวลาที่ ผ่านมาในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำด้าน CRM ของไทยทำให้ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลแคมเปญ สิทธิประโยชน์ระดับประเทศมากมายและยังได้มีการเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ ซิลเวอร์ โวยาจ (Silver Voyage) เพื่อนำเสนอประสบการณ์อันสุดแสนประทับใจผ่านทางการดูแลแบบครบวงจร และมี  Concierge Service ที่หมายมั่นปั้นมือให้เป็นระดับแถวหน้าของเอเชียที่จะคอยดูแลลูกค้ากลุ่ม ไฮเน็ตเวิร์ธ(High Net Worth) ได้อย่างประทับใจ

World Reward Solutions 

เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น’ ไลฟ์สไตล์เซอร์วิส บริการผ่านดิจิทัลนอกเหนือไปจากการให้บริการด้านไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมของลูกค้าขององค์กรแล้ว การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการปักธงการมุ่งหน้าขยายการให้บริการในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปลายปี 2019 นี้จะมีการขยายการให้บริการในประเทศเมียนมาร์และกัมพูชา ซึ่งจะเป็นเจ้าแรกในการให้บริการในด้านนี้

นายไมเคิล ลี ได้กล่าวเสริมอีกว่า ปัจจุบัน มีผู้ให้บริการด้านคอนเซียจและไลฟสไตล์มากมายในสิงคโปร์ซึ่งส่วนมากจะเป็นแบรนด์จากฝั่งยุโรปและอเมริกา ยังไม่มีผู้ให้บริการที่มีต้นกำเนิดจากเอเชีย ความร่วมมือของสองบริษัทในครั้งนี้จะเป็นใบเบิกทางให้การให้บริการสำหรับลูกค้ากลุ่ม ไฮเน็ตเวิร์ธ (High Net Worth) ในภูมิภาคเอเชียมีความแข็งแกร่งมากขึ้น









ด้วยจุดแข็งของสองบริษัทที่มีผู้บริหารที่คร่ำวอดในวงการคอนเซียจเซอร์วิสและการทำ 
CRM แคมเปญระดับโลก ผนวกกับเครือข่ายพันธมิตรทั่วภูมิภาค อีกทั้งบริษัท OMNIA Lifestyles มีบริษัทลูกที่ให้บริการด้านการจัดไฮเอนอีเวนต์ซึ่งมีลูกค้าองค์กรกว่า 100 รายในสิงคโปร์ ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถร่วมมือกันขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคเอเชียและเพิ่มรายได้อยากมหาศาล โดยตั้งเป้าสร้างรายได้รวมกันของสองบริษัทกว่า 600 ล้านบาทภายในปี 2020 และตั้งเป้าเป็น Innovative Concierge Service อันดับหนึ่งของเอเชีย




"Superbrands" มอบรางวัลซุปเปอร์แบรนด์ประจำปี 2561


23 กรกฎาคม 2562 ซุปเปอร์แบรนด์ประทศไทย (Superbrands) มอบรางวัลซุปเปอร์แบรนด์ประจำปี 2561 ให้กับสุดยอดแบรนด์ชั้นนำทั้ง23 แบรนด์ ณ สยามพารากอน
ซุปเปอร์แบรนด์ประทศไทยมอบรางวัลซุปเปอร์แบรนด์ประจำปี 2561 ให้กับสุดยอดแบรนด์ ชั้นนำ 23 แบรนด์ที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากผู้บริโภคทั่วประเทศร่วม 15,000 คน โดยพิธีมอบรางวัลดังกล่าวดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 และความสำคัญของรางวัลนี้เปรียบเสมือนรางวัลออสการ์ด้านการสร้างแบรนด์ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยแบรนด์ที่ได้รับการ โหวดให้ใด้รับรางวัลซุปเปอร์แบรนดีในปีนี้ทั้งหมด23 แบรนด์ได้แก่

AIS, Bangchak, Beger, Blackmores, Chaindrite, Chaingard, Khao Shong,Giffarine, Hi-Kool, Isuzu, Krungsri Auto, Lamina Films, LG, Major Cineplex,Morakot, Muang Thai Life Assurance, Santa Fe, Snake Brand, PEA, Siam Paragon, Twelve Plus, Watsons and Yamaha
และสุดยอดแบรนด์แห่งปีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดของปี2561 นี้ได้แก่ Siam Paragonโดยรางวัลซุปปอร์แบรนด์ที่ได้มอบให้กับแบรนด์ไปแล้วนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นละวางใจในตัวแบรนด์นั้นๆ ของผู้บริโภคและส่งผลให้แบรนด์ข้างต้นได้รับรางวัล ซุปเปอร์แบรนด์อันทรงเกียรติในปีนี้ รวมไปถึงความเป็นเลิศด้านการสร้งแบรนด์ของเบรนด์ต่างๆ ในประเทศไทยจนได้รับการโหวตจากผู้บริโภคให้ได้รับรางวัลชุปเปอร์แบรนด์ประจำปี2561 ซึ่ง
เป็นการดอกย้ำถึงความสำเร็จอันสูงสุดเนื่องจากรางว้ลดังกล่าวนี้ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงจากผู้บริโภครวมทั้งบุคคลในสายงานด้านการตลาด ประชาสัมพันธ์และตัวแทนคณะกรรมการอิสระของซุปเปอร์แบรนด์


สำหรับปี 2561 นี้นับได้ว่าเป็นปีแห่งความสำร็จอีกปีหนึ่งของซุปเปอร์แบรนด์ประเทศไทยในฐานะที่เป็นองค์กรที่ทำงานด้านการวัดและการประเมินความสำเร็จของการสร้างแบรนด์ผ่าน การสำรวจการตลาดจากทั่วประเทศพื่อคัดสรรแบรนด์ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้รับการไว้วางใจจากผู้บริโภคมากที่สุดเพื่อเข้ารับรางวัลซุปเปอร์แบรนด์

ซุปเปอร์แบรนด์มีความยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการโปรโมทแบรนด์ไทยทั้งในและนอกประเทศพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการก้าวเข้าสู่ระดับนานาชาติให้มากยิ่งขึ้น เราเป็นองค์กรอิสระองค์กรหนึ่ง ที่มุ่งมั่นและยืนหยัดในการทำงานเพื่อผลักดันแบรนด์ไทยให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป


สอบถามข้อมูลเพิ่มเดิมได้ที่ คุณปรีชา แก่นพรม
ผู้อำนวยการ, ซุปเปอร์แบรนด์ประเทศไทย
โทร: 02-660-1567 (จันทร์-ศุกร์: 8.00- 17.00 น.)

23 กรกฎาคม 2562

“ยืม” สมาร์ทโฟนที่ “คุ้มกว่า สมาร์ทกว่า” ผ่านแอพพลิเคชั่น “ยืมมั้ย”

“ยืมมั้ย” เหมาะกับใครบ้าง ?



“เอสซีไอ” ผู้นำด้านไฟฟ้าและเทคโนโลยี จับมือ “โกลด์ อีลิท ปารีส” ผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือทองคำ พร้อมพันธมิตร 5 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ ปั้นแบรนด์ “ยืมมั้ย” บริการยืมโทรศัพท์มือถือรายแรกในไทย พลิกโฉมทางเลือกใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้โทรศัพท์มือถือยุคปัจจุบันและอนาคต พุ่งเป้ายืมทั่วไทย 100,000 เครื่องต่อปี

นายสุทธิเกียรติ กิตติภัทรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยืมมั้ย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท โกลด์ อีลิท ปารีส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมมือกับ บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จํากัด(มหาชน) เพื่อร่วมปั้นแบรนด์ใหม่ “ยืมมั้ย” บริการยืมโทรศัพท์มือถือครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ยืมมั้ย (ประเทศไทย) จำกัด โดยเล็งเห็นว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป โดยใช้โทรศัพท์มือถือนานขึ้นมากกว่า 2 ปี และเปลี่ยนเครื่องใหม่น้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ อาทิ ราคาโทรศัพท์มือถือที่มีราคาสูงขึ้น หรือการขายต่อในราคาที่ต่ำมาก ดังนั้น บริการยืมโทรศัพท์มือถือจะสามารถแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด โดยคาดว่า “ยืมมั้ย” จะได้รับความนิยมและเป็นทางเลือกใหม่ในการตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือของผู้บริโภคในไม่ช้า พร้อมตั้งเป้าผู้ใช้บริการ 100,000 เครื่องต่อปี


“ถึงแม้จะมีข้อจำกัดหลายด้านที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือช้าลง แต่ทุกคนก็อยากจะใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ และก้าวให้ทันเทคโนโลยีได้อย่างไม่สะดุด ในวันนี้ “ยืมมั้ย” จึงถือกำเนิดขึ้น ในรูปแบบบริการยืมมือถือที่จะมาพลิกโฉมวงการสมาร์ทโฟน และตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อน ไม่ต้องทนใช้มือถือเก่าอีกต่อไป และหมดปัญหาการนำเครื่องเก่าไปขายในราคาที่ต่ำมาก ๆ ซึ่งเรามั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจโทรศัพท์มือถือกว่า 12 ปี จะสามารถตอบสนองได้ตรงความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี” นายสุทธิเกียรติกล่าว
“ยืมมั้ย” นับเป็นการพลิกโฉมทางเลือกใหม่ของการใช้โทรศัพท์มือถือในประเทศไทย ที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้โทรศัพท์มือถือคนรุ่นใหม่ ด้วยแนวคิด “คุ้มกว่า สมาร์ทกว่า” โดยให้บริการยืมโทรศัพท์มือถือ “สมาร์ทโฟน” รุ่นยอดนิยมและรุ่นใหม่ล่าสุด ด้วยขั้นตอนการยืมที่สะดวกรวดเร็วผ่านแอพพลิเคชั่น “ยืมมั้ย” (Yuemmai) ทั้งในระบบ iOS และ Android
สัญญาเช่า 12 เดือน (365 วัน) ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 30 บาทต่อวัน หรือประมาณ 900 บาทต่อเดือน และค่ามัดจำเริ่มต้นเพียง 575 บาทต่อเดือน พร้อมฟรีค่าโทรและค่าอินเทอร์เน็ตรายเดือน จึงทำให้คุ้มค่ากว่าการซื้อ ส่วนค่ามัดจำจะได้รับคืนหลังคืนเครื่องไม่เกิน 7 วัน หรือใช้เป็นค่ามัดจำในการยืมเครื่องรุ่นใหม่ในปีถัดไป ซึ่งผู้ยืมจะได้รับโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่แกะกล่องทุกครั้ง สามารถชำระเงินเป็นรายเดือนโดยไม่ต้องใช้เงินก้อน ผ่านบัตรเครดิตบนระบบการชำระเงินที่มีความปลอดภัยสูง พร้อมประกันภัยความเสียหายตลอดการใช้งาน ได้เครื่องใหม่ทันทีไม่ต้องซ่อม นอกจากนั้น ยังฟรีค่าจัดส่งถึงมือ รวมถึงบริการโอนถ่ายข้อมูลจากเครื่องเก่าไปเครื่องใหม่ที่ปลอดภัย 100% และสิทธิพิเศษโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้า/บริการมากมาย

กลุ่มเป้าหมายหลักของ “ยืมมั้ย” เน้นไปที่คนรุ่นใหม่ นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ และผู้ที่มองหาทางเลือกใหม่ของการใช้สมาร์ทโฟน รวมถึงกลุ่มลูกค้าองค์กรที่มีความต้องการใช้โทรศัพท์ในธุรกิจหรือเป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายช่องทางการจำหน่ายให้แก่กลุ่มองค์กรจำนวน 15,000 เครื่องต่อปี โดยแบ่งสัดส่วนเป็นลูกค้าทั่วไป 70% และลูกค้าองค์กร 30%

บริการ “ยืมมั้ย” ยังเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและสร้างปรากฎการณ์ให้วงการธุรกิจไทย บนความร่วมมือของผู้นำธุรกิจระดับประเทศ 5 บริษัทจากแต่ละอุตสาหกรรม ภายใต้โมเดลธุรกิจ “Ecosystem Business” ด้วยการรวมสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน สู่บริการที่พร้อมส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคตั้งแต่ต้นจนจบ (End-to-End) ตอบโจทย์ มีคุณภาพ และครบวงจรความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่นี้ประกอบด้วย เอสซีไอ (SCI) ผู้นำด้านไฟฟ้าและเทคโนโลยี บริษัทผู้ร่วมลงทุนหลัก, ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) สถาบันการเงินพาณิชย์แห่งแรกและเป็นหนึ่งในห้าธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นผู้ดูแลระบบจัดการการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่ปลอดภัยระดับโลก, แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส (AIS) ผู้ให้บริการเครือข่ายอันดับหนึ่ง เพื่อให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือพร้อมแพ็คเกจสุดพิเศษแก่ลูกค้ายืมมั้ย, เมืองไทยประกันภัย บริษัทประกันภัยอันดับหนึ่ง ดูแลรับประกันตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือตลอดการใช้งาน และ คอมเซเว่น (COIII7) ผู้นำอันดับหนึ่งการจำหน่ายสินค้าไอที เป็นพันธมิตรจุดรับบริการลูกค้ายืมมั้ยผ่านศูนย์ iCare

นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จํากัด (มหาชน) ผู้ร่วมทุนหลักของ “ยืมมั้ย” กล่าวว่า “ยืมมั้ย เป็นเวทีสำคัญให้เราพิสูจน์ฝีมืออีกครั้งในฐานะของผู้นำด้านเทคโนโลยี โดยเราได้มองเห็นศักยภาพของตลาดโทรศัพท์มือถือในเมืองไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นโอกาสที่การบริการยืมโทรศัพท์ของ “ยืมมั้ย” จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ สามารถช่วยแก้ปัญหาและข้อจำกัดต่าง ๆ ในการซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ เพียงแค่เปลี่ยนเป็น “ยืม” รวมถึงความร่วมมือจากพันธมิตรที่ดีที่สุดในการให้บริการครบวงจร เราเชื่อว่า “ยืมมั้ย” จะเป็นมิติใหม่ของวงการโทรศัพท์มือถือ/สมาร์ทโฟน และท้ายที่สุด “ยืมมั้ย” จะช่วยสร้างอุปสงค์และมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือให้กลับมาเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญนั่นเอง” นายเกรียงไกรกล่าว


“ยืม” สมาร์ทโฟนที่ “คุ้มกว่า สมาร์ทกว่า” ผ่านแอพพลิเคชั่น “ยืมมั้ย” 
ได้แล้ววันนี้ ทั้งในระบบ iOS  และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 975 5988

เว็บไซต์ yuemmai.com
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดี ๆ ของ “ยืมมั้ย” ได้ที่ Facebook: ยืมมั้ย

พส. เดินหน้าระดมความคิดกำหนดแนวทางการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรอง

เรื่อง การจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม
ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจ



วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2562 เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร
นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรอง เรื่อง การจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังค
มตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 โดยมี นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองประธานกรรมการคนที่สอง นางจินตนา จันทร์บำรุง รองอธิบดีฯ ในฐานะหัวหน้าผู้ปฏิบัติงานสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เข้าร่วมประชุม

นางนภา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก โดยการส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจฐานราก สร้าง “คุณค่ารวม” ระหว่างภาคธุรกิจ สังคม และผู้บริโภคพร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดวิสาหกิจเพื่อสังคมในด้านต่าง ๆ ช่วยส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่นหรือช่วยแก้ไขปัญหาสังคมและพัฒนาชุมชน อาทิ การจ้างงานคนพิการ หรือผู้ผ่านการต้องขัง เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพและความสุขของคนในชุมชน พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เรียกโดยย่อว่า “สวส.” และใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “Office of Social Enterprise Promotion” เรียกโดยย่อว่า “OSEP” ตั้งอยู่ ณ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ชั้น 6 เพื่อให้ความช่วยเหลือและพัฒนาวิสาหกิจเพื่อสังคมและกลุ่มกิจการเพื่อสังคม รวมทั้งประสานความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ให้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ




นางนภา กล่าวต่อไปว่า สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ได้ดำเนินการกำหนดแนวทางการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรอง จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ กฎหมายลำดับรองที่เป็นการดำเนินงานภายในเกี่ยวกับสำนักงาน และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอก ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2562 เห็นควรให้การจัดทำร่างกฎหมายลำดับรองที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกควรหารือร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้เกิดความครอบคลุม จึงได้จัดการประชุมครั้งนี้ขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการกำหนดแนวทางการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรอง โดยมี คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ผู้แทนสถานประกอบการ ผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน ที่เข้าร่วมการประชุม และได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจากทีมมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และ สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม


การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นภารกิจที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมขับเคลื่อนและดำเนินงานสร้างการรับรู้ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ งานกิจการเพื่อสังคมที่เป็นรูปธรรม โดยการทำงานแบบบูรณาการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมทั้งสร้างความตระหนักแก่ภาคเอกชน ให้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาพัฒนาประเทศไทยในด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป นางนภา กล่าวในตอนท้าย

โครงการ THAILAND VILLAGE ACADEMY

เปิดตัว 44  เยาวชน 17 ประเทศ แข่งเล่าเรื่อง โปรโมตชุมชนวัฒนธรรมไทย 


โรงแรม SC Park กรุงเทพฯโครงการ THAILAND VILLAGE ACADEMY ร่วมกับ  กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  และบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์  จำกัดเว็บไซต์ Hello Local.travel และ Readme.me เปิดตัว 44 เยาวชนนักเล่าเรื่องจากทั่วโลก ร่วมแข่งขันโปรโมตชุมชนแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมไทย ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท



คุณทัศชล เทพกำปนาท ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม 
กล่าวว่า  “กรมส่งเสริมวัฒนธรรมมีนโยบายในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมในชุมชน ให้นำทุนทางวัฒนธรรมมาใช้ในการเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทางสังคมและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์  ทางกรมฯ จึงได้ให้การสนับสนุนโครงการ
Thailand Village Academy ซึ่งจัดขึ้นเพื่อยกระดับแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมในชุมชนให้เป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งการเรียนรู้วัฒนธรรมไทยสำหรับเยาวชนต่างชาติทั่วโลก โดยทางโครงการฯ ได้คัดเลือกชุมชนที่มีวัฒนธรรมและมรดกภูมิปัญญาที่โดดเด่น และมีปราชญ์ชุมชนที่พร้อมถ่ายทอดให้ความรู้แก่เยาวชน  ซึ่งชุมชนต้นแบบแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมสำหรับเยาวชนที่จะเปิดตัวในโครงการปีนี้มี 22 ชุมชน แบ่งเป็น ภาคกลาง 7 ชุมชน ภาคเหนือ 5 ชุมชน ภาคใต้ 5 ชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 ชุมชน ดังนี้


คุณทัศชล เทพกำปนาท ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

ภาคกลาง หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โฮมสเตย์ไทรน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทยพวน จ.นครนายก วิสาหกิจท่องเที่ยวโดยชุมชน ตำบลถ้ำรงค์ จ.เพชรบุรี ชุมชนบ้านบางพลับ จ.สมุทรสงคราม ชุมชนตำบลบ้านแหลม  จ.สุพรรณบุรี ชุมชนตำบลหนองโรง จ.กาญจนบุรี ชุมชนตลาดโรงพักเก่าสรรพยา  อ.สรรพยา จ.ชัยนาท

ภาคเหนือ  ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย จ.สุโขทัย ชุมชนบ้านท่ามะโอ จ.ลำปาง ชุมชนบ้านน้ำจำ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ชุมชนหล่อโย จ.เชียงราย ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมลาวเวียง ตำบลหาดสองแคว จ.อุตรดิตถ์

ภาคใต้ ท่องเที่ยวชุมชนตำบลทุ่งหว้า จ.สตูล ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก จ.กระบี่ ชุมชนบ้านลำขนุน จ.ตรัง ชมรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนพรหมโลก จ.นครศรีธรรมราช หมู่บ้านชาวนาวิถีไทย วิถีโหนด นา เล จ.สงขลา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตำบลบ้านเชียง จ.อุดรธานี ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์ ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเขมราฐ นาแวง เจียด จ.อุบลราชธานี ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชนเผ่าไทกวนบ้านนาถ่อน จ.นครพนม ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้านภู จ.มุกดาหาร

และหลังจากการพัฒนาชุมชนต้นแบบแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมไทยเสร็จสิ้นแล้ว ทางโครงการฯ ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  บริษัท การบินไทย จำกัด และบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์  จำกัด  Hello Local.travel และ Readme.me  วยขยายผลจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนเยาวชนทั่วโลกมาเที่ยว


คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์  ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์  ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ ทุกชุมชนมีเรื่องเล่า ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราวประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ น่าตื่นเต้น และน่าเรียนรู้ โดยเฉพาะในมุมของเยาวชนต่างชาติ เพราะเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจในการเดินทางท่องโลกเพื่อเรียนรู้และสัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง   เยาวชนชอบใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่น กลุ่มเยาวชนต่างชาติจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะช่วยเผยแพร่ ส่งต่อเรื่องราวของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันมีเสน่ห์โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ของไทยให้เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก 

โครงการ  Thailand Village Academy เปิดโอกาสให้ The Story Curators บล็อกเกอร์เยาวชนทั่วโลก ที่มีความสามารถในการคัดสรรและเล่าเรื่องราว Travel Story และมีทักษะในการใช้ Social Media เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทาง สมัครมาร่วมภารกิจแข่งขันชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท โดยมีบล็อกเกอร์เยาวชนจำนวน 1,423 คน จาก 86 ประเทศทั่วโลกสมัครร่วมกิจกรรม 

โดยเยาวชนที่ได้รับคัดเลือกมี 44 คน  จาก 17 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย อังกฤษ รัสเซีย เนปาล สิงค์โปร มาเลเซีย ภูฏาน อิสราเอล อิตาลี ยูเครน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เปรู ออสเตรเลีย ตูนิเซีย ไนจีเรีย และ ประเทศไทย ที่จะร่วมภารกิจการแข่งขันในระหว่างวันที่ 24-29 กรกฎาคม ผู้เข้าแข่งขันที่คัดสรร นำเสนอเรื่องราวชุมชนได้น่าสนใจ และสร้าง Social Engagement ผ่านสื่อออนไลน์ให้กับชุมชนสูงสุด จะเป็นผู้ชนะ โดยทางโครงการมีกำหนดประกาศผลผู้ชนะวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ผ่านช่องทางเว็บไซต์หลักของโครงการฯ www.thailandvillageacaademy .com 

ททท. มั่นใจว่า ผลงานสร้างสรรค์ของนักเล่าเรื่อง The Story Curators  ทั้ง 44 คนนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนทั่วโลกอยากเดินทางมาเที่ยว มาสัมผัสดินแดนมหัศจรรย์แห่งการเรียนรู้วัฒนธรรมของไทยอย่างแน่นอน ขอเชิญทุกท่านติดตามเรื่องราวการแข่งขันของทั้ง 44 คน  และช่วยเป็นกำลังใจให้พวกเขาผ่าน Website Readme.me  ที่ผลงานผู้เข้าแข่งขันบล็อกเกอร์เยาวชนไทย  https://th.readme.me/campaign/the-village-story ผลงานผู้เข้าแข่งขันบล็อกเกอร์เยาวชนต่างชาติ https://readme.me/campaign/the-village-story”

คุณปรียนันท์ มงคลศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดดิจิทัล บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน )  กล่าวว่า “จากงานวิจัยขององค์กรท่องเที่ยวเยาวชนโลก ระบุว่า ในปี 2563  จะมีนักท่องเที่ยวเยาวชนทั่วโลกเดินทางจำนวนประมาณ 370 ล้านคน  และโดยใช้เวลาในการท่องเที่ยวเฉลี่ย 50  วัน และใช้จ่ายเงินในการท่องเที่ยวประมาณ $2,600   หรือ 85,000 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดนักท่องเที่ยวเยาวชนต่างชาติมีความสำคัญมากและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเป็นโอกาสสำคัญของชุมชนไทยที่จะได้ต้อนรับเยาวชนจากทั่วโลกให้มาท่องเที่ยว และเรียนรู้วัฒนธรรมในชุมชน  เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ช่วยชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน ในส่วนของการบินไทยและไทยสมายล์จะสนับสนุนโครงการโดยจัดทำบัตรโดยสารราคาพิเศษสำหรับเยาวชน เพื่อร่วมกิจกรรมการตลาดต่อยอดการขายแพ็กเกจท่องเที่ยวชุมชนต่อไป”



คุณทัศชล เทพกำปนาท  กล่าวต่อว่า“โครงการ Thailand Village Academy ช่วยยกระดับแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมในชุมชน สร้างจุดขายด้านการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ต่อยอดจากต้นทุนอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่มีอยู่เดิมของชุมชน  มาสร้างคุณค่าใหม่ที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชน   และที่สำคัญยิ่งเปิดโอกาสให้ปราชญ์ชุมชน 22 ชุมชน ซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่มีชีวิต มีคุณค่าของชุมชน ได้รับการยกย่องและมีบทบาทในฐานะ Local Guru บอกเล่าประสบการณ์มรดกทางภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่า ถ่ายทอดให้เยาวชนนักเดินทางได้เรียนรู้  ผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการฯ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยวเท่านั้น  เพราะสิ่งที่สำคัญคือกลุ่มนักท่องเที่ยวเยาวชนต่างชาติ ที่จะช่วยเผยแพร่ ส่งต่อเรื่องราวของวัฒนธรรม วิถีชีวิตอันมีเสน่ห์โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ น่าภาคภูมิใจของไทยให้เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก ช่วยสร้างความภาคภูมิใจให้กับชุมชน ผู้เป็นเจ้าของทุนทางวัฒนธรรมนั้น ๆ ก่อให้เกิดความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะอนุรักษ์สืบสานต่อไปอย่างยั่งยืน”