เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

29 เมษายน 2566

อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ จัดงานฉลองครบรอบโรงแรม 29 ปี

พร้อมกับครบรอบ 1 ปีของห้องอาหารเปรโก้ กรุงเทพฯ และเปิดตัวบาร์แห่งใหม่ บาร์ มิลาโน่

โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ในฐานะโรงแรมแฟล็กชิพของแบรนด์อมารีจากทั่วทั้งเอเชีย จัดงานฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 29 ปี พร้อมกับวันครบรอบ 1 ปีของห้องอาหารอิตาเลียนเปรโก้ กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญนี้ ทางโรงแรมได้จัดงานเฉลิมฉลองอันน่าตื่นเต้น เพื่อเป็นไฮไลท์สำคัญแก่งานนี้ นำโดย คุณสุขมาล มอนเดล ผู้จัดการทั่วไปภาคพื้นกรุงเทพ (ที่ 1 จากซ้าย), ฯพณฯ ซีบิลล์ เดอ การ์ทิเย่ร์ ดีฟส์ เอกอัครราชทูตเบลเยี่ยมประจำประเทศไทย (ที่ 2 จากซ้าย), คุณมีมี่ เทา นางแบบแฟชั่นระดับนานาชาติ (ที่ 3 จากซ้าย), คุณสรัญญา วัฒนศิริสุข รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคล ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ที่ 2 จากขวา) และเชฟมาร์โค บอสกาอินี หัวหน้าเชฟอิตาเลียน ประจำห้องอาหารเปรโก้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ที่ 1 จากขวา)




ห้องอาหารเปรโก้ กรุงเทพฯ เปิดให้บริการเมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นสถานที่แห่งใหม่ในกรุงเทพตลอดระยะเวลา 1 ปี สำหรับลูกค้าที่หลงรักในอาหารจากอิตาลี ภายใต้การดูแลของเชฟมาร์โค บอสกาอินี จึงเป็นที่มาให้เปรโก้ กรุงเทพฯ นำเสนอเมนูที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารอิตาเลียนคลาสสิก เมนูจากสูตรของเชฟมาร์โคโดยเฉพาะ รวมถึงตัวเลือกที่ปราศจากกลูเตน และเมนูที่คัดสรรมาเป็นพิเศษสำหรับคุณหนูๆ

ในงานเฉลิมฉลองนี้ยังเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของ บาร์ มิลาโน่ (Bar Milano) บาร์ดีไซน์สุดชิค ที่ตั้งอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรม ให้บริการค็อกเทลที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเฉพาะสำหรับที่นี่เท่านั้นโดยมิกซ์โซโลจิสต์มากฝีมือประจำโรงแรม บาร์ มิลาโน่ นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองหลวงและสไตล์ของประเทศอิตาลี ถือเป็นจุดนัดพบและรวมตัว ไม่ว่าจะเป็นโอกาสพิเศษหรือการนัดพบกับคนสนิท สำหรับการเริ่มต้นมื้ออาหารค่ำหรือเครื่องดื่มยามดึกในค่ำคืนที่แสนวิเศษของคุณ บาร์ มิลาโน่ จะเป็นหนึ่งในสถานสุดพิเศษที่สำหรับทุกคน

งานเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 17.30 น. ในการเปิดตัวครั้งใหญ่ของ บาร์ มิลาโน่ และการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 1 ปีของห้องอาหารเปรโก้ กรุงเทพฯ ในครั้งนี้ มีคนดังในแวดวงสังคม สื่อ และแขกผู้เข้าร่วมอีกมากมาย หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดคุยมากที่สุดในค่ำคืนนี้คือ “มินิ

แฟชั่นโชว์” ที่นำเสนอถึงความเป็นมิลานสไตล์ในกรุงเทพฯ เพื่อสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของร้านอาหารและบาร์ โดยทางโรงแรมได้ร่วมมือกับแบรนด์ “ชากะ (Shaka)” เสื้อผ้าแบรนด์ไทยที่ใส่ใจทั้งดีไซน์ ทั้งสิ่งแวดล้อม นำเสนอคอลเลคชั่นล่าสุด ถือเป็นอีกหนึ่งความคิดริเริ่มจากโครงการ “การมีจิตสำนึกเพื่อความยั่งยืน” ที่โรงแรมยึดถือมาโดยตลอด

โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ห้องอาหารเปรโก้ กรุงเทพฯ และ บาร์ มิลาโน่ จะยังคงสนับสนุนชุมชน ผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตลอดไป

อลังการ!! โช้คอัพ "YSS" เปิดศูนย์บริการและกระจายสินค้าแบบครบวงจร ตอกย้ำความยิ่งใหญ่แบรนด์คนไทยเบอร์หนึ่งของโลก

โช้คอัพพรีเมี่ยมคลาส YSS (วาย.เอส.เอส.) ประกาศความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องในฐานะโช้คอัพคนไทยเบอร์หนึ่งของโลก เดินหน้าพลิกโฉมอุตสาหกรรมอะไหล่ยนต์ เปิดศูนย์บริการและกระจายสินค้าแบบครบวงจร YSS D.C. (Distribution and Service center) สุดอลังการด้วยงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท เปลี่ยนพื้นที่กว่า 8 ไร่ เป็นศูนย์ฯ ต้นแบบ รวมทั้งเป็นแฟลกชิพสโตร์แห่งแรก ยิ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดของโลก พร้อมวางแผนธุรกิจตั้งเป้าขยายศูนย์บริการเพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ รวมถึงต่างจังหวัดและประเทศต่างๆในอาเซียน




ไทย ภายใต้แบรนด์  YSS (วาย.เอส.เอส.) ที่ทั่วโลกยอมรับ สำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์  จนก้าวเป็นอันดับ 1 ทั้งในไทยและต่างประเทศ เปิดศูนย์ “YSS D.C.” หรือ YSS Distribution and Service Center โดยมี นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานกรรมการ และนาย ภิญโญ พานิชเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นประธานในงาน พร้อมด้วย นายฮาร์รี เอสเซ้นส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา รวมถึงพันธมิตรจากทั่วโลกเข้าร่วมงานในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีพ

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานกรรมการ บริษัท วาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดศูนย์ “YSS D.C.” ซึ่งเป็นทั้งสำนักงานใหญ่ ศูนย์บริการและศูนย์กระจายสินค้าแบบครบวงจร (Distribution and Service Center) ที่มุ่งตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า โดยรวมเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีความทันสมัยที่สุดมาเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างเร็วที่สุดไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก นอกจากนี้ภายในยังแบ่งออกเป็นหลายส่วน ได้แก่


บริษัท วาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายโช้คอัพ HIGH PERFORMANCE สัญชาติ

- โชวร์รูม ส่วนแสดงสินค้าของ YSS และพาร์ทเนอร์ เป็นสถานที่แสดงสินค้า YSS ที่ใหญ่ ครบ และทันสมัยที่สุดในโลก มีสินค้าพร้อมให้บริการครบทุกรุ่น  การันตีพร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า  

- พิพิธภัณฑ์  YSS Museum และ YSS Hall of Fame ที่รวมเรื่องราว YSS ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เรื่องราวของถ้วยรางวัลระดับแชมป์ จากรายการแข่งขันระดับโลก ที่นักแข่ง-ทีมแข่ง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ YSS จนประสบความสำเร็จ และยังเป็นส่วนจัดแสดงรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ที่ติดตั้งผลิตภัณท์ YSS ทั้งรุ่นใหม่และรถรุ่นเก่าอายุมากกว่า 60 ปี รวมถึงรถที่คว้าแชมป์จากรายการระดับโลกก็ถูกนำมาจัดแสดงที่แห่งนี้ด้วย  

- ศูนย์บริการ ส่วนงานติดตั้งผลิตภัณท์ YSS ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ที่มีมาตราฐานระดับสูง พร้อมให้บริการปรับเซ็ตโช้คอัพให้ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้ามากที่สุด โดยส่วนนี้จะมีห้องพักรับรองสำหรับลูกค้าที่จะมองเห็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา 

- ระบบบริหารคลังสินค้า (Warehouse Management System หรือ WMS) ที่ทันสมัย มีการออกแบบการจัดส่ง การลำเลียงสินค้า การเติมเต็มสินค้าในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะทำให้การบริหารสินค้าคงคลังมีประสิทธิภาพมากขึ้น การจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า ทำได้เร็วและแม่นยำ 

- Automated Storage & Retrieval System (ASRS) ระบบจัดเก็บและจ่ายสินค้าอัตโนมัติ ระบบเก็บสินค้าเต็ม Pallet โดยใช้ระบบเครนอัตโนมัติทำงานร่วมกับระบบ WMS  เพื่อเกิดประโยขน์สูงสุดในการบริหารพื้นที่ มีความแม่นยำ และปลอดภัยต่อพนักงาน  

- พื้นที่คอมมูนิตี้ (Community) พื้นที่รองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสำหรับตัวแทนจำหน่าย กลุ่มคลับ หรือกลุ่มลูกค้าทีใช้ผลิตภัณฑ์ YSS  รวมถึงยังเป็นจุดรวมพลก่อนออกทริปอีกด้วย

- พื้นที่ไลฟ์สไตล์ ร้านอาหารระดับพรีเมี่ยมในราคาที่เข้าถึงได้ เปิดรับทั้งลูกค้าที่มาใช้บริการ YSS D.C. และ ผู้ที่สนใจจากภายนอก เราคัดสรรทุกร้านมาอย่างพิถีพิถัน อาทิ ก๋วยเตี๋ยวเรือยอร์ช ร้านเขียง พัฟแอนด์ พาย และชาตรามือ


ทั้งนี้ ศูนย์ “YSS D.C. (YSS Distribution and Service Center) เป็นต้นแบบและก้าวใหม่ของอุตสาหกรรมอะไหล่ยนต์ ในการให้บริการและกระจายสินค้าอย่างครบเครื่องและทันสมัยที่สุด และยังเป็นแฟลกชิพสโตร์แห่งแรกของประเทศไทยและทั่วโลก เพื่อให้เป็นศูนย์ฯต้นแบบของบริษัท หลังจากนั้นจะกระจายไปยังที่อื่นๆ ในส่วนภูมิภาคในรูปแบบของบริษัทลงทุนเอง หรืออาจจะให้ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทเป็นผู้ลงทุนในรูปแบบของแฟรนไชส์ในอนาคต

นอกจากนี้ นาย ภิญโญ พานิชเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ผลประกอบการในปี 2022 ที่ผ่านมามีมูลค่าถึง 1,070 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนตลาดในประเทศ 49% จำนวน 519 ล้านบาท และตลาดส่งออก 51% จำนวน 551 ล้านบาท  และยังมีแผนที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 2566 เพื่อหาพันธมิตร และพัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าอย่างต่อเนื่อง


โดยปัจจุบัน YSS มีสินค้ารองรับทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์รวมถึงยานพาหนะประเภทอื่นๆ อีกหลากหลายประเภทมากกว่า 8,200 รายการ ครอบคลุมกว่า 3,100 โมเดลทั่วโลก  มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดโลกกลุ่มสินค้าประเภทประสิทธิภาพสูง(High Performance) มีกำลังการผลิตมากกว่า 1.5 ล้านชิ้นต่อปี มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) มากถึง 6 แห่งทั่วโลกเริ่มจาก ประเทศไทย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฮอลแลนด์ สเปน และ ประเทศอิตาลี ส่งออกไปจำหน่ายมากกว่า 40 ประเทศ และยังมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศมากถึง 60 ราย รวมถึงมีศูนย์บริการ 134 แห่งทั่วโลก โดยยังวางแผนขยายไปยังประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ เยอรมันนี อิตาลี อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ กรีก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และ จีน ฯลฯ  อีกทั้งยังเป็นโช้คอัพอันดับหนึ่งของประเทศไทยและยังเป็น  1 ใน 5 แบรนด์จากทั่วโลกที่ได้การรับรองมาตรฐานคุณภาพระดับสูง ABE จากประเทศเยอรมัน ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ 

จากความสำเร็จที่กล่าวมา สามารถยืนยันได้ถึงความสำเร็จของโช้คอัพแบรนด์คนไทย YSS ได้เป็นอย่างดี รวมถึงการเปิดศูนย์บริการที่ยิ่งใหญ่ของ YSS D.C. (YSS Distribution and Service Center) เป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการโช้คอัพโดยเฉพาะในประเทศไทย ที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวแทนจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงลูกค้าเก่าและผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อโช้ค ได้อย่างยอดเยี่ยมสมฐานะ “โช้คอัพอันดับหนึ่งของประเทศไทย” ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกอย่างแท้จริง!

“YSS โช้คอัพคนไทย ระดับโลก”

“รัน-ไทเกอร์” คลั่งรักไม่ไหว หวานหนักมากในตอนสุดท้าย “ติณณ์เต็มใจ” ช่อง 3

ทำเอาแฟน ๆ ฟินไปตาม ๆ กันในซีรีส์ “ติณณ์เต็มใจ” ช่อง 3 กับคู่ของ “รัน-ไทเกอร์” ที่นับวันยิ่งหวานขึ้นเรื่อย ๆ จนน้ำตาลเรียกพี่ หลังจากที่พี่ภาค (รัน กัณต์ธีภพ) ยอมรับความรู้สึกดี ๆ ที่ติณณ์ (ไทเกอร์ เอกพล) มีให้ ก็ได้กลายเป็นคนคลั่งรัก แถมยังขี้อ้อนอีกด้วย

มาลุ้นกันต่อว่าความรักของทั้งสองจะเป็นอย่างไรกับตอนสุดท้ายของซีรีส์ที่เรื่องราวกำลังเข้มข้น ห้ามพลาด เมื่อพี่ภาคได้พยายามก้าวข้ามผ่านปมในใจของตนเอง รวมถึงเพิ่มสกิลการอ้อนติณณ์ขึ้นไปอีก 

จนชาวแก๊งหมูกรอบเหม็นเบื่อ แต่ในขณะหวานกันอยู่กลับมีเหตุให้พี่ภาคต้องหึงหวงจนติณณ์งอนถึงขั้นที่ห้ามพี่ภาคเข้าห้องกันเลยทีเดียว งานนี้ต้องลุ้นกันเลยว่าพี่ภาคจะง้ออย่างไร และความหวานของคู่นี้จะไปสุดที่ตรงไหน ต้องติดตาม







ร่วมลุ้นและฟินไปกับความรักของ “พี่ภาค-น้องติณณ์” ในตอนจบของซีรีส์ “ติณณ์เต็มใจ”
วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ดูสดเวลา 22.45 น. ทางหน้าจอช่อง 3 รวมถึงติดตามความเคลื่อนไหวของ

ซีรีส์ได้ที่ Facebook / YouTube / Instagram : MFlow Entertainment #Tintemjaitheseries
“ดูทีวีกด 33 ดูมือถือกด 3plus”

28 เมษายน 2566

(ส.น.อ.) จัด “ดินเนอร์ทอล์ค”

สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ 

(ส.น.อ.) จัด “ดินเนอร์ทอล์ค”นำโดย ดร.โสภาพิมพ์ เศรษฐบุตร สิมะกุลธร นายกสมาคมฯ จัดการบรรยายพิเศษพร้อมอาหารค่ำ   ในหัวข้อเรื่อง “เหลียวหลังแลหน้า เมื่อโลกาภิวัฒน์พังทลาย”   โดย เรียนเชิญ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน, วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ บรรยาย...ที่โรงแรม เดอะทวินทาวเวอร์ เมื่อเร็วๆนี้ 

โดยมี ดร.โคธม และพรทิพย์ อารียา ,ดร.พฤฒิไกร ไกรพิพัฒน์ ,ศรีสองรัก ชัยสิทธิ์ , ณรงค์ รักวงษ์ ,
เอิร์ธ สายสว่าง ,บุญญาดา กฤติยะโชติกุล และ ดร.จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา เข้าร่วมงาน...







สถานที่ : โรงแรม เดอะทวินทาวเวอร์

27 เมษายน 2566

ครั้งแรกกับการเปิดรับสมัคร นักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แชร์ข้อมูลเที่ยวเชิงประสบการณ์ พร้อม แคมเปญ “ขุมทรัพย์ 365 มหัศจรรย์เมืองไทย”


ครั้งแรกกับการเปิดรับสมัคร นักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แชร์ข้อมูลเที่ยวเชิงประสบการณ์ พร้อม แคมเปญ “ขุมทรัพย์ 365 มหัศจรรย์เมืองไทย” ตามล่าน้องสุขใจ scan QR รับรางวัลท่องเที่ยว ส่งต่อความมหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ 365 วัน 

วันนี้ ศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 เวลา 10:30 น. ณ ห้องโถงธนะรัชต์ ชั้น 1 อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สํานักงานใหญ่ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ (ททท.) พร้อมด้วยนางสาวเสาวนีย์ วงษ์สมพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด คลูก ประเทศไทย และนายฐานัฐพ์ โลห์คุณสมบัติ นักแสดงและพิธีกร ได้ร่วมกันเปิดตัวโครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน พร้อมประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่น่าสนใจภายในโครงการฯ 




โครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน เป็นโครงการที่มุ่งเน้นในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวไทย และเทศกาลต่างๆ ตลอดปี 2566 โดยมีการจัดทำเว็บไซต์รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทย และระบบแนะนำแหล่งท่องเที่ยวสุดล้ำ ที่จะช่วยค้นหาแหล่งท่องเที่ยวที่ตรงใจนักท่องเที่ยวมากที่สุด 

โดยภายในงานได้มีการเปิดตัวกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยกันถึง 2 กิจกรรม ได้แก่
- กิจกรรมรับสมัคร “นักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” โดยททท.ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว และชื่นชอบการสร้างคอนเทนต์ ได้มาร่วมงานกับททท. ในการออกเดินทางท่องเที่ยว พร้อมรับเงินเดือน และของรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท

- กิจกรรม ขุมทรัพย์ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย  กิจกรรมที่สร้างสรรค์ให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางตามหาน้องสุขใจ ซึ่งจะตั้งอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศ และสแกน qr code เพื่อรับของรางวัลมากมายมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีการเสวนาในหัวข้อ ทิศทางการท่องเที่ยวไทยปี 2566 โดยมีนางสาวเสาวนีย์ วงษ์สมพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด คลูก ประเทศไทย และนายฐานัฐพ์ โลห์คุณสมบัติ นักแสดงและพิธีกร ร่วมเสวนา ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกและคึกคัก



ทั้งนี้ผู้ที่สนใจในโครงการและกิจกรรม สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tourismthailand.org/amazingthailand365

#365วันมหัศจรรย์เมืองไทย #365มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน #AmazingThailand #ททท

DITP ผนึกกำลังภาคเอกชนจัด THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 พฤษภาคมนี้

 คาดสร้างรายได้ 70,000 ล้านบาท

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย (TCC) และโคโลญเมสเซ่ (KM) เดินหน้าจัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 ในวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ยิ่งใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย บนพื้นที่กว่า 130,000 ตารางเมตร โดยเปิดเจรจาการค้าทั้ง 5 วัน และให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม และซื้อสินค้าได้ในวันสุดท้ายของการจัดงาน ซึ่งงานจัดขึ้นภายใต้แนวคิด Beyond Food Experience เปิดประสบการณ์ที่ “มากกว่า” งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม รวมทุกความต้องการไว้ในงานเดียว พร้อมดึงผู้ซื้อจากทั่วโลกมาเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ร่วมจัดแสดงในงานกว่า 3,000 บริษัท ตั้งเป้าเงินสะพัดกว่า 70,000 ล้านบาท

นางสาวณัฐิยา สุจินดา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ปี 2563–2565 เป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้การจัดงาน THAIFEX – ANUGA ASIA ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาต้องมีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ปีนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ผู้จัดงานทั้ง 3 ฝ่าย จึงเดินหน้าเตรียมจัดงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 เต็มรูปแบบให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อให้งานนี้เป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และเป็นเวทีการค้าระดับโลกสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่จะได้มาเจรจาธุรกิจ สร้างโอกาสทางการตลาด ค้นหานวัตกรรม เทคโนโลยี แรงบันดาลใจ เชื่อมต่อธุรกิจทุกภาคส่วนในวงการอาหาร และงานนี้ยังเป็นการเน้นย้ำให้ทั่วโลกเห็นศักยภาพของประเทศไทยในฐานะผู้นำในการผลิตและส่งออกอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ตามนโยบายอาหารไทยอาหารโลกของกระทรวงพาณิชย์

“ปีนี้จะมีผู้ประกอบการมาร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 3,000 บริษัท ประมาณ 5,500 คูหา รวม 43 ประเทศ แบ่งเป็นผู้ประกอบการไทย 1,200 บริษัท และผู้ประกอบการต่างชาติจากทั่วโลก ทั้งเอเชียตะวันออก อาเซียน ยุโรป สหรัฐอเมริกา ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งเราก็คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าชมงานมาเจรจาการค้ากว่า 60,000 คน จาก 120 ประเทศทั่วโลก เนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มของไทยได้รับความสนใจจากต่างชาติมาก โดยเราตั้งเป้าว่างานปีนี้จะมีมูลค่าการสั่งซื้อกว่า 70,000 ล้านบาท และมีมูลค่าการสั่งซื้อออนไลน์ผ่าน THAIFEX Virtual Trade Show กว่า 1,500 ล้านบาท” นางสาวณัฐิยา กล่าว 

ภายในงานจะมีการจัดแสดงสินค้า โดยแบ่งเป็น 11 โซนสินค้า ประกอบด้วย สินค้าอาหารทุกประเภท อาหารทะเล เนื้อสัตว์ อาหารแช่แข็ง ข้าว ผักและผลไม้ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ชาและกาแฟ เครื่องมือ/เครื่องใช้/อุปกรณ์ รวมถึงบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมทั้งกิจกรรมพิเศษมากมาย   ทั้งการแข่งขัน Thailand Ultimate Chef Challenge กิจกรรมเสวนาให้ความรู้ กิจกรรมเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ (Export Clinic) และยังมีโซนพิเศษที่จะอัปเดตเทรนด์ผู้บริโภค อาทิ THAIFEX - Anuga Halal Market, THAIFEX – Anuga Organic Market, THAIFEX – Anuga Future Food Market, Future Food Experience+, THAIFEX – Anuga tasteInnovation Show, Thai SELECT Pavilion พร้อมทั้งนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ DITP Service Center นิทรรศการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพร นิทรรศการ Thailand: The Land of Tropical Fruits นิทรรศการ THAIFEX - Anuga Halal Pavilion และ Information Stand ของหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งการเปิดตัวงานแสดงสินค้าใหม่อีกหนึ่งงาน THAIFEX – HOREC ASIA ที่มุ่งเน้นลูกค้าในกลุ่มธุรกิจ HoReCa 

นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง THAIFEX – Virtual Trade Show ควบคู่กับการจัดทาง On Ground เพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่ไม่สะดวกเดินทาง ซึ่งสามารถเข้าไปเลือกประเภทสินค้าที่สนใจ ชมคูหา 3 มิติ วิดีโอ แค็ตตาล็อกสินค้า และรูปภาพสินค้า รวมถึงเจรจาการค้าทางวิดีโอคอล แชต หรือฝากข้อความได้

ดร.กฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยมีความเข้มแข็ง และเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคนี้ ในปี 2565 ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับ 15 ของโลก มีมูลค่า 1.36 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.7 จากปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินค้าอาหารในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ประเทศต่าง ๆ ทยอยเปิดประเทศตั้งแต่ต้นปี 2565 

“งาน THAIFEX – ANUGA ASIA มีความสำคัญต่อผู้ประกอบการไทย ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ SMEs รวมถึงกลุ่มสตาร์ตอัป ที่จะมีโอกาสนำสินค้าและบริการเข้าสู่ตลาดทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ จึงเชื่อว่างานนี้จะช่วยส่งเสริมธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด” ดร.กฤษณะ กล่าว 

ดร.กฤษณะ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าการกลับมาจัดเต็มรูปแบบอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการรายใหญ่มากมาย โดยจะมีการนำเสนอนวัตกรรม และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การระบุเรื่อง Carbon Footprint และ Eco Score การนำเสนอแนวคิดสินค้าที่เกี่ยวกับ Zero Waste และ Food Waste การให้ความสำคัญกับแนวทางความยั่งยืนตลอด Value Chain ซึ่งนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จะไม่เป็นเพียงกระแส แต่จะกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนหันมาใช้อย่างจริงจัง 

ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง SMEs ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และสตาร์ตอัป ก็ให้ความสนใจเข้าร่วมแสดงสินค้าจำนวนมากเช่นกัน เพราะเป็นโอกาสที่จะได้แนะนำสินค้า ทดสอบตลาด และสร้างโอกาสทางธุรกิจกับงานระดับนานาชาติ

ทางด้าน นายภูษิต ศศิธรานนท์ ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย กล่าวถึงการดำเนินมาตรการด้านความยั่งยืนในการจัดงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2023 ว่า “เราได้ดำเนินมาตรการที่จะเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มการใช้งานระบบดิจิทัลและแอปพลิเคชันมือถือ ลดการใช้สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น คู่มือและโบรชัวร์ รวมไปถึงยกเลิกการใช้พรมบริเวณทางเดิน และปรับมาใช้บัตรเข้างานแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยประหยัดสายคล้องคอได้กว่า 70,000 เส้น นอกจากนี้ หลังจบงานจะนำเอาป้ายและแบนเนอร์ต่าง ๆ ในงาน ไปจัดทำเป็นกระเป๋า เพื่อนำไปบริจาคให้โรงเรียน และองค์กรการกุศล ตามเป้าหมายในการจัดงานแสดงสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเป้าหมายสูงสุดของเรา คือ การเป็นผู้นำและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นร่วมกันคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมทั้งในปัจจุบันและในอนาคต"

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 ได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โทร.1169 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่ www.thaifex-anuga.com เจรจาธุรกิจวันที่ 23–27 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00-18.00 น.

จำหน่ายปลีกวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00-20.00 น. ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 5-12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

ททท. ปลุกพลัง “Soft Power” ปั้นขุมทรัพย์จุดประกายต่อยอดท่องเที่ยวไทย!

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปลุกพลัง “Soft Power” ผ่านสุดยอดเวทีฟอรั่มซอฟต์พาวเวอร์และการท่องเที่ยวแห่งปี ในงาน “The Soft Power Tourism 2023” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 - 28 เมษายน 2566 ณ ศูนย์ประชุม C asean รัชดา เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร หวังจุดประกายให้คนท่องเที่ยวเดินหน้าเติบโตผ่านคีย์หลักสำคัญของ Soft Power : 5F กลยุทธ์อันทรงพลัง พร้อมผลักดันวงการการท่องเที่ยวไทยก้าวสู่ "Thailand Fresh Start"

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เผยว่า ภายใต้การขับเคลื่อนปีท่องเที่ยวไทย 2566 ททท. มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมายภายใต้แนวคิด Amazing 5F and more นำเสนอ Soft Power of Thailand ประกอบด้วย Food - อาหาร, Film - ภาพยนตร์, Fashion -แฟชั่น, Fight - ศิลปะการต่อสู้ และ Festival - งานเทศกาล ควบคู่กับการยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy ในครั้งนี้ ททท. เล็งเห็นโอกาสในการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวผู้เป็นฟันเฟืองหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ จึงได้สนับสนุนการจัดงาน “The Soft Power Tourism 2023” เวทีฟอรั่มเพื่อคนท่องเที่ยวที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในทุกแขนงของพลัง Soft Power มาร่วมต่อยอดไอเดีย พลิกความคิด พิชิตกลยุทธ์ใหม่ในการทำธุรกิจท่องเที่ยว ควบคู่การตลาด 6.0 โดยมีไฮไลต์สำคัญบนเวทีกิจกรรมบรรยายให้ความรู้ และกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมอง (Panel Discussion) จากเหล่าวิทยากรหัวกะทิใน 7 กุญแจหลักสำคัญ ประกอบด้วย 



High Quality Tourism การท่องเที่ยวคุณค่าสูงสู่สากล เจาะลึกกระแสการท่องเที่ยวคุณค่าสูงและการส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เหนือระดับ โดย ศาสตราจารย์ ดร.เทิดชาย อยู่บำรุง รู้จัก รู้จริง รู้ใจ Thailand Soft Power ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและเจาะลึกพลัง Soft Power โดย อ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน ผศ.ดร.พันธุมดี เกตะวันดี คุณวิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ และ คุณจุฑาพัฒน์ ปิติปภาดา ผู้ดำเนินรายการ กลยุทธ์การตลาดการบริการและความยั่งยืน ติดอาวุธเรียนรู้กลยุทธ์การตลาดเพื่อ

การท่องเที่ยวและอัพเดตเทรนด์การตลาดเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดย ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล อัจฉริยะการตลาด คอนเทนต์ท่องเที่ยวไทย ดังไกลสู่สากล ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองวิธีการผลักดัน Soft Power ด้านภาพยนตร์ (Film) ให้เป็นแม่เหล็กสำคัญดึงดูดการท่องเที่ยว เรียนรู้กลยุทธ์การพัฒนาต่อยอดแหล่งท่องเที่ยว และเทคนิคการสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล โดย คุณบรรจง ปิสัญธนะกูล (คุณโต้ง -  GDH) คุณภัทรพงศ์ วงค์เที่ยง (คุณภัทร - OKWEGO) คุณวิธวินท์ วีระพงษ์ (คุณม้ง - OKWEGO) และคุณณัฐวุฒิ ชวินกุล ผู้ดำเนินรายการ


อาหารไทย เล่าลือไกล ทั่วโลก ผ่าแนวความคิดธุรกิจอาหาร Lineman Wongnai มาตรฐานอาหารไทย
สู่การมอบรางวัล Best Restaurant Award โดย คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ทำความรู้จัก MSC School โรงเรียนสอนทำอาหารที่ยกระดับวัตถุดิบชุมชนต่อยอดสู่การท่องเที่ยว โดย เชฟโอ๋ - ญาณัส มะอาจเลิศ และ TOCA องค์กรที่เติบโต ต่อยอด ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สู่การท่องเที่ยวเชิงออร์แกนิก โดย คุณอรุษ นวราช

กลยุทธ์การตลาดการท่องเที่ยวไทย 6.0 ลับสมองให้เท่าทันกลยุทธ์การตลาดเพื่อผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน โดย คุณณัฐพล ม่วงทำ การตลาดวันละตอน 

Sustainable Tourism Goals ท่องเที่ยวไทย ยั่งยืน คืนกลับ ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองกับตัวแทนผู้ประกอบการที่มีแนวคิดผสานความยั่งยืนและการท่องเที่ยวให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และการต่อยอดอย่างยั่งยืนเพิ่มจุดขายให้น่าสนใจ โดย คุณสรรพวัต กันตามระ (Go Green Booking) คุณไอยรีลดา จิรโชคชยานันทร์ (The Motifs Eco Hotel) คุณอรุษ นวราช (สามพรานโมเดล) และคุณณัฐวุฒิ ชวินกุล ผู้ดำเนินรายการ

พร้อมกันนี้ ในงานยังได้ร่วมพูดคุยกับแขกคนพิเศษในช่วง Sustainability Talk เพิ่มคุณค่าเพื่อความยั่งยืน โดย คุณทอปัด สุบรรรณรักษ์ (บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)) และ Special Session : ห่วงโซ่คุณค่าความยั่งยืนของการท่องเที่ยวไทย ที่จุดประกายแรงบันดาลใจจากตัวแทนของห่วงโซ่คุณค่า โดย คุณมยุรี อรุณวรานนท์ (GEPP Platform) คุณจิรานุช ชุนเจริญ (BeeBox Printing) คุณหนึ่งฤทัย ปทุมวงศ์ (โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ) คุณจุฑาพัฒน์ ปิติปภาดา ผู้ดำเนินรายการ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแสดงตระการตาและนิทรรศการการแสดงผลงานให้ร่วมสร้างความทรงจำและความประทับใจของพลัง Soft Power of Thailand ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและกิจกรรมภายในงานได้ที่ https://www.facebook.com/SoftPowerTourism