เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

30 กันยายน 2567

Aviyana Hua Hin เปิดตัว! รีสอร์ทใหม่ริมชายหาดชะอำ

อวิญานา หัวหิน (Aviyana Hua Hin) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวรีสอร์ทติดทะเลแห่งใหม่อย่างเป็นทางการโดยมี คุณสุมาลี คูรานา ประธานกรรมการผู้จัดการรีสอร์ท ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีตัดริบบิ้นและกล่าวเปิดงานร่วมกับ คุณชาญชัย ปรีชา ผู้จัดการทั่วไปและคุณณิชาภัทร ศรีสำราญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมในงาน ณ ห้อง AVOWS Ballroom


คุณสุมาลี กล่าวว่า “ความตั้งใจของรีสอร์ทแห่งนี้คือการสร้างสถานที่สำหรับคนทุกเจเนอเรชันสามารถมาพักผ่อนและสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน เราต้องการให้ อวิญานา หัวหิน (Aviyana Hua Hin) เป็นรีสอร์ท ที่ผู้คนสามารถสัมผัสถึงความอบอุ่น ความสุข และความสงบ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในชีวิตประจำวัน” เราจึงเลือกทำเลบนพื้นที่ชายหาดชะอำ เพราะเราอยากให้ผู้ที่เข้ามาพักได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เปรียบเสมือนสวรรค์แห่งการพักผ่อน และยังให้ความรู้สึกเหมือนบ้านสำหรับทุกคนที่มาเยือน โดยกลยุทธ์การลงทุนของทางรีสอร์ทคือการเลือกโลเคชั่นที่เห็นวิวดี ความสวยงามของวิวธรรมชาติติดทะเล เป็นจุดขายสำคัญที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมถึงการเดินทางที่สะดวกและไม่ไกลจากกรุงเทพฯ


คุณชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางรีสอร์ทฯให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้เข้าพักเป็นอย่างมาก โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ รีสอร์ท อวิญานา หัวหิน กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ทุกคนสามารถมาพักผ่อนอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการมาพักผ่อนกับครอบครัว การจัดงานแต่งที่เนรมิตความโรแมนติกในบรรยากาศริมทะเล หรือการจัดกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ เช่น งานเลี้ยงและสัมมนา โดยทางรีสอร์ทมีพื้นที่ให้บริการสำหรับการจัดงานในโอกาสพิเศษ คือ Siamara พื้นที่จัดงานเลี้ยงบนด้านฟ้ากลางแจ้งแบบไพร์เวท และ AVOWS Ballroom ห้องบอลรูมสำหรับการประชุมและงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถรองรับแขกได้มากถึง 300 คน คุณชาญชัยยังกล่าวเสริมว่า "ทางรีสอร์ทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีส่วนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในหัวหิน ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีด้วยพื้นที่สำหรับการรองรับในการทำกิจกรรม"


คุณณิชาภัทร เผยว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมในหัวหินขณะนี้มีการแข่งขันที่สูงมาก ด้วยเหตุนี้ ทางรีสอร์ทจึงได้ทำการศึกษาพฤติกรรมเชิงลึกของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อหาจุดเด่นที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด เธอระบุว่า "นอกจากคนไทยจะชื่นชอบอาหารรสจัดแล้ว เรายังพบว่านักท่องเที่ยวต้องการประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น" ด้วยแนวคิดนี้ รีสอร์ท อวิญานา หัวหิน ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ จึงเน้นย้ำจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ ผ่านร้านอาหารของรีสอร์ทอย่าง Miss T Beach Café และ Pomelo All-Day Dining ซึ่งยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นของไทย เช่น กะปิ สาโท และใบชะคราม ให้กลายเป็นเมนูหรูหราที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
"ที่นี่เราภูมิใจที่จะบอกว่าลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับอาหารอาหารฟิวชั่นสไตล์นานาชาติริมชายหาด พร้อมฟังเสียงคลื่นทะเลที่สงบพร้อมดื่มด่ำกับรสชาติอาหารที่คัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ " คุณณิชาภัทรกล่าว
ด้วยการออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่กลมกลืนไปได้อย่างลงตัวกับธรรมชาติอันงดงามของอ่าวไทย รีสอร์ท อวิญานา หัวหิน มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 115 ห้อง โดยมีห้องพักหลากหลายประเภทให้เลือกดังนี้:
• ห้อง Superior ขนาด 40 ตร.ม. จำนวน 37 ห้อง
• ห้อง Deluxe Sea View ขนาด 40 ตร.ม. จำนวน 62 ห้อง
• Oasis Beachfront Villa ขนาด 53 ตร.ม. จำนวน 8 ห้อง
• Ambassador Suite แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 247 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (2 ห้อง)
• Ocean View Suite แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 165 ตร.ม. จำนวน 3 ยูนิต (2 ห้อง) ราคาที่เริ่มต้นเพียง 3,500 บาทต่อคืน


นอกจากนี้ รีสอร์ทยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำท่ามกลางวิวทะเลแบบพาโนรามา โดยผู้เข้าพักสามารถเดินลงจากที่พักเพื่อเดินเล่นบนชายหาดได้ทันที รวมถึงรีสอร์ทยังมีห้องอาหารและบาร์สำหรับให้บริการแก่ผู้เข้าพัก ได้แก่ ร้าน Pomelo All-Day Dining ที่ให้บริการอาหารเช้าร่วมถึงยังมีบริการขายอาหารตลอดทั้งวัน, ร้าน Miss T Beach Café สุดชิลล์ที่สามารถรับประทานอาหารและดื่มด่ำกับบรรยายริมทะเลไปพร้อมกัน และ Nest Pool Bar ที่สายค็อกเทลห้ามพลาดสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนสุดชิลล์ ณ รีสอร์ท อวิญานา หัวหิน (Aviyana Hua Hin)






สอบถามเพิ่มเติม โทร.032-512-311
อินสตาแกรม: @aviyanahuahin
จองห้องพักได้ที่: booking@aviyanahuahin.com
🌐 Facebook: Aviyana Hua Hin
📍 พิกัด: No. 1515 Phet Kasem Rd, Sai Tai, Cha-am District, Phetchaburi, Thailand, Phetchaburi




"วราวุธ" รมว.พม. เปิดงานวันผู้สูงอายุสากล 2567

ย้ำไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสมบูรณ์แล้ว ดัน นโยบาย พม. 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร 

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ที่สถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานวันผู้สูงอายุสากล ประจำปี 2567 (International Day of Older Persons 2024) ภายใต้แนวคิด “การสูงวัยอย่างมีศักดิ์ศรี :
ความสำคัญของการเสริมสร้างระบบการดูแล และสนับสนุนผู้สูงอายุทั่วโลก” "Ageing With Dignity:
The Importance Of Strengthening Care And Support Systems For Older Persons Worldwide”



โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวรายงานถึงการจัดงาน และนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กล่าวถึงความร่วมมือในการจัดงาน พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวง พม.  นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้แทนภาคีเครือข่ายผู้สูงอายุ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน 

ในงานมีการกล่าวสาส์นสากล โดยนางสาวสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงานกองทุนประชากรแห่ง (UNFPA) ประจำประเทศไทยอาจารย์นคร ถนอมทรัพย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล - ประพันธ์และขับร้อง) พุทธศักราช 2554 อายุ 92 ปี ร้องเพลง "สดใสวัยชรา" พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จากนั้นมีพิธีแสดงความยินดี นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน ผู้นำขบวนการแพทย์ชนบท" (RURAL DOCTORS MOVEMENT) ได้รับรางวัลรามอนแมกไซไซไซ (Ramon Magsaysay Award) ประจำปี 2567 


สำหรับภายในงานมีการจัดกิจกรรมในบรรยากาศย้อนไปในยุคดิสโก้ หรือยุค 70 อาทิ การประกาศเจตนารมณ์วันผู้สูงอายุสากล , นิทรรศการวิชาการ นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร , นิทรรศการระบบการดูแลและสนับสนุนผู้สูงอายุ โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ , การสาธิตผลิตภัณฑ์ผู้สูงอายุศูนย์การเรียนรู้การแสดงทางวัฒนธรรมและการสร้างเศรษฐกิจเพื่อชุมชนอย่างยั่งยืน , การสาธิตดนตรีบำบัด วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล , บริการตรวจสุขภาพฟัน โดยมูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ , บริการตรวจสุขภาพ โดยโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง 



นายวราวุธ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ซึ่งองค์การสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันผู้สูงอายุสากล ถือเป็นวันเฉลิมฉลองที่สำคัญของผู้สูงอายุทั่วโลก เพื่อแสดงถึงคุณค่าของผู้สูงอายุให้คนทั่วไปตระหนักว่าตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ผู้สูงอายุได้สร้างคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง คุณงามความดี รวมทั้งสรรค์สร้างทุกสิ่งให้กับสังคมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุจำนวนมาก คิดเป็นร้อยละ 20.08 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) จึงได้จัดงานมหกรรมวันผู้สูงอายุสากล ประจำปี 2567 เพื่อรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุ ในความสูงอายุยิ่งมีความสูงค่า เพราะผู้สูงอายุเป็นผู้เชี่ยวชาญชีวิต ผู้มากประสบการณ์ ไม่ใช่ผู้รอรับการสงเคราะห์ สามารถเป็นพลังของสังคมและเป็นส่วนสำคัญและเป็นทางออกของการแก้ปัญหาวิกฤตโครงสร้างประชากรของประเทศไทย ด้วยการใช้ศักยภาพมาร่วมพัฒนาสังคม และมีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้อย่างเหมาะสม ตามมาตรการสำคัญ 5 มาตรการ ภายใต้นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร ของกระทรวง พม. ได้แก่ 1. การมุ่งการป้องกันโรคมากกว่ารักษาโรค 2. การขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้ผู้สูงอายุ 3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน 4. การส่งเสริมให้มีสภาพแวดล้อม ทั้งภายในบ้าน รอบบ้าน และในชุมชน และ 5. การส่งเสริมให้มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในทุกมิติ ผู้สูงอายุทุกจะเป็นพลัง เป็นทรัพยากรที่สำคัญ เป็นทางออกของการแก้ปัญหาวิกฤตโครงสร้างประชากรของประเทศไทย ผู้สูงอายุไม่ได้เป็นภาระหรือผู้ไม่มีศักยภาพ 




นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. และเครือข่ายทุกภาคส่วนจะร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายด้านการดูแลผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่ในชุมชนของตนเองได้อย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียมกัน และจะเสริมสร้างศักยภาพของผู้สูงอายุในประเทศไทยให้เป็นกลุ่มคนที่เป็นกำลังหลักคอยสนับสนุนคนรุ่นต่างๆ ในสังคมไทย

#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธรับฟังทำจริง
#พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว  #ผู้สูงอายุ
#วันผู้สูงอายุสากลปี2567

29 กันยายน 2567

คอนเสิร์ต“นักร้อง นักดนตรียิ่งใหญ่ ตระการตา”


เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2567 เวลา 18.00 - 21.00 น. 9 floor HELIX EMQUARTIER ปรัชญ์ สุวรรณศร และthat’s it singers. ร่วมกับ ซี เอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) แสดงดนตรีการกุศล เพื่อดับไฟป่า รักษาต้นน้ำ บ้านแม่หางหลวง จังหวัดเชียงราย การกลับมารวมตัวกันของนักร้องมากฝีมือ นำทีมโดย ป๊อด Moderndog



นำเสนอแนวเพลงในยุค 1960s ที่มีการร้องประสานเสียงอย่างโดดเด่น รายได้จากการจัด concert ทางผู้จัดจะนำ ไปร่วมสมทบทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์และระบบการป้องกันไฟป่า ที่บ้านแม่หางหลวง ต.ป่างิ้ว อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย


รัฐสภาพลิกวิกฤตเป็นโอกาส พาไทยทั้งชาติมุ่งสู่ NET ZERO

กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา น้องอิน น้องเอม และพวกพ้อง กลุ่ม Below the Tides ได้เข้าพบ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ หลังได้รับเกียรติร่วมพิธีประกาศเจตนารมณ์รัฐสภาสีเขียวมุ่งสู่การเป็น Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2032 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสาร สร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน (Corban Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ของรัฐสภา และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ที่ ห้องประชุมมนา B1 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา เกียกกาย กรุงเทพฯ และ Live Stream ผ่านระบบอินทราเน็ตสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร


ก่อนเริ่มงาน นายวันนอร์ กล่าวว่า “เราจะประกาศเจตนารมณ์ที่จะลดคาร์บอน และแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศของโลกที่กำลังเดือด ที่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วม โดยประเทศไทยเห็นชัด ฉะนั้น ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ และการที่ทำให้โลกสีเขียวเป็นเรื่องสำคัญ โดยวันนี้เราจะประกาศเจตนารมณ์ของสภาฯ ที่จะให้เป็นสภาฯสีเขียว”


สองพี่น้องอิน-เอม กล่าวว่า Below the Tides ได้รับเกียรติให้เป็นเยาวชนกลุ่มเดียวที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาสำคัญ เมื่อรัฐสภาไทยประกาศเจตนารมณ์ที่จะบรรลุเป้าหมายการเป็น Net Zero ภายในปี 2032 พวกเราได้รับโอกาสอันทรงเกียรติในการนำเสนองานของเราต่อผู้แทนที่มีเกียรติหลายท่าน รวมถึงประธานรัฐสภา ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) คุณพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ และผู้แทนถิ่นของ UNDP ประจำประเทศไทย คุณเนียมห์ คอลเลียร์-สมิธ รวมถึงบุคคลอื่น ๆ อีกมากมาย

“นอกจากนี้ เรายังรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่มูลนิธิพอเพียง ซึ่งมีเครือข่ายนักเรียนกว่า10 ล้านคน แสดงความสนใจที่จะร่วมมือกับเรา มาร่วมกันทำความดีและสร้างความเปลี่ยนแปลงกันเถอะ” สองพี่น้องหัวใจนักอนุรักษ์ กล่าว

26 กันยายน 2567

กรมการท่องเที่ยว (DOT) โชว์ผลงานดึงกองถ่ายหนังต่างชาติเข้าไทย สร้างรายได้กว่า 2,800 ล้านบาท


กรมการท่องเที่ยว (DOT) เปิดเผยตัวเลขยอดเงินคืนกองถ่ายทำหนังต่างประเทศ จากมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measures) ปีงบประมาณ 2567 กว่า 509 ล้านบาท จากภาพยนตร์ 15 เรื่อง ซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศไทย 2,876 ล้านบาท เกิดการจ้างงานบุคลากรในธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง มากกว่า 43,000 ราย



นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า “มาตรการ Incentive เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในการนำเงินเข้ามาลงทุนถ่ายทำในประเทศไทย ที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลกคิดค้นมาตรการจูงใจในรูปแบบต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้สร้างภาพยนตร์เข้ามาลงทุนในประเทศของตน เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ไอซ์แลนด์ อินเดีย กรีซ ที่มีมาตรการในรูปแบบ Cash Rebate หรือฮังการี ฝรั่งเศส ที่จัดทำในรูปแบบ Tax Rebate และออสเตรเลีย สเปน อังกฤษ ที่มีมาตรการในรูปแบบ Tax Credit สำหรับประเทศไทย กรมการท่องเที่ยว โดยกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ (TFO Thailand Film Office) หน่วยงานที่มีภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักร ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างแรงจูงใจให้กับกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ด้วยมาตรการ Incentive ร้อยละ 15 - 20 ซึ่งปัจจุบันมาตรการดังกล่าวได้รับการยอมรับจากนานาประเทศว่ามีความน่าเชื่อถือ จ่ายเร็ว และจ่ายจริง” 




มาตรการ Incentive ของประเทศไทยในรูปแบบ Cash Rebate ประกาศใช้เมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศว่ามีประสิทธิภาพ ไม่ซับซ้อน กองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศที่ประสงค์ขอรับสิทธิประโยชน์การคืนเงินจากมาตรการดังกล่าว จะต้องมีค่าใช้จ่ายในประเทศไทย ซึ่งจ่ายให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลไทยตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป และเข้าเงื่อนไขต่าง ๆ ตามที่กำหนด สามารถรับเงินคืนสูงสุดร้อยละ 20 โดยจำกัดวงเงินคืนไม่เกิน 150 ล้านบาทต่อเรื่อง สำหรับปี 2567 นี้ มีภาพยนตร์ ซีรีส์ และรายการโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงได้รับเงินคืนแล้ว อาทิ ภาพยนตร์ไซไฟโลกอนาคต The Creator ซีรีส์ภาคต่อชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา S.W.A.T. season 6 ภาพยนตร์ฉลามยักษ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมทั่วโลก Meg 2 : The Trench ภาพยนตร์โรแมนติกคอมมาดี้ที่ถ่ายทอดความสวยงามของเมืองภูเก็ต Mother of the Bride และมินิซีรีส์ดราม่าตลกแนวประวัติศาสตร์ The Sympathizer 

อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ขณะนี้ยังมีภาพยนตร์ต่างประเทศและซีรีส์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้ยื่นความประสงค์ขอรับเงินคืนตามมาตรการ Incentive อีกจำนวนกว่า 22 เรื่อง คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 7,053 ล้านบาท ถือเป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีความพร้อมในการรองรับกองถ่ายทำภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนถ่ายทำสูง และเป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์ในระดับภูมิภาค”

กรมการท่องเที่ยว พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมมาตรการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measures) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้มากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ สร้างงานให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง สามารถกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น รวมถึงผลักดัน Soft Power วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยไปสู่สายตาผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลก และเกิดการท่องเที่ยวตามรอยสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่อไป

นี่แหละ ภูมิปัญญาบ้านฉัน EEC Square Young Content Creator

เมื่อเร็วๆนี้ - มอบรางวัลสุดยอดครีเอเตอร์เยาวชนนักผลิตสื่อสร้างสรรค์ อีอีซี สแควร์ (EEC2) ปี 2567 หัวข้อ “นี่แหละ ภูมิปัญญาบ้านฉัน THIS IS MY LOCAL WISDOM” สร้างเครือข่ายเยาวชน ผลักดันศักยภาพสู่การเป็น Content Creator

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จัดกิจกรรมประกาศผลรางวัล การประกวดกลุ่มเยาวชนนักผลิตสื่อสร้างสรรค์ อีอีซี สแควร์ (EEC2) ปี 2567 : EEC Square Young Content Creator ในหัวข้อ “นี่แหละ ภูมิปัญญาบ้านฉัน THIS IS MY LOCAL WISDOM” ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 3 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ โดยมี ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวเปิดงาน พร้อมมอบประกาศนียบัตร และมอบรางวัลให้แก่กลุ่มเยาวชน นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในวงการสื่อสารไทยร่วมตัดสิน ผลงานของเยาวชนทั้งรอบคัดเลือกและรอบชิงชนะเลิศ อีก 5 ท่าน ได้แก่ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล "คณะกรรมการยุทธศาสตร์ ซอฟท์พาวเวอร์แห่งชาติ " คุณหน่อง อรุโณชา"กรรมการผู้จัดการ บอร์ดคาสท์ไทย เทเลวิชั่น" ผู้จัดละครมากฝีมือ คุณเก่ง ธชย "The Voice ซีซั่น 1 และศิลปินส่งเสริมวัฒธรรมไทยยอดเยี่ยม" คุณเอม วรรณิตา "Influencer และอดีตผู้จัดการ บิวตี้และแฟชั่น บริษัท Bytedance (Tiktok) แห่งประเทศไทย" และอาจารย์ศาสวัต "อาจารย์เอกภาพยนตร์ สาขานิเทศศาสตร์ คณะเทตโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร" มาร่วมกันตัดสินคลิปวิดีโอและ Content ที่เยาวชนส่งเข้าประกวด ทั้งนี้ยังมีการบรรยายพิเศษในการเปิดมุมมองและแชร์ประสบการณ์จากผู้กำกับรางวัลระดับโลกในหัวข้อ “วิธีดึง Ideas ออกจากสมองตัวเอง”
โดย คุณอั๋น วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร ผู้ก่อตั้งและผู้กำกับ บริษัท แฟคทอรีโอวัน จำกัด 




สำหรับการประกาศรางวัล ทั้ง 4 รางวัล 

🏆รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม SPSS MY BEST LOCAL WISDOM IN  RAYONG  จากโรงเรียนสุนทรภู่พิทยา จังหวัดระยอง ซึ่งได้ส่งผลงานนำเสนอภูมิปัญหาเรื่อง “หัตถกวี”

🥈รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ทีม BPP จากโรงเรียนสิงห์สมุทร จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้ส่งผลงานนำเสนอภูมิปัญหาเรื่อง สะดือมังกร  

🥉รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ทีม จบนะวิ! จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเปร็งวิสุทธาธิบดี จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งได้ส่งผลงานนำเสนอภูมิปัญหาเรื่อง เรือสิงห์หนุ่ม ความแกร่งแห่งสายน้ำ

🎖️รางวัล popular vote ซึ่งได้รับคะแนนโหวตจากการกด Like และ comment สูงที่สุด ผ่านช่องทาง facebook fanpage EEC Square Young Content Creator ได้แก่ทีมโรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา จากโรงเรียนโรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา จังหวัดระยอง ซึ่งได้ส่งผลงานนำเสนอภูมิปัญหาเรื่อง ผ้าหมักโคลนทะเล ภูมิปัญญาบ้านฉางบ้านฉัน 





นอกจากนี้ อีอีซี ผู้ใหญ่ใจดี ยังมอบรางวัลพิเศษ สร้างโอกาสต่อยอดผลงานและพัฒนาศักยภาพให้แก่น้องๆเยาวชนที่ได้รับรางวัล ให้น้องได้ร่วมงานหรือฝึกงานกับทีมงานระดับมืออาชีพ อาทิ คุณเก่ง ธชย ศิลปินผู้มากความสามารถ และรักความเป็นไทย คุณเอม วรรณิตา นักปั้นเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และติ๊กตอกเกอร์ สร้างประสบการณ์ทำงานกับแบรนด์สินค้าต่างชาติระดับโลก บริษัท A.PLANNED Production house ร่วมฝึกงานสร้างแรงบันดาลใจการเป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ ทีม Gravity motion production house ที่จะพาน้องๆไปศึกษาดูการทำงานจริงในกองถ่าย MV ของศิลปิน T-pop  หรือจะเป็นการร่วมงานกับ Infuencer มืออาชีพ ในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวดีๆของพื้นที่ชุชนใน อีอีซี ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่จะทำให้น้องๆเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านการทำงานกับมืออาชีพและผู้ที่คว่ำหวอดในวงการบันเทิงทั้งไทยและสากล


กิจกรรมค่ายอบรมและการประกวดกลุ่มเยาวชนนักผลิตสื่อสร้างสรรค์ อีอีซี สแควร์ (EEC2) ปี 2567 : EEC Square Young Content Creator ภายใต้หัวข้อ “นี่แหละ ภูมิปัญญาบ้านฉัน THIS IS MY LOCAL WISDOM” สกพอ. ได้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อสร้างโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา เยาวชนรุ่นใหม่ในเขตพื้นที่ อีอีซี ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ได้พัฒนาศักยภาพให้มีทักษะด้านการสื่อสารที่สอดคล้องกับยุคสมัย โดยการดำเนินกิจกรรมมีการจัดค่ายอบรมแก่กลุ่มเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือก 20 ทีม ผลักดันศักยภาพสร้างสมประสบการณ์อย่างเข้มข้นร่วมกับวิทยากรชั้นนำ ให้น้องๆก้าวข้ามขีดความสามารถของตน ทั้ง การคิดอย่างสร้างสรรค์ การลงพื้นที่ถ่ายทำจริง เทคนิคการปรับสีภาพ การเล่าเรื่องด้วยลำดับภาพผ่านการตัดต่อ และความรู้เจาะลึกเกี่ยวกับอาชีพ Influencer แบบไม่มีในตำรา รวมถึงมีส่วนร่วมในการสืบสานถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นที่ พร้อมทั้งมีความเข้าใจในการพัฒนา อีอีซี ทั้งหมดนี้ นอกจากการพัฒนาทักษะที่เพิ่มขีดความสามารถแล้ว ยังเป็นการสร้างเครือข่ายเยาวชนกลุ่มผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ผ่านสื่อออนไลน์ “EEC Square Young Content Creator” ให้เป็นแรงขับเคลื่อนช่วยเผยแพร่ข้อมูลการพัฒนา อีอีซี สร้างประโยชน์ให้ชุมชน และขยายการสร้างการรับรู้การพัฒนา อีอีซี ต่อไป