เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

31 มีนาคม 2565

ร้อนนี้ เพิ่มความสุขให้กับการอาบน้ำแบบอิงแอบธรรมชาติ สุขภาพดีกับคอตโต้ ไฮจีนิกไทล์ ตัวการกำจัดแบคทีเรียเพื่อสุขอนามัยของคนที่รัก

คอตโต้ ตอกย้ำผู้นำเทรนด์ ด้วยนวัตกรรมที่มาพร้อมโซลูชั่น เพื่อยกระดับการใช้งานอย่างสมบูรณ์แบบ
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ชวนเพิ่มที่แห่งความสุขรับร้อนให้กับ “ห้องน้ำ”แบบเอาใจคนรักธรรมชาติ ด้วยไอเดียการแต่งห้องน้ำสไตล์ทรอปิคอล เรนฟอเรสต์ จาก คอตโต้ ไฮจีนิก ไทล์ (COTTO Hygienic Tile) กระเบื้องยับยั้งแบคทีเรียเหมาะกับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ด้วยสาร Silver Nano จะช่วยปล่อยประจุบวกออกมาทำปฏิกิริยาในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 90% ภายใน 24 ชั่วโมง และสามารถยับยั้งแบคทีเรียได้ตลอดอายุการใช้งาน   ที่มาพร้อมลวดลายเอาใจคนรักธรรมชาติถึง 2 ซี่รีย์ พร้อมฟังชั่นส์พิเศษช่วยดูแลสุขภาพให้ห่างไกลเชื้อโรคในบ้านได้มากขึ้น  นั่นก็คือ 

แนวการแต่งห้องน้ำสไตล์ทรอปิคอล คือ การเลือกตกแต่งให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ทำห้องน้ำให้โปร่ง โล่ง ให้แสงและลมเข้าได้อย่างเต็มที่  เลือกใช้วัสดุตกแต่งใช้สีสว่าง  เฟอร์นิเจอร์ สุขภัณฑ์ที่มีรูปแบบเรียบง่าย เลือกพันธุ์ไม้ที่สามารถปลูกในที่ร่มได้ ทนความชื้น และดูแลรักษาง่าย เลือกขนาดพอดีไม่โตจนเกินไป  และเลือกใช้วัสดุกรุผนังด้วยกระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย  (Hygienic Tile)  ลายทรอปิคานาซีรี่ย์ 2 คู่สี จากคอตโต้  คือ 

ลายทรอปิคานา ขาว และลายทรอปิคานา ลีฟ ที่ได้เป็นการนำแรงบันดาลใจจากการนำใบไม้สีเขียวต่าง ๆ ของป่าร้อนชื้น (Tropical Forest ) สามารถใช้ปูคู่กัน โดยการจัดวางในช่องสี่เหลี่ยม อย่างเป็นจังหวะดูเป็นธรรมชาติ  เพิ่มความสวยด้วยการเคลือบขาว  ใช้เทคนิค Emboss Effect สร้างมิติให้สัมผัสได้ถึงความลึก ตื้นของผิวกระเบื้อง เพิ่มเสน่ห์ให้พื้นที่ของการอาบน้ำ ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติรอบตัว 

แนวการแต่งห้องน้ำสไตล์เรนฟอเรสต์ มีรูปแบบเดียวกันกับสไตล์ทรอปิคอล ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเรียกรวมกันว่าสไตล์ทรอปิคอล เรนฟอเรสต์ เป็นรูปแบบการตกแต่งอิงธรรมชาติของป่าร้อนชื้นที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศของบ้านเรา โดยเน้นให้พื้นที่มีความเขียวขจีของแมกไม้ให้ความร่มรื่นเชื่อมต่อกับธรรมชาติมากที่สุด จึงเลือกวัสดุตกแต่งเป็นไม้หรือกระเบื้องลายไม้  ใช้สีเอิร์ทโทน เช่นสีเขียว เปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอก ตกแต่งผนังโล่ง ด้วยสีเขียว หรือกระเบื้องที่มีแพทเทิร์นแบบธรรมชาติลวดลายใบไม้อย่างกระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย (Hygienic Tile ) ลายเรนฟอเรสต์ซีรี่ย์จากคอตโต้

กระเบื้องลายเรนฟอเรสต์ซีรีย์  มี 2 คู่สี คือ เรนฟอเรสต์ ลีฟ และ ขาว สามารถใช้ปูคู่กันหรือปูสลับแพทเทิร์นได้ตามความชอบ  ได้รับการออกแบบลวดลายจากใบไม้สีเขียวเป็นหลัก แต่งเติมด้วยไม้ดอกที่อยู่ในป่าร้อนชื้น อาทิ ไม้ตระกูลปาล์ม พืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่มีฟอร์มของใบไม้ที่สวยแปลกตา วางสลับกันในช่องสี่เหลี่ยม เพิ่มสีสันในเฉดสีเขียวอ่อน เข้มที่เข้ากันทำให้มีดีไซน์ที่สวยเก๋ดูไม่เบื่อ  


          

ห้องน้ำเป็นจุดหมายของทุกคนในครอบครัว  เพียงเลือกตกแต่งห้องน้ำด้วยกระเบื้องลายทรอปิคานาซีรี่ย์และเรนฟอเรสต์ซีรี่ย์ก็สามารถเปลี่ยนห้องน้ำธรรมดา   ให้ได้ลุคห้องน้ำกลางป่าช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมนอกบ้าน       

หากต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับห้องอื่น ๆ   สามารถเลือกชมสินค้าที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งแบคทีเรีย   เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เพิ่มเติมได้ที่    https://www.cotto.com/    หรือ  https://www.facebook.com/cottoofficial/   สั่งซื้อสินค้าออนไลน์  หรือติดตาม โปรโมชั่นพิเศษทุก ๆ วันได้ที่  https:/www.cottolife.com / และLine Official Account : @COTTOlife >> http://bit.ly/2D5BeJd หากต้องการสัมผัสพื้นผิวเพื่อความมั่นใจได้ที่ COTTO Life ทั้ง 3 สาขา กรุงเทพ เชียงใหม่  ขอนแก่น

ครบรอบ 130 ปี อังกฤษตรางูแบรนด์ไทยในตำนาน กับการพัฒนาสิ่งใหม่ คงไว้ด้วยคุณภาพ

จากจุดเริ่มต้นกับการเป็น“ห้างขายยาอังกฤษตรางู” สู่การขยายธุรกิจ พัฒนาสินค้าและแตกไลน์สินค้ามากถึง25แบรนด์ในปัจจุบันภายใต้ 3กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล(Personal Care) กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพ (Health Care)ตลอด 130 ปี กับแบรนด์ในตำนาน“ตรางู”สู่เบื้องหลังความสำเร็จภายใต้การบริหารงานของทายาทเจเนอเรชั่น 3 คุณอนุรุธ ว่องวานิชที่ไม่เคยหยุดนิ่ง พัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มหลากหลายการใช้งานพร้อมปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแต่ยังคงคอนเซ็ปต์การรักษาคุณภาพที่ดีไว้ตลอด130ปีและไม่ทิ้งความเป็นตัวตนในแบบฉบับของแบรนด์ตรางูพร้อมตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มอาเซียน 

 ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพจำของ “อังกฤษตรางู”คือสัญลักษณ์โลโก้“งูมีลูกศรปัก”ที่สื่อถึง งูเป็นอสรพิษเปรียบเสมือนโรคภัยไข้เจ็บ ส่วน ลูกศรเปรียบเสมือนยารักษาโรคนั่นคือความตั้งใจในการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์โลโก้และดีไซน์ซึ่งเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการสื่อสารของไอคอนิกแบรนด์ที่ “ตรางู” มีอยู่ โดยปีนี้ในโอกาสพิเศษฉลองครบรอบ 130 ปี อังกฤษตรางู จึงได้มีการพัฒนาโลโก้ขึ้นมาใหม่ใช้สีทองซึ่งเป็นสีที่ทรงคุณค่า เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมั่งมี มั่งคั่งยั่งยืนเป็นมิตรและสร้างสรรค์ พร้อมทั้งใช้สัญลักษณ์ลูกโลก เพื่อสื่อถึงการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ขยายไปทั่วโลก พร้อมตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบัน และอนาคต 


คุณอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอังกฤษตรางูกล่าวว่า “กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ขอขอบคุณทุกความไว้ใจที่มอบให้อย่างยาวนานมาตลอด 130 ปีนับว่าเป็นกำลังใจสำคัญในการพัฒนาสิ่งใหม่คงไว้ด้วยคุณภาพ โดยปีนี้เรายังมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งสร้างโปรดักส์อินโนเวชั่น ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับตัวให้เข้ากับทุกยุคทุกสมัย ทุกเทรนด์ โดยปัจจุบัน กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางูมีผลิตภัณฑ์รวมทั้งหมด 25แบรนด์ 20 ประเภทสินค้าแบ่งออกเป็น3กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหญ่ด้วยกัน คือ

1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care)ภายใต้แบรนด์หลัก ตรางู ประกอบด้วย แป้งเย็น เจลอาบน้ำ สบู่ บอดี้สเปรย์บอดี้มิสท์ทิชชู่เย็น ยาสีฟัน, แบรนด์เซนลุกซ์แป้งเด็กโคโลญจน์ แฮร์โทนิค,แบรนด์ควินนา แป้งน้ำ และผลิตภัณฑ์กันยุงภายใต้แบรนด์สกีโทลีน2.กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว(Skin Care)ประกอบด้วยแบรนด์ทีทรีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของทีทรีออยล์ธรรมชาติจากออสเตรเลีย ได้แก่สบู่เหลวโฟมล้างหน้า และแบรนด์สกาแคร์ได้แก่กลุ่มเฟเชียลมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เช่น ทรีทเมนท์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์บำรุงพร้อมปกป้องแสงแดดและเฟเชียลคลีนเซอร์3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพ(Health Care)ประกอบด้วย กลุ่มยาเช่นCalciferol (วิตามินดี), Snake Brand Baby Set ยาแก้ไข้ ไอหวัดเด็กตรางู, Paineliefยาทาแก้อักเสบกล้ามเนื้อกระดูกและข้อกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์Lifetuneกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางเช่นกลุ่มยาพ่นปากเฮอร์เบิ้ลสเปรย์ตรางู กลุ่มเครื่องมือแพทย์เช่นหน้ากากอนามัยKN95เรสคิ้วการ์ดตรางูและผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใส่เฝือกCast Comfort เป็นต้น 

ในส่วนของกลยุทธ์การดำเนินงาน อังกฤษตรางู ยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่(Research & Development) พร้อมเน้นย้ำเรื่องการพัฒนามาตรฐานโรงงานและคุณภาพสินค้าโดยมีแนวทางในการพัฒนาสินค้าว่าจะต้องเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภคและเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม เข้ากับเทรนด์ตลาดและผู้บริโภคที่ผ่านมานอกจากอังกฤษตรางู จะทำการตลาดในไทยแล้วเรายังมีโอกาสเติบโตไปยังตลาดต่างประเทศอีกหลายประเทศพร้อมกับการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละประเทศเพื่อคิดค้นและพัฒนาสินค้าตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้นๆรวมทั้งพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมากขึ้น (Digital Transformation)ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลมีเดียของแบรนด์ทุกช่องทาง” 

นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดกิจกรรมทางการตลาด ในโอกาสฉลองครบรอบ 130 ปี กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู แคมเปญชิงโชคแจกทองและของรางวัลมากมายเพื่อขอบคุณคู่ค้าและตอบแทนผู้บริโภคโดยแคมเปญสแกนลุ้นโชคทอง ฉลองครบรอบ 130 ปี เพียงท่านซื้อผลิตภัณฑ์ในเครืออังกฤษตรางู ชนิดใดขนาดใดก็ได้ ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับทองและของรางวัลรวมกว่า 130 รางวัลตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2565 ติดตามรายละเอียดเพื่อเติมได้ที่ Line OA : @snakebrandfamily และ Facebook : Snake Brand FanPageพร้อมจัดทำวิดีโอคลิปพิเศษ ในโอกาสครบรอบ 130 ปี โดยมีไฮไลท์สำคัญที่เสียงพากย์ในคลิป เป็นเสียงจากผู้บริหาร คุณอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอังกฤษตรางูที่ต้องการกล่าวขอบคุณกลุ่มลูกค้าด้วยตนเอง เพื่อขอบคุณทุกการสนับสนุน ขอบคุณทุกกำลังใจ โดยเนื้อหากล่าวถึง คนเราทุกคนมีความฝัน ทุกความฝัน ทุกความมุ่งมั่น ทุกความพยายาม คือการเดินทางที่ทำให้เราเติบโตและเดินทางไปถึงฝันร่วมกัน ขอบคุณที่ทำให้กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู เป็นส่วนหนึ่งของทุกความฝัน ทุกความสำเร็จ ที่ยิ่งใหญ่ของคุณ ขอบคุณทุกแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไป พัฒนาสิ่งใหม่ คงไว้ด้วยคุณภาพ 130 ปี อังกฤษตรางูติดตามชมได้ที่  https://www.youtube.com/watch?v=3oB-F8NByg4 

#SnakeBrand #130ปีอังกฤษตรางู #พัฒนาสิ่งใหม่คงไว้ด้วยคุณภาพครบรอบ 

ห้างโรบินสัน ชวน “เอ้ BOTCASH” สร้างสรรค์โปรเจกต์ซิงเกิลสุด Fun!

โรบินสัน พักร้อนตะลอนทัวร์ จัดเต็มความสนุกให้ทุกครอบครัวทั่วไทยตลอดซัมเมอร์ พร้อมชวน “แต้ว-ณฐพร” นำทีมสายแดนซ์ดาว Tiktok ออกสเต็ปร่วมกิจกรรมเต้นคัฟเวอร์สุดมันส์!

ซัมเมอร์นี้ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ชวนมาคลายร้อน พร้อมชาร์จพลังความสุข สนุกกันทั้งครอบครัว! กับแคมเปญ “โรบินสัน พักร้อนตะลอนทัวร์” ที่จัดเตรียมความพิเศษไว้ให้ทุกวัน ทั้งการตกแต่งห้างสุดคูลจากสินค้าหัตถกรรมชุมชน และไฟนีออนสุดตระการตา เพื่อเป็นจุดเช็คอินถ่ายภาพสุดชิค และฟินไปกับเทรนด์แฟชั่นรับซัมเมอร์ 2022 ที่จะให้ทุกคนได้สนุกสนานไปกับการมิกซ์แอนด์แมทช์ กับ 3 นิวเทรนด์ นิวสไตล์ จากแบรนด์ชั้นนำที่มาพร้อมคอลเลคชั่นใหม่มากมาย พร้อมโปรโมชั่นดับร้อนสุดพิเศษ! จากสินค้าแบรนด์ชั้นนำ รวมทั้งกิจกรรมสุดสนุกมากมาย ที่ห้างโรบินสันทุกสาขา และทุกช่องทางการช้อปของห้างฯ ระหว่างวันที่ 25 ก.พ. 65 - 28 เม.ย. 65 พร้อมไฮไลท์สุดพิเศษ กับครั้งแรก! ของความร่วมมือระหว่าง ห้างโรบินสัน และโปรดิวเซอร์มือทองสายแดนซ์อย่าง เอ้ BOTCASH กับโปรเจกต์ซิงเกิลสุด Fun ‘โรบินสัน พักร้อนตะลอนทัวร์’ เพิ่มสีสันให้ซัมเมอร์นี้ของทุกครอบครัวเต็มไปด้วยความสนุกแบบทวีคูณ! พร้อมชวนดาว TikTok สายแดนซ์ ตัวแม่ของวงการบันเทิงอย่าง แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ มาร่วมกิจ
กรรมเต้นคัฟเวอร์ และที่เหล่า TikTok สายแดนซ์ ไม่ควรพลาด! กับกิจกรรมสุดชิค Robinson x BOTCASH “พักร้อนตะลอนทัวร์ Pop-Up Mobile” ร่วมสนุกกับการครีเอทคอนเทนต์ในรูปแบบคลิปวิดิโอสุดเจ๋ง และสนุกสุดมันส์ไปกับดีเจสายตื๊ด ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตลอดทั้งวัน จัดเต็ม 5 วีค 5 สาขา

สำหรับความพิเศษของแคมเปญฯ  บอสใหญ่ สเตฟาน จูเบิร์ท Head of Marketing – Brand Communication บริษัท      โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “สำหรับแคมเปญ “โรบินสัน พักร้อนตะลอนทัวร์” เรามีความสนุกหลากหลายรูปแบบที่พร้อมมอบแก่ทุกครอบครัวทั่วไทย เพื่อให้ห้างโรบินสันเป็นจุดหมายของการพักผ่อนในทุกวันหยุด เริ่มที่ การตกแต่งห้างสุดคูล สะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่นตามแบบวิถีไทย ด้วยสินค้าหัตถกรรมกลุ่มงานหวายจากชุมชนในหลายจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อยุธยา นครพนม ลำพูน และปราจีนบุรี เพื่อเป็นการสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ชุมชน ที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน พร้อมความพิเศษที่ห้างโรบินสัน พระราม 9 กับการนำไฟนีออนกว่า 900 ดวงมาร่วมตกแต่งภายในห้าง สร้างสีสันความสดใส เพื่อให้กลายเป็นจุดเช็คอินที่พลาดไม่ได้! ในซัมเมอร์นี้ และอีกหนึ่งไฮไลท์สุดพิเศษ กับครั้งแรก! ของความร่วมมือระหว่าง ห้างโรบินสัน และ เอ้-สัณหภาส บุนนาค หรือ เอ้ BOTCASH ดีเจ ศิลปิน และโปรดิวเซอร์มากความสามารถ มาร่วมสร้างสรรค์โปรเจกต์พิเศษ เพื่อเพิ่มความสนุกแบบทวีคูณ กับซิงเกิลสุด Fun ‘โรบินสัน พักร้อนตะลอนทัวร์’ ซึ่งเปิดตัวไปแล้วอย่างเป็นทางการ ทางช่องทาง Facebook / Instagram Tiktok: Robinson Department Store และ Facebook/TikTok ของเอ้ BOTCASH ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก”  

ด้านโปรดิวเซอร์มือทองสายแดนซ์อย่าง เอ้ BOTCASH กล่าวเพิ่มเติมถึงโปรเจกต์ซิงเกิลสุด Fun นี้ว่า “สำหรับ  แรงบันดาลใจของการทำซิงเกิลนี้ มาจากชื่อแคมเปญ ‘พักร้อนตะลอนทัวร์’ เลย คือผมเห็นคำนี้ปั๊บ ก็ทำให้นึกถึงเสียงดนตรีแบบคาริเบี้ยน   ที่เรามักจะได้ยินดนตรีทรอปิคอลใช้แบบนี้ ซึ่งมันทำนึกถึงการพักร้อน นึกถึงทะเล นึกถึงการท่องเที่ยว จึงใช้สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจ เอามาขึ้นโครง และปรับให้กลายเป็นแนวเพลงป๊อบแดนซ์มากขึ้น โดยเนื้อหาที่สื่อสารออกไป ตั้งใจว่าอยากให้ทุกคนฟังแล้วต้องรีบชวนครอบครัวไปใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน ฟังแล้วรู้สึกมีความสุข สนุกกับการพักผ่อนตลอดซัมเมอร์นี้ ส่วนการได้มาร่วมงานกับห้าง    โรบินสัน ผมรู้สึกสนุก และแฮปปี้มากนะ เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตไม่เคยร้องเพลงที่มีคำว่า “โรบินสัน” มาก่อน (หัวเราะ) การทำงานครั้งนี้มันทำให้ผมฟีลได้ว่ามันไม่ใช่การทำงาน แต่เหมือนเป็นการแต่งเพลงสนุกๆ คลายเครียดในช่วงวันหยุดพักร้อน รู้สึกฟีลกู้ดมากครับ ก็ขอฝากซิงเกิลนี้ไว้ด้วยนะครับ หวังว่าทุกคน ทุกครอบครัว จะเอ็นจอยและสนุกไปกับมันครับ”

พร้อมกันนี้ ห้างโรบินสัน ยังจัดเต็มความสนุก ด้วยการแท็กทีมหนุ่ม เอ้ BOTCASH มาโชว์เพลง “โรบินสัน พักร้อนตะลอนทัวร์” ให้ฟังกันแบบสดๆ เป็นครั้งแรกที่ห้างโรบินสัน พระราม 9 พร้อมเพิ่มดีกรีความสนุกด้วยการชวนดาว TikTok สายแดนซ์ ตัวแม่ของวงการบันเทิงอย่าง แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ มาฟีเจอริ่งเต้นคัฟเวอร์ ที่ลีลานั้นเรียกได้ว่าแซบ สมศักด์ศรีตัวแม่จริงๆ แถมสเต็ปยังเป๊ะเว่อร์อีกต่างหาก สร้างบรรยากาศความสนุกสุดฮอตได้พีคแบบสุดๆ ซึ่งสาวแต้วได้พูดถึงความรู้สึกที่ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์พิเศษ ‘โรบินสัน พักร้อนตะลอนทัวร์’ นี้ว่า “ต้องขอขอบคุณทางห้างโรบินสันมากๆ เลยค่ะ ที่ชวนแต้วมาสนุกกับโปรเจกต์นี้ และยิ่งพอรู้ว่าจะได้มาร่วมงานกับคุณเอ้ก็ดีใจ เพราะเราก็ติดตามผลงานเขาอยู่ ซึ่งพอได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรก ก็แบบ อุ้ย! เพลงนี้น่ารักจัง ท่าเต้นก็น่ารักมากๆ แต้วก็เลยเต้นลง Tiktok ไปเลย แต่พอต้องมาเต้นบนเวทีวันนี้ก็แอบรู้สึกตื่นเต้นอยู่เหมือนกันค่ะ ซ้อมหนักมาก อยากให้ออกมาดี เพื่อส่งต่อพลังความสนุกให้กับทุกคนที่จะไปพักร้อนตะลอนทัวร์ช่วงซัมเมอร์นี้ค่ะ” โดยความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ หนุ่ม เอ้ BOTCASH และสาวแต้ว ยังขอชวนดาว Tiktok สายแดนซ์มาสนุกกับกิจกรรมสุดชิค Robinson x BOTCASH “พักร้อนตะลอนทัวร์ Pop-Up Mobile” ที่ไม่ควรพลาด! โดยมาร่วมสนุกกับการครีเอทคอนเทนต์ในรูปแบบคลิปวิดีโอสุดเจ๋ง ประกอบเพลง ‘โรบินสัน พักร้อนตะลอนทัวร์’ พร้อมติดแฮชแท็ก #โรบินสันพักร้อนตะลอนทัวร์ #RobinsonSummer   #RobinsonXBotcash รับทันทีคูปองแทนเงินสด 100 บาท หรือแชะแล้วแชร์ ที่ Robinson Pop-Up Mobile ทั้ง 5 สาขา ที่จะให้ทุกคนมาสนุกสุดมันส์ไปกับดีเจสายตื๊ด ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตลอดทั้งวัน จัดเต็ม 5 วีค 5 สาขา ได้แก่ วันที่ 11 – 17 มี.ค. 65 ที่สาขาพระราม 9, วันที่ 18 – 24 มี.ค. 65 ที่สาขาลาดกระบัง, วันที่ 25 – 31 มี.ค. 65 ที่สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์, วันที่ 1 – 7 เม.ย. 65 ที่สาขาซีคอนสแควร์ และ 8 – 15 เม.ย. 65 ที่สาขาอุบลราชธานี 

นอกจากนี้ ห้างโรบินสัน ยังชวนทุกครอบครัวให้มาสนุกกับการช้อปปิ้ง และไม่ตกเทรนด์ในซัมเมอร์นี้! กับเทรนด์แฟชั่นรับซัมเมอร์ 2022 ที่จะให้ทุกคนได้สนุกสนานไปกับการมิกซ์แอนด์แมทช์ กับ 3 นิวเทรนด์ นิวสไตล์ จากแบรนด์ชั้นนำที่มาพร้อม   คอลเลคชั่นใหม่สุดพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น (1) Summer style for Her ให้สาวๆ ได้เอ็นจอยกับเสื้อผ้าสีสันสุดคัลเลอร์ฟูล และดีเทลการออกแบบอันมีเอกลักษณ์บนเสื้อผ้าหลากสไตล์  ไม่ว่าจะเป็น งานถัก ลูกไม้ งานทอมือ การต่อลายเสื้อ ที่จะมิกซ์แอนด์แมทช์ได้กับทุกลุค จากแบรนด์ดังอย่าง Elle, EP, ESP, Guess, G2000, F.O.F ฯลฯ (2) Summer style for Him ให้หนุ่ม ๆ ได้โชว์ลุคสุดคูล ผ่านลวดลายที่โชว์กลิ่นอายของซัมเมอร์ สวมใส่สบายแต่มีสไตล์ และสนุกสนานกับเสื้อผ้าสีสันสดใสโชว์ความเท่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง จากแบรนด์ดังอย่าง Dapper, GQ, G2000, Pacific Union ฯลฯ และ (3) Summer style for Kids น้องๆ หนูๆ มาสนุกสดใสไปกับสีสันของเสื้อผ้า และหลากหลายลวดลายสุดน่ารัก ทั้งลวดลายดอกไม้ กราฟฟิก ลายทาง ลายตาราง จากแบรนด์ยอดฮิตของคุณหนูๆ อย่าง Lee, Adidas, Disney Princess, Papa, Enfant ฯลฯ

โดยมาพร้อมโปรโมชั่นดับร้อนมากมาย! ไม่ว่าจะเป็น สินค้าใหม่ลดสูงสุด 30% และสินค้าเฉพาะรุ่นลดสูงสุด 50% พิเศษ! เฉพาะสมาชิกเดอะวัน รับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 5,500 บาท พิเศษสำหรับสมาชิกเดอะวัน เอ็กซ์คลูซีฟ รับคูปองเพิ่มอีก 500 บาท เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ และลดเพิ่มอีก 12.5% เมื่อใช้คะแนนเดอะวันแลกรับส่วนลดเท่ายอดช้อป พร้อมรับฟรี! กระเป๋าผ้ากันน้ำ มูลค่า 390 บาท เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท ขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 65 – 28 เม.ย. 65 (จำนวนจำกัด) และเฉพาะลูกค้าที่ชำระผ่านแอปพลิเคชั่น Dolfin Wallet รับคะแนนเดอะวัน รวม 2 เท่า ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. 65 - 28 เม.ย. 65 ที่ห้างโรบินสัน ทุกสาขา ภายใต้มาตรการด้านสุขอนามัยที่เคร่งครัดขั้นสูงสุด ‘Robinson Clean & Safe’ และทุกช่องทางการช้อปปิ้งสุดสะดวกของห้างฯ ทั้งช้อปผ่าน Central App ตลอด 24 ชั่วโมง ROBINSON CHAT & SHOP แชทบอกผู้ช่วยส่วนตัวที่ LINE @Robinson หรือที่ ROBINSON FACEBOOK INBOX และ FACEBOOK LIVE ให้ลูกค้าช้อปง่าย ๆ ที่ FACEBOOK : ROBINSON DEPARTMENT STORE หรือคลิก https://www.facebook.com/RobinsonDepartmentStore และบริการ ROBINSON CALL & SHOP โทรช้อปสินค้าผ่านเบอร์ 1425 รับสินค้าได้ทันใจ และบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัวสำหรับทุกคน  PERSONAL SHOPPER  โทร.1425 กด 3 ที่พร้อมอำนวยความสะดวกและแจ้งสิทธิพิเศษให้เหล่านักช้อปอย่างรวดเร็วและครบครันอีกด้วย


วิริยะประกันภัย เปิดแผนงานปี 2565 ชูกลยุทธ์ Data-Driven Innovation เข้าใจ เข้าถึง เคียงข้างคุณทุกความเสี่ยงภัย


วิริยะประกันภัยประกาศแผนการดำเนินงานปี 2565 ด้วยกลยุทธ์ “Data-Driven Innovation : เข้าใจ เข้าถึง เคียงข้างคุณทุกความเสี่ยงภัย” หวังรักษาความเป็นเบอร์ 1ธุรกิจประกันวินาศภัยอย่างยั่งยืน ด้วยการเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่มากมาย ครอบคลุมทุกความเสี่ยงภัย เผยด้านประกันภัยรถยนต์จะออกผลิตภัณฑ์สนองรับความต้องการผู้คนในแต่ละภูมิภาคเป็นการเฉพาะ แตกต่างทั้งเงื่อนไขความคุ้มครองและเบี้ยประกันภัย ขณะที่ประกันสุขภาพลงลึกการตลาดแบบ Personalization ผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองเฉพาะตัวและตรงข้อเท็จจริงของแต่ละบุคคล ส่วนผลประกอบการในปีที่ผ่านมาบรรลุเป้า ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 38,800 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 1.56% ในขณะที่ฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง ด้วยทรัพย์สิน 77,500 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องสูงถึง 600.51% มีเงินกองทุนประมาณ 41,400 ล้านบาท จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสินไหมโควิดที่ต้องจ่าย แถมมีเพียงพอที่จะจ่ายกรมธรรม์ประกันภัยโควิดทุกฉบับ ที่บริษัทฯ ได้ให้ความคุ้มครองไว้

นายอมร ทองธิว กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งระบบต่างเจอโจทย์ที่ยากที่สุด เพราะต้องเผชิญกับอุบัติภัยใหม่ “โรคโควิด-19” ที่ยังคงดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 แต่ด้วยประสบการณ์ในการบริหารจัดการของวิริยะประกันภัย และการพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวทันอยู่ตลอดเวลา ทำให้วิริยะประกันภัยสามารถบริหารจัดการและก้าวผ่านโจทย์ที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง ดั่งเห็นได้จากการได้รับความไว้วางใจจากผู้เอาประกันภัย ทำให้วิริยะประกันภัยยังคงเป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจประกันวินาศภัยมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 30 โดยในปี 2564 วิริยะประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้นประมาณ 38,800 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 1.56%  แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 33,400 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์(Non-Motor)5,400 ล้านบาท และยังคงมีกำไรสุทธิประมาณ 500 ล้านบาท 

“ต้องยอมรับว่าการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดก็คือการบริหารจัดการการจ่ายสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด เจอ จ่าย จบ เพราะมีจำนวนของผู้เอาประกันภัยที่มาเปิดเคลมประกันภัยโควิดมีปริมาณมาก และยื่นกันอย่างพร้อมเพรียงในคราวเดียวกันหรือช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน บริษัทฯ ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้เอาประกันภัยได้รับทราบว่า การยื่นเคลมค่าสินไหมนั้นสามารถไปยื่นได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนของบริษัทฯ ที่มีอยู่ทุกที่ทั่วไทย และมีระบบเทคโนโลยีเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว ส่งผลให้ภาวะกระจุกตัวในการทำเคลมได้ถูกกระจายไปยังแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็ว ตามกลยุทธ์ การยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลางให้บริการครบวงจรด้วยความยืดหยุ่น

ในปี 2565 แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น แต่วิริยะประกันภัยได้มีการประเมินความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา และจากการประมาณการในสถานการณ์การระบาดที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ วิริยะประกันภัยก็มีสินทรัพย์สภาพคล่องและเงินกองทุน เพียงพอที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนในกรมธรรม์ประกันภัยโควิดทุกฉบับ ที่บริษัทฯ ได้ให้ความคุ้มครองไว้ ด้วยปรัชญาในการทำธุรกิจของเรา นั่นก็คือ ความเป็นธรรม คือ นโยบาย” นายอมรกล่าว

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2564 วิริยะประกันภัยมีสินทรัพย์รวม 77,500 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องสูงถึง 600.51% มีเงินกองทุนประมาณ 41,400 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย อยู่ในระดับสูงเกินกว่ามาตรฐานที่สำนักงานคปภ. กำหนดไว้ถึง 170%

นายอมร ได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 วิริยะประกันภัยจะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “Data-Driven Innovation : เข้าใจ เข้าถึง เคียงข้างคุณทุกความเสี่ยงภัย”  อันเป็นกลยุทธ์ที่เกิดจากคณะผู้บริหารของบริษัทฯ เห็นพ้องกันว่าจากเหตุการณ์วิกฤตโควิดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างมากและยังส่งผลกระทบไปถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะหดตัว กำลังซื้อลดลง วิริยะประกันภัยจึงเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองผู้เอาประกันภัยให้ทันต่อสถานการณ์ โดยการนำ Data-Driven Innovation มาใช้

“วิริยะประกันภัย เป็นบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ เป็นอันดับ 1 ของตลาด ก่อตั้งมากว่า 75 ปี มีลูกค้าประมาณ 8 ล้านกรมธรรม์ เราจึงสามารถนำข้อมูลมากมายที่เก็บสะสมมาตลอด เพื่อคำนวณและประมาณการหาความคุ้มครองที่เหมาะสมกับผู้เอาประกันภัยกลุ่มต่าง ๆ ได้เสมอ ด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม พร้อมให้ความคุ้มครองด้วยความเป็นธรรมตลอดอายุกรมธรรม์ แม้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ของเราครอบคลุมความคุ้มครองทั้งชีวอนามัยของคน ทรัพย์สิน และความรับผิด รวมถึงผู้บริโภคสามารถนำมาใช้บริหารความเสี่ยงมากกว่า 60 ผลิตภัณฑ์ จนกล่าวได้ว่า วิริยะประกันภัยเคียงข้างคุณได้ทุกความเสี่ยงภัย” นายอมรกล่าว

โดยในด้านประกันภัยรถยนต์นั้น นายอมรเปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลากหลายผลิตภัณฑ์ด้วยกัน อาทิ ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 (2+, 3+) ระยะสั้น ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองแบบไม่เต็มปีได้, ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 รวมความคุ้มครองความเสียหายต่อรถ กรณีรถชนรถฝ่ายถูก เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการทำประกันภัย ป.3 เป็นหลัก แต่ไม่ต้องการมีปัญหาในการจัดซ่อมรถ และติดตามเรียกร้องจากคู่กรณีหากถูกชน  โดยบริษัทฯ จะเป็นคนดูแลการจัดซ่อมรถให้ลูกค้า และสวมสิทธิ์ไปเรียกร้องจากคู่กรณีเอง, ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 (2+) ซ่อมห้าง เพื่อตอบสนองลูกค้าในช่วงโควิด ที่ยังเป็นรถใหม่ อายุไม่เกิน 5 ปี แต่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันจากประกันภัยประเภท 1 ทำประกันแบบ 2+ แทนและผลิตภัณฑ์เพื่อสนองรับความต้องการผู้คนในแต่ละภูมิภาคได้เป็นการเฉพาะ แตกต่างทั้งเงื่อนไขความคุ้มครอง และเบี้ยประกันภัย นอกจากนี้ภายในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ ซึ่งคิดราคาเบี้ยตามพฤติกรรมการขับขี่หรือตามลักษณะการใช้รถ เพิ่มมาอีก 1-2 ผลิตภัณฑ์

ส่วนทางด้านประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor)  โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพนั้น ในปี 2565 นี้ บริษัทฯ จะออกผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการรายบุคคลหรือเรียกได้ว่าสามารถสนองรับการตลาดแบบ Personalization ผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองเฉพาะตัวและตรงข้อเท็จจริงของแต่ละบุคคล  

“จากกลยุทธ์ “เข้าใจ เข้าถึง เคียงข้างคุณทุกความเสี่ยงภัย” ของเราในปี 2565 ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ เรามั่นใจว่าเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายในการ สร้างความพึงพอใจ สร้างความผูกพันและทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าสามารถพึ่งพาบริษัทฯเพื่อเป็นหลักในการจัดการความเสี่ยงของตนเองได้แม้ว่าจะเผชิญวิกฤตในหลาย ๆ ด้านด้วยกัน อันจะนำมาซึ่งความไว้ใจจากผู้เอาประกันภัยที่จะสนับสนุนให้วิริยะประกันภัยเติบโตอย่างยั่งยืนไปตลอดปีนี้ “

ส่วนทางด้าน นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงการความสำเร็จในการให้บริการสินไหมทดแทนว่า ในปีที่ผ่านมาวิริยะประกันภัยได้ขยายศูนย์บริการสินไหมทดแทนออกไปมากมาย ทั้งในศูนย์การค้าปั๊มน้ำมันอาคารพาณิชย์ตามย่านชุมชน และย่านการจราจรหนาแน่นที่มักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ ตลอดไปถึงการใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาใช้อย่างเช่น การบริการเคลมออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือของลูกค้าเพียงเครื่องเดียว ด้วยระบบ VDO CALL ( VClaim on VCall)

“อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญที่สุดของบริการสินไหมที่สร้างชื่อเสียงให้กับเรา คือ พนักงานสำรวจอุบัติเหตุ หรือพนักงานเคลมนั่นเอง ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำนำสมัยเพียงใด หัวใจของงานบริการก็ยังคงต้องพึ่งบุคลากรเป็นหลักสำคัญ  โดยเฉพาะงานบริการสินไหม ณ จุดเกิดเหตุบนท้องถนน ซึ่งเป็นสถานการณ์ยามคับขันที่ผู้เอาประกันภัยต้องการความมั่นใจในการดูแลของพนักงาน  สำหรับวิริยะประกันภัยเราให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับกระบวนการสรรหา และพัฒนาพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุ เราพิถีพิถันในทุกขั้นตอน  ตั้งแต่กำหนดคุณสมบัติ การทดสอบ การคัดเลือก การฝึกฝนอบรมหลักสูตร ทั้งหลักสูตร พ.ร.บ.จราจร ความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรที่ถ่ายทอดและพัฒนาจากประสบการณ์โดยตรงของพนักงานเคลมรุ่นพี่ ๆ ที่สั่งสมมายาวนาน”

นายสยมกล่าวต่อไปอีกว่า ในเรื่องของการใช้ Big Data มาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสินไหมทดแทนนั้น  วิริยะประกันภัยได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และได้สรรหานวัตกรรมและโมเดลที่ทันสมัยในการบริหารจัดการข้อมูลมาเพื่อยกระดับความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง มีการเชื่อมโยงโครงสร้างธุรกิจด้วยข้อมูล รวมถึงสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้บริหารและพนักงานทุกฝ่าย ทุกระดับ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ เพื่อประกอบการตัดสินใจในทุกขั้นตอนของการทำงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัทฯ ไปด้วยกัน

“วิริยะประกันภัยมีข้อมูลมากมายเนื่องจากเราให้บริการลูกค้ากว่าล้านกรมธรรม์ต่อปี ข้อมูลการทำประกันภัยของลูกค้าที่สะสมมาต่อเนื่องกันหลายปี จึงมีจำนวนมากมายมหาศาล โดยเฉพาะสถิติข้อมูลการเกิดเหตุ ลักษณะการเกิดเหตุ ช่วงเวลาเกิดเหตุ พื้นที่เกิดเหตุ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราบริหารจัดการงานสินไหมของบริษัทฯ ให้มีความแม่นยำ ลดระยะเวลาและขั้นตอนการทำงาน เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็ว

อีกทั้งยังได้นำข้อมูลลักษณะการเกิดเหตุไปใช้ประโยชน์ทางสังคมผ่านหลากหลายโครงการ เพื่อรณรงค์ช่วยลดและบรรเทาความรุนแรงของอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนจัดทำโครงการกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)ต่าง ๆ กับหน่วยงานราชการและองค์กรสาธารณะต่าง ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก เป็นต้น”

นอกจากนี้นายสยมยังได้เปิดเผยถึงศักยภาพและความพร้อมรองรับการรับประกันภัยที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่เห็นคนไทยให้ความสำคัญตื่นตัวกับการใช้รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง ลดปริมาณฝุ่นควัน และไอเสียในอากาศ ปัจจุบันวิริยะประกันภัยรับประกันรถยนต์ EV อยู่แล้ว แต่ด้วยสัดส่วนการใช้รถ EV ของไทยยังมีจำนวนน้อย โดยข้อมูลรถยนต์ EV จดทะเบียนเดือน ก.พ. 65 เฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง มีจำนวน 5,400 คัน วิริยะประกันภัยรับประกันไว้ประมาณ 700 คัน (13%)  อย่างไรก็ตามด้วยแนวโน้มความนิยมและกระแสการตอบรับรถยนต์ EV ของผู้ใช้คนไทยเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายค่ายดังที่ทยอยเปิดตัวอีกนับสิบแบรนด์ วิริยะประกันภัยเราเตรียมความพร้อมรองรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ามาร่วม 4 ปี ตั้งแต่วิวัฒนาการมาจากรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด โดยร่วมมือกับผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายชั้นนำ ในการเติมเต็มการให้บริการผู้ใช้รถยนต์ EV อย่างครบวงจร ด้วยการวางแผนจัดโครงสร้างเบี้ยประกัน จัดระบบสินไหมการซ่อม การจัดบริการอะไหล่ เพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามั่นใจในการขับขี่ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสิ่งแวดล้อมสะอาดด้วยพลังงานไฟฟ้า

นายดลเดชได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า ส่วนช่องทางการขายทั้งแบบออนไลน์และแบบออฟไลน์อื่น ๆ บริษัทฯ
มีให้บริการอย่างครบครัน เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าตามวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นจุดบริการในห้างสรรพสินค้า เพื่อรองรับวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองใหญ่ที่ชอบการจับจ่ายใช้สอยต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้า www.Viriyah.com  และ Platform ออนไลน์ต่าง ๆ สำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ หรือที่เรียกกันว่า ชาวดิจิทัล (Digital Native)

“ในปี 2565 นี้ เพื่อให้การให้บริการประกันภัยครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างแท้จริง บริษัทฯ จึงเปิดโอกาสให้คนใหม่ ๆ ได้เข้ามาสู่การเป็นตัวแทนประกันวินาศภัยที่มีคุณภาพ ส่งเสริมให้ร่วมธุรกิจกับบริษัทฯ ในทุกพื้นที่ ซึ่งนับตั้งแต่วันนี้ จำนวนตัวแทนและนายหน้าจะมีครอบคลุมทุกจังหวัดทุกอำเภอ และอาจจะครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ” นายดลเดชกล่าว  

ส่วนแผนงานด้านการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์หรือ Non-Motor  นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)  ได้เปิดเผยว่า ถึงแม้บริษัทจะเจอภาวะวิกฤตโควิดที่หนักหน่วงในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ผลการดำเนินงานของ Non- Motor ในปี 2564 ยังคงเติบโตได้ถึง 12.17% ด้วยเบี้ยประกันภัย 5,400 ล้านบาท และบริษัทฯยังคงสามารถขยายอัตราส่วนประกันภัย Non-Motor เพิ่มเป็น 13.98% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  

“เฉพาะประกันภัยสุขภาพในปี 2564 เรา ได้เติบโตขึ้น 102% ในส่วนของเบี้ยประกันภัย 851 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ Market Share เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.7% ซึ่งเติบโตจากปี 2563 ที่มี Market Share อยู่ที่ 3.3% ก็ต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ 

นางฐวิกาญจน์  เปิดเผยต่อไปอีกว่า เป้าหมายหลักปี 2565 ของ Non-Motor ก็จะยังคงเพิ่มสัดส่วนประกันภัย Non-Motor เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้ โดยมุ่งเน้น พัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงรายบุคคล รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ อย่างเช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งนอกจากการดูแลทางด้านผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและการบริการลูกค้าด้านต่างๆแล้ว  บริษัทฯยังได้ขยายการดูแลต่อไปยังสุขภาพของรถยนต์ด้วย โดยเมื่อต้นปีนนี้เอง  บริษัทฯได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ “ประกันภัยการขยายเวลารับประกันสำหรับอะไหล่รถยนต์” หรือ “Extended Warranty” ด้วยแนวคิดที่ว่าหากประกันภัยรถยนต์คุ้มครองอุบัติเหตุ ประกันภัยนี้ก็จะคุ้มครองสุขภาพของรถคุณ ซึ่งแผนนี้ออกแบบให้คุ้มครองต่อเนื่องได้ทันทีเมื่อระยะการรับประกันจากผู้ผลิตสิ้นสุดลง ซึ่งให้ความคุ้มครองสูงสุด 14 กลุ่มอะไหล่หลักและชิ้นส่วน 

ส่วนทางด้านการพัฒนาบริการ  บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นพัฒนาระบบ Core System เพื่อรองรับการเติบโตของประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาระบบ CRM และ การใช้ Data-Driven เข้ามาช่วย เพื่อให้เราตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงไปถึงมีการเปิดตัวแคมเปญ Get Healthy เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าของเราได้ให้ความสำคัญของการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ซึ่งมุ่งเน้นให้คำแนะนำการปรับพฤติกรรมการบริโภค ด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดของนักโภชนาการและบุคลากรทางการแพทย์  ซึ่งจากการดำเนินงานมาตั้งแต่ต้นปีได้รับการสนองรับเกินคาด ลูกค้าได้ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก และผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจจากผู้เข้าร่วมโครงการ 

นอกจากนี้ เรายังมีโครงการ Healthy Life ได้วางแผนต่อยอดในการให้คำแนะนำด้านสุขภาพหรือประเด็นโรคที่น่าสนใจในหัวข้อต่างๆ ผ่าน Doctor’s Talk ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมะเร็ง  PM 2.5  โอไมครอน และอีกหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจที่จะตามมา เช่น ออฟฟิศซินโครม  Long Covid หรือ Mental Health Issues 

“ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ด้วยความตั้งใจของเราที่จะดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างเต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์สูงสุดของสุขภาพลูกค้าของบริษัทฯทุกคน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการพัฒนาเหล่านี้จะตอบโจทย์และช่วยให้ลูกค้าของเราใช้ชีวิตด้วยความเบาใจ ไร้กังวล” นางฐวิกาญจน์ กล่าวในที่สุด


กรมการท่องเที่ยว ชู5 องค์ประกอบ ในแนวคิด DOT: Step up to New Chapter ก้าวสู่บทใหม่ที่ท้าทาย เพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน

กรมการท่องเที่ยว พลิกโฉมรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ (New Normal) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง สมดุล และยั่งยืนภายใต้โมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือ BCG Model ด้วยแนวคิด DOT: Step up to New Chapter ก้าวไปสู่บทใหม่ที่ท้าทาย ด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ทั้งการพัฒนาองค์กรด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ความคิดสร้างสรรค์ การบูรณาการใช้เทคโนโลยีเพื่อบริการประชาชน การสร้างเครือข่าย และความเป็นมืออาชีพ

นายทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการท่องเที่ยว ภายใต้การดำเนินกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ ด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการจัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เน้นความสะอาด ปลอดภัย เป็นธรรม เพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือ BCG Model ดังนั้น การดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ ภายหลังผ่านวิกฤตโควิด-๑๙ จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่กรมการท่องเที่ยวจะพัฒนารูปแบบการทำงาน เพื่อผลักดันโครงการและกิจกรรมต่างๆ ภายใต้แนวคิด DOT : Step up to New Chapter ด้วย 5 องค์ประกอบหลักที่สำคัญ  




องค์ประกอบที่ 1 DOT : Department of Tourism กรมการท่องเที่ยวได้พัฒนาองค์กรให้ขับเคลื่อนไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีระบบอิเล็กทรอนิกส์มาปรับใช้ในการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ควบคู่กับการทำงานด้วยระบบคุณธรรม ความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งทำให้ในปี ๒๕๖๔ กรมการท่องเที่ยวได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติสูงสุด ในการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ  

องค์ประกอบที่ 2 คือ Innovation การนำระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาการทำงาน เพื่อรองรับ การให้บริการประชาชนและผู้ประกอบการให้เกิดประโยชน์สูงสุด (E-Service) ทั้งการขอมีใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์และการต่ออายุ ในรูปแบบออนไลน์ การทดสอบความรู้ความสามารถในการเป็นมัคคุเทศก์ผ่านระบบ E-Exam การชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบ E-Payment รวมถึงการยกระดับการดูแลธุรกิจนำเที่ยวด้วยระบบใบสั่งงานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า Job order online เพื่อความสะดวกในการสั่งงานง่าย รับงานไว ท่องเที่ยวมั่นใจไปกับทัวร์ ตลอดจนการพัฒนาระบบ E-learning ที่รวบรวมหลักสูตรและองค์ความรู้ที่จำเป็นในการพัฒนามัคคุเทศก์และบุคลากรด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการพัฒนาเครื่องมือ เพื่อใช้ ในการสำรวจแหล่งท่องเที่ยว การตรวจประเมินและรับรองมาตรฐาน เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยคงไว้ซึ่งคุณภาพและมาตรฐาน และเป็นประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว เชื่อมโยงกับระบบ Big Data ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในอนาคต

องค์ประกอบที่ 3 Creativity การนำเอาความคิดสร้างสรรค์มาใช้ในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ โดดเด่น แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ เช่น  การจัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย สัญลักษณ์ช้างชูงวงเริงร่า อีกทั้งนำสินค้าและบริการที่มีอยู่เดิมมาต่อยอด (Creative Originals) เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการ และการบริหารจัดการให้ได้มาตรฐานระดับสากล รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ (Creative Goods and Service) เพื่อตอบโจทย์อุปสงค์และอุปทานทางการตลาด เช่น โครงการต้นแบบบ้านสวยด้วยอัตลักษณ์ โครงการต้นแบบแคมปิ้งชุมชน โครงการพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัย safety zone โครงการต้นแบบชุมชนมูเตลู โครงการเมนูอาหารสร้างสรรค์เพื่อสุขภาพเฉพาะกลุ่ม ฯลฯ ตลอดจนการจัดทำแผนพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวหรือจุดหมายปลายทางใหม่ (Creative Destinations) เพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ให้เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่


นอกจากนี้ กรมการท่องเที่ยวจะมุ่งเน้นมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในประเทศไทย ให้เป็นจุดหมายปลายทางของการสร้างภาพยนตร์ระดับโลก เป็นการนำเงินลงทุนของต่างประเทศ เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ อีกช่องทางหนึ่งด้วย 

องค์ประกอบที่ 4  Networking การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้สามารถรองรับการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ได้แก่ ความร่วมมือภายในประเทศ โดยนำมาตรฐาน 

การท่องเที่ยวไทย “ช้างชูงวงเริงร่า” ที่เป็นเครื่องมือในการยกระดับและพัฒนาคุณภาพสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน มาใช้ควบคู่กับมาตรฐาน SHA ตลอดจนความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพัฒนาแหล่องท่องเที่ยวให้เกิดความสะอาด สะดวก ปลอดภัย สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการ พัฒนามาตรฐานบริการร่วมกับ ISO และ ASEAN การร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาสินค้าและเส้นทาง การท่องเที่ยวใหม่ๆ ผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น ASEAN IMT–GT ACMECS BIMSTEC

องค์ประกอบที่ 5  Professional การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและยกระดับสู่ความเป็นมืออาชีพ โดยการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวให้ดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ผ่านโครงการ “ท่องเที่ยวสีขาว” เพื่อพัฒนาและสร้างคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบการและบุคลากรด้านการท่องเที่ยว  ของไทยให้มีความเป็นธรรม ซื่อสัตย์ มีความเป็นเจ้าบ้านที่ดี การเตรียมความพร้อมและสร้างทักษะใหม่ๆ (Upskill) การฟื้นความรู้นำสู่การปฏิบัติ (Reskill) รวมทั้งเสริมสร้างแนวคิดและทัศนคติ (Mindset) ใหม่ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการและบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ผ่านการเรียนรู้และอบรมในแบบออนไลน์ การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในการบริหารจัดการและให้บริการด้านการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน และการพัฒนายกระดับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและส่งเสริมการรับรองสมรรถนะบุคลากรด้านการท่องเที่ยวตามมาตรฐานของอาเซียน ภายใต้ข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals: MRA on TP)


“หนีกรุง-ททท.” จัดยิ่งใหญ่ International Jazz & Blues Festival 2022 ดึง “KENNY G” ศิลปินแจ๊สระดับโลกร่วมงาน


“หนีกรุง คอนเน็ค” ร่วมกับ ททท. สิงห์ คอร์ปปอร์เรชั่น และ ขนมอบกรอบตราโฮมมี จัดเทศกาลดนตรี “International Jazz & Blues Festival 2022 : Wonderful Night Kenny G” ดึง “KENNY G” ศิลปินแจ๊ส ระดับโลกร่วมสร้างสีสัน ปลุกกระแสการท่องเที่ยวไทย ขานรับนโยบายรัฐบาลเปิดประเทศ พร้อมนำทัพศิลปินแจ๊สและบูลส์ระดับตำนานของไทยเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ในวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2565 ณ ทรู อารีน่า หัวหิน 

 


นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ขานรับนโยบายรัฐบาลในการเปิดประเทศ Reopen Thailand สนับสนุนการจัดงานเทศกาลดนตรี International Jazz & Blues Festival 2022 ในวันเสาร์ที่ 7 พ.ค 2565 ณ สนามฟุตบอลของ ทรู อารีน่า หัวหิน สปอร์ต คลับ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มุ่งพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย ผลักดัน Soft Power of Thailand ภายใต้แนวคิด 5F : 4M คือ Food Film Fashion Festival Fight Music Museum Master และ Meta เพื่อเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง 



โดยครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทยให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายผ่านการจัดอีเวนท์ระดับโลก (World Class Event) และ “หัวหิน”  ถือเป็นพื้นที่เป้าหมายในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (Blue Zone) สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมในการบริหารจัดการพื้นที่ มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่ครบครัน และสามารถจัดกิจกรรม การท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลายรูปแบบ ทั้งดนตรี กีฬา ธรรมชาติ สุขภาพและวัฒนธรรมทางอาหารการกิน ทั้งยังเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ



นายรัฐรงค์ ศรีเลิศ กรรมการบริหาร บริษัท หนีกรุง คอนเน็ค จำกัด กล่าวว่า เทศกาลดนตรี International Jazz & Blues Festival 2022 เป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน นำทีมโดย ททท. เทศบาลเมืองหัวหิน บริษัท หนีกรุง คอนเน็ค บริษัท สิงห์ คอร์ปปอร์เรชั่น จำกัด ขนมอบกรอบตราโฮมมี ทรู อารีน่า หัวหิน สปอร์ตคลับ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท  โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน และ สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน  


ภายในงานพบกับศิลปินแจ๊สชาวอเมริกันระดับตำนานของโลกอย่าง “เคนเนธ บรูซ กอลีลิกซ์ (Kenneth Bruce Gorelick)” หรือ “Kenny G” ผู้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการดนตรีแจ๊สของโลก เจ้าของผลงานยอดขายสูงที่สุดในโลก เจ้าของรางวัล  American Music Awards และ Grammy Awards กับการแสดงไฮไลต์ Wonderful Night Kenny G เต็มอิ่มตลอด 90 นาที และพบกับการรวมตัวเฉพาะกิจของสุดยอดฝีมือดนตรีแนวฟิวชั่นแจ๊สนานาชาติ 

วง DRAGONFLY ประกอบด้วย Polwit Opapant, Julian Cary, Eddy Somboon, Denny Euprasert, Noppadol Tirataradol, Willard Dyson, Tontrakul Keawyong และ Narisara Sakpunjachok และ การแสดงจาก Melodic Corner ค่ายเพลงแจ๊สคนรุ่นใหม่จาก Muzik Move นำทีมโดย PAE SAX มือแซกโซโฟนระดับแถวหน้าของเมืองไทย และ Nutty Natchaya ร่วมด้วยแขกรับเชิญพิเศษมากความสามารถ อย่าง โซ่ แมนลักษณ์ ทุมกานนท์ โสตถินันท์ ไชยลังการณ์ หรือ บี ETC.  เสริมทัพด้วย วง​ Mellow​ Motif​  (เมลโลว์​ โมทีฟ)​ วงแจ๊ส/บอซซ่าดีกรีระดับสากล​ ไม่เพียงเท่านั้น ส่งท้ายด้วยเทพแห่งวงการบลูส์ Yamin & The SOS (The Symbolic Of  Star) ที่จะมาประชันฝีมือผ่านบท   เพลงแจ๊ส เติมมนต์เสน่ห์แห่งค่ำคืนสุดประทับใจนี้ไปด้วยกัน

ผู้จัดงานเชื่อมั่นว่า เทศกาลดนตรีฯ ครั้งนี้ จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยว และช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นำไปสู่กระจายรายได้หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจฐานราก ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ดีให้กับอำเภอหัวหิน ปราณบุรี ชะอำและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งคาดการณ์ว่าการจัดงานดังกล่าว จะสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่กว่า 20,000,000 บาท 

ทั้งนี้ งาน International Jazz & Blues Festival 2022 ดำเนินงานภายใต้รูปแบบ Covid Free Event โดยผู้เข้าชมต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็ม และเอกสารรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี ATK ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ทั้งยังจำกัดจำนวนผู้เข้าชม 3,500 คน การคัดกรองอุณหภูมิ การกำหนดพื้นที่รับประทานอาหาร (พื้นที่เปิดหน้ากาก) รวมถึงผู้ร่วมงานต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค DMHTT 

ผู้ที่สนใจสามารถซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ THAITICKET  MAJOR  โทร.0 2262 3456 หรือ https://bit.ly/KENNYGTH บัตรราคา 2,000 บาท  3,500 บาท และ 5,000 บาท และพิเศษสุด สำหรับผู้ที่ซื้อบัตรเข้าร่วมงานจะได้รับส่วนลดพิเศษจากโรงแรมและที่พักชั้นนำของหัวหินที่เข้าร่วมโครงการฯ ด้วย ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Neekrung, Neekrung to go Line : @neekrungtogo หรือ Call Center : 08-4714-0000 


ประวัติ Kenneth Bruce Gorelick (Kenny G)

เคนนี จี (Kenny G) มีชื่อว่า เคนเนธ บรูซ กอลีลิกซ์ (Kenneth Bruce Gorelick) เกิด 5 มิถุนายน 1956 เป็นนักดนตรีชาวอเมริกันที่เล่นดนตรีแนว adult contemporary และเป่าแซกโซโฟนแนวสมูธแจ๊ส 

เริ่มประสบความสำเร็จจากอัลบั้มที่ 4 ดูโอ้โทนส์ (Duotones)" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ขายได้ถึง 28 ล้านแผ่น จึงทำให้เขามีชื่อเสียงมากในช่วงปี 1980 

ผลงานของ เคนนี จี นับเป็นผลงานทางดนตรีที่ประสบความสำเร็จในยอดขายสูงที่สุดในโลก ด้วยยอดขายทั่วโลกมากกว่า 75 ล้านก็อปปี๊ 

ในปี 1997 เขาได้รับการบันทึกในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ว่าเป็นบุคคลที่เล่นโน้ตแซ็กโซโฟนยาวนานที่สุดในโลก โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Circular breathing เคนนี จี ใช้แซ็กโซโฟน รุ่น E-Flat ซึ่งสามารถทำเวลาได้ถึง 45 นาที กับอีก 47 วินาที บันทึกไว้ที่ งาน เจแอนด์อาร์ มิวสิค เวิร์ด ณ นครนิวยอร์ก ผลงานเพลง ที่มีชื่อเสียงเช่น The Moment, Forever in Love, Song Bird, Endless Love, You're Beautiful, Titanic เป็นต้น 




30 มีนาคม 2565

ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้! ...HOLY เปิดตัว ไข่ไก่จากพืชบรรจุขวด สุดปัง

“HOLY” สตาร์ทอัพไทย สายฟู้ดเทครายล่าสุด ที่ทำวัฏจักรอาหารแพลนต์เบส โปรตีนจากพืชแบบครบวงจร..ไม่เหมือนกับผู้ผลิตอาหารแพลนท์เบส เจ้าอื่นทั่วไปในตลาด ที่ทำ”เหมือน” เพื่อให้ใกล้เคียงเนื้อสัตว์ที่สุด แต่ที่ HOLY มุ่งหมายออกแบบเนื้อ “ที่ดีกว่า” ผลิตภัณฑ์สัตว์จากพืช “ขั้นที่เหนือกว่า”

คุณลอรี่-พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท Holy food จำกัด เปิดเผยว่า เราก่อตั้งเพื่อหวังแก้ปัญหาให้กับคนหมู่มาก โดยเฉพาะด้านสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ปรัชญาของ HOLY คือวัฏจักรโปรตีนจากพืช ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมระยะยาว เพราะกระบวนการผลิตช่วยลดปริมาณCO2 Emission และ แก๊สมีเทน ที่เกิดจากกระบวนการเลี้ยงปศุสัตว์ได้มหาศาลกว่า 90% รวมถึงเป็นการเสริมสร้างอุตสาหกรรมภาคเกษตรในประเทศ ช่วยให้เกษตรกรไทยมีรายได้ดีขึ้น จากการปลูกพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ๆ อย่าง Mung Bean, Chickpea, Legumes และอื่นๆ นอกเหนือจากข้าวสาร ที่ปริมาณล้นจนราคาตกต่ำ



และด้วยความร่วมมือในการวิจัยร่วมกับ “ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”... จึงเกิดผลิตภัณฑ์ “HOLY EGG” ไข่ไก่จากพืชบรรจุขวด โปรตีนสูง ไร้คอเลสเตอรอล ไร้ส่วนผสมจาก Pea Protein กินง่าย ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ แม้คนที่แพ้ไข่ที่เกิดมากในประชากรกลุ่มเด็กเล็ก  

รองศาสตราจารย์ ดร.วินัย  ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  กล่าวเสริมว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีนักวิจัยระดับปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์ 7 คน ทำงานด้านนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรมด้านการเกษตรและอาหาร และด้วยเทรนด์อาหารโลกเราจึงได้วิจัยผลิตภัณฑ์สัตว์จากพืชที่จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในอนาคตที่จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว 

ซึ่งผลิตภัณฑ์แพลนท์เบสนั้น บ่อยครั้งที่พบว่าสารปรุงแต่งต่างๆ เพื่อเพิ่มรส สี กลิ่นนั้นปนเปื้อนเพราะสารเคมีต่างๆ อีกทั้งบางสารสกัดมาจากสัตว์ จึงทำให้แพลนท์เบสบางเจ้าอาจไม่ได้ทำมาจากพืช 100% และด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ ได้พัฒนาระบบการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ หรือ H Number ไว้จึงทำให้เราสามารถเลือกสารปรุงแต่งต่างๆ ที่เป็นทำมาจากพืชได้อย่าง 100% ทำให้ Holy Food จึงแตกต่างจากแพลน์เบสเจ้าอื่น และมั่นใจได้ว่าไม่มีการปนเปื้อนอย่างแน่นอน


ปิดท้ายด้วย คุณนาเดีย ดะห์ลัน ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท Holy food จำกัด เสริมถึงเรื่องตลาดว่า ทางบริษัทผนึกกำลังกับทีมโลจิสติก ระดับประเทศ ที่จะเข้ามากระจายสินค้าทั้งในไทย และต่างประเทศ โดยมีแผนมุ่งเน้นการส่งออกไปยังประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะประเทศมุสลิม อย่าง อินโดนีเซีย และประเทศแถบตะวันออกกลาง ที่มีการบริโภคอาหารประเภทนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งจะช่วยเรื่องการเติบโตในอนาคตอย่างแน่นอน 

ทำไมเราต้องเลือก ผลิตภัณฑ์ “HOLY EGG” ไข่ไก่จากพืชบรรจุขวด...เพราะ

•   รสชาติสมบูรณ์แบบกว่า : สัมผัสเนื้อไข่ที่ฉ่ำกว่า  รสชาติหอมมันในแบบไข่ธรรมชาติ ด้วยกลิ่นสังเคราะห์ธรรมชาติระดับโมเลกุล Molecular Sensory Technology

•   ดีต่อสุขภาพกว่า: ดีกว่าไข่ไก่จริง เพราะ0% คอเลสเตอรอล ใน HOLY EGG ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องความดัน และอาการแพ้ ที่เกิดจากการกินไข่อีกต่อไป

•   เก็บรักษาได้นานกว่า: เก็บได้นานขึ้น เพราะHOLY EGG ผลิตจากส่วนผสมหลัก Mung Bean ที่คลีนกว่า ไม่เน่าเสียง่าย เมื่ออยู่ในอุณหภูมิพอเหมาะ

•   และสุดท้าย เพื่อโลกนี้ที่ดีกว่า 

“HOLY EGG” มาในรูปแบบผลิตภัณฑ์เหลว บรรจุขวด ขนาด 355 มล. หรือเทียบเท่ากับไข่ไก่ 8 ฟอง ในเก็บได้ยาวนานกว่าไข่ธรรมดาทั่วไป ราคาจำหน่ายที่จับต้องทุกคน มีแผนที่จะวางจำหน่ายทั่วประเทศในเร็วๆนี้


29 มีนาคม 2565

“เสมา 3” ฟิตต่อเนื่อง จับมือ “เลขาธิการ กศน."


เปิด “มหกรรมฝึกอาชีพประชาชน” อำเภอศรีมหาโพธิ พร้อมมอบถุงของขวัญแก่ “ผู้พิการ-ผู้ด้อยโอกาส”ตามโครงการ กศน.ปักหมุดสร้างโอกาสทางการศึกษา ยกย่อง “เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี”
ห่วงใยและให้ข้อเสนอแนะด้านการศึกษา ชื่นชม ​“ผู้ว่าราชการจังหวัด-ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน” ช่วยส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาของลูกหลานปราจีนบุรี




เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการกิจกรรมมหกรรมฝึกอาชีพสำหรับประชาชนประจำปีงบประมาณ 2565 พร้อมมอบของขวัญ เครื่องบริโภคให้กับผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส จำนวน 50 ชุด ตามโครงการ กศน.ปักหมุดสร้างโอกาสทางการศึกษา และเยี่ยมชมนิทรรศการ ณ โรงเรียนมัธยมวัดใหม่กรงทอง ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี โดยมี นายวรพันธุ์ สุวัณณุส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี นายวัลลพ สงวนนาม เลขาธิการ กศน. ดร.พระพิศาลศึกษากร เจ้าอาวาสวัดโพธิมาลัย เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี นายไพศาล ที่รัก ศึกษาธิการจังหวัดปราจีนบุรี นายปิยวิทย์ เชิดกลิ่น ผอ.สำนักงาน กศน.จังหวัดปราจีนบุรี นายอุดม ชำนิ ผอ.โรงเรียนมัธยมวัดใหม่กรงทอง ในพระราชูปถัมภ์ฯ  ผู้นำท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา กศน. บุคลากร เจ้าหน้าที่ และประชาชนร่วมให้การต้อนรับ 





รมช.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในนามของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ขอขอบคุณทุกท่าน ขอบคุณสำนักงาน กศน. นำโดย เลขาธิการ กศน.ที่ได้นำนโยบายของ ศธ.นโยบายของรัฐบาล และนโยบาย “กศน.WOW (6G)” ของ ครูโอ๊ะมาขับเคลื่อน ขอบคุณคำกล่าวรายงานภาพรวมของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โดยการเดินทางมาในครั้งนี้ ครูโอ๊ะได้ลงพื้นที่ครบทุกอำเภอ ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ตั้งแต่ช่วงปีใหม่แล้วแต่ไม่สามารถมาได้ เพราะติดเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ก็ได้ติดต่อประสานงานกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีตลอด และขณะนี้เป็นช่วงรอยต่อของการปิดภาคเรียนของการเรียนในระบบปกติ และการเรียนของนักศึกษา กศน. ครูโอ๊ะเป็นคนปราจีนบุรีเหมือนทุกท่าน หากมีสิ่งใดที่จะเสนอแนะครูโอ๊ะพร้อมรับฟังทุกเสียงสะท้อนไปสานต่อ เพื่อนำมาพัฒนาให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกหลานและจังหวัดปราจีนบุรี 




ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบในมิติต่างๆ ซึ่งหน่วยงาน กศน.ถือเป็นอีกหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน นอกจาก กศน.จะมีหน้าที่ในการจัดการศึกษา ส่งเสริมการศึกษาให้กับภาคีเครือข่ายและมีส่วนร่วมกับหน่วยงานอื่นในการจัดการศึกษาแล้ว การทำงานของ กศน.จะมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นก็ด้วยได้รับความร่วมมือและความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนา ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี พื้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ ได้รับความเมตตา จากเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งห่วงใยการศึกษา และให้ข้อเสนอแนะด้านการศึกษาเสมอมา นอกจากนี้ยังได้รับเสียงสะท้อนจากภาคีเครือข่ายต่างๆ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นเครืองข่ายที่ดี (Good Partnership)ในการสนับสนุนทำให้กลุ่มต่างๆได้เรียนรู้กับศูนย์การเรียนรู้ของ กศน.ทั้งยังได้รับสินเชื่อ ได้รับทุนทางปัญญาจากการมีส่วนร่วมของ กศน.และได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อไปสร้างความมั่นคงให้กับพี่น้องประชาชน ขอบคุณ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ขอบคุณวิทยากรที่เป็นเครือข่ายที่นำความเป็นปราชญ์ชาวบ้าน นำภูมิปัญญาที่ทำให้ก่อเกิดการประสานประโยชน์อย่างดียิ่งมาถ่ายทอดให้กับผู้เรียน 

"มากไปกว่านั้นในทุกบริบทของพื้นที่ ได้รับความร่วมมือร่วมใจ จากคนพันธ์ุพิเศษ จากพี่น้อง กศน.ในทุกตำแหน่ง ในทุกตำบล ซึ่งได้ลงพื้นที่ทำการสำรวจคนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา เพื่อพาทุกคนกลับมาเรียน รวมไปถึงกลุ่มผู้พิการที่ต้องการความช่วยเหลือ กศน.ก็ลงไปดำเนินการดูแลและจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ที่สำคัญมีการส่งเสริมอาชีพให้กับคนในครอบครัวของผู้พิการ ซึ่งได้รับข้อมูลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในวันนี้มีกิจกรรมหลากหลายกิจกรรมจาก  กศน.ที่ทำการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้เรียน เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ ที่มั่นคงยั่งยืน ทั้งยังมีการนำแสดงการดำเนินโครงการพาน้องกลับมาเรียน โครงการ กศน. ปักหมุดสร้างโอกาสทางการศึกษา รวมไปถึงการแสดงบูธนิทรรศการมหกรรมต่างๆจากการจัดการศึกษา ทั้งของโรงเรียนในระบบ วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี เป็นต้น ทั้งนี้หากผู้เยี่ยมชมบูธ มีข้อเสนอแนะให้ กศน.กลับไปพัฒนาสิ่งใดเพิ่มเติม ก็สามารถเสนอแนะได้ทันทีเพื่อจะได้ทำการเสริมเติมเต็มให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ให้การสนับสนุน กศน.มาด้วยดี ขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดที่ช่วยดูแลการจัดการศึกษาเป็นอย่างดี ขอบคุณผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน นักศึกษา กศน. บุคลากร เจ้าหน้าที่ และประชาชน ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษา สิ่งใดที่ครูโอ๊ะทำได้ ก็พร้อมที่จะทำทันที เพราะเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รักกันตลอดไป” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว