17 มิถุนายน 2564

GIT World’s Jewelry Design Award ครั้งที่ 15

วันที่ 15 มิถุนายน 2564 : สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับ (องค์การมหาชน) เฟ้นหา 4 ผลงานชิ้นเยี่ยมจากชิ้นงาน 402 ชิ้นที่นักออกแบบจากทั่วโลกส่งเข้าประกวดชิงรางวัล GIT World’s Jewelry Design Awards ครั้งที่ 15 เพื่อผลิตเป็นเครื่องประดับต้นแบบ อวดโฉมและประกาศผู้ชนะรางวัลในเดือนกันยายน นี้

การประกวดในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Intergeneration Jewelry" - jewelry for every generation ซึ่งเปิดกว้างให้นักออกแบบได้สร้างสรรค์ผลงานเต็มที่ ไม่จำกัดวัสดุที่ใช้ ซึ่งนอกจากความสวยงามของดีไซน์แล้ว เครื่องประดับที่ผ่านการคัดเลือก ยังต้องมีความพิเศษมากขึ้นและก้าวข้ามข้อจำกัดของเจนเนอเรชั่นอีกด้วย ซึ่งปีนี้ มีนักออกแบบจากทั่วโลกส่งผลงานเข้าประกวดรวม 402 ชิ้นงาน จาก 27 ประเทศ โดยมีนักออกแบบต่างชาติส่งชิ้นงานจำนวน 238 ชิ้นงาน จาก อิหร่าน มาเลเซีย อียิปต์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น และจากประเทศไทย 164 ผลงาน


นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบัน กล่าวว่า การประกวดครั้งนี้ เราหวังจะได้เห็นผลงานออกแบบใหม่ๆ ที่ฉีกกรอบเดิม และสร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเปิดให้นักออกแบบนำวัสดุใหม่ๆ ที่น่าสนใจ รวมทั้งนวัตกรรมอื่นๆ มาออกแบบตามความเหมาะสม และจะต้องสามารถนำมาพัฒนาเป็นจิวเวลรี่ที่จำหน่ายได้จริง และจากผลงานที่ส่งเข้าประกวด เราจะเห็นได้ถึงเทรนด์ในการออกแบบซึ่งมาจากทั่วทุกมุมโลกที่น่าสนใจ  ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้เป็นแนวทางสำหรับนักออกแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย สำหรับรอบการตัดสินแบบวาดในวันนี้ สถาบันได้รับเกียรติจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากทั่วโลก 

อาทิ นางสิริพร ภาณุพงศ์ รองประธานกรรมการ สำนักกฎหมาย Royal Law ม.ล. คฑาทอง ทองใหญ่ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นางสาวสิริน ศรีอรทัยกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัทบิวตี้เจมส์ แฟคตอรี่ จำกัด นายชาญชัย เลิศกุลทานนท์ Vice President, Global Business Relations บริษัท PANDORA PRODUCTION, ดร.ธัชวิน  สุรเศรษฐ กรรมการผู้จัดการ L.S. Jewelry Group (Lee Seng Jewelry), Professor Paolo Torriti: Professor at the University of Siena, Italy และ Mr. Saeed Mortazavi Founder & CEO of Mortazavi Design Academy, Iran, Professor Kwon Ju Han: Dean, College of Convergence Arts, College of Art and Design, Daegu University, Republic of Korea เป็นผู้ตัดสินผ่านช่องทางออนไลน์ 

โดยเบื้องต้นสถาบันจะตัดสินรอบคัดเลือกแบบวาด และคัดเลือกจนเหลือ 30 แบบ และเลือกเฟ้นหาแบบวาดที่มีคะแนนสูงสุด 4 แบบวาด เพื่อนำไปผลิตเป็นเครื่องประดับขึ้นโชว์ผลงานพร้อมเหล่านางแบบในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งผลงานผลงานที่ผ่านเข้าสู่รอบตัดสินชิงชนะเลิศ มีดังนี้

1. นาย สุรศักดิ์ มณีเสถียรรัตนาจากประเทศไทย ชื่อผลงาน ความเชื่อในตรีโกณมิติ (Trigonolism) 

2. นางสาว พรนภา เด่นจารุกุล และนางสาว ภัสภา โพธิ์อุบล จากประเทศไทย ชื่อผลงาน D-N-A

3. นาย จิรวัฒน์ สมเสนาะ จากประเทศไทย ชื่อผลงาน รูปทรง เรขาคณิต (Geometry) 

4. Mrs. SoheilaHemmatiจากประเทศอิหร่าน ชื่อผลงาน Pearls for all generations




สำหรับการตัดสินรอบชิงชนะเลิศ และการประกาศรางวัล มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 2 กันยายน 2564  ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน จากนั้นสถาบันจะนำผลงานการออกครั้งนี้ไปจัดแสดงในงานแสดงสินค้าต่างๆ รวมถึงการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ GIT Gem and Jewelry Museum เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลกของประเทศไทย” (Thailand’s Gems and Jewelry Hub of The World)

ผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปชมผลงานผู้ที่ผ่านรอบแรก ได้ที่ www.facebook.com/gitwjda
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายฝึกอบรม สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทร. 02 634 4999 ต่อ 311-313


วิริยะประกันภัยสนับสนุนศูนย์ฉีดวัคซีนนครราชสีมา

มอบน้ำดื่มและอาหารพร้อมทาน ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ สู้ภัยโควิด-19

นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา รับมอบน้ำดื่ม จำนวน 50,000 ขวด และอาหารพร้อมทาน จำนวน 1,000 ชุด จากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายณัฐพงศ์ บุญเย็น ผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการภาค 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) พร้อมผู้บริหารสาขาและศูนย์นครราชสีมา และตัวแทนประกันวินาศภัยในพื้นที่ ร่วมมอบ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าร่วมปฏิบัติงานที่หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเปิดให้บริการ
ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น3 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง
จังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ เดอะมอลล์ โคราช  ได้รับการคัดเลือกจากสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19  นอกโรงพยาบาล โดยผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน และเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนทุกโรงพยาบาลในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้พี่น้องชาวโคราชได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงและรวดเร็วที่สุด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)  จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการ่วมช่วยเหลือสังคมไทยและเป็นกำลังใจให้คนไทยทุกคนผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน

16 มิถุนายน 2564

แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เปิดจำหน่ายบัตรโดยสารสมาร์ทพาสลายใหม่ทุกประเภท

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เปิดจำหน่ายบัตรโดยสารสมาร์ทพาสลายใหม่ทุกประเภท วันที่ 16 มิ.ย. 2564

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ลายหน้าบัตรโดยสารลายใหม่มาระยะหนึ่งผ่านทาง Facebook Official Page Airport Rail Link ได้มีบรรดาผู้โดยสารและแฟนพันธุ์แท้รถไฟฟ้าให้ความสนใจและสอบถามมาเป็นจำนวนมาก บริษัทฯจึงได้ประกาศเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทจะเปิดจำหน่ายบัตรโดยสารสมาร์ทพาสรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ลายใหม่ก่อน 3 ประเภท ได้แก่

-บัตรสมาร์ทพาสบุคคลทั่วไป (Adult Card)  รับส่วนลดร้านค้าและบริการ

-บัตรสามร์ทพาสนักเรียน นักศึกษา (Student Card) รับส่วนลดการเดินทาง 20% ทุกการเดินทาง

-บัตรสมาร์ทพาสผู้สูงอายุ (Senior Card) รับส่วนลดการเดินทาง 50% ทุกการเดินทาง

โดยผู้โดยสารสามารถหาซื้อได้ที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสารทั้ง 8 สถานี


-บัตรสมาร์ทพาสบุคคลทั่วไป (Adult Card)  รับส่วนลดร้านค้าและบริการ



-บัตรสามร์ทพาสนักเรียน นักศึกษา (Student Card) รับส่วนลดการเดินทาง 20% ทุกการเดินทาง



-บัตรสมาร์ทพาสผู้สูงอายุ (Senior Card) รับส่วนลดการเดินทาง 50% ทุกการเดินทาง

นอกจากนั้น สำหรับบัตรสมาร์ทพาสลายพิเศษประเภทบุคคลทั่วไป ( Adult Card) อีก 2 ลายใหม่ ได้แก่ “Happy Birthday Card” และ “Happy Gift Card” ที่ออกแบบเป็นลายไทย มีลักษณะเป็น “ลายประจำยาม” ซึ่งเป็นลวดลายที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัสตะแคง มีลักษณะคล้ายดอกไม้ โดยดัดแปลงมาจากดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ดอกสี่ทิศ” เหมาะสำหรับให้ผู้โดยสารได้เก็บสะสมเป็นที่ระลึก หรือ มอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษต่างๆ จะทำการเปิดจำหน่ายในเร็วๆนี้อีกด้วย

ส่วนบริการลูกค้าสัมพันธ์  Call Center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
www.facebook.com/AirportRailLink  , Twitter : Airport Rail Link

15 มิถุนายน 2564

มอบอาหารกล่องส่งกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์


ชวลิต กาญจนเสวี ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ พร้อมคณะผู้บริหารของโรงแรมฯ ร่วมกันนำอาหารกล่องจำนวน 400 กล่อง ไปมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ศูนย์การค้าเดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อกำลังใจระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีน COVID-19 ให้แก่ผู้ประกันตน มาตรา 33  จัดโดย สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน

14 มิถุนายน 2564

ข้าวกอระ ดสู้ฝ่าวิกฤติเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น พร้อมลุยเจาะตลาดใหม่ธุรกิจข้าวแปรรูปเสริมแกร่งธุรกิจ

 

“ข้าวกอระ”ฮึดสู้ฝ่าวิกฤติ  เร่งเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น พร้อมปรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาด  ชูธุรกิจกลุ่มข้าวและผลิตภัณฑ์Rice Crackers และซีเรียลอาหารสุขภาพ  มุ่งเจาะตลาดคนรักสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ ชี้เป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูง  เชื่อมั่นช่วยฟื้นฟูธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้นในอนาคต

นางสาวกรชวัล สมภักดี ประธานกรรมการบริหารบริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า  แม้ที่ผ่านมาบริษัทฯจะประสบปัญหาวิกฤติทางธุรกิจในหลาย
ด้านรวมทั้งวิกฤติที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(
COVID-19)
แต่บริษัทฯยังคงเดินหน้าในการดำเนินธุรกิจผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และจำหน่ายนวัตกรรมการเกษตรภายใต้แบรนด์“กอระ”อย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มข้าวไทยด้วยนวัตกรรมในรูปแบบขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มาจากข้าวทุกสายพันธุ์   เพื่อมุ่งยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์จากข้าวไทยและส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้บริโภคทั้งในละต่างประเทศ    


ทั้งนี้  เป็นที่ทราบดีกว่าบริษัทกอระฯนั้น  เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ที่เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิออร์แกนิคที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่ผ่านมาได้ผนึกความร่วมมือหลายด้านกับชาวนาในพื้นที่ภาคอีสานผ่านโครงการมากมาย อาทิ   โครงการขยายคลัสเตอร์แปลงนาข้าวหอมมะลิออร์แกนิคโดยได้ตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปีเพิ่มพื้นที่ให้ได้กว่า 1แสนไร่   เพื่อรองรับกำลังผลิตข้าวอินทรีย์ของชาวนาในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ผลักดันให้ออกสู่ตลาดโลกให้ได้ เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยและยกระดับเสถียรภาพราคาข้าวหอมมะลิให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืน

นางสาวกรชวัล  ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า บริษัทฯยังได้ปรับกลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการขายและการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพและอาหารปลอดภัยมากขึ้น   รวมทั้งให้ความสำคัญในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค มีประโยชน์ ปราศจากสารเคมี และสารพิษตกค้าง ส่งผลให้ธุรกิจสินค้าออร์แกนิคทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด   

นอกจากนี้ บริษัท กอระฯยังได้บริหารจัดการความเสี่ยงด้านการตลาดที่หลากหลายมากขึ้น  ลดการมุ่งจัดจำหน่ายเพียงช่องทางเดียวควบคู่กับมุ่งรักษาฐานการตลาดและเจาะตลาดใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น   ปัจจุบันบริษัท  กอระฯมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาหลากหลายในตลาด แต่ปีนี้จะหันมุ่งขยายช่องกลุ่มธุรกิจกลุ่มข้าวและผลิตภัณฑ์กลุ่ม Rice crackers และซีเรียล ผลิตภัณฑ์อาหารเช้าเป็นหลัก   โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเช้า “กอระ ซีเรียล”  นั้นได้รับการยอมว่าอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์เนื่องจากผลิตจากจมูกข้าว ข้าวหักไม่เต็มเมล็ด ของข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้เหมาะสำหรับเด็กๆ ที่ไม่ชอบกินข้าว คนที่รักสุขภาพ  คนที่ชอบทานขนมจุบจิบ แต่ไม่อยากอ้วนและวัยทำงานที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ  และอาหารเช้าธัญพืชอบกรอบ หรือซีเรียล (Cereal) ซึ่งขณะนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มเติบโตในตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  


นอกจากบริษัทฯจะเดินหน้าในการปรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาดครั้งสำคัญแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร จากกรณีปัญหาที่ถูกกล่าวหาพาดพิง เชื่อมโยงบริษัท กอระฯและบริษัท ไอริช อินเตอร์เนชั่นแนล 2018 จำกัด จนบริษัท กอระฯได้รับผลกระทบต่อชื่อเสียงของแบรนด์“ข้าวกอระ”จนเสียหายในวงกว้างส่งผลต่อการประกอบธุรกิจอย่างมาก  

ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าบริษัทกอระฯเป็นเพียงผู้ประกอบธุรกิจด้านการเกษตรเท่านั้น สินค้าหลัก คือ ข้าวหอมมะลิ แบรนด์ “ข้าวกอระ”  ซึ่งรูปแบบการค้าขาย คือ การรับซื้อสินค้าที่ผ่านเกณฑ์การประเมินจากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง  ผลิต แปรรูปเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการทั้งในรูปแบบนิติบุคคลและประชาชนที่เป็นผู้บริโภคโดยทั่วไปและที่ผ่านมาบริษัทกอระฯไม่ได้ดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรงหรือเปิดรับสมัครสมาชิกแต่อย่างใด  ซึ่งบริษัท กอระฯมีหลักฐานที่ชัดเจนและสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ทุกประเด็น  

ส่วนบริษัท ไอริชฯ นั้นเป็นบริษัทฯที่ว่าจ้างบริษัทฯกอระผลิตสินค้าเท่านั้น  ซึ่งที่ผ่านมานอกจากบริษัท กอระฯ จะผลิตสินค้าให้กับบริษัทไอริชฯแล้วยังผลิตภายใต้แบรนด์ของตนเองจำหน่ายในตลาดทั้งในและต่างประเทศภายใต้ผลิตภัณฑ์หลากหลายอีกด้วย  ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการดำเนินธุรกิจทำให้สมาชิกได้ขอยกเลิกการซื้อสินค้าและขอคืนเงินจำนวนมากของบริษัท ไอริชฯนั้นบริษัท กอระฯไม่ได้มีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใด   




ซึ่งจากการติดตามทราบว่าขณะนี้บริษัท ไอริชฯมีแผนในการคืนทุนตามจำนวนที่แท้จริงให้แก่สมาชิกจำนวน 3แนวทาง  ดังนี้ 1.คืนทุนด้วยการคืนเงินสมาชิก 2.คืนทุนด้วยสินค้าที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับจำนวนเงินทุนที่แท้จริงโดยมีสมาชิกแจ้งความประสงค์ขอรับทุนเป็นสินค้าจำนวนมากและอยู่ระหว่างจัดส่งสินค้าให้สมาชิก 3.คืนทุนด้วยการโอนสิทธิในการรับสินค้าหรือทุนไปยังบริษัทพันธมิตรที่ร่วมดำเนินธุรกิจ เพื่อให้สมาชิกได้รับสิทธิในการร่วมธุรกิจหรือรับผลประโยชน์ตอบแทนในการร่วมดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ของบริษัทพันธมิตร

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจุบันบริษัทไอริชฯได้ประสบปัญหาข้อจำกัดทางด้านการเงินเนื่องจากขาดทุนสะสมและเหตุขัดข้องในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ภายใต้สถานการณ์โควิด -19 ทำให้ บริษัทฯ ยังไม่สามารถคืนเงินทุนให้แก่สมาชิกผู้จำหน่ายอิสระที่ได้ขอยกเลิกการซื้อสินค้าและขอรับเงินคืนได้ครบทุกรายได้ตามระยะเวลากำหนด ทั้งนี้หากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง คาดว่าจะสามารถหาแหล่งเงินทุนจ่ายเงินชดเชยคืนให้แก่สมาชิกครบทุกรายในระยะเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน  ส่วนความคืบหน้าคดีความต่างๆอยู่ระหว่างเจรจาไกล่เกลี่ย ประนีประนอมยอมความกับสมาชิก เพื่อหาข้อยุติที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและบางส่วนได้เจรจาสำเร็จยุติข้อพิพาทไปเรียบร้อยแล้ว  ส่วนกรณีที่มีกลุ่มบุคคลไปยื่นร้องเรียนกล่าวหาบริษัทฯ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI)นั้น ล่าสุดทางDSIได้สืบสวนสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วและได้มีคำสั่งไม่รับทำคดีตามที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ร้องเรียนและกล่าวหาบริษัทฯแต่อย่างใด  


“ขอยืนยันว่าปัจจุบันบริษัทกอระฯยังยืนหยัดในการประกอบธุรกิจตามเจตนารมย์ไม่มีแผนในการหยุดหรือปิดกิจการแต่อย่างใด ทุกวันนี้ยังทำหน้าที่ในด้านการผลิต สนับสนุนส่งเสริมเกษตรกรและการรับซื้อข้าวจากชาวนาในเขตทุ่งกุลาร้องไห้อย่างต่อเนื่อง  ส่วนประเด็นที่ถูกกล่าวหาที่ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อบริษัทกอระฯและแบรด์สินค้าต่างๆนั้น บริษัท กอระฯก็ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าชี้แจงแก้ไขปัญหาเพื่อให้ความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมยีนยันว่าบริษัทฯกอระเป็นเพียงผู้ประกอบธุรกิจด้านการเกษตรเท่านั้น ไม่เคยดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรงหรือรับสมัครสมาชิกตามข้อกล่าวหาอย่างแน่นอนและจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการแก้ปัญหาให้เกิดความชัดเจน และสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยเร็ว” นางสาวกรชวัล  กล่าวย้ำ


10 มิถุนายน 2564

พม. – ซีพีแรม ลุยเปิดครัวกลางในกระทรวง พม. ส่งมอบอาหารประชาชน

หวังบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในยุคโควิด-19

ซีพีแรม เล็งเห็นความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดตั้งครัวกลาง พร้อมเร่งส่งมอบอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เบเกอรี่และน้ำดื่ม ทุกวันพฤหัสบดี และศุกร์ ตลอดเดือนมิถุนายน 2564 จำนวนกว่า 3,000 ชุด เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพ และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ย่านเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ฯ และชุมชนโดยรอบ

นางพัชรี อารยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เปิดเผยว่า ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้ให้การบริจาคทุกท่าน ห่วงใยผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ รวมถึงการขาดแคลนอาหาร และสิ่งของจำเป็นด้วย ซึ่งในวันนี้ เป็นโอกาสอันดีทุกท่านได้ร่วมส่งมอบกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนผู้เดือดร้อน ด้วยการมอบอาหารพร้อมทาน จำนวนกว่า 3,000 ชุด เพื่อมามอบให้ พม. ได้แจกจ่ายให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 COVID-19 ระลอกใหม่ ที่มีการขยายวงกว้างในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ 

กระทรวง พม. ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและดูแลกลุ่มเป้าหมายตามภารกิจ โดยเฉพาะ เด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม โดยได้เปิดรับสิ่งของจำเป็นและอาหารเพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติ  พร้อมทั้งได้ดำเนินโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ให้ครอบคลุมทุกมิติแบบองค์รวม และพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลที่มุ่งเน้นขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมกับการพัฒนาคนในทุกช่วงวัย ซึ่งการขับเคลื่อนโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน


ทางด้านนายสาธิต แสงเรืองอ่อน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด เปิดเผยต่อว่า ซีพีแรม มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยการจัดตั้ง ครัวกลาง ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภายใต้แนวคิด พม. - ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง” ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แห่งนี้ เพื่อเร่งส่งมอบอาหารพร้อมรับประทาน เบเกอรี่เลอแปง และน้ำดื่ม ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ฯ และชุมชนโดยรอบ เป็นต้น   

“พร้อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการดังกล่าวนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ สามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และความเดือดร้อนของประชาชนได้เป็นอย่างรูปธรรม ผมขอ     ขอบคุณทุกท่าน และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องคนไทย  ผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวนี้ไปด้วยกัน”  นายสาธิต แสงเรืองอ่อน กล่าว

ที่ผ่านมา ซีพีแรมดำเนินโครงการ ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง” อย่างต่อเนื่อง   โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน จัดตั้งครัวกลางเพื่อประกอบอาหารและจัดเตรียม กระจายส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ชุมชน และประชาชน หวังเพื่ออำนวยความสะดวก และแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ รวมถึงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยเริ่มต้นที่จังหวัดปทุมธานี กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะเดียวกัน ซีพีแรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ก็ได้ส่งมอบอาหารพร้อมรับประทาน เบเกอรี่และน้ำดื่ม ให้กับโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ชุมชน และประชาชน อย่างต่อเนื่องเช่นกัน  ทั้งนี้ ซีพีแรม ส่งมอบอาหารปรุงสุกในบรรจุภัณฑ์ปิดผนึก อาทิ อาหารพร้อมรับประทาน เบเกอรี่เลอแปง และน้ำดื่ม ภายใต้โครงการ ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง” ทั้งที่ดำเนินการไปแล้ว และกำลังจะดำเนินการต่อไป กว่า 100,000 ราย ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง”

ในภาพ: นางพัชรี อารยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ที่ 4 จากซ้าย)ให้เกียรติรับมอบอาหารพร้อมรับประทานจากนายสาธิต แสงเรืองอ่อน รองกรรมการผู้จัดการ(ที่ 3 จากขวา)พร้อมด้วยนางสาวชัญญารัช พีราวัชร
 ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส (ที่
2 จากขวา) บริษัท ซีพีแรม จำกัด และมีนางสาวแรมรุ้ง วรวัธ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ที่ 2 จากซ้าย) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงฯ
เพื่อส่งต่อความอิ่มท้องให้ชุมชน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์



“ทั้งนี้ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า อาหารพร้อมทานท่านได้ให้การบริจาคในวันนี้นั้น จะเป็นประโยชน์และส่งถึงมือประชาชนผู้ที่มีความเดือดร้อนอย่างตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง ประกอบกับ พม. เองยังคงให้ทุกหน่วยงานใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 ตามแนวทางมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมกรณีการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามฉุกเฉินเร่งด่วน ในโอกาสนี้ กระทรวง พม. ต้องขอขอบคุณในความมีน้ำใจของทุกท่าน” นางพัชรี อารยะกุล กล่าวปิดท้าย

09 มิถุนายน 2564

ททท. เดินหน้าฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

เปิดตัวโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยุคดิจิทัล 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยยุคดิจิทัล (Empowering Tech Tourism) โครงการที่จะช่วยฟื้นฟู ส่งเสริมและสร้างโอกาสให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง โดยการรวบรวมนวัตกรรมที่พร้อมใช้งานจากผู้พัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ใน 3 ด้าน ได้แก่ การบริหารต้นทุนธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ (Cost Efficiency) การปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ (Process Optimization) การพัฒนาบุคลากรด้วยเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพสูงสุด (Human Development) และส่งเสริมให้ผู้ประกอบด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนำนวัตกรรมไปใช้งานเพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าร่วมโครงการเพื่อจับคู่ทางธุรกิจกับวัตกรรมที่สนใจ สร้างโอกาสให้กับผู้พัฒนานวัตกรรมเติบโตต่อไป โดยมีเเพล็ตฟอร์มภายใต้ชื่อ www.empoweringtechtourism.com เป็นที่ศูนย์กลางของโครงการ

อีกทั้งยังมีการจัดงานนวัตกรรมไทยพบผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, เชียงใหม่และภูเก็ต เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมมากมาย อาทิ การออกบูธจัดแสดงนวัตกรรมเพื่อผู้ประกอบการ การสัมมนาจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ คลีนิกให้คำปรึกษาเพื่อผู้ประกอบการ และการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) 
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารของโครงการได้ที่ www.empoweringtechtourism.com และ www.facebook.com/empoweringtechtourism 

พร้อมกันนี้ได้เตรียมจัดงานแถลงข่าวพิธีเปิด “โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยุคดิจิทัล (Empowering Tech Tourism)” โดยได้รับเกียรติจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน และการเสวนาในหัวข้อ “ฟื้นฟู ส่งเสริม สร้างโอกาส อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน” โดยมี นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ผู้บริหารจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) หรือตัวแทน และ ดร.ชาญวิทย์ ตรีเดช ผู้จัดการกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) ในวันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 13.30 – 15.30 น. ถ่ายทอดสดจากโรงแรม Lancaster Bangkok ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ผู้สนใจสามารถเข้าชมการถ่ายทอดสดได้ทาง facebook หรือ Youtube : empoweringtechtourism