เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

31 มกราคม 2568

“บีไชน์ ไดเปปไทด์ คอลลาเจน พลัส"

“บีไชน์ ไดเปปไทด์ คอลลาเจน พลัส” ผิวดี เพิ่มมวลกระดูก ข้อเข่าแข็งแรง โปรสุดคุ้มซื้อ 1 แถม 1 เพียง 39 บาท ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น

“บีไชน์ ไดเปปไทด์ คอลลาเจน พลัส” ขั้นสุดของคอลลาเจนที่ดี ดูแลได้มากกว่าผิว ผสาน 5 คุณประโยชน์เน้นๆ ได้แก่ ไดเปปไทด์คอลลาเจนจากปลา 7000 มิลลิกรัม นวัตกรรมใหม่จากประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด ดูดซึมได้ดีที่สุด โดยคอลลาเจนไดเปปไทด์สกัด เฉพาะ 2 คู่ ที่เรียกว่า PO และ OG ทำให้มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับไดเปปไทด์ทั่วไป ผสาน สารสกัดจากซีบัคธอร์น, สารสกัดจากว่านหางจระเข้, วิตามินซี และวิตามินอี ช่วยบำรุงผิวให้สวยเนียนใส ตึงกระชับ ลดริ้วรอย พร้อมเสริมข้อเข่าให้แข็งแรง สุขภาพดี เพิ่มมวลกระดูกให้มากขึ้น ลดอาการปวดเข่าจากข้อเข่าอักเสบ 

รับประทานวันละ 1 ซอง ก่อนอาหารเช้า สามารถผสมกับเครื่องดื่มและอาหารได้หลากหลายตามที่ต้องการ เช่น น้ำเปล่า ชา กาแฟ นม น้ำผลไม้ หรือเติมปรุงในอาหารต่างๆ เช่น ซุป โยเกิร์ต น้ำสลัด โดยไม่ทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยนแปลง


28 มกราคม 2568

เคพีไอ พลิกโฉมเปิดตัวสโลแกนใหม่ “Your Trust, Our Care”

สื่อสารแบรนด์ผ่านคาแรคเตอร์ “Baby CARE Boy” เจาะคนรุ่นใหม่

กรุงเทพฯ - เคพีไอ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) ประกาศเปิดตัวสโลแกน “Your Trust, Our Care - ดูแลทุกความไว้ใจ” พร้อมมิติใหม่แห่งการสื่อสารแบรนด์ ผ่านศิลปะที่สดใส ทันสมัย และเข้าถึงง่าย ด้วยการร่วมมือกับศิลปิน Pop Art ชื่อดัง คุณแมค อัศนัย อรัญคีรี ผู้สร้างสรรค์คาแรคเตอร์พิเศษให้เฉพาะเคพีไอ ในชื่อ “Baby CARE Boy” ซึ่งจะเป็นตัวแทนสื่อถึงความห่วงใยใส่ใจที่ เคพีไอ มอบให้แก่ลูกค้าทุกคนตลอดมา ทั้งยังส่งเสริมให้แบรนด์ เคพีไอ เข้าถึงง่ายกับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแบรนด์ให้ใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น ให้สมกับความไว้ใจที่ลูกค้าเชื่อมั่นมายาวนานกว่า 70 ปี
คุณสุชาวดี แสงอนงค์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เคพีไอ กล่าวว่า “การเปิดตัวสโลแกนใหม่ของบริษัทฯ พร้อมด้วย Baby CARE Boy ที่จะมาเป็นตัวแทนในการสื่อสารแบรนด์ในรูปแบบใหม่นี้ เราอยากจะให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ เคพีไอ ได้ง่ายขึ้น ให้เห็นถึงความพร้อมขององค์กรที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ยังคงความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถสื่อสารได้กับคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย การ Rebranding ในครั้งนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อให้องค์กรของเรา ดูทันสมัย สดใหม่อยู่เสมอ เริ่มจากการกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ Ensure Your Future For A Better Journey “มุ่งมั่นเพื่ออนาคตของคุณสู่เส้นทางที่ดีกว่า” รวมถึงการกำหนดพันธกิจองค์กร เพื่อเป็นแนวทางในปฏิบัติงานของคนในองค์กร ให้บรรลุสู่เป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน ดังนั้น จึงมีสโลแกน “Your Trust, Our Care ” หรือ ดูแลทุกความไว้ใจ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรที่จะพัฒนาการทำงาน ผลิตภัณฑ์และบริการให้ดีที่สุด เพื่อตอบแทนลูกค้าให้สมกับความไว้วางใจที่มีให้เราเสมอมา”
การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ เคพีไอ ในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์องค์กร (Vision) และ พันธกิจองค์กร (Mission) เพื่อเป็นเป้าหมายและทิศทางการดำเนินงานขององค์กร ดังนี้
วิสัยทัศน์ (Vision) Ensure Your Future For A Better Journey มุ่งมั่นเพื่ออนาคตของคุณสู่เส้นทางที่ดีกว่า
พันธกิจองค์กร (Mission) ประกอบด้วย
Trust Trust turned into care.
ความไว้วางใจ จากความไว้วางใจสู่การดูแล
Sustainability Rooted in sustainability.
ความยั่งยืน ตั้งมั่นบนรากฐานแห่งความยั่งยืน
Simplified Service Making insurance simple.
การบริการ ให้ทุกการประกันเป็นเรื่องง่าย
Partners Together towards tomorrow.
พันธมิตรธุรกิจ ก้าวสู่อนาคตไปด้วยกัน
Employees Naturing talent, valuing dedication.
ทีมงาน ดูแลทุกศักยภาพ ตอบรับทุกความทุ่มเท
Innovation Transforming visions into reality.
นวัตกรรม เปลี่ยนวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติจริง
เคพีไอ ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะศิลปินไทยที่ได้สร้างผลงานศิลปะ ในหลากหลายรูปแบบ เช่น ศิลปะ Pop Art ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมของคนในวงกว้าง เราจึงเลือกทำงานร่วมกับคุณแมค อัศนัย อรัญคีรี ผู้เป็นเจ้าของ คาแรคเตอร์ Baby CARE Boy ให้มาเป็นผู้สร้างสรรค์งานการออกแบบ คาแรคเตอร์ ให้เคพีไอ โดยเป็นตัวแทนของการสื่อสารแบรนด์ในครั้งนี้ คุณแมคเองเคยร่วมงานและออกแบบคาแรคเตอร์ให้กับองค์กรชั้นนำมามากมาย เคพีไอจึงมั่นใจว่าศิลปะ Pop Art จะสามารถเล่าเรื่องเชื่อมโยงและสื่อสารกับผู้คนทุกเพศทุกวัยให้เข้าใจความหมาย ของคำว่า “Your Trust, Our Care” ได้ง่ายขึ้น ผ่าน “Baby CARE Boy” คาแรคเตอร์ที่มีความน่ารักโดดเด่นในแบบของ เคพีไอ
นอกจากนี้ เคพีไอ ยังได้มีการ ออกแบบโลโก้ใหม่ของบริษัทฯ ให้มีความโดดเด่นใช้สีสันที่ทันสมัยขึ้น พร้อมกับการวางรูปแบบเอกลักษณ์ หรือ Brand Identity ใหม่ ให้ดูสดใสแต่ยังคงผสมผสานกลิ่นอายเอกลักษณ์ของเดิมได้อย่างลงตัว เพื่อยังคงสร้างความน่าเชื่อถือและมั่นใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ให้มากขึ้น
คุณแมค อัศนัย อรัญคีรี ศิลปินผู้ออกแบบ Baby CARE Boy กล่าวถึงการทำงานในครั้งนี้ว่า “นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับธุรกิจประกันภัย ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่น่าสนใจมากสำหรับผม แต่เมื่อได้เห็นสโลแกน ‘Your Trust, Our Care’ ผมจึงอยากที่จะออกแบบ Baby CARE Boy ให้สะท้อนถึงความอบอุ่น ความจริงใจ ที่เคพีไอ มีต่อลูกค้าของบริษัทฯ ให้มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนเป็นไปตามภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่วางเอาไว้ ซึ่งมีความเอาใจใส่ต่อการให้บริการ ดังนั้น ผมจึงถ่ายทอดคาแรคเตอร์ออกมาในแบบของผม แต่เล่าเรื่องในแบบของเคพีไอครับ”
นอกจากนี้ คุณแมค ยังได้เผยถึงความประทับใจที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการ “ห้องสมุดมีชีวิต เคพีไอ” หนึ่งในโครงการ CSR ที่สำคัญของบริษัทฯ โดยกล่าวว่า “ผมทราบว่าเคพีไอได้ทำโครงการปรับปรุงห้องสมุดโรงเรียนในพื้นที่ต่างจังหวัดมานานกว่า 10 ปี ผมเลยสนใจที่อยากจะร่วมทำอะไรให้น้องๆ ในต่างจังหวัดบ้างและผมต้องขอบคุณพี่ๆ เคพีไอ ที่ให้โอกาสผมได้ร่วมออกแบบคาแรคเตอร์ Baby CARE Boy เพื่อตกแต่งและสร้างบรรยากาศให้ห้องสมุดโรงเรียนของน้องๆ ให้น่าสนใจและสนุกมากขึ้น ผมอยากให้น้องๆ ได้สัมผัสและเรียนรู้ศิลปะ Pop Art หวังว่าศิลปะจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ได้ และผมเชื่อว่าศิลปะเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ครับ”
นอกจากเป้าหมายในการปรับภาพลักษณ์องค์กรในครั้งนี้ เคพีไอ ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ของผู้นำองค์กร คุณสุชาวดี แสงอนงค์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ในปี 2568 และในอีก 5 ปีต่อจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการพัฒนากระบวนการทำงานในทุกๆ ภาคส่วน รวมถึงการวางกลยุทธ์เพื่อพัฒนาศักยภาพของพนักงาน อันเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาองค์กร ทั้ง การรักษาพนักงานที่มีความสามารถ (Talent Retention) การลดช่องว่างทางทักษะ (Skill Gap) การสร้างความผูกพันของพนักงาน (Employee Engagement) รวมถึง การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development) เพื่อสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งได้อย่างยั่งยืน

ลูกค้าของ เคพีไอ - กรุงไทยพานิชประกันภัย จึงมั่นใจได้ว่า บริษัทฯ จะยึดมั่นและให้ความสำคัญต่อคุณค่าของ "ความไว้ใจ" ที่ลูกค้ามอบให้เราเสมอมา เราสัญญาว่าจะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในทุกๆ ด้าน เพื่อตอบแทนความไว้วางใจนั้นให้ดีที่สุด เป็นไปตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของแบรนด์ที่วางไว้ให้สมกับ สโลแกน “Your Trust, Our Care” ดูแลทุกความไว้ใจ

27 มกราคม 2568

เบเยอร์ นำร่อง "เปลี่ยนใหญ่เพื่อยั่งยืน"

เบเยอร์มอบของขวัญปีใหม่ ฉลองตรุษจีน ต้อนรับปีงูทอง กับการใส่ใจทุกความรู้สึก และเข้าใจในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน แม้ภาครัฐ จะปรับค่าแรงขั้นต่ำแล้ว เป็นบางพื้นที่ แต่ยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่ยังเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ เบเยอร์ไม่เคยนิ่งนอนใจ ต่อสภาวะการณ์นั้น เบเยอร์พร้อมจะเคียงข้างพนักงานของเราทุกคน ปีนี้ เบเยอร์มุ่งมั่นที่จะ "เปลี่ยนใหญ่เพื่อยั่งยืน" โดยมุ่งเน้นการเติบโตของ เบเยอร์ รวมถึงการดูแลเพื่อนพนักงาน และ มุ่งสร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิต ในช่วงเวลาที่ทุกคนเผชิญภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ กล่าวว่า ในโอกาสปีใหม่นี้ พร้อมฉลองตรุษจีนต้อนรับปีงูทอง   เบเยอร์ขอมอบ "ของขวัญเพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน" ด้วยการเพิ่มรายได้เฉลี่ย 1,000 บาทต่อเดือน นำร่องส่วนงานฝั่งพนักงานขาย PC (Product Consultant ) ส่วนแรกก่อน โดยครอบคลุมพนักงานส่วนใหญ่ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และขอขอบคุณอย่างจริงใจต่อพนักงานทุกท่านที่ทำงานอย่างหนักและทุ่มเทเพื่อเบเยอร์มาโดยตลอด

นำร่องที่พนักงานขาย PC (Product Consultant ) ซึ่งเป็นแนวหน้าที่สำคัญของเบเยอร์ คือหัวใจของครอบครัว เบเยอร์ ในการขับเคลื่อนความสำเร็จและการเติบโตขององค์กร การดูแลครั้งนี้  เบเยอร์มุ่งหวังสนับสนุนในระยะยาว แต่เพื่อแสดงความขอบคุณในความทุ่มเทและความเสียสละของทุกคน พร้อมสร้างความมั่นใจ ว่าบริษัทจะคอยดูแลและสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดี ในทุกช่วงเวลา เบเยอร์จึงถือโอกาสนี้ ยกระดับการดูแล คุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยเริ่มคิกออฟจากฝั่งแรก คือ ฝ่ายงานขายก่อน  จนจบครบทุกภาคส่วนในองค์กร ตามลำดับแผนงาน "เปลี่ยนใหญ่เพื่อยั่งยืน"


“แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะใช้งบทางการเงินที่มาก และเป็นผลผูกพันธ์ทุกเดือนต่อเนื่องระยะยาว แต่ทางเบเยอร์ยินดีและมั่นใจว่าการสนับสนุนทีมงานนี้ จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและความภูมิใจให้กับทุกคน ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนไปกับเรา มาร่วมกัน "เปลี่ยนใหญ่เพื่อยั่งยืน" และก้าวไปสู่ความสำเร็จด้วยกัน” กับครอบครัวเบเยอร์... นายพงษ์เชิด กล่าวทิ้งท้าย

ระเบิดความมันกับ Aquaverse Music Fest เทศกาลดนตรีแบบชุ่มฉ่ำกลางเวฟพูล

ระเบิดความมันกับ Aquaverse Music Fest เทศกาลดนตรีแบบชุ่มฉ่ำกลางเวฟพูล สระคลื่นเทียมใหญ่สุดในไทยขนทัพ 20 ศิลปิน T–POP แถวหน้าเมืองไทย เสิร์ฟความสนุกแบบจัดเต็ม 7 ชั่วโมง


โคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส (Columbia Pictures Aquaverse) สวนน้ำธีมภาพยนตร์โซนี่แห่งแรกของโลก ชวนทุกคนมาสนุกกันแบบชุ่มฉ่ำรับซัมเมอร์นี้ กับเทศกาลดนตรี Aquaverse Music Fest ขนทัพ 20 ศิลปิน T–POP มาเสิร์ฟความสนุกแบบจัดเต็ม 7 ชั่วโมง บนเวทีกลางน้ำในสระคลื่นยักษ์อควาเวิร์ส พบกับ 4EVE (โฟร์อีฟ) Ally (แอลลี่) Atlas (แอทลาส) Daou – Offroad (ต้าห์อู๋ – ออฟโรด) และ PiXXiE (พิกซี่) พร้อมระเบิดความมัน ในวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 เริ่มจำหน่ายบัตรราคาพิเศษ แบบ Early Bird ในวันที่ 28 มกราคม 2568 เป็นต้นไป สุดคุ้ม! กับบัตรประเภท Concert & Park ที่ให้คุณเข้าสวนน้ำพร้อมชมคอนเสิร์ตได้ในราคาพิเศษ!


สาดความสนุกดับร้อนในเดือนมีนาคม กับ Aquaverse Music Fest เทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ในพัทยา กับไลน์อัพศิลปิน T–POP แถวหน้าของเมืองไทยที่จะทำให้เวทีลุกเป็นไฟ สาดน้ำเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่! เริ่มตั้งแต่ 7 สาววง 4EVE เจ้าของเพลงฮิตติดหูมากมายทั้ง วัดปะหล่ะ?, VROOM VROOM, Life Boy (พูดไปก็ไลฟ์บอย) และผลงานอัลบั้มล่าสุดอย่าง Now and Ever Part II ที่รวมเพลงสนุกติดหูไว้เพียบ ทั้ง hot2hot และ Situationship ส่วน 7 หนุ่มบอยแบนด์ Atlas จากค่ายเดียวกัน ก็พร้อมโชว์ทักษะการร้อง และเต้นอย่างเต็มที่ พาเหรดเพลงมาให้ฟังจนหายคิดถึง ตั้งแต่ซิงเกิ้ลเปิดตัว MAYDAY MAYDAY และ LOLAY ที่ทุกคนเต้มตามได้ รวมถึง มังคุด อีกเพลงจังหวะมันที่จะไม่ปล่อยให้ทุกคนให้ได้พัก!

เร่งดีกรีความฮอตกับโชว์จาก Daou – Offroad คู่จิ้นฟินเบอร์แรงสุดเร่าร้อนที่จะอัพสกิลความร้อนแรงจนทุกคนร้องซี้ด ส่วน 3 สาววง PiXXiE เกิร์ลกรุ๊ปสุดเซ็กซี่จะมาไต่ระดับความสนุกด้วยเพลงฮิตติดหูของพวกเธอ ทั้ง เด็ด, มูเตลู, เกินต้าน, Dejayou พร้อมซิงเกิ้ลล่าสุด Feat เพลงใหม่ที่ให้ความรู้สึกยั่วยวนน่าค้นหา ยังมีความสดใสของศิลปินสาวที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์อย่าง ALLY ที่จะมาโปรยเสน่ห์เนรมิตให้เวทีคอนเสิร์ตกลางสระคลื่นยักษ์ให้กลายเป็นสวนดอกไม้สีชมพู!


เทศกาลดนตรี Aquaverse Music Fest จะจัดในวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 14:00 – 00:00 น. พิเศษสุด ๆ สำหรับผู้ซื้อบัตรประเภท Concert & Park ที่จะได้สิทธิสัมผัสความประสบการณ์ความสนุกในสวนน้ำ โคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส แบบ บัตรใบเดียวเที่ยวได้ทั้งสวนน้ำและดูคอนเสิร์ต โดยเริ่มเข้าสวนน้ำได้ตั้งแต่เวลา 10:00 น.! พบกับการผจญภัยทั้ง 11 โซนในธีมภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ที่ห้ามพลาดเลยก็คือ 9 สไลเดอร์สุดเสียวในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนั่งห่วงยางพร้อมกับเพื่อน ๆ หรือจะเป็นสไลด์แบบฟรีฟอลล์สุดตื่นเต้นทิ้งดิ่งจากความสูง 12 เมตร และมีช่วงหมุนตัว 360 องศา ไฮไลท์อยู่ที่สไลเดอร์ทรงกลมแห่งเดียวในทวีปเอเชียที่เล่นได้แบบไม่จำกัดรอบ! พักเหนื่อยที่ทะเลเทียมพร้อมคลื่นจำลองขนาดใหญ่ หรือสระน้ำวนเลซี่ ริเวอร์ ที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ ของทวีปเอเชีย


เทศกาลดนตรี Aquaverse Music Fest เริ่มจำหน่ายบัตรตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2568 เป็นต้นไป บัตรประเภท Early Bird ราคา 1,190 บาท (จำกัดเพียง 3,000 ใบเท่านั้น) ราคาปกติ 1,290 บาท และบัตรประเภท Concert & Park ในราคา 1,790 บาท สามารถซื้อได้ที่เว็บไซต์ www.columbiapicturesaquaverse.com
หรือ LINE: @aquaverse และ Shopee 

25 มกราคม 2568

ครั้งแรก! ของผลิตภัณฑ์ “นมอัลมอนด์ พร้อมไอโซเลทซอย”


ครั้งแรก! ของผลิตภัณฑ์ “นมอัลมอนด์ พร้อมไอโซเลทซอย” โปรตีน 11 กรัมในรูปแบบยูเอชทีพร้อมดื่ม แบรนด์ 137 ดีกรี®

ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ ตอกย้ำผู้นำตลาดนมทางเลือกจากพืชอันดับหนึ่งในไทย เปิดตัวนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ นมอัลมอนด์โปรตีนสูง สูตรดั้งเดิมและสูตรช็อคโกแลต แบรนด์ 137 ดีกรี® ชูคอนเซ็ปต์ “สัมผัสใหม่ ดื่มง่ายไม่ระคายคอ” เขย่าตลาดกลุ่มคนรักสุภาพ

นางสาวอริสา อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมทางเลือกจากพืช แบรนด์ 137 ดีกรี® กล่าวว่า ปัจจุบันคนหันมาบริโภคโปรตีนจากพืชมากขึ้น ซึ่งมีพืชหลายชนิดที่มีโปรตีนสูง อาทิ พืชตระกูลถั่วต่างๆ ปัจจุบันโปรตีนจากพืช สามารถสกัดให้มีปริมาณโปรตีนสูงขึ้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก เป็นโปรตีนทางเลือกสำหรับกลุ่มของคนรักสุขภาพ ผู้ที่ต้องการลดไขมัน และสร้างกล้ามเนื้อ ทั้งกลุ่มคนออกกำลังกาย วัยรุ่นหรือผู้สูงวัยที่ต้องการรับประทานโปรตีนให้เพียงพอในแต่ละวัน และกลุ่มคนที่แพ้นมวัว รวมถึงคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์

จากปัจจัยดังกล่าวทางบริษัทฯ จึงทุ่มวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ เสริมด้วยไอโซเลทซอย ช่วยสร้างจุดเด่นให้ออกมาเป็น นมอัลมอนด์โปรตีนสูง สูตรดั้งเดิมและสูตรช็อคโกแลต แบรนด์ 137 ดีกรี® ผลิตจากอัลมอนด์เต็มเมล็ดนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา โดยมีโปรตีน 11 กรัม ที่มาในรูปแบบยูเอชที ดื่มง่ายเนื้อบางเบา ไม่สากคอ ไม่เหม็นเขียว เพราะสินค้าประเภทโปรตีนกินยากและไม่อร่อย โดยใช้นวัตกรรมเข้ามาพัฒนาในเรื่องรสชาติ ไม่เติมน้ำตาลทรายแต่ใช้สารแทนความหวาน โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แถมราคายังน่ารักจับต้องได้กว่านมโปรตีนทั่วไปในตลาด สามารถดื่มได้ทั้งแบบแช่เย็นและไม่แช่เย็น

ทำไมนมอัลมอนด์โปรตีนสูง สูตรดั้งเดิมและสูตรช็อคโกแลต แบรนด์ 137 ดีกรี® ถึงต้องเป็นโปรตีน 11 กรัม ? เพราะโปรตีน 11 กรัม เป็นตัวเลขที่ใช่! ปริมาณพอดี ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและช่วยให้พลังงานแก่ร่างกายในระยะยาว ควบคุมความหิวระหว่างมื้ออาหาร โดยไม่ทำให้ท้องอืดหรือหนักท้องจนเกินไป แถมยังดูดซึมง่าย รสชาติอร่อยนุ่มละมุน ไม่สากคอ เพราะหากร่างกายรับโปรตีนมากเกินไป ร่างกายจะเผาผลาญออกมาใช้ไม่หมด จนกลายเป็นแคลอรี่ส่วนเกิน ทำให้น้ำหนักตัวมากขึ้นได้ แล้วทำไมต้องเป็นนมอัลมอนด์? เหตุเพราะนมอัลมอนด์สูตรใหม่ของเราไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยโปรตีน แต่ยังอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์อีกมากมาย อาทิเช่น มีวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ ซึ่งทำงานร่วมกับโปรตีนได้อย่างลงตัว มีคาร์โบไฮเดรตต่ำไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่ง แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารจากพืชที่ดีทั้งต่อร่างกายและดีต่อโลกอีกด้วย


สัมผัสความอร่อยแบบพรีเมียมของ นมอัลมอนด์โปรตีนสูง สูตรดั้งเดิม และสูตรช็อคโกแลต แบรนด์ 137 ดีกรี® ในกล่องขนาด 180 มิลลิลิตร ราคาเพียง 29 บาท ได้แล้ววันนี้ที่ 7-11 ทุกสาขา สามารถเก็บในอุณหภูมิปกติได้ถึง 1 ปี โดยไม่สูญเสียคุณประโยชน์ทางสารอาหารและรสชาติ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE@137degrees (มีเครื่องหมาย@) หรือ Inbox Facebook 137degrees

24 มกราคม 2568

KFC จับมือ ชินจัง ร่วมแบ่งปันรอยยิ้ม แจกของขวัญสุดเซอร์ไพรส์

พร้อมแปลงโฉมหน้าร้าน ชวนแฟนคลับชินจังเช็คอินถ่ายรูปสุดเก๋!


กรุงเทพฯ, 23 มกราคม 2568 – KFC (เคเอฟซี) ร่วมสร้างความสุขและรอยยิ้ม มอบไก่ทอดและเซ็ตแก้วแปรงฟันคอลเลกชันพิเศษลายชินจัง ให้แก่นักเรียนโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ พร้อมเพิ่มสีสันบรรยากาศแห่งความสนุก แปลงโฉมหน้าร้าน KFC เป็นลวดลายชินจัง ทั้ง 3 สาขาแลนมาร์คทั่วกรุงเทพฯ เซอร์ไพรส์สุดด้วยการแจกเซ็ตแก้วแปรงฟันคอลเลกชันพิเศษลายชินจัง สำหรับลูกค้า KFC เมื่อซื้อชุดบักเก็ตไก่ ขั้นต่ำ 299 บาท ในระหว่างวันเสาร์ที่ 11 และวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 ท่ามกลางรอยยิ้มของสาวกชินจังและลูกค้าที่อิ่มอร่อยไปกับมื้อสนุก ๆ ตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา


          คุณซูเฮล ลิมบาดะ Market Lead & Chief Marketing Officer KFC Thailand กล่าวว่า “การจับมือกันระหว่าง KFC และ ตัวแสบแห่งวงการการ์ตูนที่เด็กทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี "เครยอน ชินจัง” นอกจากมีแคมเปญแจกเซ็ตแก้วแปรงฟันคอลเลกชันพิเศษลวดลายชินจังสุดกวนที่ร้าน KFC ทุกสาขาทั่วประเทศแล้วนั้น ลูกค้ายังสามารถเพลิดเพลินไปกับความน่ารักของการตกแต่งร้านธีมชินจังที่สาขาแลนมาร์คทั้ง 3 แห่งได้ด้วย  เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งกับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า KFC และแฟนคลับชินจังทุกคน ที่มาร่วมสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะผ่านแคมเปญแห่งความสุขนี้ไปด้วยกัน” 

          นอกจากนี้ KFC ได้ส่งมอบเมนูโปรดของเด็ก ๆ อย่างไก่ป๊อปยอดฮิต และทาร์ตไข่แสนอร่อย พร้อมเซ็ตแก้วแปรงชินจัง ไปเซอร์ไพรส์น้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ ทั้งหมด 158 ชุด เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เป็นเพียงการมอบของขวัญที่สร้างความสุขให้กับเด็ก ๆ เพียงอย่างเดียว แต่ KFC ยังต้องการมอบของขวัญที่สามารถใช้ได้จริง อีกทั้งต้องการสร้างความตระหนักและส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี รวมถึงสร้างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพช่องปากด้วย สะท้อนความมุ่งมั่นของ KFC ในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม โดยเฉพาะในด้านสุขภาพและความสุขของเด็ก ๆ

         โดยบรรยากาศร้าน KFC ทั่วประเทศไทย ในระหว่างวันเสาร์ที่ 11 และวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568  ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่แคมเปญจัดขึ้นนั้น ต่างเต็มไปด้วยน้อง ๆ ที่มากับครอบครัว และบรรดาแฟนคลับของ ชินจังที่แวะเวียนเข้ามาใช้บริการอย่างคึกคักไม่ขาดสาย เต็มไปด้วยความสุข และรอยยิ้มจากลูกค้าที่ต่างพากันมาจับจองแก้วแปรงฟันคอลเลกชันพิเศษลายชินจัง แถมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศภายในร้านที่ถูกตกแต่งด้วยคาแรคเตอร์ชินจังในหลากหลายลุคสุดน่ารัก สร้างสีสันให้ลูกค้าได้ถ่ายภาพเช็กอินและเฉลิมฉลองไปพร้อมกับครอบครัว

โอกาสหน้า KFC จะส่งแคมเปญสนุก ๆ หรือเตรียมมอบเซอร์ไพส์แฟนคลับผู้พันแซนเดอร์สแบบไหน ติดตามความอร่อยและความสนุกในทุกมื้อ ได้ที่ KFC ทุกสาขา ผ่านแอปพลิเคชัน KFC Thailand หรือโทร. 1150

สามารถติดตามรายละเอียดข่าวสาร และโปรโมชั่นพิเศษเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.kfc.co.th
หรือ Facebook: KFC Thailand, Instagram: @kfcthailand,  และ Twitter: @kfcthailand

PR 4.0 พลิกโฉมการประชาสัมพันธ์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

นายกสภา ”มทรส.“ยกเครื่องใหญ่งานพีอาร์ ตอบโจทย์การสื่อสารยุคดิจิทัล ตรงประเด็น หวังตีแผ่ของดีโดนใจกลุ่มเป้าหมาย “ธีรพล”แนะทริกเป็น ปชส.รุ่งโรจน์

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ห้องนนทรี ชั้น 8 อาคารเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทรส.) ต.หันตราจ.พระนครศรีอยุธยา จัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ "PR 4.0 พลิกโฉมการประชาสัมพันธ์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล" โดยมีศาสตราจารย์พิเศษชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม นายกสภามหาวิทยาลัยฯ เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ 50 คนเข้าร่วมงาน


โดยศาสตราจารย์พิเศษชัยสิทธิ์ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า การประชาสัมพันธ์เป็นหัวใจของการสื่อสารที่สำคัญมาตลอดทุกยุคทุกสมัย บุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนจำเป็นต้องมีทักษะการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันแก่คนในองค์กร และภายนอกองค์กร ตนเห็นว่าการดึงผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์งานข่าวมาถ่ายทอดองค์ความรู้เทคนิคการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบุคลากรมหาวิทยาลัยสามารถนำไปปฏิบัติใช้งานได้จริง

ด้านนายธีรพล ขุนเมือง กรรมการ สภาฯ ผู้ทรงคุณวุฒิ และอดีตโฆษกกระทรวงแรงงาน บรรยายหัวข้อ “ประชาสัมพันธ์สำคัญไฉน”ใจความตอนหนึ่งว่า นักประชาสัมพันธ์ที่ดีต้องมีจมูกข่าว เซนต์ข่าว มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อ ความจำดี มองเห็นทุกอย่างเป็นข่าว และเขียนข่าวได้เข้าใจครบองค์ประกอบ หรือสามารถนำภารกิจไปแปลงเข้ากับกระแสข่าวได้อย่างกลมกลืน รวมทั้งรู้จักนำของดีที่อยู่ใกล้ตัวออกมาเผยแพร่เขียนเป็นข่าวประชาสัมพันธ์ เช่น ผลงานวิจัย ครั้งนี้ถือเป็นการปัดฝุ่นเวิร์คชอปการประชาสัมพันธ์ในรอบหลายปี ที่เป็นประโยชน์ต่อบุคลากร และมหาวิทยาลัยในระยะสั้นและยาวเป็นการเตรียมความพร้อมบุคลากรให้รับมือกับความท้าทายในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ถ้านักสื่อสารประชาสัมพันธ์ขาดสิ่งที่กล่าวข้างต้นก็แนะนำให้ทำอาชีพอื่นจะรุ่ง



บรรณาธิการข่าวสังคม เว็บไซต์เหยี่ยวขาว กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่นักประชาสัมพันธ์ต้องเปลี่ยนตัวเอง ยกเครื่องการทำงานใหม่ ถ้าอยากให้การประชาสัมพันธ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ก็ต้องอ่านข่าวเยอะๆ เพื่อจำภาษาข่าว ต้องรู้ธรรมชาติสื่อทำงานอย่างไรต้องการประเด็นอะไร และธรรมชาติข่าวไม่เยิ่นเย้อ ภาษาข่าวประชาสัมพันธ์ไม่ควรเป็นทางการเพราะไม่น่าอ่าน

นายสุรเชษฏ์ วัชรวิศิษฎ์ บรรณาธิการภาพข่าวเว็บไซต์เหยี่ยวขาว เจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ภาพยอดเยี่ยมในไทยและภาพยอดเยี่ยมสมาพันธ์นัก นสพ.อาเซียน กล่าวว่า เทคนิคมุมมองการถ่ายภาพให้ออกมาดี ตอบโจทย์การสื่อสาร คือ ช่างภาพที่ดีต้องทำการบ้าน วางแผนการทำงานถ่ายภาพตั้งแต่ต้นจนจบ งานภาพแต่ละงานมีรายละเอียดต่างกัน เช่น ภาพแถลงข่าว ภาพงานเสวนา ภาพเหตุการณ์ หลักๆยึดกฎใครเป็นประธาน ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่อย่างไรให้สอดคล้องกับเนื้อหาข่าว

ขณะที่นายศุภฤกษ์ วิเชียรปัญญา บรรณาธิการบริหารเว็บไซต์เหยี่ยวขาว กล่าวว่า ข่าวประชาสัมพันธ์ถือเป็นหัวใจขององค์กร จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการแนะนำเพิ่มความรู้ให้กับบุคคลากรเพื่อไม่ให้ตกยุคตกสมัย การเขียนข่าวต้องถูกต้องชัดเจน ครบองค์ประกอบข่าวโดยก่อนจะเผยแพร่ควรตรวจทานให้เรียบร้อย เพราะข่าวประชาสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องเร่งเขียน เหมือนกับข่าวทั่ว ๆ ไป อีกทั้งในการกระจายส่งข่าวสู่พันธมิตร "เวลา"คือเงื่อนไขสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เขียนดี-ภาพสวย แต่ส่งไปในเวลาที่ไม่เหมาะสมข่าวก็อาจจะไม่ได้ลงเผยแพร่ก็ได้ 



จากนั้นมีการเสวนาเรื่อง “เทคนิคการประชาสัมพันธ์ยุคดิจิทัล” โดยนายชาญวิทย์ สุนทรกาญจนา ทั้งนี้ในช่วงบ่ายผู้เข้าร่วมอบรมฯได้ร่วม Workshop การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ยุคดิจิทัล นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญธิดา ชุนงาม และอาจารย์วศกร ไตรพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศด้วย.

21 มกราคม 2568

ผู้บริหารโรงพยาบาลพญาไท 1 จัดกิจกรรมเนื่องในวันเด็ก ณ สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี

เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ  ผู้บริหารโรงพยาบาลพญาไท 1 นำโดย นพ.อภิรักษ์ ปาลวัฒน์วิไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 1 พร้อมด้วย พญ.สุขุมาลย์ สว่างวารี
แพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวชและสูติศาสตร์ ผู้ก่อตั้งโครงการปัน ปัน เข้าสู่ปีที่ 9 ปันสุขนี้เพื่อน้อง
และ ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไล แพทย์เฉพาะทางด้านหนังศีรษะและเส้นผม ช่วยเหลือสังคมโดยเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับน้องๆ เด็กหญิงบ้านราชวิถี  และบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ให้กับสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถีมาโดยตลอดทุกปี โรงพยาบาลพร้อมให้ความอบอุ่นใจ ห่วงใยสังคม





ฟอร์จูนทาวน์ชวนรับความเฮง! มหกรรมฉลองตรุษจีนสุดยิ่งใหญ่ 6 วันเต็ม 24 - 29 ม.ค.นี้

ฟอร์จูนทาวน์ชวนรับความเฮง! มหกรรมฉลองตรุษจีนสุดยิ่งใหญ่ 6 วันเต็ม 24 - 29 ม.ค.นี้ ในงาน “The Fortune Chinese New Year 2025 Year of The Snake”

21 มกราคม 2568, กรุงเทพฯ – ฟอร์จูนทาวน์ (Fortune Town) ศูนย์รวมไอทีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำย่าน รัชดา-พระราม 9 ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND จัดฉลองเทศกาลตรุษจีน มะเส็งเสริมพลังเฮง กับงาน “The Fortune Chinese New Year 2025 Year of The Snake” ในวันที่ 24 - 29 มกราคม 2568 บริเวณ Fortune Event Space ชั้น 4 ฟอร์จูนทาวน์ รัชดา-พระราม 9

ฟอร์จูนทาวน์  จัดเสิร์ฟความเฮง ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน กับ กิจกรรม The Fortune Chinese New Year 2025 Year of The Snake”  มะเส็งเสริมพลังเฮง    บริเวณ Fortune Event Space  ชั้น 4   ตั้งแต่วันที่ 24 - 29 ม.ค. 68   กับกิจกรรมที่รวมไว้ให้สายมู  ได้มาเสริมสิริมงคล รับพลังงานบวก เฮง ปัง กันอย่างเต็มอิ่ม   กับการสักการะเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย ประจำปี 2568 ให้ปลอดภัยและปกป้องคุ้มครองชะตาชีวิต    เทพเจ้ามหาเทพจีน เสริมพลังความมั่งคั่งและสิริมงคล   เปิดดวงความรักกับเทพเจ้าด้ายแดง   เขียนใบอธิษฐาน และ ฝากดวงปีชง 2568 เสริมดวงให้ชีวิตเฮงตลอดปี   ตรวจดวงชะตาทุกมิติ ด้วยศาสตร์การทำนาย    นอกจากนี้ยัง ช้อปเพลิน  กับวัตถุมงคล เสริมพลังให้ปังทั้งปีนี้ อิ่มท้องกับร้านอาหาร-เครื่องดื่มมงคลเจ้าดัง และโปรโมชันเด็ดจากร้านอาหารภายในศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์    

พิเศษสุด  27 ม.ค. 68  เวลา  16.00 น.   เป็นต้นไป  ตื่นตากับโชว์สุดอลังฯ การเชิดมังกรทองบนเสาดอกเหมย  พร้อมรับ ของเสริมความมงคล  “ส้ม” และ “ไผ่มงคล”  ฟรี  (จำนวนจำกัด)  บริเวณลานฟอร์จูนสตรีท ฟอร์จูนทาวน์  

เสริมพลังเฮง    กับงาน  “The Fortune Chinese New Year 2025 Year of The Snake”  ในวันที่ 24 - 29 มกราคม 2568 บริเวณ Fortune Event Space ชั้น 4 ฟอร์จูนทาวน์ รัชดา-พระราม 9 เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า MRT  สถานีพระราม 9  ทางออกประตู 1

ติดตามข่าวสารกิจกรรมได้ที่ www.fortunetown.co.th
FB : fortunetown 
IG : fortunetown
Youtube : fortunetown
Line : FortuneTown หรือ https://lin.ee/tNWLAG
Application : Fortune Town


#FortuneTownrama9 #FortuneTown  #TheBestITLifestyleMall #ITLifestyleMallrama9 #ITLifestyleMall #ชมฟรี # #ตรุษจีน #ตรุษจีน2568 #ChineseNewYear  #YearoftheSnake #CHY #CNY2025 #CPLAND #ซีพีแลนด์ #CPLANDคุณภาพทุกชีวิต #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต #สุขจริงทุกจินตนาการ #AccessibleCommunitiesforLife

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ มอบเข็มกิตติคุณและประกาศนียบัตรชั้นสูง


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ มอบเข็มกิตติคุณ และประกาศนียบัตรชั้นสูง แก่ผู้สำเร็จการศึกษาอบรมจากสถาบันพระปกเกล้า 

วันนี้ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ในพิธีมอบประกาศนียบัตรชั้นสูงกิตติมศักดิ์ เข็มกิตติคุณสถาบันพระปกเกล้า และประกาศนียบัตรชั้นสูง สถาบันพระปกเกล้า 





โดยมี นายวันมูฮะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสถาบันพระปกเกล้า พร้อมด้วย นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า รองศาสตราจารย์ ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และคณะผู้บริหาร กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า ผู้ได้รับพระราชทานประกาศนียบัตรชั้นสูงกิตติมศักดิ์พร้อมเข็มพระปกเกล้า และบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่สถาบันพระปกเกล้า เข้าร่วมพิธี



โดยมีผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง รับประกาศนียบัตรชั้นสูง เข็มกิตติคุณ และเข็มพระปกเกล้า รวมทั้งสิ้น ๕๐๙ ราย ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง

สายสีแดง ชวนเที่ยวแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ติดรถไฟฟ้า

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เชิญชวนประชาชนเที่ยว พักผ่อน แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่มีแต่ความเขียวขจี อากาศบริสุทธิ์ เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นอย่างมาก จึงอยากเชิญชวนประชาชนเดินทางมาพักผ่อนที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ “เปรมประชาวนารักษ์” เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือได้ว่า เป็นปอดแห่งใหม่ของคนชานเมือง โดยกลุ่ม ปตท. ได้จัดสรรพื้นที่กว่า 10 ไร่ ติดรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง โดยได้ทำการฟื้นฟูที่ดินรกร้างให้กลายเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งมีแต่ความเขียวขจี เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ให้คนย่านชานเมืองได้มาเช็คอิน รวมถึงได้ใช้พื้นที่ในการพักผ่อนหย่อนใจ และสูดอากาศที่บริสุทธิ์ พร้อมทั้งยังมีลานกิจกรรม และเส้นทางจักรยานสำหรับผู้ที่รักในการปั่นจักรยานด้วย


ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่รักสัตว์เลี้ยง ก็สามารถพาน้องหมาน้องแมว มาพักผ่อนที่สวนเปรมประชาวนารักษ์ได้เช่นกัน เดินทางง่ายๆโดยรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ กับราคาสุดแสนประหยัด ค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 20 บาท  และสามารถพาน้องหมาน้องแมวเดินทางมาด้วย ซึ่งน้องหมาน้องแมวไม่เสียค่าเดินทางแต่อย่างใด เพียงนำน้องๆใส่ในกระเป๋าที่มิดชิด และสำหรับผู้ที่จะมาปั่นจักรยานที่สวนสาธารณะนี้ ก็สามารถนำจักรยานทุกประเภทขึ้นรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงได้อีกด้วย ทั้งนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม
Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET”
หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ ...ความพิเศษ”
รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

20 มกราคม 2568

ทีเส็บ ปั้นโครงการ MICE Coffee Break ชุมชน ภาคกลางและภาคตะวันออก

ทีเส็บ ปั้นโครงการ MICE Coffee Break ชุมชน ภาคกลางและภาคตะวันออก พลิกโฉมเมนูอาหารว่างจากวัตถุดิบประจำถิ่น สู่เมนูสร้างสรรค์ “MICE Coffee Break ชุมชน” เปิดประตูชุมชนสู่โอกาสใหม่ในธุรกิจการจัดประชุมสัมมนา

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า โครงการ MICE Coffee Break ชุมชน ภาคกลางและภาคตะวันออก ปี 2567 มีเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเมนูอาหารพื้นบ้านที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น โดยร่วมกับชุมชนนำเอาวัตถุดิบมารังสรรค์เมนูใหม่ยกระดับสู่อุตสาหกรรมไมซ์ เป็นเมนู MICE Coffee Break ชุมชน เพื่อการจัดประชุมสัมมนา สร้างโอกาสให้ชุมชนในภูมิภาคของประเทศไทย สามารถก้าวเข้าสู่ห่วงโซ่ธุรกิจอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ได้อย่างมีคุณภาพ สร้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน

โดยในภาพรวมอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ปี 2567 เติบโตกว่า 5% มีนักเดินทางไมซ์ กว่า 25,350,288 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักเดินทางไมซ์ 148,341 ล้านบาท แบ่งเป็นนักเดินทางไมซ์จากต่างประเทศ 1,160,569 คน สร้างรายได้ 69,594 ล้านบาท และนักเดินทางไมซ์ในประเทศ 24,189,719 คน สร้างรายได้ 78,747 ล้านบาท สำหรับปี 2568 ทีเส็บ มีแนวทางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทย พัฒนา“แบรนด์ประเทศไทย” ในฐานะ “จุดหมายปลายทางของการจัดงานไมซ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง” (High Value-Added MICE Destination) โดยนำ “ซอฟต์พาวเวอร์” (Soft Power) มาช่วยยกระดับประสบการณ์ให้กลุ่มนักเดินทางไมซ์ ซึ่งทีเส็บได้กำหนดเป้าหมายสิ้นปีงบประมาณ 2568 ประเทศไทยจะมีนักเดินทางไมซ์ทั้งต่างประเทศและในประเทศ รวมทั้งสิ้น 34,000,000 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักเดินทาง 200,000 ล้านบาท

การดำเนินโครงการ MICE Coffee Break ชุมชน ภาคกลางและภาคตะวันออก ประกอบด้วยกิจกรรมมากมาย ตั้งแต่การคัดเลือกเฟ้นหาชุมชนเข้าร่วมโครงการฯ โดยมีคณะกรรมการพิจารณาเกณฑ์และคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาอาหารและไมซ์ มีวิสาหกิจชุมชนสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 75 ชุมชน ผ่านเกณฑ์คัดเลือกเบื้องต้น จำนวน 60 ชุมชน จาก 20 จังหวัด และมีการจัดสัมภาษณ์คัดเลือกชุมชนเข้าร่วมโครงการฯ ในระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2567 โดยมีวิสาหกิจชุมชนผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 35 ชุมชน จาก 15 จังหวัด ทั้งจากภาคกลางและภาคตะวันออก รวมจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ 89 คน ประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้

1) กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างองค์ความรู้ด้านการจัดการพัฒนาเมนู Coffee Break เพื่อการประชุม ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 22 พฤศจิกายน 2567 เพื่อสร้างองค์ความรู้และทักษะในการยกระดับเมนูอาหารว่างท้องถิ่นสู่เมนู MICE Coffee Break เพื่อการประชุม โดยมีเนื้อหาครอบคลุม ความเข้าใจในอุตสาหกรรมไมซ์ การถ่ายทอดเรื่องราว (Storytelling) การทำการตลาดและสร้างแบรนด์ เทคนิคการเจรจาธุรกิจ การพัฒนาองค์ความรู้ด้านอาหาร การจัดและประดับตกแต่งเมนูอาหารว่าง การบริหารจัดการต้นทุนและการตั้งราคา การยืดอายุผลิตภัณฑ์อาหาร มาตรฐานอาหารปลอดภัย เป็นต้น

2) กิจกรรมการประกวดแข่งขัน MICE Coffee Break ชุมชน ภาคกลางและภาคตะวันออก จัดขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม 2567 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดเมนูอาหารว่าง MICE Coffee Break มีวิสาหกิจชุมชนที่ผ่านการฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ สมัครเข้าแข่งขัน จำนวน 30 ชุมชน โดยคณะกรรมการตัดสินเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากอุตสาหกรรมไมซ์ อุตสาหกรรมอาหาร และกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารระดับประเทศ ประกอบด้วย รางวัล MICE Coffee Break ชุมชน ประเภท Excellence Award 2024 จำนวน 1 รางวัล ซึ่งได้รับโล่ห์รางวัลและเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลตะเคียนเตี้ย จังหวัดชลบุรี จากเมนูขนมดอกมะพร้าวและรางวัล MICE Coffee Break ชุมชน ประเภท Best Award 2024 จำนวน 4 รางวัล ซึ่งได้รับโล่ห์รางวัลและเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท ได้แก่ (1.) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรบ้านตม จังหวัดชลบุรี จากเมนูเฟื่องสุข (2.) วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเมืองสาปยา จังหวัดชัยนาท จากเมนูมัจฉาหมี่กรอบ (3.) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกแตงโม และผักผลไม้ปลอดสาร จังหวัดชลบุรี จากเมนูMelon Romance และ (4.) วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพผู้เลี้ยงชันโรงบ้านทับมา จังหวัดระยอง จากเมนูเกสรซ่อนกาย

3) กิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดเจรจาธุรกิจ (Business Matching) จัดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 2567 จับคู่ธุรกิจระหว่างวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 33 ชุมชน และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ ช่วยสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดและสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต โดยมีผู้ประกอบการจากหน่วยงานภาคเอกชน สมาคม และธุรกิจโรงแรมและที่พัก เข้าร่วมกว่า 40 ราย เกิดการเจรจาจับคู่ธุรกิจ จำนวน 218 คู่ธุรกิจ ประมาณการมูลค่าที่เกิดขึ้นจากการจองซื้อเมนู MICE Coffee Break วัตถุดิบท้องถิ่น และการใช้บริการที่เกี่ยวเนื่อง คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 3 ล้านบาท




โครงการนี้จะช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้ ทักษะ และแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ ในการพัฒนาวัตถุดิบและเมนูอาหารพื้นบ้านที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล บนพื้นฐานความคิดสร้างสรรค์ ความปลอดภัยทางอาหาร ความสม่ำเสมอ และการยกระดับสู่ธุรกิจบริการอาหารมืออาชีพ ถือเป็นการนำกลยุทธ์ “ซอฟต์พาวเวอร์” (Soft Power) พร้อมเชื่อมโยงโอกาสทางการตลาดกับภาคธุรกิจการจัดงานประชุมสัมมนาหรืออุตสาหกรรมไมซ์ เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโต สร้างงาน สร้างรายได้ที่ยั่งยืนได้ในที่สุด” นายจิรุตถ์ กล่าว


ด้าน ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวถึงการดำเนินงานภายใต้โครงการบูรณาการเพื่อยกระดับวัตถุดิบและวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านชุมชนสู่เมนู Coffee Break เพื่อการประชุม (MICE Coffee Break ชุมชน) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และผลผลิตของโครงการ ผ่านการนำเสนอเอกลักษณ์และความหลากหลายของวัตถุดิบท้องถิ่น มานำเสนอเป็นเมนูอาหารว่างท้องถิ่น MICE Coffee Break มาผสานเข้ากับมาตรฐานปรุงที่สม่ำเสนอ การบริการบนมาตรฐานความปลอดภัยและสุขลักษณะทางอาหารได้อย่างลงตัวพร้อมทั้งสร้างสรรค์แนวทางที่ยั่งยืนและมีศักยภาพในการขยายธุรกิจ โดยการจัดหลักสูตรการประชุมเชิงปฏิบัติการ ที่มุ่งเน้นการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ผ่านการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราว (Storytelling) การจัดจานและกล่องอาหาร การจัดทำคู่มือมาตรฐานเชิงปฏิบัติการ (Standard Operation Procedure, SOP) เพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอของการปรุงอาหารว่างในทุกเมนู พร้อมทั้งเรียนรู้การบริหารจัดการต้นทุนและการตั้งราคา เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจ ต่อยอดสู่แนวทางการแปรรูปให้สามารถยืดอายุเป็นของขวัญของฝากได้อย่างมีมาตรฐาน ความปลอดภัยอาหาร


“นอกจากวิสาหกิจชุมชนจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากโครงการนี้แล้ว จากกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่จัดประชุมเสวนา ผู้ประกอบการด้านธุรกิจบริการ ร้านอาหาร โรงแรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นโอกาสที่ดีที่หลายภาคส่วน
ได้เห็นความสำคัญของธุรกิจชุมชน ร่วมกันสร้างสรรค์ สร้างโอกาสใหม่ๆ ต่อยอดขยายเครือข่ายธุรกิจของชุมชนที่มีให้มีความเข้มแข็งและมีมาตรฐานสากล สามารถเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้สำเร็จตามเป้าหมายของโครงการฯ” ดร.ศุภวรรณ กล่าว

โครงการ MICE Coffee Break ชุมชนภาคกลางและภาคตะวันออก ยังได้มีการจัดทำ Guideline book
เพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนในการสร้างเมนูอาหารว่างเพื่อการประชุม MICE Coffee Break เพื่อใช้ในการต่อยอดให้แก่วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่นให้มีคุณภาพและมาตรฐานที่สามารถแข่งขันในตลาดไมซ์ ทั้งในและต่างประเทศ การสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารช่วยสร้างอาชีพและเสริมสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวคุณภาพสูงและการรับรู้ถึงคุณค่าของวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นต่อไป