เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

31 ธันวาคม 2567

งานรักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์

“สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11” Winter WonderDoi ปล่อยใจ ปล่อยจอย ในดินดอยมหัศจรรย์ DoiTung x NEWYEAR 

ใครจากไหนสามารถสร้างวินัยนักท่องเที่ยวให้แยกชนิดขยะ ร้านขายสินค้าที่ไหนที่ไม่ใช้ถุงพลาสติกและงานอะไรที่กล้าเคลมว่าฉันนี่แหละเป็นงานที่ CARBON NEUTRAL EVENT หรือ งานปลอดคาร์บอน ก็เทศกาล “งานสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11” นี่แหละ



เทศกาลสีสันแห่งดอยตุงจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 11 แล้ว มีวัตถุประสงค์หลัก คือ 1.ส่งเสริมและอนุรักษ์ความหลากหลายเชิงวัฒนธรรมของชนเผ่าร่วมเผยแพร่วัฒนธรรมอัตลักษณ์ของกลุ่มชนเผ่า 2.เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการในชุมชนให้มีความสามารถในการแข่งขันและพึ่งพาตัวเองอย่างยั่งยืน 3.สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนเมืองและชุมชนดอยตุง  นอกจากนี้การจัดงานแต่ละครั้งยังให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม ถือเป็นงานอันดับหนึ่งของจังหวัดเชียงราย และอันดับต้น ๆ ของประเทศเรื่องปลอดคาร์บอน แล้วปลอดคาร์บอนยังไง ตามไปดูกันว่างานสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11 นี้เขาใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง

• คัดแยกขยะ โดยเตรียมจุดทิ้งขยะ ไว้ทั่วงาน เดินไปทางไหนก็เจอ เจ้าถังขยะ 3 ถัง ที่แบ่งแยกประเภทของขยะ คือ เศษอาหารที่เหลือทิ้ง  ขยะประเภทแก้วน้ำ ขวดน้ำ ย่อยสลายยาก และ ขยะประเภทกระดาษ วัสดุรีไซเคิล นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวในงานทุกคนต่างก็ให้ความร่วมมือ ทิ้งขยะแยกประเภทกันทุกคน เป็นอะไรที่เห็นแล้วชื่นใจมาก ๆ

• งานปลอดคาร์บอน ภายในงานเน้นการใช้บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ง่าย และทำจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งชดเชยการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกด้วยคาร์บอนเครดิตด้วย เช่น กระทงใบตองห่ออาหาร แทนการใช้ถุงพลาสติกหรือโฟม แก้วน้ำกระดาษ หลอดดูดน้ำทำจากกระดาษ และหูหิ้วจักรสานจากไม้ไผ่เก๋ ๆ ใครหิ้วก็ภูมิใจได้ช่วยโลกและสวยงามอีกด้วย

• ภายในงานยังมีนิทรรศการชวนเรียนรู้ ผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดอยตุง และแนวทางในการช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งมีกิจกรรมสอดแทรกความรู้ การคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านเกม กิจกรรมสัญญากับน้องโต ชวนมาเขียนจดหมายถึงอนาคต ว่าเราจะช่วยโลกได้อย่างไรบ้าง แล้วส่งจดหมายกลับมาให้ตัวเองเพื่อเตือนให้เราตระหนักถึงภาวะโลกร้อนที่หนักขึ้นในทุก ๆ ปี และ LET’S DO UPCYCLING นิทรรศการจากขยะ และผลิตภัณฑ์มากด้วยคุณค่าจากขยะ




​เป็นงานที่พูดได้อย่างภาคภูมิใจเลยว่าเป็นงานปลอดคาร์บอนได้ 100 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นตัวอย่างที่ดีและเป็นต้นแบบของการจัดงานที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันได้ ทุกคนสามารถช่วยโลกได้ เพียงแค่มาเที่ยวงานสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึง 26 มกราคม 2568 เปิดให้บริการทุก วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น. ณ โครงการพัฒนาดอยตุง จังหวัดเชียงราย

27 ธันวาคม 2567

GAAYA by Oasis Spa ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพ

GAAYA by Oasis Spa (Sukhumvit 39) การตกแต่งร้านเป็นสไตล์ Thai Contemporary & Modern 

- ผลิตภัณฑ์ที่ใช้

 น้ำมันนวด Gaaya by Oasis Spa มีส่วนผสมหลัก (Base oil) คือ Jojoba oil, Sweet almond, Safflower oil เพื่อบำรุงผิว ช่วยทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น บรรเทาอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและอาการบวมช้ำ

- กลิ่นของน้ำมันนวดมีให้เลือก 5 กลิ่น ได้แก่

1. Oriental Beauty 

2. Uniquely Thai

3. Lanna Exotic

4. Full Bloom

5. Be Organic Coconut 100%



5. แพคเกจแนะนำ

1. Relax Gaaya 2 hrs 

ผสมผสานเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายในแบบกายาด้วยการนวดน้ำมันหอมระเหย และการนวดใบหน้า เสร็จสิ้นด้วยการนวดแบบกดจุดสร้างความผ่อนคลายให้ลูกค้าได้หลับลึกยิ่งขึ้น

2. Release Gaaya 2.5 hrs

เน้นคลายกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้า การนวดออฟฟิศซินโดรมเพื่อให้บริเวณกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆของออฟฟิศซินโดรมได้คลายจากการหดเกร็งและความตึงเครียดสะสมที่มีมานาน ได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริงและยังมีการประคบเพื่อช่วยลดการปวดบวมได้เป็นอย่างดี

3. Stress away Gaaya 3 hrs 

ผสมผสานการนวดเท้าเพื่อสุขภาพและการยืดเส้นด้วยการผสมผสานการนวดไทยโยคะและการนวดออฟฟิศซินโดรม สำหรับคนที่ต้องการนวดผ่อนคลายทุกส่วน

4. Sabai Sabai Gaaya 3 hrs 

ปรณิบัติกายา ด้วยการผสมผสานการนวดไทยเพื่อสุขภาพ เน้นการ กด คลึง บีบ กดจุด ประคบด้วยสมุนไพร และการนวดน้ำมัน ผ่อนคลายทั่วร่างกาย เสร็จสิ้นด้วยการทำหน้ากดจุดนวดหน้าด้วยน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ซึ่งมีประโยชน์ในการขจัดความเครียดและกระตุ้นการเติมออกซิเจนของผิวด้วยการต่อต้านริ้วรอย

5•เปิดให้บริการทั้งหมด 11 ห้องนวด รองรับลูกค้าได้สูงสุด 18 ท่าน

~ลูกค้าส่วนมากเป็นชาวต่างชาติเเละคนไทย

~ สถานที่ ตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท 39

     มีที่จอดรถให้บริการ 8 คัน

- ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์

- เปิดให้บริการทุกวัน 10.00-22.00 



ช่องทางการติดต่อ 

“กายา บายโอเอซิสสปา” Gaaya by Oasis Spa

เบอร์โทร 02-262-2133

Facebook Fanpage 

Gaayaspabyoasis

Instragram

Gaayabyoasis

Website 

www.oasisspa.net

Google map

https://maps.app.goo.gl/cKVSVYN8XjZ8NGpS8?g_st=ic

26 ธันวาคม 2567

เชิญชม เทศกาลชมสวน 2567 (Flora Festival 2024) ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ มีจุดกำเนิดมาจากพื้นที่ที่เคยจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ
ในปี พ.ศ. 2549 ปัจจุบันเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. 

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนามให้กับสถานที่แห่งนี้ว่า “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2553 เพื่อเป็นสวนของพ่อที่นับเป็นอุทยานแห่งการเรียนรู้ขนาดใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่ดำเนินงานกว่า 468 ไร่ โดยมีพันธกิจเป็นแหล่งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับโครงการตามแนวพระราชดำริ โครงการหลวงและการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน แหล่งเรียนรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม ด้านศิลปวัฒนธรรม ประเพณี รวมทั้งให้บริการพื้นที่เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ สีสันพรรณไม้และการเข้าสู่สังคมไร้มลพิษเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน



สำหรับ เทศกาลชมสวน (Flora Festival) เป็นเทศกาลประจำปีของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ที่เนรมิตสวนสวยด้วยไม้ดอกเมืองหนาวนานาพรรณจากฝีมือการปลูกของเกษตรกรบนพื้นที่สูง สำหรับปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “สีสันพรรณไม้และการเข้าสู่สังคมไร้มลพิษเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 08.00 – 18.00 น. โดยมีวัตถุประสงค์การจัดงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 อีกทั้ง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ยังได้รับรางวัลมาตรฐานต่างๆ หลายรางวัล อาทิ 

1. รางวัล Hall of Fame  (รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยประเภทแหล่งท่องเที่ยว
สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้)

2. รางวัลดีเด่น Thailand Tourism Silver Awards ประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน

3. สวพส. ขึ้นทะเบียนเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO)

4. โล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก ประจำปี 2567 (Climate Action Leading Organization: CALO)

5. ได้รับรองมาตรฐานสวนพฤกษศาสตร์ระดับสากล BGCI Botanic Garden Accreditation จาก Botanical Gardens Conservation International: BGCI ซึ่งเป็นเครือข่ายการอนุรักษ์พันธุ์พืชที่ใหญ่ที่สุดในโลก

6. ผ่านการรับรองมาตรฐานจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในโครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating ที่ผ่านการรับรอง 16 เป้าหมาย (จากทั้งหมด17 เป้าหมาย)

7. โรงแรมราชพฤกษ์เพลซ (Rajapruek Place) ได้รับรางวัล “Green Hotel 2567” ระดับดีเยี่ยม (เหรียญทอง) 

8. รางวัลตราสัญลักษณ์ G-Green ระดับประเทศ ระดับดีเยี่ยม G ทอง สำนักงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Office) ปี 2566

ด้วยแนวคิดของการจัดงานชมสวนที่จะแสดงผลงานและผลสำเร็จให้นักท่องเที่ยวได้ชมในปีนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนผ่านองค์ความรู้ด้านโครงการตามแนวพระราชดำริ โครงการหลวง และการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมที่ได้ต่อยอดและรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทรัพยากรพรรณไม้นานาชนิดมากถึง 23,831 รายการที่ได้รับรองมาตรฐานสวนพฤกษศาสตร์ระดับสากล BGCI Botanic Garden Accreditation จาก Botanical Gardens Conservation International: BGCI ซึ่งเป็นเครือข่ายการอนุรักษ์พันธุ์พืชที่ใหญ่ที่สุดในโลก  

สำหรับไฮไลท์ภายในงานนักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามของไม้ดอกเมืองหนาวนานาพรรณนับล้านดอกที่พร้อมใจกันเบ่งบานงดงามเต็มสวน อาทิ เจอราเนียม ฟอร์เก็ตมีน็อต บีโกเนีย พิทูเนีย ซัลเวีย แพนซี คัสตี้มิลเลอร์ เดซี่ เทียนนิวกีนี ฯลฯ 




พบกับจุดไฮไลท์ใหม่ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ชมวิวสวยๆ ฟินๆ แบบ 360 องศาบน Skywalk กับความสวยงามที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงฤดูแถมได้ความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ตลอดเส้นทางเดิน นักท่องเที่ยวสามารถเดินตั้งแต่ 'เรือนร่มไม้' ที่เต็มไปด้วยพรรณไม้หายากกว่า 400 สายพันธุ์ เชื่อมต่อทางเดินไปยังจุดชมวิวมุมสูง หรือจะนั่งพักผ่อนใจไปกับต้นไม้และวิวภูเขาสีเขียวขจี เซลฟี่มุมสูงกับแปลงรวบรวมสายพันธุ์กุหลาบและยังมีทางเดินเส้นทางใหม่ที่ทอดยาวลงมาจนถึงโดมกุหลาบที่รวบรวมสายพันธุ์กุหลาบถึง 220 สายพันธุ์ เมื่อสุดเส้นทางก็ยังสามารถเดินชมป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง และทุ่งดอกไม้ที่สวนพรมบุปผา อีกทั้งยังมีสวนสมุนไพรที่จัดแสดงสมุนไพรท้องถิ่นและสมุนไพรจากต่างประเทศ

ชมความหลากหลายของกล้วยไม้ทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ลูกผสมกว่า 50 สายพันธุ์กว่า 10,000 ต้นในบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายในเรือนกล้วยไม้ เปิดประสบการณ์มหัศจรรย์ไปกับ "ถ้ำกล้วยไม้" ที่เต็มไปด้วยภาพวาดจิตรกรรม"กล้วยไม้ไทย" อาทิ กล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ ทั้งสายพันธุ์เอื้อง เอื้องสาย เอื้องสามปอย แวนด้าฟ้ามุ่ย ฯลฯ ที่มีความแปลกตาไม่เหมือนใคร ทั้งการวาดแบบภาพ 3 มิติเสมือนจริง และยังมีห้องที่จำลองเป็นถ้ำเรืองแสงที่ให้ชมบรรยากาศยามค่ำคืนของธรรมชาติ เสมือนว่าเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ยามค่ำคืน ก็จะมีแสงจากสิ่งมีชีวิตบินรอบๆ ตัวเรา เช่น ผีเสื้อกลางคืน หิ่งห้อย ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ และอีกจุดไฮไลท์ ตระการตากับหอคำหลวง สถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่ทรงคุณค่าและสง่างามที่สุดมีการจัดแสดงภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบล้านนาบอกเล่าเรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่ 9 และชมความงดงามของศิลปวัฒนธรรมที่สวนนานาชาติประเทศภูฎาณ อีกหนึ่งสวนนานาชาติที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ และตื่นตากับโฉมใหม่ของอาคารโลกแมลงที่ให้ทุกท่านได้ค้นหาความมหัศจรรย์และศึกษาพฤติกรรมแปลกๆ ของแมลงหลากหลายชนิดทั้งในรูปแบบนิทรรศการและในรูปแบบสื่อมัลติมีเดีย โดยได้มีการรวบรวมตัวอย่างแมลงหายากและแฝงด้วยความรู้ทางด้านกีฏวิทยา อาทิ แหล่งกำเนิดของแมลง วงจรชีวิต ฯลฯ อีกทั้งยังจะได้ใกล้ชิดและสัมผัสความน่ารักของแมลงมีชีวิตท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอีกด้วย 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษภายในงานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น งานมหกรรมกาแฟอราบิก้าบนพื้นที่สูง (Highland Arabica Coffee Exposition), สัปดาห์สมุนไพร (เดือนกุมภาพันธ์) กิจกรรมสัมมนาและเสวนาในหัวข้อ พืชสมุนไพร ลดโรค ลดโลก(ร้อน)" การเรียนรู้สมุนไพร 9 รสยา และยังได้ช้อปพรรณไม้ สินค้าที่ระลึก สินค้าชุมชน กาแฟบนพื้นที่สูง รวมทั้งนิทรรศการและการเรียนรู้เกี่ยวกับการกักเก็บคาร์บอนของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) ด้วยการนำเสนอกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคาร์บอน ซึ่งครอบคลุม 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การดูดกลับ (Carbon Sequestration), การลด (Carbon Reduction) และ การชดเชย (Carbon Offset) ไม่ว่าจะเป็น การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล การสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่ชุมชนบนพื้นที่สูง การส่งเสริมเกษตรกรรมแบบยั่งยืน รวมทั้งแนวทางการบริหารจัดการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืนในปี 2570 

อีกทั้งยังมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้พลังงานสะอาด การคัดแยกขยะ พร้อมสนุกกับกิจกรรม Walk Rally ตามหา RC เพื่อสร้างความสนุกสนานและยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับพรรณไม้และบทบาทสำคัญของต้นไม้ในการลดคาร์บอนและดูดซับก๊าซเรือนกระจก โดยใช้รูปแบบการสแกน QR Code ของต้นไม้นั้นๆ บริเวณนิทรรศการ และสามารถเดินตามหาจุดที่อยู่ของต้นไม้นั้นๆ ภายในสวน ซึ่งจะมีข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของต้นไม้ในการลดคาร์บอนเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน 

พบกับพันธุ์ไม้เมืองหนาว ที่ยกขบวนมาให้เลือกซื้อ อาทิ ลิซิแอนทัสหรือกุหลาบเวียดนาม กล็อกซีเนีย บิโกเนีย เยอบีร่า ฯลฯ ที่มีจำหน่ายเฉพาะในช่วงงานเท่านั้น  สำหรับใครที่กำลังมองหาห้องพักท่ามกลางธรรมชาติ ต้องเลือกมาที่ “ราชพฤกษ์เพลซ (Rajapruek Place)”  สถานที่พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม สะอาด ปลอดภัย เป็นที่พักที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) ในระดับดีเยี่ยม (Gold Class)  



มาร่วมรับลมหนาวและชื่นชมความงามของไม้ดอกเมืองหนาวนานาพรรณจากเกษตรกรบนพื้นที่สูงพร้อมสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติในเทศกาลชมสวน (Flora Festival) ภายใต้แนวคิด “สีสันพรรณไม้และการเข้าสู่สังคมไร้มลพิษเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน”ตั้งแต่วันนี้- 28 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 08.00-18.00 น. ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

สอบถามเพิ่มเติมที่ 053-114110 ถึง 2 หรือทาง
แฟนเพจ : อุทยานหลวงราชพฤกษ์ : Royal Park Rajapruek

25 ธันวาคม 2567

"ห่มรักษ์ให้น้องอุ่นที่..แม่ฮ่องสอน"


นายบัญชา ฉันทดิลก กรรมการผู้จัดการ โครงการสุขสยาม ณไอคอนสยาม นำทีมงานเดินทางจาก กทม.
ระยะทาง กว่า1000 กมฺ.   ฝ่าโค้ง 4088 โค้ง..เพื่อนำผ้าห่ม โครงการสุขรักษ์โลก ... สิ่งเล็ก ๆที่ยิ่งใหญ่..ใส่ใจสิ่งแวดล้อม..เป็นผ้าห่มที่ผลิตจากขวดพลาสติกห่มรักษ์โลก ภายใต้โครงการห่มรักษ์ให้น้องอุ่น...





เพื่อแจก เด็กนักเรียน ในพื้นที่ห่างไกล จ. แม่ฮ่องสอน  600 ผืนและเยี่ยมให้กำลังใจคุณยายปอยผู้สูงอายุ 104 ปีและคุณยายพัชรี อายุ  75 ปี..โดยมีสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอนและเพจ สถานีไออุ่น เป็นหน่วยงานประสานและสนับสนุนการลงพื้นที่เพื่อมอบสิ่งดีๆแบ่งปันความรักความอบอุ่นให้กับเด็กและผู้สูงอายุจังหวัดแม่ฮ่องสอน

“เอกนัฏ” เสริมแกร่งอุตสาหกรรมฮาลาลดันผู้ประกอบการไทยสู่การส่งออก


กรุงเทพฯ 25 ธันวาคม 2567 – นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการ กระทรวงอุตสาหกรรม สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ผ่านกิจกรรม “เรียนแล้ว รับรองได้ ลงทุนง่าย ขายส่งออกเป็น” ผลักดันการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล สนับสนุนแหล่งเงินทุนผ่านผสาน 8 หน่วยงาน 22 สินเชื่อ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้ประกอบการต่อไป

ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตอาหารและการบริการที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และมีรสชาติตามความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในตลาดมุสลิมที่มีประชากรจำนวนมากและมีแนวโน้มการบริโภคที่สูงขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐาน ผ่านกระบวนการตรวจการรับรองฮาลาล รวมทั้งการบริการที่ต้องมีกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม และสามารถส่งออกไป ยังต่างประเทศได้ ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้สนับสนุนเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลตามมติคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ (กอฮช.) ครั้งที่ 1/2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ ผ่านกิจกรรม "เรียนแล้ว รับรองได้ ลงทุนง่าย ขายส่งออกเป็น" ภายใต้แนวคิด สานพลังแหล่งเงินทุน รวมพลัง 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม รวมไป
ถึงการพัฒนาและส่งเสริมการทดสอบ และการรับรองมาตรฐานฮาลาล โดยสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลของประเทศให้มีศักยภาพ สามารถเติบโต และแข่งขันสู่สากลได้อยางยั่งยืน 

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลผ่านกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ได้แก่ สินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) วงเงิน 1,200 ล้านบาท และ สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ (คงกระพัน) วงเงิน 700 ล้านบาท และจะมีโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมฮาลาลวงเงิน 7  ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญ เช่น กิจกรรมการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการตลาด การส่งออก และการประชาสัมพันธ์ กิจกรรมการวินิจฉัยและให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกสถานประกอบการในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และการขอรับรองมาตรฐานฮาลาล


นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลผ่านการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐาน เชื่อมโยงเครือข่ายแหล่งเงินทุน เสริมแกร่งด้วยหน่วยงานส่งเสริมความรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ฮาลาลไทยทั่วประเทศให้เติบโตในตลาดสากลอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ดีพร้อม มีแหล่งเงินทุนสนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย (DIPROM Pay) ประกอบด้วยวงเงินกู้ระยะสั้น สำหรับหมุนเวียนในธุรกิจ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท  และวงเงินกู้ระยะยาวสำหรับลงทุนในสินทรัพย์ถาวร วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อเพื่อลงทุนหรือขยายธุรกิจ DIPROM Pay for BCG วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมด้านฮาลาลโดยดีพร้อม ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ปลอดเงินต้นเป็นระยะเวลา 12 งวด หรือ 1 ปี 


นางสาวดรัสวันต์ ชูวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย  (EXIM BANK) กล่าวว่า EXIM BANK พร้อมสนับสนุนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างมากในเวทีโลก ผ่านนวัตกรรมทางการเงิน ทั้งสินเชื่อและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุน โดย EXIM BANK สานพลังกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยที่มีความพร้อมทั้งด้านความรู้ เครือข่ายธุรกิจ และเงินทุนที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจใน Supply Chain การส่งออกสินค้าอาหารโลก แคมเปญพิเศษเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ของ EXIM BANK สำหรับผู้ส่งออกสินค้าฮาลาล ประกอบด้วย 1. โปรแกรมสินเชื่อเงินทุน Halal อุ่นใจ เพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับใช้หมุนเวียนในกิจการหรือลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต วงเงินอนุมัติสูงสุด 200 ล้านบาท อัตราพิเศษเริ่มต้นเพียง 3.25% ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดถึง 10 ปี ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลแล้วหรือมีรายได้จากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศภายใต้องค์การความร่วมมืออิสลาม (The Organization of Islamic Cooperation: OIC) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 57 ประเทศ สามารถขอรับอัตราพิเศษเพิ่มเติมเหลือเพียง 2.99% สำหรับ 6 เดือนแรก และ 2. โปรแกรมประกัน Halal สบายใจ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ วงเงินรับประกันสูงสุด 2 ล้านบาทต่อกรมธรรม์ อัตราความคุ้มครอง 70% ของมูลค่าความเสียหาย สิทธิพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถเลือกรับความคุ้มครองผู้ซื้อ 1 ราย (วงเงินคุ้มครอง 300,000 บาท) หรือส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อมูลค่า 2,000 บาท และรับเพิ่มเป็น 2 ราย หรือเลือกรับส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อเพิ่มเป็น 4,000 บาทสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลหรือมีรายได้จากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ OIC

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารได้จัดเตรียมบริการ “ด้านการเงินควบคู่ด้านการพัฒนา” ไว้สนับสนุนยกระดับสร้างมาตรฐานต่อยอดผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสู่อุตสาหกรรมฮาลาล คว้าโอกาสประสบความสำเร็จจากตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับด้าน “การเงิน” ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ครอบคลุมทุกความต้องการ  เช่น สินเชื่อ Smile Biz ธุรกิจฮาลาลยิ้มได้ ช่วยเสริมสภาพคล่อง  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6.4%ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี  , สินเชื่อ SME Green Productivity For SMEs Halal สนับสนุนก้าวสู่อุตสาหกรรมสีเขียว อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี , สินเชื่อ BCG Economy For SMEs Halal ลงทุน ปรับปรุง ขยายธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.65% ต่อปี  วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี และสินเชื่อ Refinance Plus For SMEs Halal ช่วยลดต้นทุน   อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% ต่อปี  วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี เป็นต้น  ควบคู่กับด้าน “การพัฒนา” ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ที่สะดวกสบาย ช่วยเสริมแกร่งธุรกิจครบวงจรตลอด 24 ชม. ทุกที่ ทุกเวลา และที่สำคัญ สำหรับในโครงการนี้ ธนาคารจัดเตรียมแคมเปญพิเศษเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ 2568   ด้วยการมอบโปรโมชั่น 3 ต่อ ให้แก่ผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคาร ได้แก่ ต่อที่ 1) เมื่อยื่นขอสินเชื่อ ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป เอกสารครบตั้งแต่ 2 ม.ค.- 28 ก.พ. 2568 และได้รับอนุมัติภายใน 31 มี.ค. 2568 จะได้ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ สูงสุดล้านละ  5,000 บาท  ต่อที่ 2) รับ 500 Point นำไปใช้ประโยชน์ในแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank และต่อที่ 3)  นำ Point มาแลกรับเครื่องมือต่อยอดธุรกิจต่าง ๆ จาก SME D Bank ฟรี เช่น ค่าอบรม Premium Couser และระบบริหารธุรกิจ ERP เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ฝ่ายส่งเสริมการตลาด โทร.02-265-4598, 4961, 4064 หรือ Call Center 13

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าวว่า ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมครั้งนี้ ไอแบงก์ได้จัดแพ็กเกจสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเริ่มต้นและต่อยอดให้แก่ธุรกิจฮาลาลตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างความพร้อมผ่านสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือเป็นเงินทุนสำหรับขยายธุรกิจ ตลอดจนสินเชื่อเพื่อนำเข้าเครื่องจักรหรือวัตถุดิบ และส่งออกสินค้าฮาลาลไปนานาประเทศ ด้วยอัตรากำไรเริ่มต้น 2 ปีแรกเพียง 3.50% ต่อปี กรณีผู้ประกอบการไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือหลักประกันไม่เพียงพอก็สามารถขอสินเชื่อกับไอแบงก์ได้ กรณีผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการมีเครื่องหมายฮาลาลไอแบงก์มอบส่วนลดอัตรากำไรเพิ่มให้ กรณีไม่มีเครื่องหมายฮาลาลไอแบงก์สามารถสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถขอเครื่องหมายฮาลาลได้โดยการอำนวยความสะดวกส่งต่อให้แก่หน่วยงานพันธมิตรได้แก่คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการออกเครื่องหมายรับรองฮาลาลได้ รวมถึงการต่อยอดผู้ประกอบการสู่การส่งออกที่ไอแบงก์มีความร่วมมือกับ EXIM ตั้งแต่ปี 2566 และมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการมากกว่า 500 ราย ซึ่งมีมูลค่าการให้สินเชื่อและการรับประกันการส่งออกสูงกว่า 2,000 ล้านบาท  นอกจากนี้ไอแบงก์ยังสามารถเชื่อมโยงผู้ประกอบการฮาลาลเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมการค้านักธุรกิจไทยมุสลิม (TMTA) หรือ สมาชิกสถาบันนักธุรกิจมุสลิม Muslim Business Matching (MBM) เพื่อเปิดโอกาสสร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มนักธุรกิจมุสลิมในประเทศไทยและทั่วโลกด้วย ดังนั้น นอกจากไอแบงก์จะมีความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนห่วงโซ่ของธุรกิจฮาลาลหรือ Halal Supply Chain แล้ว               ยังมีความพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในองค์กรที่ร่วมผลักดันการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทยสู่      ฮาลาลโลกได้

นายกิตติพงษ์ บุรณศิริ รองผู้จัดการทั่วไป สายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ (บสย.) กล่าวว่า บสย. เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังทำหน้าที่ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs
ที่มีศักยภาพแต่หลักประกันไม่เพียงพอ ได้ขานรับนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล ด้วยโครงการ

ค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 11 SMEs ยั่งยืน ในวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์สำคัญ เช่น 1) Smart Green อนาคตที่ยั่งยืน กับแหล่งเงินทุนที่ SMEs เข้าถึงได้ เหมาะสำหรับธุรกิจ BCG หรือ ESG ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วงเงินค้ำประกันสูงสุด 1 - 40 ล้านบาทต่อราย ค่าธรรมเนียมต่อปี 1.5% 

ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปีแรก และ 2) SMEs Ignite Biz เฉพาะ SMEs ประเภทนิติบุคคลที่ต้องการเงินลงทุนหมุนเวียนในกลุ่มการท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ ขนส่ง ยานยนต์แห่งอนาคต การบิน การเงิน เศรษฐกิจดิจิทัล และธุรกิจอาหาร โดยยื่นคำขอให้ค้ำประกันขั้นต่ำครั้งละไม่น้อยกว่า 0.2 ล้านบาท สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย ค่าธรรมเนียมต่อปี 1.5% ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก เป็นต้น

พล.ต.ต. สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย(สกอท.) กล่าวว่า สกอท. เป็นองค์กรศาสนาอิสลามที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ที่ไม่ได้แสวงหากำไร เป็นผู้ให้การรับรองฮาลาลและอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองฮาลาล ขานรับนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล โดยส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมให้มีการขอใบรับรองผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลแก่สินค้าและบริการ เพื่อผลิตสินค้าและบริการฮาลาลที่สะอาดปลอดภัยตามหลักการศาสนาอิสลามและเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการฮาลาลรวมทั้งเพื่อสนองตอบความต้องการตลาดที่ต้องการสินค้าและบริการฮาลาลได้

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.จฬ.) กล่าวว่า ศวฮ.จฬ. ให้บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่สังคม ประกอบด้วย งานบริการทางห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล งานวิจัยและนวัตกรรม งานบริการวิชาการ/หลักสูตร งานบริการหน่วยงานภายนอก ขานรับนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล โดยส่งเสริมให้การพัฒนางานบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาล การใช้วิทย์เทคฮาลาลและการพัฒนาฮาลาลบล็อกเชน งานบริการทางห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล งานวิจัยและนวัตกรรม การให้คำปรึกษาด้านการบ่มเพาะวิสาหกิจฮาลาล การพัฒนานวัตกรรม งานบริการชำระล้างนญิสทุกชนิดด้วยน้ำยาคอลลอยด์ดิน HALKLEAN งานพัฒนา Halal Blockchain แก่ภาคอุตสาหกรรม งานพัฒนาแอปพลิเคชันร้านอาหารและการท่องเที่ยว Halal Route งานบริการฐานข้อมูลสารเคมีวัตถุดิบฮาลาลตามระบบ H numbers เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันฮาลาลของประเทศไทย


สบู่จิ๊กซอว์ ME by บุ๋ม-ตรีรัก จัดโปรสุดคุ้ม เชต 4 ก้อน ลด 50% เพียง 190 บาท

ลดข้ามปี มอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ซื้อได้ที่สยามพารากอน และทาง FB 

บริษัท ตรี ตรีรัก จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสบู่จิ๊กซอว์ ME เกรดพรีเมี่ยม by คุณบุ๋ม ตรีรัก รักการดี สบู่จิ๊กซอว์
ME เป็นสบู่ล้างหน้าออร์แกนิค ส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ เนื้อกลีเซอรีน อ่อนโยน ไร้สาร SLS / SLES ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ช่วยฟื้นฟูและกู้ใบหน้าของทุกคนให้คืนกลับสู่ความสวยที่สดใส ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่น ไร้สิว และจุดด่างดำ ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว มีทั้งหมดถึง 25 สูตร สามารถเลือกแมทซ์สูตรเองได้ตามสภาพผิวของผู้ใช้ ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มคุณสมบัติของผิวพรรณ 10 สูตร 2. กลุ่มสครับ 6 สูตร
และ 3. กลุ่มน้ำหอม 9 กลิ่น 

สบู่จิ๊กซอว์ ME จัดโปรโมชั่นสุดคุ้ม ลดข้ามปี 50% สบู่เชต 4 ก้อน สามารถคละสูตรได้ บรรจุในกล่องสวยเก๋ดูดี เพียง 190 บาท จากราคาปกติ 380 บาท สามารถซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ – 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สยามพารากอน ชั้น 4 โซน Bath Accessories และซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ที่ Facebook : TRI_Gangsters จะซื้อสบู่จิ๊กซอว์ ME ใช้เองก็ดี หรือซื้อเป็นของฝากให้แก่คนที่คุณรักหรือของขวัญปีใหม่ 2568 ให้กับคนพิเศษของคุณ ซื้อให้ใครรับรองผู้รับต้องชอบแน่ๆ สบู่จิ๊กซอว์ ME เชต 4 ก้อนใช้ได้นานเป็นเดือน การันตีคุณภาพทุกก้อน


สามารถติดตามข่าวสารโปรโมชั่น และข้อมูลเพิ่มเติมของสบู่จิ๊กซอว์ ME เกรดพรีเมี่ยม ทั้ง 25 สูตร
ได้ที่ Facebook : TRI_Gangsters, Line : @tri_gangsters และเว็บไซต์ http://trigangsters.com
หรือติดต่อสอบถามที่โทรศัพท์  02-040-1466 และ 063-351-9649

24 ธันวาคม 2567

ส่งท้ายปี 31 ธันวาคม 2567 ด้วยมื้ออาหารค่ำบุฟเฟ่ต์ New Year Eve นานาชาติ

ณ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โอเทล แอนด์ คอนเวนชั่น

เฉลิมฉลองคืนส่งท้ายปี 31 ธันวาคม 2567 ด้วยมื้ออาหารค่ำสุดพิเศษ โดยเชฟคนเก่งได้สร้างสรรค์บุฟเฟ่ต์ New Year Eve นานาชาติเมนูอาหารหลากลาย ทั้งอาหารไทย อาหารจีน ญี่ปุ่น เมนูบาร์บีคิวสไตล์ยุโรป เนื้อริบอาย เนื้อเซอร์ลอยน์ ขาแกะนิวซีแลนด์ ขาหมูบาร์บีคิวน้ำผึ้ง และเมนูซีฟู้ดสด ๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนอบอุ่นจากเสียงเพลงอันไพเราะ ที่ห้องอาหารออเดย์ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่นในราคา 2,500 บาทสุทธิ ต่อท่าน จองล่วงหน้าเพียง 2,250 บาท สุทธิต่อท่าน เริ่มตั้งแต่เวลา 18:00 น.ในราคาท่านละ 2,500 จองก่อนจ่ายเพียง 2,250 บาท





สอบถามรายละเอียด และสำรองที่นั่ง กรุณาโทร 052 055 888
หนาวนี้..อบอุ่นหัวใจที่เชียงราย สัมผัสเสน่ห์เมืองเหนือที่ 𝐓𝐡𝐞 𝐇𝐞𝐫𝐢𝐭𝐚𝐠𝐞 𝐂𝐡𝐢𝐚𝐧𝐠 𝐑𝐚𝐢 www.heritagechiangrai.com

#toptotravel 

เริ่มแล้ว!! เวทีการประกวดผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยที่ปลุกปั้นนักออกแบบไทย

เริ่มแล้ว!! เวทีการประกวดผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยที่ปลุกปั้นนักออกแบบไทยไปไกลถึงระดับโลก International Craft Creation Concept Award 2025 หรือ I.CCA.2025

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT เชิญชวนนักออกแบบ และกลุ่มผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรม เข้าร่วมโครงการประกวดแนวคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมระหว่างประเทศ International Craft Creation Concept Award 2025 หรือ I.CCA.2025 เพื่อร่วมนำเสนอผลงานศิลปหัถตกรรมไทยที่มีศักยภาพและเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาศิลปหัตถกรรมไทยไปไกลระดับโลก ชิงเงินรางวัลพร้อมเงินสนับสนุนในการผลิตผลงานต้นแบบรวมมากกว่า 650,000 บาท ภายใต้แนวคิด “Innovative Heritage Craft: หัตถศิลป์ แห่งมรดกหัตถกรรม” ตั้งแต่บัดนี้ – 15  มกราคม 2568

ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย  เผยว่า ” โครงการประกวดแนวคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมระหว่างประเทศ International Craft Creation Concept Award 2025 หรือ I.CCA.2025 ถือได้ว่าเป็นโครงการประกวด ฯ เพื่อถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่ ได้เข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญ และค้นหาแนวทางในการสืบสานงานหัตถศิลป์ไว้ด้วยการสร้างสรรค์ผลงาน นวัตศิลป์ร่วมสมัยผ่านการผสมผสานเทคโนโลยี นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์”

สำหรับในปี 2568 นี้ SACIT เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อรับโอกาสในการคัดเลือกและนำเสนอผลงานที่แสดงถึง การสืบสาน สร้างสรรค์ ส่งเสริม งานศิลปหัตถกรรมไทยในทุกมิติอย่างยั่งยืน ซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับองค์ความรู้ในกิจกรรม SACIT Craft Lab เพื่อพัฒนารูปแบบผลงานประกวดสร้างสรรค์  สู่การเป็นผลงาน Masterpiece รวมถึงการเผยแพร่ สร้างการรับรู้ และสร้างการยอมรับในระดับนานาชาติ จนไปสู่การต่อยอดเชิงพาณิชย์ ส่งเสริมการค้าทั้งในประเทศและในระดับสากล โดย Creative Craft Coach  (นักสร้างสรรค์งานคราฟต์) ระดับประเทศและมากประสบการณ์ เพื่อชิงรางวัล ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศจะได้รับเงินสด 150,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศ จะได้รับเงินสด 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตรและโล่รางวัล

ผู้สนใจสามารถส่งผลงานเข้าประกวด ฯ ได้ตั้งแต่บัดนี้ - 15 มกราคม 2568                                           
ผ่านเว็บไซต์ www.sacit.or.th พร้อมกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน

ผ่านลิงค์ Google Form : https://forms.gle/fBgGAAFjhvxzpiiu8
หรือ ผ่านทางไปรษณีย์: สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)
เลขที่ 59 หมู่ 4 ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัด พระนครศรีอยุธยา 13290
วงเล็บมุมซอง (I.CCA. 2025) 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ดร.สุกานดา ถิ่นฐาน / คุณเปี่ยมพร ฉายศรี (ผู้ประสานงานโครงการ) โทรศัพท์: 086 564 4666 / 088 931 5345  Email: contact.icca2025@gmail.com

“พิพัฒน์”อบรม AI บุคลากรรัฐ เปลี่ยนกระทรวงสู่ยุคAI

บริการหางาน พัฒนาฝีมือ แจ้งข้อร้องเรียน รับสิทธิประกันสังคม ให้สะดวก รวดเร็วขึ้น 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในงานการประชาสัมพันธ์ด้านปัญญาประดิษฐ์และการนำไปใช้สำหรับบุคลากรภาครัฐ (Kick off Artificial Intelligence Literacy for Government officer) รวมทั้งกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “ปรับเปลี่ยนกระทรวงแรงงานสู่ยุค AI Transformation” เพื่อปูพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับ AI สร้างทักษะการใช้งานเครื่องมือ AI และส่งเสริมการประยุกต์ใช้ AI ของบุคลากรกระทรวงแรงงาน โดยมีผู้บริหารกระทรวงแรงงาน หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ และ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ ร่วมพิธีเปิด ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน  



นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานกำลังเผชิญกับ ความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ของเทคโนโลยีดิจิทัลที่ปัจจุบันเข้ามามีบทบาทในการปฏิบัติงานของบุคลากรเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องมีการปรับตัวและพัฒนาทักษะบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตามนโยบายของกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ก้าวทันต่อเทคโนโลยี 

ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้จัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการทำงานของภาครัฐ และพัฒนาทักษะบุคลากรให้สามารถนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปใช้ในการทำงานเพื่อเตรียมก้าวสู่องค์กร 

ดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวก ช่วยเหลือพี่น้องแรงงาน และประชาชนได้อย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ  เช่น กรมการจัดหางาน Matching เข้าสู่ตำแหน่งงานได้ง่ายขึ้น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สามารถทำหลักสูตรได้แม่นยำตามความต้องการของผู้ประกอบการ กรมสวัสดิการฯ ทำให้กระบวนการคุ้มครองแรงงาน จัดการข้อร้องเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกันสังคม เข้าถึงสิทธิผู้ประกันตนได้อย่างรวดเร็ว สสปท. ช่วยเพิ่มความปลอดภัย สามารถชี้จุดเสี่ยงสารอันตรายได้ตรงจุด แม่นยำ เป็นต้น 


ด้านนายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมในวันนี้มีการเสวนาในหัวข้อ  “AI Transformation in Action กับวิสัยทัศน์ผู้นำองค์กรภาครัฐ” โดยวิทยากรพิเศษด้าน Digital Transformation และบรรยายในหัวข้อ “Magic of AI  การนำ AI ไปใช้ในหน่วยงานภาครัฐ"  จากนายซันนี่ จาวลา Youtuber สายไอที ช่อง Sunnylogy  นอกจากนี้ ยังมีบูธนิทรรศการดิจิทัลที่น่าสนใจจากพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) บริษัท บิทคับ แคปปิดอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (Bikub Academy)  สถาบันพัฒนากำลังพลดิจิทัล มูลนิธิเพื่อการพัฒนาดิจิทัล สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ICDL THAILAND และสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทยและหลังจากนี้กรมฯ ยังมีแผนการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำนวน 4 รุ่น รวมทั้งสิ้น 200 คน โดย รุ่นที่ 1 เดือนมกราคม รุ่นที่ 2 เดือนมีนาคม  รุ่นที่ 3 เดือนพฤษภาคม รุ่นที่ 4 เดือนมิถุนายน 2568  ผู้ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับความรู้ใหม่ ๆด้าน AI ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนและบริหารจัดการงานในภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น