เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

31 พฤษภาคม 2567

‘มิตรผล’ ลุยเสริมทัพผู้ประกอบการและร้านค้า ตอบโจทย์ธุรกิจที่เหนือไปอีกระดับ

ด้วยรูปแบบ Solution Provider ชวนสัมผัสประสบการณ์ในงาน THAIFEX 2024

กรุงเทพฯ – น้ำตาลมิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาลอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 3 ของโลก โชว์ศักยภาพด้านนวัตกรรมอาหารและเทคโนโลยีที่เหนือขั้นไปอีกระดับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ MITR PHOL SUGAR BEYOND THE SWEETNESS : เป็นมากกว่าความหวาน ตอบโจทย์ทุกความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ด้วยรูปแบบ Solution Provider ภายในงาน THAIFEX - Anuga Asia 2024 

ชูจุดขายการเป็น Solution Provider ที่มีพร้อมทั้งสินค้าน้ำตาลคุณภาพและบริการที่ตอบโจทย์ทุกความเป็นไปได้ ลุยเสริมทัพความแข็งแกร่งทางธุรกิจในทุกมิติให้กับผู้ประกอบการ คู่ค้า และพันธมิตร มุ่งเคียงข้างเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนไปด้วยกัน


นายผรินทร์ อมาตยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการตลาด กลุ่มมิตรผล กล่าวถึงการร่วมจัดแสดงบูธในงานครั้งนี้ว่า “กว่า 67 ปีที่กลุ่มมิตรผลดำเนินธุรกิจ เรามุ่งมั่นพัฒนาความเชี่ยวชาญองค์ความรู้และนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดกลุ่มมิตรผลได้ก้าวสู่ผู้นำอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร จัดอันดับโดย S&P Global ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพและสะท้อนความตั้งใจของเราที่ไม่ได้โฟกัสเฉพาะการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังคำนึงถึงคนรอบข้าง สังคม และสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ การดำเนินงาน เพื่อให้ทุกคนร่วมเติบโตเคียงข้างกันได้อย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับแบรนด์น้ำตาลมิตรผล ที่นอกจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลให้กับผู้บริโภคแล้ว เรามุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์ให้เป็นมากกว่าผู้ผลิตน้ำตาล โดยการนำเสนอ Solution Provider เพื่อเสริมทัพและตอบโจทย์ทุกความเป็นไปได้ทางธุรกิจให้แก่ลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรนานาประเทศที่ต่างให้ความไว้วางใจกับเรา ด้วยกลยุทธ์การทำงานร่วมกันแบบ

คู่ค้า (Partner) ที่พร้อมส่งมอบนวัตกรรม (Innovation) และ การบริการแบบครบวงจร (Service Solutions) ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนา การออกแบบ (R&D) การจัดการด้าน Supply Chain เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความร่วมมือในด้านการขนส่ง 

การรังสรรค์สูตรอาหาร (Recipe Creation) ตลอดจนการทำการตลาดร่วมกัน (Collaboration Marketing) ที่จะช่วยยกระดับธุรกิจ จุดประกายไอเดียใหม่ ๆ และตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างเหนือชั้นให้กับคู่ค้า ตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อยจนถึงกลุ่มคู่ค้าอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ จึงเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์บูธ ‘MITR PHOL SUGAR BEYOND THE SWEETNESS เป็นมากกว่าความหวาน ตอบโจทย์ทุกความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ด้วยรูปแบบ Solution Provider’ ที่เราอยากชวนทุกท่านมาเยี่ยมชมกัน” 

ในงานนี้ มิตรผลขนทัพผลิตภัณฑ์คุณภาพมาจัดแสดงภายในบูธดีไซน์รูปทรง Infinity สุดล้ำ แสดงถึงการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างไม่สิ้นสุด ผสมผสานด้วยเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ในเครือที่มาร่วมจัดแสดงได้อย่างลงตัว ซึ่งผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ของปีนี้ คือ มิตรผลน้ำตาลเบเกอรี ที่มาในแพ็กเกจโฉมใหม่ สีสันสดใส พร้อมชวนสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษในกิจกรรม Cooking Experience โดยเชฟลัท–รภัสสรณ์ จิรจุรีย์ชัย เซเลบเชฟชื่อดัง ที่จะมาสาธิตการทำเมนูฮิตติดกระแส อย่าง เปียกปูน ชิฟฟ่อนลาวาเค้ก และ Flat Croissant เสิร์ฟความหวานให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้ลิ้มลองความอร่อยแบบสดใหม่ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ Freshy ไซรัปผสมน้ำและเนื้อผลไม้แท้ ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ที่สามารถรังสรรค์ได้หลากหลายเมนู ทั้งขนมหวานและเครื่องดื่ม มีให้เลือกสรรถึง 9 รสชาติความอร่อย และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีในกลุ่มผู้บริโภค รวมถึงมีการทำ Collaboration กับกลุ่มร้านอาหาร-เครื่องดื่มชั้นนำของไทย จุดไอเดียสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด โดยนำมาชงเป็นเครื่องดื่มเมนูฮิตติดเทรนด์ เสิร์ฟความหอม อร่อย เข้มข้น เต็มรสผลไม้ให้ผู้ที่สนใจได้ชิมกันในงานนี้อีกด้วย 

มากกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์เติมความหวานที่ห้ามพลาดแล้ว มิตรผลยังได้นำผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น ๆ ในเครือที่โดดเด่นในเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาจัดแสดงอีกมากมาย เช่น VAVA ผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติจากแหล่งน้ำใต้ชั้นหินแห่งผืนป่าเขาใหญ่ มรดกโลกทางธรรมชาติ (UNESCO World Heritage) การันตีรสชาติด้วยรางวัล Superior Taste Award 3 ดาว 2 ปีซ้อน จากสถาบัน International Taste Institute ประเทศเบลเยี่ยม และคว้ารางวัลชนะเลิศด้านดีไซน์จากเวทีระดับโลก ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกสลายตัวได้ทางชีวภาพ (Compostable Food Packaging) แบรนด์ CaneX และเม็ดพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ (Compostable Compound) แบรนด์ PlaneX ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล พัฒนาและผลิตจากวัสดุธรรมชาติอย่างอ้อยและมันสำปะหลัง ทำให้สลายตัวทางชีวภาพได้ด้วยการฝังกลบภายใน 6 เดือน ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม โดยไม่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติก แบรนด์ Vallex ผลิตภัณฑ์ V-FOS (Fructo-oligosaccharide) พรีไบโอติกหรือไฟเบอร์จากอ้อยธรรมชาติ ที่ช่วยเพิ่มกากใยและปรับสมดุลระบบทางเดินอาหารได้อย่างปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ และ Meat Avatar ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ (Plant-based Protein) ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายด้วยโปรตีนจากพืช โดยการพัฒนาพืชผักและธัญพืชให้มีรสชาติและโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ พร้อมด้วยแคลอรีและโซเดียมต่ำ ตอบโจทย์เทรนด์อาหารสุขภาพที่กำลังมาแรง

ใสำหรับผู้ที่สนใจเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์จากมิตรผล มาพบกันได้ที่มหกรรมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในภูมิภาคเอเชีย THAIFEX - Anuga Asia 2024 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 ทางเข้า 2 บูธ 2-Y01 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28-31 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 - 18.00 น. (วันเจรจาธุรกิจ) และวันที่ 1 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00 - 20.00 น. (วันเจรจาธุรกิจและจำหน่ายปลีก)

Fortune Town เติมสีสันย่านรัชดา-พระราม 9 ร่วมเฉลิมฉลองเดือนแห่งความหลากหลาย Amazing Fortune Pride Month 2024

30 พฤษภาคม 2567, กรุงเทพฯ – ฟอร์จูนทาวน์ (Fortune Town) ศูนย์รวมไอทีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำย่าน รัชดา-พระราม 9 จัดงานเฉลิมฉลองเดือนแห่งความเท่าเทียม ความหลากหลาย และความภาคภูมิใจ จัดเต็ม จัดหนัก กับกิจกรรมมากมายในงาน Amazing Fortune Pride Month ระหว่างวันที่ 1-30 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การค้า ฟอร์จูนทาวน์ รัชดา-พระราม 9  

ฟอร์จูนทาวน์  เนรมิต บรรยากาศในฟอร์จูนทาวน์ ร่วมฉลองดือนแห่งความเท่าเทียม ความหลากหลาย และความภาคภูมิใจ กับการตกแต่งด้วยพื้นที่สีรุ้ง พร้อมจัดกิจกรรม ให้ได้ร่วมสนุก และช้อป  มากมายในงาน  “Amazing Fortune Pride Month”   เริ่มด้วย ช้อป จัดเต็ม   กับ Rainbow Market   กับสินค้าจากพ่อค้าแม่ค้า LGBTQ+   วันที่ 6 - 8 มิถุนายน 2567  และ  Color Market  วันที่  20 - 30 มิถุนายน 2567 ฉลองความภูมิใจ กับ Pride Parade จะมาร่วมเติมเต็มสีสัน ใจกลางย่านรัชดา-พระราม 9 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2567  ตั้งแต่เวลา 16.30 น.  ณ  บริเวณลานฟอร์จูนสตรีท (หน้าอาคารศูนย์การค้าฯ)   





 

พิเศษ! สุด  ช้อปฉลอง Pride Month  17 - 29 มิถุนายน 2567  เอาใจสมาชิก Fortune Point  แลกของพรีเมียม สุด Exclusive มูลค่า 159 บาท ฟรี  (จำนวนจำกัด) บริเวณพื้นที่โปรโมชัน ชั้น 3 ฟอร์จูนทาวน์   พร้อมชมนิทรรศการภาพถ่าย Pride Photo ภายใต้หัวข้อ “Color of Pride”  สีสันแห่งความภาคภูมิใจ
ที่ชั้น 3 ห้อง Fortune Connect นอกจากนี้ ยังมี  Pride Talk  พูดคุยกับ LGBTQ+ ที่จะมาแชร์แนวคิดความเท่าเทียมใน Live Streaming   ในช่องทางเฟสบุ๊คแฟนเพจของ Fortune Town

ร่วมฉลอง เดือนแห่งสีสัน Amazing Fortune Pride Month ระหว่างวันที่ 1 - 30 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์  ถนน รัชดา-พระราม 9  เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า MRT  สถานีพระราม 9  ทางออกประตู 1

ติดตามข่าวสารกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ www.fortunetown.co.th

FB : fortunetown IG : fortunetown Youtube : fortunetown Line : FortuneTown
หรือ Application : Fortune Town

#FortuneTownrama9 #FortuneTown #TheBestITLifestyleMall #ITLifestyleMallrama9 #ITLifestyleMall #PrideMonth2024 #PrideParade

เอปสัน จับมือสยามเซ็นเตอร์ ฉลองเดือนแห่ง Pride


เอปสัน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฉลอง Pride Month จับมือพันธมิตร สยามเซ็นเตอร์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน “The Celebration: Right to Love” เพื่อฉลอง Pride Month ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ด้วยเสื้อลาย
ลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์เอปสัน เพียงลูกค้านำใบเสร็จที่ซื้อสินค้าในสยามเซ็นเตอร์ มูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป สามารถแลกซื้อเสื้อยืด DIY by Epson ที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ Epson SureColor

SC-F130 และ Epson SureColor SC-F530 ลายสุดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อฉลอง Pride Month เท่านั้น ในราคาเพียง 299 บาท หรือร่วมบริจาค 350 บาท ก็ร่วมกิจกรรมได้เช่นกัน โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พบกับบูธกิจกรรมเอปสันได้ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 มิถุนายนนี้ บริเวณ IDEA AVENUE ชั้น G สยามเซ็นเตอร์

6 หน่วยงาน จัดเสวนา ยกระดับความร่วมมือตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตราย

สสส.-มูลนิธิสาธารณสุข-มหิดล-สธ.-ก.เกษตรฯ-CAMH ผนึกกำลังยกระดับความร่วมมือการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2567 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ The Centre for Addiction and Mental Health (CAMH) ร่วมแถลงข่าวและเสวนาวิชาการ “ยกระดับความร่วมมือ” การตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” ภายใต้การดำเนินงาน “โครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับการทำงานหลายภาคส่วนที่มีประสิทธิผล ปฏิบัติได้และยั่งยืน เพื่อการป้องกันและควบคุมปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ด้วยวิธีการสื่อสารความรู้แบบครอบคลุมโดยมีผู้ใช้ความรู้เป็นศูนย์กลาง” 

ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล นักวิจัยประจำโครงการฯ, นักวิทยาศาสตร์จาก The Centre for Addiction and Mental Health (CAMH) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า 1. ต้องการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคมว่า “ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” หรือ NCDs เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในสังคม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อมิติทางสังคมและเศรษฐกิจในวงกว้าง และปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนั้นมาจากทั้งพฤติกรรมส่วนบุคคลและปัจจัยทางสังคมที่กำหนดสุขภาพ ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้เพื่อให้เกิดความยั่งยืน จะผลักภาระไปที่กระทรวงหลักทางด้านสุขภาพ (กระทรวงสาธารณสุข) อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมมือกันหลายภาคส่วน

 ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีระบบข้อมูลการใช้สารเคมีในผัก ผลไม้ ในระดับประเทศ ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่อาหาร ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้เลยว่า ผัก ผลไม้ในมือ มีสารพิษตกค้างหรือไม่ หรือ ผัก ผลไม้เหล่านี้มาจากไหน “เราจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ถ้ายังไม่รู้ว่าปัญหาเกิดขึ้นที่ตรงไหน นั่นจึงทำให้ระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ” ซึ่งในขณะนี้มีทิศทางในการดำเนินงาน “ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน” ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาและป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ผ่านการเพิ่มพฤติกรรมเชิงบวกด้วยการเพิ่มปริมาณการบริโภคผักและผลไม้ที่สร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัย ให้แก่ผู้บริโภคด้วยความสบายใจ ซึ่งในขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะที่มาจากตัวแทนจากทางฝั่งกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับการเสวนาครั้งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการเข้าร่วม ได้แก่ รศ. ดร.ชนิพรรณ บุตรยี่ นักวิชาการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การบริโภคผักและผลไม้ ช่วยป้องกันการเกิดโรค NCDs ขณะเดียวกันสารเคมีในผักผลไม้อาจส่งผลต่อการเกิดโรค NCDs ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การพัฒนาแนวทางการติดตั้งระบบเฝ้าระวังผัก/ผลไม้ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อสแกนเส้นทางของการใช้สารเคมีในพืชผัก ผลไม้ จนถึงมือผู้บริโภค โดยคาดหวังให้เกิดกระบวนการการตามสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งหากทำได้จะเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพราะเราจะสามารถรู้ต้นตอของปัญหาแล้วมีวิธีแก้ไขเพื่อเฝ้าระวังการใช้สารเคมี ให้ผู้บริโภคสามารถกินผักผลไม้ได้อย่างมั่นใจ 

นางสาวก่อวดี ผลเกลี้ยง นักวิชาการมาตรฐานชำนาญการพิเศษ กองควบคุมมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้แทนคณะทำงานจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ กล่าวว่า มกอช. ในฐานะหน่วยงานกลางที่มีภารกิจด้านมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร การรับรองระบบงานมาตรฐานสินค้าเกษตร การควบคุมและการส่งเสริมมาตรฐานสินค้าเกษตร ตั้งแต่การผลิตเบื้องต้นระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค ตลอดจนการเจรจาแก้ไขปัญหาทางการค้าเชิงเทคนิค เพื่อปรับปรุงและยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้งเพื่อให้มีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการขับเคลื่อนงานมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยในสินค้าเกษตรและอาหาร โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ตลอดจนผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยอาหารตลอดโซ่อาหาร ซึ่งปัจจุบันมีคณะทำงานจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ของ 2 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงสาธารณสุข



ภกญ. สุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล ผู้อำนวยการกองอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะคณะทำงานจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ กล่าวว่า มิติใหม่ของการยกระดับความร่วมมือการตรวจเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผักผลไม้ตลอดห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำ (สำนักงานมาตราฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และกรมวิชาการเกษตร) กลางน้ำ (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) และปลายน้ำ (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ การดำเนินงานร่วมกันดังกล่าวอาศัยหลักการจัดลำดับความสำคัญความเสี่ยง (priority risk) ในการจัดทำแผนการตรวจติดตามเฝ้าระวังร่วมกัน เช่น พิจารณาจากประวัติและผลการตรวจพบสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ ชนิดผักผลไม้ที่ผู้บริโภคนิยมบริโภคเป็นประจำ พื้นที่ตรวจสอบ เป็นต้น เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน ประเด็นสำคัญในการดำเนินงานบูรณาการ คือ เมื่อพบปัญหาสารพิษตกค้างที่ผิดมาตรฐาน ต้องมีกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งเพาะปลูกเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และการพัฒนาชุดทดสอบที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทดสอบได้สะดวก รวดเร็ว และครอบคลุมชนิดผักผลไม้และสารพิษตกค้าง โดยผู้บริโภค พ่อค้า-แม่ค้า เจ้าหน้าที่และเครือข่ายผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ และสามารถทดสอบได้ด้วยตนเอง

ทิศทางการดำเนินการเชิงรุกดังกล่าว เป็นแนวทางหนึ่งของคณะทำงานจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผัก ผลไม้ และพืชอาหารอื่น ภายใต้คณะอนุกรรมการการประเมินและจัดการความเสี่ยงความปลอดภัยอาหารและโรคที่เกิดจากอาหาร คณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการดังกล่าว ประกอบด้วย 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (กระทรวงสาธารณสุข) มีบทบาทหน้าที่หลักในการจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวัง พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลผลการตรวจเฝ้าระวังเพื่อจัดทำข้อเสนอการจัดการความเสี่ยง นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยายังให้ความสำคัญกับการตรวจเฝ้าระวังการนำเข้าผักผลไม้ที่ด่านอาหารและยา ตามนโยบาย One Daan - One Lab - One Day และหลักการกักอาหารไว้เพื่อทำการทดสอบก่อน หากผลผ่านจึงตรวจปล่อย (Hold Test Release) รวมถึงการสื่อสารและให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในการลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนสารพิษตกค้างในผักผลไม้ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยจากการบริโภคผักและผลไม้

คุณโอฬาร พิทักษ์ ที่ปรึกษาสมาคมตลาดสดไทยและสมาคมการค้าตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทย กล่าวว่า ตลาดถือเป็นปลายน้ำก่อนที่ผักและผลไม้จะถึงมือผู้บริโภค การทราบแหล่งที่มาของผัก/ผลไม้ รวมถึงการตรวจสอบสารเคมีเป็นไปค่อนข้างยาก การแก้ไขจึงต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำ กระบวนการที่จะทำให้อาหารปลอดภัยก็ต้องทำทั้งระบบ ผู้บริโภคต้องตื่นตัวในการเรื่องการบริโภคเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองให้ได้รับอาหารปลอดภัย ขณะเดียวกันภาครัฐก็ควรมีมาตรการเพื่อสนับสนุนเกษตรกร ซึ่งหากมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานได้ จะทำให้เกษตรกร ผู้บริโภค และผู้ค้าได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน

คุณสมเกียรติ ลำพันแดง เจ้าของฟาร์มสมเกียรติ ผักอร่อย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ในฟาร์มของตนอยู่ภายใต้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งมีเกณฑ์และข้อกำหนดพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตและควบคุม ให้ผู้ผลิตปฏิบัติตาม เพื่อให้สามารถผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยครอบคลุม 6 ประการ คือ 1. สุขลักษณะของสถานที่ตั้งและอาคารผลิต 2. เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต 3. การควบคุมกระบวนการผลิต 4. การสุขาภิบาล 5. การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด และ 6. บุคลากร ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์สมเกียรติ ผักอร่อย สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดหน้าถุง เพื่อดูว่าผักถุงนี้มาจากฟาร์มไหน ใครเป็นผู้ปลูก ได้มาตรฐานอะไรบ้าง ผ่านการรับรองจากกระทรวงใด โรงคัดบรรจุสะอาดปลอดภัยหรือไม่ ข้อมูลจะขึ้นให้ผู้บริโภคทราบได้ทันที ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตามสอบย้อนกลับในกรณีที่พบปัญหาอย่างมาก 

ทั้งนี้ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวการขับเคลื่อนการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ที่ www.thainhf.org www.thainhf.org และ Facebook fan page มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ

30 พฤษภาคม 2567

รู้หรือไม่! “30 พ.ค. 2567” คือ “วันมันฝรั่งสากล” ครั้งแรกของโลก


เป๊ปซี่โคประเทศไทย หนึ่งในองค์กรที่ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งของไทย ตอกย้ำพันธกิจเกษตรยั่งยืนและตั้งเป้าสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้เกษตรกรไทยกว่า 1,500 ล้านบาท




เนื่องในวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็น   “วันมันฝรั่งสากล” ครั้งแรกของโลก บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด (เป๊ปซี่โค ประเทศไทย) ผู้ผลิตเลย์ มันฝรั่งทอดกรอบยอดนิยมของเมืองไทย และเป็นหนึ่งในองค์กรที่ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งของไทยอย่างยาวนานถึง 28 ปี ตอกย้ำพันธกิจในการส่งเสริมเกษตรกรปลูกมันฝรั่งของไทยก้าวสู่ความยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าในปี 2573 ให้เกษตรกรที่ทำสัญญากับเป๊ปซี่โค ประเทศไทย ปฏิบัติตามแนวทางเกษตรยั่งยืนและมีรายได้เพิ่มขึ้น 15%  

ไฮไลท์

สมัชชาใหญ่ยูเอ็น ประกาศให้วันที่ 30 พฤกษาคม 2567 เป็นวันมันฝรั่งสากล ครั้งแรกของโลก

มีการปลูกมันฝรั่งอยู่ใน 159 ประเทศทั่วโลก และมีสายพันธุ์มันฝรั่งมากถึง 5,000 สายพันธุ์

ปัจจุบัน 2 ใน 3 ของประชากรโลกบริโภคมันฝรั่ง 

ปริมาณผลผลิตมันฝรั่งทั่วโลกในปี 2573 คาดว่าจะมีมากถึง 750 ล้านตัน  

เป๊ปซี่โคประเทศไทย ใช้มันฝรั่งในการผลิต “เลย์” 1 แสนตันต่อปี



30 พฤษภาคม “วันมันฝรั่งสากล”
เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติให้ วันที่ 30 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น

วันมันฝรั่งสากล โดยในปี 2567 นี้จะเป็นปีแรกของการประกาศ เพื่อสร้างความตระหนักในคุณค่าทางโภชนาการ พลังงาน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ของสหประชาชาติ ซึ่งได้แก่ การขจัดความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการและส่งเสริมเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังส่งเสริมโอกาสด้านอาชีพและเศรษฐกิจที่ยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต

ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ หรือ The United Nations* ระบุว่ามันฝรั่งซึ่งเป็นหนึ่งในห้าพืชอาหารหลักที่บริโภคในโลก มีการปลูกอยู่ใน 159 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในหลายประเทศจะมีวันมันฝรั่งแห่งชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา เปรู ฯลฯ โดยประชากร 2 ใน 3 ของโลกบริโภคมันฝรั่ง และภายในปี 2573 คาดว่าปริมาณผลผลิตทั่วโลกจะมีมากถึง 750 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 112% ทั้งนี้มันฝรั่งนอกจากจะสร้างความมั่นคงทางอาหาร ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตพลังงานชีวภาพ และเป็นพืชที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศ เนื่องจากผลิตการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำเมื่อเทียบกับพืชอื่นๆ

มันฝรั่งเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงประกอบไปด้วยแร่ธาตุหลากหลายชนิดและมีใยอาหาร จึงเป็นพืชอาหารหลักที่มีความสำคัญและได้รับความนิยมในหลายประเทศ

*ข้อมูลจากเว็บไซต์องค์การสหประชาชาติ (The United Nations):  https://www.un.org/en/observances/potato-day

เป๊ปซี่โคประเทศไทย ตั้งเป้าสร้างความยั่งยืนทางเกษตรและรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่ง
เป๊ปซี่โคประเทศไทย ผู้ผลิตเลย์ มันฝรั่งทอดกรอบยอดนิยมของเมืองไทย ได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งมานานถึง 28 ปี โดยส่งเสริมห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มจากตั้งแต่การปลูกมันฝรั่ง ด้วยการส่งเสริมศักยภาพของเกษตรกร เพิ่มผลผลิตด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นการติดตั้งระบบชลประทานน้ำหยด การใช้เทคโนโลยีอินฟราเรดเพื่อตรวจสอบสภาพดิน รวมถึงการใช้โดรนเพื่อประเมินโรคและตรวจสอบสภาพพื้นที่ปลูกมันฝรั่ง ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพส่งเข้ากระบวนการแปรรูปเป็นมันฝรั่งทอดกรอบ 

ในแต่ละปี “เลย์” ใช้มันฝรั่งประมาณ 1 แสนตันต่อปี ในการผลิตมันฝรั่งทอดกรอบที่จำหน่ายในไทย  โดยเป็นผลผลิตในประเทศ 70% สร้างรายได้ให้เกษตรกรมากถึง 1,500 ล้านบาท ทั้งนี้ภายในปี 2573 เป๊ปซี่โคประเทศไทย ตั้งเป้าส่งเสริมผลผลิตในประเทศให้ได้ 85% และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอีก 15% 

ปัจจุบัน เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งเพื่อใช้ในการผลิตเลย์ ใน 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน ตาก เพชรบูรณ์ สกลนคร และนครพนม บนเนื้อที่กว่า 38,000 ไร่ โดยส่งเสริมเกษตรกรไทยมากกว่า 5,800 คน ผ่านการจัดทำฟาร์มต้นแบบ (model farm) จำนวน 19 แห่ง และได้ร่วมมือกับพันธมิตรและภาครัฐในการส่งเสริมเกษตรกร



เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตควบคู่กับแนวคิดในการสร้างความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการมีธรรมาภิบาลหรือ ESG และพร้อมเดินหน้าสานต่อพันธกิจในการส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งและเกษตรกรไทยพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเร่งยกระดับการเพาะปลูกมันฝรั่งและมีการรับประกันการซื้อที่แน่นอนภายใต้ระบบพันธสัญญา โดยมุ่งหวังว่าภายในปี 2573 ให้เกษตรกรทั้งหมดที่ทำสัญญากับเป็ปซี่โค ประเทศไทย จะบรรลุการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน ทั้งการจัดการดินและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการเกษตรและรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งของไทย 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทเข้าชมได้ที่ www.pepsico.com www.pepsico.com 
ติดตามบน X (Twitter), Instagram, Facebook และ LinkedIn @PepsiCo

สธ. หนุนคนไทยรู้เท่าทัน “บุหรี่ไฟฟ้า หยุดโกหกได้แล้ว”

สร้างสังคมปลอดภัยบุหรี่เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 2567

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่าย เตรียมจัดกิจกรรมวันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2567 ภายใต้ คำขวัญ “บุหรี่ไฟฟ้า หยุดโกหกได้แล้ว” หวังกระตุ้นเตือนให้เยาวชน ผู้ปกครองและประชาชน รู้เท่าทันอันตรายและไม่หลงเชื่อลองเสพบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ โดยในปีนี้ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระกรุณาโปรดให้ พลเอก ศิวะ ภระมรทัต กรมวังผู้ใหญ่ประจำวังศุโขทัย เป็นผู้แทนพระองค์ไปเป็นประธานเปิดงานและมอบรางวัล World  No Tobacco Day Award 2024 


กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย Dr. Jos Vandelaer ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และผู้แทนองค์การเภสัชกรรม ร่วมแถลงข่าวรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2567 

นพ.โอภาส กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก โดยในปี 2567 นี้ ประเทศไทยได้กำหนดประเด็นรณรงค์ คือ “บุหรี่ไฟฟ้า หยุดโกหกได้แล้ว” เพื่อย้ำเตือนให้เยาวชน ผู้ปกครองและประชาชนทุกเพศทุกวัย ได้ตระหนักรู้เท่าทันอันตรายจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีการแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้นในกลุ่มวัยเรียน เยาวชน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ ที่ดึงดูดความสนใจด้วยภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวการ์ตูน และเพิ่มรสชาติให้หลากหลายเพื่อเย้ายวนให้ลิ้มลอง รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและการเสพติด ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดนักสูบหน้าใหม่จากผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่และบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น


สำหรับประเทศไทย นักสูบหน้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งสาเหตุสำคัญหนึ่งมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้น หากไม่มีมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง อาจส่งผลให้อัตราการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในภาพรวมกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 ที่ผ่านมา จึงมีมติเห็นชอบ 5 มาตรการในการป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้แก่ 1.การพัฒนาและจัดการองค์ความรู้ 2.การสร้างความตระหนัก/รับรู้โทษ พิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า แก่เด็ก เยาวชน รวมถึงสาธารณชน 3.การเฝ้าระวังและการบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า 4.การพัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายเพื่อสนับสนุนมาตรการป้องกัน ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า และ 5.การยืนยันนโยบายและมาตรการป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า โดยมอบหมายให้หน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวทั้งในระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่ 

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลกปีนี้ จะจัดวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระกรุณาโปรดให้ พลเอก ศิวะ ภระมรทัต กรมวังผู้ใหญ่ประจำวังศุโขทัย เป็นผู้แทนพระองค์ไปเป็นประธานเปิดงานและมอบรางวัล World No Tobacco Day Award 2024 และโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่บุคคล รวมถึงหน่วยงานที่มีผลงานยอดเยี่ยมและให้การสนับสนุนการดำเนินงานควบคุมยาสูบด้วยดีตลอดมา โดยภายในงานยังมีกิจกรรมประกวดวงดนตรี World No Tobacco Day Music Awards 2024 รอบชิงชนะเลิศ โดยมีเยาวชน วัยเรียน วัยรุ่นจากทั่วประเทศเข้าร่วมแข่งขันชิงโล่และเงินรางวัล จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า อย่างยั่งยืน 

ด้าน นพ.วันชาติ กล่าวเสริมว่า บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่ต้องมีการพัฒนาอวัยวะและร่างกายให้สมบูรณ์เพื่อเป็นกำลังของชาติในอนาคต เพราะนิโคตินที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากเป็นสารเสพติดแล้ว ยังเป็นสารเคมีที่สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการระคายเคืองและร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้าน เกิดการอักเสบของเส้นเลือดและเกิดการอุดตัน ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ขาดเลือด หย่อนสมรรถภาพในการทำงาน และเกิดโรคต่างๆ ตามมา ทั้งทางสมอง สติปัญญาบกพร่อง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคไต และอื่นๆ ได้ทุกอวัยวะ จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันปกป้องประชาชนและลูกหลานไม่ให้ข้องแวะกับบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และขอให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาบรรจุความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในหลักสูตรของนักเรียนทุกระดับชั้นต่อไป


ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า นโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย คือ การห้ามนำเข้า ห้ามจำหน่าย สำหรับประเทศรายได้ปานกลางและรายได้น้อย ตามคำแนะนำของสหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรคและโรคปอดนานาชาติ ซึ่งการห้ามขายจะควบคุมได้ง่ายกว่าในประเทศที่ขาดความพร้อมในการควบคุมยาสูบ ส่วนที่เครือข่ายบริษัทอ้างว่า การยกเลิกการห้ามขาย จะทำให้ชาวไร่ยาสูบไทยขายใบยา
ได้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตนำไปสกัดนิโคตินทำน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หรือใช้ใบยาสูบทำบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้ความร้อนนั้น ปัจจุบัน บริษัทบุหรี่ใช้นิโคตินและวัสดุสังเคราะห์ในการผลิตบุหรี่ไฟฟ้าชนิดต่างๆ แทนการใช้ใบยาสูบ ชาวไร่ยาสูบไทยจึงไม่ได้ประโยชน์จากการเปิดให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายแต่อย่างใด ส่วนประเด็นที่อ้างว่า การเปิดให้บุหรี่ไฟฟ้าขายได้ถูกกฎหมาย จะทำให้รัฐบาลไทยเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าได้ปีละ 6 พันล้านบาทนั้น หากดูตัวอย่างจากประเทศฟิลิปปินส์ ที่กฎหมายให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้ ในปีพ.ศ. 2564 เก็บภาษีบุหรี่มวนได้ 108,750 ล้านบาท ขณะที่เก็บภาษีจากบุหรี่ไฟฟ้าได้เพียง 236.8 ล้านบาท หรือ 0.21% ของภาษีจากบุหรี่ทุกประเภท จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลไทยจะเก็บภาษีจากบุหรี่ไฟฟ้าได้มากตาม
ที่กล่าวอ้าง และขณะนี้บุหรี่มวนที่กฎหมายให้ขายได้ ก็มีถึง 25% ที่เป็นบุหรี่หนีภาษี ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีถึงปีละกว่า 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้น หากบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย จะมีเปอร์เซ็นบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายสูงกว่าบุหรี่มวนแน่นอน เนื่องจากเด็กและเยาวชน นิยมบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าบุหรี่มวน

ผู้แทนองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมได้ร่วมมือกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิจัยและพัฒนายาเลิกสูบบุหรี่ชนิดใหม่ ตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งเป็นรายแรกในประเทศไทย คือ ยาเม็ด ไซทิซีน จีพีโอ ขนาด 1.5 มิลลิกรัม ซึ่งมีประสิทธิผลดี มีความปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย ในต่างประเทศใช้ในการเลิกบุหรี่มานาน ขณะนี้
มีการผลิตและจำหน่ายแล้ว และในอนาคต องค์การเภสัชกรรมจะเข้าร่วมโครงการการให้บริการเลิกบุหรี่ในร้านยา เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงบริการเลิกบุหรี่ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการเลิกบุหรี่ในประเทศไทยที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้น

𝐒𝐡𝐚𝐦𝐚 𝐋𝐚𝐤𝐞𝐯𝐢𝐞𝐰 𝐀𝐬𝐨𝐤𝐞 𝐂𝐞𝐥𝐞𝐛𝐫𝐚𝐭𝐞𝐬 𝐈𝐭𝐬 𝟔𝐭𝐡 𝐀𝐧𝐧𝐢𝐯𝐞𝐫𝐬𝐚𝐫𝐲 𝐢𝐧 𝐒𝐭𝐲𝐥𝐞!

On May 24th, 2024, Shama Lakeview Asoke marked its 6th anniversary with an enchanting“𝐅𝐨𝐫𝐞𝐬𝐭 𝐌𝐚𝐬𝐪𝐮𝐞𝐫𝐚𝐝𝐞” themed event, solidifying its position as a leading serviced residence.

An exciting day of celebration was held at Shama Lakeview Asoke Bangkok, led by Mr. Kentaro Koga, President of JR Kyushu Business Development Thailand Co., Ltd, Mr. Hiroki Tsuji, Director of JR Kyushu Business Development Thailand Co., Ltd, Mr. Sukamal Mondal, Area General Manager of Bangkok, and Mr. Dennis Chong, Area General Manager of Shama Bangkok. It has been a great journey and a meaningful milestone achieved by all the ladies and gentlemen of Shama Lakeview Asoke.





The day was filled with excitement as guests enjoyed live music, donned exquisite masquerade attire, and participated in a variety of captivating activities. It was a celebration of our heritage and a toast to a bright future.
A heartfelt thank you to our valued stakeholders, business partners, media, guests, and clients for your unwavering support throughout our journey.



𝐘𝐨𝐮𝐫 𝐭𝐫𝐮𝐬𝐭 𝐚𝐧𝐝 𝐥𝐨𝐲𝐚𝐥𝐭𝐲 𝐦𝐚𝐤𝐞 𝐭𝐡𝐢𝐬 𝐦𝐢𝐥𝐞𝐬𝐭𝐨𝐧𝐞 𝐬𝐨 𝐬𝐩𝐞𝐜𝐢𝐚𝐥.

สวยมงลง! ‘น้องเบนซ์’ คว้าตำแหน่ง ‘MUT KHON KAEN 2024’ ปฏิบัติภาระกิจทันทีหลังมงลง

น.ส.อริสา ชยปาลกุล หรือน้องเบนซ์ คว้าตำแหน่ง 'MUT KHON KAEN 2024' เป็นตัวแทนจังหวัดเข้าชิงมงกุฎ เวที Miss Universe Thailand 2024 ในเดือน ก.ค. นี้ 

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่ขอนแก่นฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประกวด MUT KHON KAEN 2024 บนเวทีการประกวด Miss Universe Khon Kaen 2024 ภายใต้ Concept The Metropolis Khon Kaen Never Stop มหานครที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

สุดท้าย โดยสาวงามที่สามารถคว้ามงกุฎในปีนี้ไปครองได้สำเร็จ ตกเป็นของ น.ส.อริสา ชยปาลกุล (น้องเบนซ์) พร้อมเป็นตัวแทน จ.ขอนแก่น ร่วมเข้าประกวดบนเวที Miss Universe Thailand 2024 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ เอ็มซีซี ฮอลล์, เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ กรุงเทพมหานคร ในเดือนกรกฎาคม

หลังได้รับมงกุฏดำรงตำแหน่ง MUT Khonkaen 2024  น้องเบนซ์ ปฏิบัติภารกิจ เข้าพบเพื่อ ขอบคุณ ผู้สนับสนุน หลัก เวที MUT KhonKaen และยังได้ มีการ พูดคุย เพื่อ วางแผน โครงการ อนุรักษณ์สิ่งแวดล้อม KhonKaen  Low Cabon สานต่อ โครงการต่อไป

29 พฤษภาคม 2567

ข้าวซอยสุนทรี @ โรงแรมแอทพิงค์นคร ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่


ชวนชิมอาหารจานอร่อย ที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้าวซอยเชียงใหม่  รสเข้มข้นแบบต้นตำรับข้าวซอยเชียงใหม่รสเข้มข้นแบบต้นตำรับ เมนูอาหารของที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการใช้วัตถุดิบที่ดี และนำมาปรุงจนออกมาเป็นเมนูอาหารในแบบที่คุณจะต้องติดใจในรสชาติและต้องกลับมาซ้ำทุกครั้งที่มา จังหวัดเชียงใหม่


คุณสุนทรี ดอนท้าวไพร  เจ้าของโรงแรมแอทพิงค์นคร ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่

เรื่องราวความเป็นมาของร้านข้าวซอยสุนทรี The story of the Khao Soi Soontaree. ร้านข้าวซอยเจ้าเก่าเจ้าดังที่มีอยู่แล้วในเชียงใหม่ รสชาติอาหาร ซึ่งเป็นเหตุผลที่หลังจากไปฝากท้องมื้อกลางวันที่ร้านมา อยากส่งต่อคว่ทอร่อย พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศดี ริมแม่น้ำปิง โรงแรมตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำปิงย่านวัดเกตการาม ตำบลฟ้าฮ่ามตัวอาคารออกแบบแนวอีสเทิร์นโคโลเนี่ยลในช่วงยุครุ่งเรือง ของสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ 

โดยคัดสรรจากวัสดุที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อเป็นอนุสรณ์สดุดีถึงความเจริญในทางการค้าของเชียงใหม่ในอดีตบริเวณโดยรอบของโรงแรมรวมถึงความพิถีพิถันในการตกแต่งร้านสุดหรูตกแต่งสวยงามและการสร้างบรรยากาศอันเป็นมิตรแวดล้อมไปด้วยชุมชนที่อาศัยอยู่ละแวกนี้มาช้านานมีอัตลักษณ์วีถีอันเด่นชัดไปด้วยขนบที่ฝั่งแน่นและหลากหลายวัฒนธรรม จึงกลายเป็นย่านที่มีอาหารพื้นเมืองแสนอร่อยมากมายให้ลิ้มลอง

ร้านเสิร์ฟเมนูหลักคือข้าวซอย พร้อมน้ำแกงรสกลมกล่อมและไม่จัดจ้านจนเกินไป และเมนูอาหารพื้นเมือง ส่วนเมนูที่พลาดไม่ใด้สำหรับอาคันตุกะผู้มาเยือนคือ "ข้าวซอย"  ที่โรงแรม แอท พิงค์นครริเวอร์ไซด์ เมนูยอดนิยม อย่าง "ข้าวซอย และ หมูปิ้ง รสชาติอร่อย"  ทั้งสองเมนูที่ เชฟพิถีพิถันรักษาสูตรพิเศษใวัเพื่อให้อากันตุกะทุกท่านที่มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยสุดประทับใจในรสชาติอาหารพื้นเมืองที่ปรุงพิเศษสุด ในชุมชนที่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "ถนนข้าวซอย" จุดนีตอบโจทย์นักท่องเที่ยวมากๆ




ลิ้มรสข้าวซอยสูตรต้นตำหรับ 

ข้าวซอยไก่ / หมู เริ่มต้น 149 บาท 

ข้าวซอยเนื้อ เริ่มต้น 189 บาท (เนื้อวัวที่เนียนนุ่มและมีรสเฉพาะ)

ขนมจีนน้ำเงี้ยว เริ่มต้น 149 บาท

นอกจากข้าวซอยรสเลิศแล้ว เรายังมี กาแฟ ชา เบเกอรี่ ไอศครีม 






ร้านข้าวซอยสุนทรี โรงแรมแอทพิงค์นครริเวอร์ไซด์ 
381 ถ.เจริญราษฎร์ ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50000 

สนใจสำรองโต๊ะโทร. 053-249 -222 เปิด 08.00 น. -22.00น.