เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

30 กันยายน 2565

"คลับเมด" พร้อมเปิดบ้านต้อนรับนักเที่ยวไทย หนาวนี้ที่ญี่ปุ่น

 


แบรนด์อันดับหนึ่ง แพ็กเกจที่พักแบบออลอินคลูซีฟสำหรับครอบครัว เตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมเปิดตัวรีสอร์ตแห่งใหม่ที่ คิโรโระ จังหวัดฮอกไกโด

ประเทศไทย, 29 กันยายน 2565คลับเมด ผู้บุกเบิกด้านการท่องเที่ยวพักผ่อนแบบจ่ายครั้งเดียวจบ (ออลอินคลูซีฟ) พร้อมต้อนรับทุกท่านสู่ประเทศญี่ปุ่นหลังจากการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยว การตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่นคือด่านสุดท้ายในการเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้สามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นได้ง่ายยิ่งขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งกินระยะเวลายาวนานกว่าสองปี

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่ในใจของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยจากผลการสำรวจของคลับเมด ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่ากว่า 58% ต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปยังญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ซึ่งสอดคลองกับผลการสำรวจของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งญี่ปุ่น (Development Bank of Japan) และกรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุุน (Japan Travel Bureau Foundation) ที่พบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวในเอเชียต้องการเดินทางมาเที่ยวหลังการแพร่ระบาด ทั้งนี้รีสอร์ตในประเทศญี่ปุ่นของเราได้เตรียมการต้อนรับแขกผู้มาเยือนโดยคำนึงถึงความต้องการของนักท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดเป็นสำคัญ” 

ราเชล ฮาร์ดิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคลับเมด ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และแปซิฟิก กล่าว “เราตื่นเต้นที่จะได้นำเสนอทั้งโปรแกรมท่องเที่ยวที่เราพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนโปรแกรมใหม่ๆ รวมถึงกิจกรรมมากมายที่มุ่งเน้นให้ทุกคนในครอบครัวในช่วงอายุที่หลากหลายสามารถใช้เวลาร่วมกันได้อย่างมีความสุข แต่สำหรับคนที่ต้องการให้เวลากับตัวเองอย่างเต็มที่ เราก็มีกิจกรรมให้เลือกอีกมากมาย โดยทุกกิจกรรมล้วนสร้างประสบการณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความหมายเพื่อชดเชยเวลาที่ขาดหายไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา”  

รีสอร์ตน้องใหม่ที่ คลับเมด คิโรโระ พีค รวมถึงรีสอร์ตที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ที่ คลับเมด ซาโฮโร่ และ รีสอร์ตที่พร้อมมอบประสบการณ์แปลกใหม่ที่ คลับเมด โทมามุ

นักท่องเที่ยวที่หมายตาท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่นหลังสิ้นสุดการแพร่ระบาด สามารถเลือกเข้าพักที่คลับเมดรีสอร์ตได้ถึงสามแห่ง โดยรีสอร์ตแต่ละแห่งต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งด้านทำเลที่ตั้งและรูปแบบประสบการณ์การเข้าพัก พร้อมต้อนรับแขกผู้เข้าพักในฤดูหนาวที่จะมาถึง ด้วยการสัมผัสหิมะปุยนุ่นที่ดีที่สุดในโลกบนเนินสกีของฮอกไกโด รายการสถานที่ท่องเที่ยว ประสบการณ์ และโปรแกรมกิจกรรมที่น่าสนใจในรีสอร์ตแต่ละแห่งมีดังนี้:

คลับเมด คิโรโระ ฮอกไกโดสำหรับนักเดินทางสุดเทรนดี้ที่มองหาวันหยุดพักผ่อนไม่เหมือนใครท่ามกลางมวลหิมะ


คลับเมด คิโรโระ พีค รีสอร์ตน้องใหม่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2565 ที่จะถึงนี้ พร้อมนำเสนอประสบการณ์วันหยุดพักผ่อนท่ามกลางมวลหิมะที่ไม่เหมือนใคร ด้วยรูปแบบสกีอิน-สกีเอาท์ ผู้เข้าพักจึงสามารถเข้าถึงลานสกีได้อย่างสะดวกและเป็นหิมะตกใหม่ ได้ถึง 23 เส้นทาง เหมาะกับนักสกีทุกระดับ รวมถึงสกีนอกเส้นทาง (Off-piste) นอกจากนี้ด้วยอัตราหิมะตกเฉลี่ยสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น (เฉลี่ย 21 เมตรต่อปี) แขกผู้เข้าพักจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและมีฤดูสกีที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม จึงเป็นรีสอร์ตท่ามกลางขุนเขาเพียงแห่งเดียวในเอเชียที่สามารถเล่นสกีได้ในฤดูใบไม้ผลิ

คลับเมดคิโรโระ ยังจัดให้มีกิจกรรมผ่อนคลายหลังเล่นสกีในแบบฉบับฮอกไกโด อันเป็นกิจกรรมบำบัดเพื่อสุขภาพ อาทิ ออนเซนสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมแห่งแรกของคลับเมด ที่มีทั้งโรเทนบุโร ซึ่งเป็นที่อาบน้ำกลางแจ้ง ซาวน่า และศูนย์สุขภาพ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมายสำหรับผู้เข้าพัก ทั้งเวิร์กชอปและกิจกรรมทางวัฒนธรรม ศูนย์ธรรมชาติ และสระว่ายน้ำในร่มของรีสอร์ต โดยสามารถรองรับแขกผู้เข้าพักตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ในปี 2566 คลับเมด เตรียมเปิดให้บริการคลับเมด คิโรโระ แกรนด์ อีกหนึ่งรีสอร์ต ซึ่งสามารถรองรับแขกผู้เข้าพักทุกช่วงอายุ พร้อมด้วยกิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสำหรับผู้ที่อายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป

คลับเมด ซาโฮโร่ ฮอกไกโด สำหรับนักเดินทางผู้มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการปลดล็อกเสน่ห์แห่งขุนเขาของฮอกไกโด



โอบล้อมด้วยทิวเขาฮิดากะ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเนินหิมะอันสมบูรณ์แบบ สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟบนภูเขาส่วนตัวที่ คลับเมด ซาโฮโร่ ซึมซับประสบการณ์แห่งวัฒนธรรมและมรดกที่แท้จริงของญี่ปุ่น รีสอร์ต แห่งนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ทั้งในส่วนของห้องพัก พื้นที่ต้อนรับ โถงการแสดง ห้องอาหาร และพื้นที่กลางแจ้ง โดยได้ผสมผสานการออกแบบของชาวไอนุท้องถิ่นเข้ากับสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัยได้อย่างกลมกลืน

พร้อมกันนี้ผู้เข้าพักจะได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศของฮอกไกโด ไม่ว่าจะเป็นหม้อร้อนแบบดั้งเดิมอย่าง นาเบะโมโนะ ที่ห้องอาหารบริการมื้อพิเศษของเรา หรือเข้าคลาสทำอาหารฮอกไกโด ไปจนถึงทดลองเล่นเครื่องเล่นสกีจำลองแห่งแรกของคลับเมด หรือผ่อนคลายในบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง แบบแคนาเดียนบาธ พร้อมเสพทิวทัศน์ของภูเขาอันงดงามเบื้องหน้า ที่คลับเมด ซาโฮโร่ พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนอันน่าทึ่ง ที่คุณสามารถแบ่งปันร่วมกันกับครอบครัวและเพื่อนฝูง

 คลับเมด โทมามุ  ฮอกไกโด สำหรับผู้แสวงหาการผจญภัยที่รักในความแตกต่าง

รีสอร์ตแบบสกีอิน-สกีเอาท์ บนพื้นที่ 6.25 ไร่ แห่งนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาโทมามุ สวรรค์สำหรับนักสกีและผู้ที่แสวงหาการผจญภัย ประกอบด้วยลานสกี 29 เส้นทาง สำหรับนักสกีทุกระดับ ทั้งนักสกีหรือสโนวบอร์ด ที่พร้อมให้ผู้เข้าพักได้ออกไปโลดแล่นบนพรมหิมะขาวละเอียดที่ทอดตัวรออยู่ตลอดทั้งวัน แม้พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแต่ความสนุกยังไม่หมด เมื่อ พนักงาน G.Os (Gentils Organisateurs) ผู้เชี่ยวชาญของเราตระเตรียมคอร์สเล่นสกีใต้แสงดาวไว้ให้คุณได้ประทับใจกันต่อแบบไม่รู้ลืม


เตรียมพร้อมสัมผัสประสบการณ์ฤดูหนาวสุดวิเศษและประทับใจมากมายที่คลับเมด โทมามุ ผ่านรูปแบบของกิจกรรม และความบันเทิงตามธีม ในเทศกาล “Feel Hokkaido” และ กิจกรรมวิธีชีวิตฤดูหนาว เพื่อซึมซับวัฒนธรรมของฮอกไกโด และการใช้ชีวิตท่ามกลางขุนเขา หรือลิ้มลองเมนูขึ้นชื่ออย่างยากินิคุบาร์บิคิวซึ่งปรุงจากวัตถุดิบฮอกไกโดสดใหม่ส่งตรงจากฟาร์มและเนื้อวากิวชั้นเลิศ หรือดื่มด่ำกับการชิมวิสกี้และสาเกญี่ปุ่นระดับพรีเมียมสามรายการโดยมีผู้เชียวชาญให้การแนะนำที่ The Nest

 

วันหยุดท่ามกลางหิมะที่ไม่เหมือนใคร

ด้วยสกีรีสอร์ตที่มีมากกว่า 25 แห่งทั่วโลก ทั้งในแคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี จีน และญี่ปุ่น คลับเมดสามารถมอบประสบการณ์การเข้าพักท่ามกลางหิมะอย่างที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ โดยแขกผู้เข้าพักจะเพลิดเพลินกับประสบการณ์แบบจ่ายครั้งเดียวจบ (ออลอินคลูซีฟ) อันขึ้นชื่อของคลับเมด ที่ช่วยให้การท่องเที่ยวเป็นไปได้อย่างง่ายดายไม่ยุ่งยาก นับตั้งแต่ที่พักที่มีความสะดวกสบายพร้อมการออกแบบร่วมสมัย อาหารชั้นเลิศ เครื่องดื่มไม่อั้น ยังจุดหมายปลายทางอันน่าทึ่ง พร้อมด้วยกิจกรรมและความบันเทิงนานาชนิดที่สามารถเพลิดเพลินได้ทั้งวัน ทั้งคลาสเรียนสกี สโนว์บอร์ด และบัตรเล่นสกี รวมถึงคิดส์คลับสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 4 ถึง 17 ปี ที่มีพนักงาน G.Os ให้การดูแล


เดินทางอย่างอุ่นใจหลังการแพร่ระบาด

คลับเมดได้พัฒนาโปรแกรมเซฟ ทูเกตเตอร์ (Safe Together) อันเป็นความร่วมมือกับ  Ecolab  องค์กรชั้นนำระดับโลกทางด้านน้ำ ความสะอาด เทคโนโลยีและบริการด้านพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นใจทางด้านสุขภาพและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ด้วยการยกระดับมาตรการด้านความสะอาดและความปลอดภัยต่างๆ ในรีสอร์ตของคลับเมดทุกแห่ง โดยมีความสอดคล้องกับคำแนะนำจากหน่วยงานด้านสุขภาพทั่วโลกและระเบียบข้อบังคับในท้องถิ่น  

 

นอกเหนือจากการยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยแล้วคลับเมดยังเข้าใจถึงความจำเป็นในการเพิ่มความยืดหยุ่นและความปลอดภัยสำหรับการวางแผนการเดินทาง โดยมีการประกาศใช้นโยบาย Peace of Mind มาตั้งแต่เริ่มต้นการแพร่ระบาด ทำให้ผู้เดินทางมีอิสระในการเปลี่ยนแปลงวันเดินทางได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มีทางเลือกในการจองที่ไม่ต้องชำระเงินทันที (book-now-pay-later)  และสามารถยกเลิกการจองได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายสูงสุดถึง 30 วันก่อนวันเดินทาง รวมถึงให้ความคุ้มครอง COVID-19 ฟรีรวมอยู่ในแพ็กเกจของเรา เมื่อเดินทางไปยังต่างประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

การผสมผสานกีฬา ประสบการณ์ทางวัฒนธรรม กิจกรรมครอบครัว และความผ่อนคลายสบายใจไว้ด้วยกันนี้ ทางคลับเมดมีความมุ่งหวังให้การท่องเที่ยวในแดนอาทิตย์อุทัยกลับมาสดใสอีกครั้ง โดยมีจุดประสงค์ใหม่ในการรังสรรค์ประสบการณ์การเข้าพักแบบจ่ายครั้งเดียวจบระดับพรีเมียม ที่สร้างประสบการณ์การเข้าพักที่ง่าย สะดวกสบาย ไม่ต้องวางแผน พร้อมกันนี้พนักงานคุณภาพ ประสบการณ์การเข้าพักที่จะช่วยเปลี่ยนมุมมองการท่องเที่ยว และปลายทางอันงดงามมากมายจากสูตรเฉพาะตัวแบบออลอินคลูซีฟนี้กำลังรอให้การต้อนรับทุกท่านอยู่ที่คลับเมด

ดูข้อมูลคลับเมดเพิ่มเติมได้ที่ www.clubmed.co.th


29 กันยายน 2565

รฟฟท. ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับ 4 สถาบันการศึกษา

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับ 4 สถาบันการศึกษา เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีแดง (CT Depot) บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงทางวิชาการกับ 4 สถาบันการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และวิทยาลัยเทคโนโลยียโสธรอินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และงานวิจัยระบบราง ผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางระบบรางในภูมิภาค โดยมี ดร.รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีปทุม ดร.รัญญา ชุปวา ที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร ผู้แทนจากวิทยาลัยเทคโนโลยียโสธรอินเตอร์เนชั่นแนล รองศาสตราจารย์ ดร.รสสุคนธ์ แสงมณี อธิการบดีจาก มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พร้อมทั้งผู้บริหารเข้าร่วมลงนาม


บริษัทฯ และ 4 สถาบันการศึกษาได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อพัฒนาบุคลากร องค์ความรู้ด้านงานวิจัยรวมทั้งนวัตกรรมระบบรางร่วมกัน โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลาง หรือฮับระบบรางของภูมิภาค โดยบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสู่ปริมณฑล โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายขีดความสามารถและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการขนส่งทางราง ยกระดับมาตรฐานการให้บริการประชาชน ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ด้วยมาตรฐานในระดับสากล มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของคนทุกกลุ่ม ด้วยการพัฒนาการให้บริการควบคู่กับการเดินรถไฟฟ้าที่มีคุณภาพ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรให้ทันสมัยด้วยการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ เพิ่มความรู้และทักษะที่ตรงต่อความต้องการของอุตสาหกรรม รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น



ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนองค์ความรู้ ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อระบบคมนาคมขนส่งทางรางแก่หน่วยงานภายนอกด้วยความเข้มแข็งในการพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากรเพื่อตอบสนองความต้องการเร่งด่วนของประเทศในด้านระบบขนส่งทางรางที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งภายในประเทศและภูมิภาค เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเทคโนโลยีระบบรางของภูมิภาคต่อไปในอนาคต ซึ่ง 4 สถาบันการศึกษานี้ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านงานวิจัยและนวัตกรรมจนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมมือด้านวิชาการในครั้งนี้ รวมถึงกำหนดแผนการพัฒนาหลักสูตร Upskill & Reskill ในงานระบบราง โดยเน้นสร้างทักษะด้านระบบขนส่งทางรางระดับสูง และเปิดอบรมให้กับผู้ที่สนใจทั้งในและต่างประเทศ


บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง แหล่งเรียนรู้ระบบขนส่งทางราง สร้างบุคลากร พัฒนาประเทศ

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนบริการลูกค้า 1690
ตลอด 24 ชั่วโมง รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

โรงแรมฟอร์จูนดีแม่สอด : Fortune D Hotel Mae Sot

ทริปนี้ที่ จังหวัดตาก เมื่อขุนเขาเรียกหา สัญญาณของกาลเวลา การออกเดินทางเริ่มต้นขึ้น ทริปนี้จะพาทุกคนมาพักร่างกาย เติมความสุข ให้ธรรมชาติโอบกอด  Fortune D Hotel Mae Sot โรงแรมฟอร์จูนดีแม่สอด ที่พักขนาดกระทัดรัด ตรงข้ามหน้าทางเข้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เป็นที่พักที่ต้องบอกเลยว่า ใครกำลังมองหาที่พักที่มีความ สะดวกสบาย ใกล้แหล่งทีองเที่ยวและความ Unique พักผ่อนใจกบางเมือง  แต่ได้ความสะดวกสบายแบบครบครัน ที่นี่คือตอบโจทย์สุดๆ เพราะห้องพัก ตกแต่งแบบง่ายๆ 

ห้องพักแบ่งออกเป็นเตียงเดียวกับเตียงคู่ ทุกห้องได้ตกแต่งได้อย่างลงตัว สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก ฟรีอินเทอร์เน็ต Wi-Fi โทรศัพท์สายตรง เคเบิ้ลทีวี เครื่องปรับอากาศ มินิบาร์ ตู้เย็น และเครื่องทำน้ำอุ่น ที่จอดรถสะดวกมาก ส่วนตัวชื่นชอบที่นี่คือ ที่นี่ใส่ใจทุกรายละเอียด เล็กๆ น้อยๆ ตามแบบฉบับของ โรงแรมฟอร์จูนดีแม่สอด


โรงแรมฟอร์จูน ดี แม่สอด หนึ่งในโรงแรมคุณภาพ เครือ ฟอร์จูน กรุ๊ป ติดถนนเส้นหลัก เดินทางสะดวกปลอดภัย อยู่ในใจกลางธุรกิจและใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญใน อำเภอแม่สอด  

โรงแรมให้บริการห้องพักพร้อมอาหารเช้าและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในราคาสบายกระเป๋า ฟอร์จูน ดี แม่สอด พร้อมให้การต้อนรับนักเดินทาง ที่มาท่องเที่ยว พักผ่อน หรือทำธุรกิจ เพื่อสร้างสมดุลแห่งการพักผ่อนและการทำงานอย่างแท้จริง ใครกำลังมองหาที่พัก ในจังหวัดตาก แนะนำโรงแรมฟอร์จูนดีแม่สอด ราคาพิเศษ ห้องพักพร้อมอาหารเช้าทำเลดี เดินทางสะดวก ตั้งอยู่ตรงข้ามโรบินสัน แม่สอด จ.ตาก



- ห้องพักเป็นห้องปรับอากาศ ห้องน้ำในตัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น ปลอดบุหรี่ ทุกห้อง

- โรงแรมอาคารสูง 6 ชั้น พร้อมที่จอดรถกว้างขวาง

โรงแรมให้บริการห้องพักพร้อมอาหารเช้าเหมาะทั้งการเข้าพักทั้งระยะสั้นและระยะยาว

- พื้นที่ส่วนกลางออกแบบให้เป็นทั้งพื้นที่ผ่อนคลายนั่งรับประทานอาหาร และ Co Working Space ไว้ในที่เดียว

- โรงแรมได้รับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA Extra Plus




ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Fortune D Maesot โรงแรมฟอร์จูน ดี แม่สอด
โทร. 081 043 2809 หรือ 095 207 9500

#toptotravel #ชัญญ่าว่าดี #FortuneDMaesot #โรงแรมฟอร์จูนดีแม่สอด


ฟอร์จูนทาวน์ จับมือพันธมิตรแบรนด์ไอทีชั้นนำ ลดกระหน่ำสูงสุด 80%

ขนทัพสินค้าไอที ในงาน COMTECH MINI EXPO @FORTUNE TOWN

1 - 9 ตุลาคม 65 ฟอร์จูนทาวน์ (Fortune Town) ศูนย์รวมไอทีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำย่าน พระราม 9 ร่วมกับ พันธมิตร Commart และ Techhub และแบรนด์ไอทีชั้นนำ จัดมหกรรม  “COMTECH MINI EXPO@FORTUNE TOWN”   ขนทัพสินค้าไอทีลดล้างสต็อค ครั้งยิ่งใหญ่  ลดสูงสุด 80% พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมายในงาน ตั้งแต่วันที่ 1 - 9 ตุลาคม 2565 เวลา 10.30 - 20.00 น. ชั้น 1 - 4 ฟอร์จูนทาวน์  

นายชัยวัฒน์ เอมวงค์  รองกรรมการผู้จัดการบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์  โกรท   บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND  ผู้บริหารศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ เปิดเผยว่า  ฟอร์จูนทาวน์ ร่วมมือกับแบรนด์ไอทีชั้นนำ ได้แก่ Advice, Banana, it city, JIB,  JET computer, Proplugin, Speed,  อมรอิเล็กทรอนิกส์  และร้านค้าภายในศูนย์ฯ  จัดมหกรรม COMTECH MINI EXPO @ FORTUNE TOWN ลดราคาสินค้าไอทีสูงสุด 80%    ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นยอดขายร้านค้าภายในฟอร์จูนทาวน์ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน   รวมทั้งนี้ยังได้ร่วมมือกับผู้จัดงาน Commart และ Techhub ร่วมแชร์เทคนิคการเลือกซื้อสินค้าไอที และการเสวนา หัวข้อ  7 อาชีพที่น่าสนใจ สาย IT ในยุค Digital Transformation อีกด้วย  

นอกจากนี้ ทางฟอร์จูนทาวน์ ยังจัดแคมเปญส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก   Fortune Point สำหรับสมาชิก Fortune Town Application และ Line Official Fortune Town มอบคูปองส่วนลด  เพียงทำตามกติกา รับ 10 พอยท์ แลกรับคูปองส่วนลด มูลค่า 300 บาท (จำนวนจำกัด) ใช้ในการซื้อสินค้าขั้นต่ำ 3,000 บาทขึ้นไป (1 แอคเคาท์ / 1 สิทธิ์ / 1 คูปองส่วนลด) แล้วพบกันที่งาน COMTECH MINI EXPO @ FORTUNE TOWN ระหว่างวันที่ 1-9 ตุลาคม 2565 เวลา 10.30 - 20.00 น. ชั้น 1 - 4  ฟอร์จูนทาวน์ พระราม 9   เดินทางสะดวกด้วย รถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 ทางออกประตู 1

 ติดตามข่าวสารกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ www.fortunetown.co.th ,

FB : fortunetown ​IG : fortunetown Youtube : fortunetown Line : FortuneTown
หรือ https://lin.ee/tNWLAG
Application : Fortune Town

 

#FortuneTownrama9 #FortuneTown  #TheBestITLifestyleMall #ITLifestyleMallrama9   #ITLifestyleMall #ชมฟรี #CommartThailand #TheBestChoice #คอมมาร์ต #Clearancesale

28 กันยายน 2565

ขาช้อปเล็งไอเท็มเด็ดแล้วพุ่งตัวช้อปด่วน ที่งาน “10.10 Sale Fest ช้อปชิลๆ ดีลชนะเลิศ”

พบกับดีลสุดคุ้มเฉพาะงานนี้ ที่ห้างเซ็นทรัล โรบินสันและCentral App เริ่ม 3-11 ต.ค. 65

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผนึกห้างโรบินสัน และ Central App จัดแคมเปญครั้งใหญ่ต้อนรับสายช้อปในเดือนตุลาคม กับ “10.10 Sale Fest ช้อปชิลๆ ดีลชนะเลิศ” แคมเปญ Double Digits ที่ทุกคนรอคอยในทุกๆ เดือน พิเศษ! สำหรับครั้งนี้เตรียมพบกับดีลสุดคุ้มที่ทางห้างฯ ร่วมกับเหล่าแบรนด์ชั้นนำจัด “100 Best Deals In Town” อาทิแบรนด์ YSL, Lancôme, Guess, Casio, Adidas, Nike, GQ, Sanrio, Philips, Haven และอีกมากมาย ครบครันทุกหมวดหมู่ ช้อปเพลินในทุกช่องทางการช้อปปิ้ง ที่พลาดไม่ได้กับดีลสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่หาไม่ได้จากที่ไหน อาทิ 

ช้อปที่หน้าร้าน

รับฟรีคูปองส่วนลด และเครดิตเงินคืนจากบัตรเครดิตเซ็นทรัลเดอะวัน รวมสูงสุด 7,500 บาท 

ใช้คะแนนลดเพิ่ม และรับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 30% จากเดอะวัน และบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ เมื่อช้อปตามเงื่อนไข 

ช้อปที่แผนกบิวตี้ แกเลอรี ครบตามเงื่อนไข รับทันทีของสมนาคุณสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 

เฉพาะวันที่ 10 เดือน 10 รับฟรี Digital Coupon รวมมูลค่า 2,010 บาท สำหรับช้อปที่หน้าร้านและออนไลน์เมื่อช้อป 10,000 บาทขึ้นไป (จำนวนจำกัด) พร้อมรับสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตชั้นนำ

ช้อปผ่านช่องทางอื่นๆ อาทิ Central App และ www.central.co.th 

สินค้าราคาปกติ ลดสูงสุด 80%, รับโค้ดลดเพิ่ม 17% 

รับคะแนนเดอะวัน (T1) ถึง 110 คะแนน เพียงช้อปตามเงื่อนไข 

ลูกค้าใหม่ช้อปครั้งแรกไม่จำกัดยอดช้อปขั้นต่ำ หรือ ลูกค้าปัจจุบันสะสมยอดช้อปครบ 6,000 บาท ระหว่างวันที่ 9 ต.ค. 65 - 11 ต.ค. 65 รับคะแนนเดอะวัน 10 เท่า 

ลุ้นรับฟรี! iPhone 14 Pro Max 256GB มูลค่า 48,900 บาท รวม 5 รางวัล เมื่อช้อประหว่างวันที่ 3 ต.ค. 65 - 14 ธ.ค. 65 ดังนี้

- ลูกค้าปัจจุบัน ช้อปครบ 2,000 บาท ขึ้นไป/ใบเสร็จ รับ 1 สิทธิ์ ลุ้นรางวัล                                                     

- ลูกค้าใหม่ช้อปครั้งแรก เพียง 1,000 บาท ขึ้นไป/ใบเสร็จ รับ 1 สิทธิ์ ลุ้นรางวัล 

- พิเศษ! รับเพิ่มเป็น 2 สิทธิ์เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตเซ็นทรัลเดอะวัน 

พร้อมโปรโมชั่นลดออนท็อปจากบัตรเครดิตและดีลชนะเลิศอื่นๆ อีกมากมาย 

เตรียมเล็งไอเท็มฮิต พร้อมพุ่งเป้าไปช้อปสนุกใน “10.10 Sale Fest ช้อปชิลๆ ดีลชนะเลิศ”
ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. 65 - 11 ต.ค. 65 ที่ห้างเซ็นทรัล และห้างโรบินสันทุกสาขา พร้อมกันนี้ ยังสามารถ
ช้อปสะดวกกับหลากหลายช่องทางทั้ง Central App, Central Chat & Shop, Personal Shopper On Demand โทร.1425

ช้อปกับผู้ช่วยช้อปส่วนตัว หรือช้อปผ่านไลฟ์หรืออินบ็อกซ์ ที่ www.facebook.com/CentralDepartmentStore และ www.facebook.com/RobinsonDepartmentStore



ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ บันทึกความทรงจำดี ๆ ตามนายใหญ่เข้าสวนชวนเล่นหนาม

ตามนายใหญ่เข้าสวนชวนเล่นหนาม  ในเขตอำเภอปะทิว จ.ชุมพร   เคยสงสัยมานานว่าผลไม้ลูกแดง ๆ ที่มีหนามแหลมรอบผล ผู้คนเรียกว่า “สละ” นอกจากวิถีชีวิตแบบชาวเลแล้ว ยังมีวิถีชาวสวนให้ตามไปชมกันอีกหลายจุด เพราะจังหวัดชุมพร เป็นหนึ่งในดินแดนแห่งผลไม้ หากสนใจเข้าไปเรียนรู้หรืออุดหนุนผลผลิต หนึ่งในสวนเกษตรที่น่าสนใจคือ “สวนนายใหญ่ คนเล่นหนาม” เห็นชื่อแล้วไม่ต้องตกใจ นายใหญ่ใจดี แถมหนามที่ว่า ยังนำมาซึ่งความอร่อยอีกด้วย

“สุวัชช์ ขยายแย้ม” เจ้าของสวนนายใหญ่ คนเล่นหนาม เล่าวว่าที่นี่เป็นสวนเกษตรผสมผสานท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อยู่ห่างสนามบินชุมพรเพียง 2 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวที่รอขึ้นเครื่องจึงนิยมแวะเข้ามาเที่ยวชมและชิมผลผลิตทางการเกษตร ภายในพื้นที่ 10 ไร่ ปลูกพืชสวนผสมตามคอนเซ็ปต์ “คนเล่นหนาม”



ด้วยประสบการณ์การปลูกสละของเจ้าของสวน สละสุมาลี ผลไม้หนามแหลมที่มีมูลค่ารสชาติหวาน หอม อร่อย ที่สำคัญคือ เนื้อเยอะและปราศจากสารเคมี ด้วยประสบการณ์การปลูกสละของเจ้าของสวนมากกว่า 30 ปี ที่ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ตั่งแต่ขบวนการคัดต้นพันธ์ในการปลูก หรือ แม้กระทั้งคัดเกสรเพศผู้ เพื่อใช้ในการผสมให้ติดลูก สละทุกช่อจะติดป้ายวันผสมเกสร เพื่อให้ทราบวันครบกำหนดที่ชัดเจน จึงทำให้ได้สละสุมาลีที่มีคุณภาพ




โดยจะเน้นต้นไม้ที่มีหนาม เช่น ทุเรียน และสละ รวมทั้งการปลูกพืชผักสวนครัว และการเลี้ยงผึ้ง นอกจากแวะเข้ามาซื้อหาผลไม้แล้ว ยังเปิดให้ทุกคนได้เรียนรู้วิถีเกษตร เช่น การผสมเกสรดอกสละ เนื่องจากสละเป็นพืชที่แยกเพศอย่างชัดเจน ต้นตัวผู้จะไม่มีลูก ส่วนต้นตัวเมียจำเป็นต้องรอเกสรจากตัวผู้มาผสมเพื่อออกผล เราจึงต้องนำเกสรตัวผู้มาผสมกับเกสรตัวเมีย หลังจากนั้นก็ติดป้ายบอกวันเวลาไว้ นับไปอีก 8 เดือนก็จะออกผลที่หอมหวานพร้อมรับประทาน หากสนใจผลสละจากการผสมเกสรของตัวเอง ก็สามารถสั่งจองไว้ได้ 

“สุธารัตน์ ขยายแย้ม” ทายาทคนเล่นหนาม อธิบายเพิ่มเติมว่า หากนักท่องเที่ยวเข้ามาที่สวน จะพบผลผลิตตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน และมังคุด ส่วนผลผลิตที่มีให้ชิมทั้งปีคือสละ ทั้งสละสด และสละลอยแก้ว รวมทั้งน้ำผึ้งเดือนห้า ซึ่งทางสวนจะทำบ้านพักผึ้งไว้ตามป่าชายเขาและริมคลอง เมื่อผึ้งมารวมตัวกันแล้ว ก็จะนำกลับมาเลี้ยงไว้ในสวน เลี้ยงด้วยเกสรสมุนไพรต่าง ๆ และจะเก็บน้ำผึ้งตอนเดือนห้าเท่านั้น


นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ  เช่น ปลาดุกร้าดองน้ำผึ้งเดือนห้าโดยการนำผลผลิตจากชุมชนมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งผลิตภัณฑ์ตะกร้าจักสาน ที่ชาวบ้านร่วมกับผลิตเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว

ร่วมเก็บเกี่ยวความทรงจำดี ๆ กับวิถีของชาวชุมพรอันน่าชื่นชม ในโครงการ “Refresh life ...by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นักท่องเที่ยวที่ติดต่อเข้ามาล่วงหน้า สามารถจองแพ็กเกจ ...
ตามนายใหญ่เข้าสวน ชวนเล่นหนาม

สวนนายใหญ่ คนเล่นหนาม
โทร.0937319587  , 0927726788

Facebook/สวนนายใหญ่ คนเล่นหนาม 


#ท่องเที่ยวอำเภอปะทิว

#เที่ยวชุมชนยลวิถี

#วัฒนธรรมจังหวัดชุมพร

#สวนนายใหญ่คนเล่นหนาม


27 กันยายน 2565

กระหึ่มโลก ดอนน่าสปอร์ตนำนักบิดโมโต้จีพี ปะทะ นักบิดไทยทำกิจกรรมสร้างไวรัลใหม่


กระหึ่มโลก ดอนน่าสปอร์ตนำนักบิดโมโต้จีพี ปะทะ นักบิดไทยทำกิจกรรมสร้างไวรัลใหม่ โมโตจีพี vs มวยไทย ถ่ายโฆษณาโปรโมทการแข่งขันใจกลางกรุงเทพในตีมส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยผ่านศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่สนามมวยเวทีราชดำเนิน เตรียมเผยแพร่ในช่วงสุดสัปดาห์สู่ 207 ประเทศมีผู้ชมกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก ในรายการ แข่งขัน โมโต้จีพี ไทยแลนด์ สนาม 17 รายการ OR Thailand Grand Prix 2022 ระหว่างวันที่ 30 กย.-2 ตค 2565





ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ 

#MotoGP 

#OrThailandGrandPrix2022 

#เที่ยวเมืองไทยAmazingยิ่งกว่าเดิม

5 ภาคีรัฐ-เอกชน พัฒนานวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกแอนติบอดียับยั้ง เชื้อโควิด-19 ทางกายภาพสำเร็จ


จากความตั้งใจนับปี ที่ร่วมผนึกกำลังจากองค์กรชั้นนำภาครัฐ-เอกชน ทั้ง 5 ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.),  องค์การเภสัชกรรม และ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด (บริษัทย่อยของ บมจ.  โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล) ในความร่วมมือพัฒนานวัตกรรมจนสามารถผลักดันงานวิจัยและพัฒนาจนเป็นผลิตภัณฑ์  “สเปรย์พ่นจมูกที่เป็นเกราะป้องกันทางกายภาพที่ช่วยดักจับและยับยั้งอย่างจำเพาะต่อเชื้อโควิด-19 ที่บริเวณโพรงจมูก” ภายใต้แบรนด์ เวลล์ โควิแทรป แอนติ-โคฟ นาซอล สเปรย์ สำเร็จได้ในที่สุดและได้รับอนุญาตจาก อย. แล้ว



วันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2565 เวลา 10.00-12.00 น. นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด / ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ รอ. นพ. นิมิต ประสิทธิ์ดำรง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน และ ผู้เชี่ยวชาญกิตติมศักดิ์ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด พร้อมด้วย รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ตัวแทนภาคีเครือข่าย ร่วมแถลงพูดคุยถึง ความสำเร็จในการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์  “ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูก เพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก” ได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมระดับโลกจากแพทย์และทีมนักวิจัยไทยในครั้งนี้ ณ ห้องประชุม THE MITR-TING ROOM สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 โดยได้รับเกียรติจาก นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มาเป็นประธานในงาน 

นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ในฐานะประธานในงาน ได้กล่าวถึง สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทยและของโลก ว่า ในปัจจุบันว่านับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (“COVID-19”) ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ เมื่อเดือนธันวาคม 2562 มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย แม้จะมีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้น แต่โควิด-19 ก็ยังคงเป็นโรคที่ติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง 

จากสถานการณ์นี้ ทีมวิจัยของไทยจากภาครัฐ และเอกชน ได้ร่วมกันดำเนินงานวิจัย พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาวัคซีน, ชุดตรวจเชื้อ, เครื่องช่วยหายใจ, รวมถึงการพัฒนาแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบในรูปแบบของสเปรย์สำหรับพ่นจมูก  ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งของประเทศไทยที่จะปรากฎสู่สายตาชาวโลก เพื่อร่วมมือร่วมใจกันให้ประเทศไทยก้าวพ้นสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้จนประสบผลสำเร็จและสามารถยื่นจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย โดยถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ไปสู่ภาคเอกชน เพื่อนำไปต่อยอดในการทำการวิจัย สร้างเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ช่วยยับยั้งเชื้อโควิด-19 ได้ในที่สุด




พร้อมกันนี้ นพ.นพพร ยังได้กล่าวถึงการเปิดตัว ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก ภายใต้แบรนด์เวลล์โควิแทรป ครั้งแรกของไทยและของโลกด้วยว่า “ผมขอชื่นชมในความสำเร็จของสเปรย์พ่นจมูกเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ที่มีคุณสมบัติดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของ 5 ภาคีเครือข่ายจากภาครัฐและเอกชน คือ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.), องค์การเภสัชกรรม และ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ที่ได้ร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมไทยสู่ระดับโลก 

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคนไทย ซึ่ง รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข พร้อมส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของประชาชนที่จะช่วยในการยับยั้งการติดเชื้อโควิด-19 ในวันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น ถึงความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้ง 5 จากภาครัฐและเอกชน หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ที่ได้มุ่งมั่นและร่วมกันพัฒนานวัตกรรมแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ให้เป็นนวัตกรรมสุขภาพต้นแบบในการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพคนไทย และ เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนไทยมากยิ่งขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพของประเทศไทย”

ทางด้าน รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงภาพรวมของสถานการณ์โควิด-19 ตลอดจนมุมมองด้านการแพทย์เกี่ยวกับโควิด-19 ในปัจจุบันว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 จะมีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทว่าโควิด-19 ก็ยังคงเป็นโรคที่ติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตลอดจนคอยติดตามข่าวสาร และ งานวิจัยทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีงานวิจัยที่ยังคงศึกษาถึงผลกระทบกับสุขภาพในระยะยาวของผู้ติดเชื้อเช่นกัน นอกจากนั้น งานวิจัยและนวัตกรรมของจุฬาฯ ในการป้องกัน และ รักษาผู้ป่วยโควิด-19 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้ร่วมกับคณะต่างๆ ยังมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์สำคัญระดับประเทศต่างๆ เช่น การพัฒนาวัคซีน ChulaCov 19, ชุดตรวจเชื้อ, เครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น องค์กรมีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะนำองค์ความรู้จากการทำวิจัย 




โดยทีมนักวิจัยแพทย์จุฬาฯ คือการพัฒนาแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติดักจับและยั้บยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก ซึ่งทีมนักวิจัยได้บ่มเพาะและพัฒนามาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาด โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาคประชาชน และ ภาครัฐ คือ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กระทั่งสามารถพัฒนาแอนติบอดีต้นแบบได้และได้ยื่นจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย และมีความพร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ไปสู่ภาคเอกชนเพื่อนำไปต่อยอด ในการทำการวิจัยทางคลินิก เพื่อสร้างเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่น่าจะมีส่วนช่วยป้องกันหรือรักษาโรคโควิด-19 จนเป็นผลสำเร็จได้ในวันนี้

“องค์ความรู้จากการวิจัยและความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะทำให้เกิดนวัตกรรมที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ และช่วยให้ประเทศไทยก้าวพ้นสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัย” รศ.นพ.ฉันชาย กล่าว พร้อมกันนี้ รศ.นพ.ฉันชาย ได้กล่าวเสริมถึงเทคโนโลยี Human Monoclonal Antibody ว่า เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีทางชีวภาพชั้นสูง โดยพัฒนาจากการถอดรหัสแอนติบอดีที่ได้จากอาสาสมัครที่หายดีจากโควิด-19 โดยมีภูมิคุ้มกันในระดับดีเยี่ยม 

สำหรับ นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงบทบาทขององค์การเภสัชกรรมในการบริหาร จัดการและช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ช่วงที่ผ่านมาองค์การเภสัชกรรมในฐานะองค์กรหลักเพื่อความมั่นคงทางยาและเวชภัณฑ์ของประเทศ ได้ดำเนินการตามภารกิจวิจัย พัฒนา ผลิต จัดหา สำรอง กระจายยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ สนับสนุนให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศ 

  องค์การเภสัชกรรมเป็นองค์กรหลักในการผลิต และจัดหายาและเวชภัณฑ์ในสถานการณ์โควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง และมุ่งส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นนวัตกรรมสามารถผลิตขึ้นใช้ได้เองในประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญในการผลิตยาและเวชภัณฑ์ ที่มีมาตรฐานยอมรับในระดับสากล องค์การเภสัชกรรมจึงได้ทำหน้าที่ในการผลิตและควบคุมคุณภาพ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม "สเปรย์พ่นจมูกเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก" โดยนวัตกรรมชิ้นนี้สามารถวิจัยและผลิตขึ้นใช้ได้เองในประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

 ล่าสุด องค์การเภสัชกรรมได้รับใบจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตเครื่องมือแพทย์ โดยมีขอบข่ายการอนุญาตให้ผลิตเครื่องมือแพทย์ในกลุ่ม Respiratory care service สำหรับผลิตภัณฑ์ Nasal spray solution จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และยังได้รับการรับรอง ISO-13485 : 2016 มาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพสำหรับเครื่องมือแพทย์ จากบริษัท UIC certification service ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตรวจรับรองประเมินมาตรฐานสากลซึ่งแสดงได้ว่าสถานที่ผลิตแห่งนี้ มีคุณภาพ ความปลอดภัย ระบบการจัดการคุณภาพสำหรับการผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ดี

นอกจากนี้ นพ.วิฑูรย์  ยังกล่าวถึง ศักยภาพและความพร้อมในการผลิต ตลอดจนความมั่นใจในคุณภาพ ความปลอดภัย และ ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์จากองค์การเภสัชกรรม ว่า องค์การเภสัชกรรมจึงมีความพร้อมที่จะผลิตนวัตกรรมสเปรย์ชิ้นนี้ออกสู่ตลาด เพื่อให้ประชาชนชาวไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมสุขภาพในการป้องกันและช่วยรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 และ ยังส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ นวัตกรรมชิ้นนี้จึงถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 และเป็นนวัตกรรมสุขภาพในการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพของคนไทย ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

 นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด / ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  กล่าวเสริมตอนท้ายว่า เพื่อให้ประชาชนไทยได้เข้าถึงนวัตกรรมสุขภาพอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างความอุ่นใจให้ประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 บริษัทฯ มีความยินดีและขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือจากภาคีและพันธมิตรจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.), มหาวิทยาลัยศิลปากร,  องค์การเภสัชกรรม พร้อมด้วยหน่วยงานบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และ อีกหลายๆ หน่วยงาน ที่มีส่วนช่วยผลักดันความสำเร็จร่วมกันในครั้งนี้ 

นางวรวรรณ กล่าวเสริมว่า นวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูก เวลล์ โควิแทรป แอนติ-โคฟ นาซอล สเปรย์ (VAILL COVITRAP Anti-Cov Nasal Spray) ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่พร้อมสู่สายตาของชาวโลก ที่มีคุณสมบัติสามารถในการดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 โดยทำงานทันทีและครอบคลุมต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง ด้วยหลักการทำงาน 2 กลไก ได้แก่ 1. ดักจับด้วย HPMC ที่ทำหน้าที่เคลือบบริเวณพื้นผิวโพรงจมูก ทำให้ความสามารถในการเกาะของเชื้อไวรัสที่บริเวณโพรงจมูกลดลง 2. ยับยั้ง เชื้อไวรัสโควิด-19 ทางกายภาพ ที่เข้ามาในบริเวณโพรงจมูกด้วยภูมิคุ้มกัน ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายใช้พ่นที่โพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง สอดหัวพ่นเข้าไปในโพรงจมูกในแนวตั้ง พ่นข้างละ 1-2 ครั้ง ใช้ได้ตามต้องการทุก 6 ชั่วโมง ได้ถึงวันละ 3 ครั้ง มีขนาด 15 มล. พร้อมในการจัดจำหน่ายให้แก่ประชาชนในประเทศไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ 

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  Official Line @Covitrap หรือ Facebook โควิแทรป, ตลอดจน เภสัชกรประจำร้านยาองค์การเภสัชกรรม, สถานพยาบาล The Senizens, และ สถานพยาบาล Panacura ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”