07 พฤศจิกายน 2568

โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ เปิดตัวห้องดีลักซ์ซูพีเรียร์ใหม่ พร้อมขยายพื้นที่จัดประชุมสุดล้ำใจกลางกรุงเทพฯ

7 พฤศจิกายน 2568, กรุงเทพฯ – โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ บริหารโดย AVANI ในเครือ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของ บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND เดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวห้องพักดีไซน์ใหม่ “ดีลักซ์ซูพีเรียร์” ต่อเนื่องจากการปรับโฉมล็อบบี้ใหม่ภายใต้แนวคิดไลฟ์สไตล์ตามแบบฉบับแบรนด์อวานีห้องพักประเภทใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่ ด้วยการผสมผสานระหว่างดีไซน์ร่วมสมัย สีสันสดใส และฟังก์ชันที่ครบครัน มอบประสบการณ์การเข้าพักที่สะดวกสบาย เหมาะทั้งสำหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อน 

พร้อมกันนี้ โรงแรมฯ ยังได้ขยายศักยภาพด้านการจัดประชุมและอีเวนต์ ด้วยการเปิดตัว พื้นที่จัดประชุมโซนใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับแขกได้สูงสุดถึง 1,200 คนในเวลาเดียวกัน เสริมความแข็งแกร่งให้กับโรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ ในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดงานในย่านรัชดา–พระราม 9

 พื้นที่จัดงานใหม่อย่าง มัลติฟังก์ชันฮอลล์ นี้ ได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลาย รองรับทั้งงานประชุม สัมมนา และงานสังสรรค์ มีพื้นที่รวม 500 ตารางเมตร รองรับแขกได้สูงสุด 300 คน สามารถแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ห้องย่อยเพื่อรองรับกลุ่มย่อยตั้งแต่ 30 ถึง 100 คนต่อห้อง โดยใช้ผนังกั้นแบบพับเก็บได้ พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ หน้าจอ LED ขนาดใหญ่ 6 ม. x 2.25 ม. อีกทั้งยังมีแสงธรรมชาติส่องเข้าถึง ช่วยเสริมบรรยากาศที่ปลอดโปร่งและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมประชุม 



การขยายพื้นที่และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของโรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ ในการมอบประสบการณ์ครบวงจรที่ผสานทั้งไลฟ์สไตล์และการทำงาน รองรับความต้องการของทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศอย่างแท้จริง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสำรองห้องพัก หรือวางแผนการจัดงานประชุมครั้งใหม่ของคุณได้ที่
อีเมล sales.vrat@avanihotels.com
โทร +66 2 641 1500 หรือ
 LINE Official Account @avaniratchada

#CPLAND #AccessibleCommunitiesForLife 
#AvaniRatchadaBangkok #AVANI #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต

ชิลีเร่งพัฒนานวัตกรรมผลผลิตเชอร์รี่ ดันส่งออกถึงไทยก่อนฤดูกาล

“City Fresh” สร้างสรรค์เมนูทั้งเตรียมเสิร์ฟในรูปแบบขนมหวานและเครื่องดื่ม  

        ฤดูกาลเชอร์รี่ชิลีปีนี้เริ่มต้นเร็วเป็นประวัติการณ์ “ProChile” กรมส่งเสริมการส่งออกชิลี จับมือ “City Fresh” นำเข้าเชอร์รี่ล็อตแรกถึงไทยแล้วเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เอาใจคนรักเชอร์รี่ด้วยผลไม้นำเข้าสดใหม่ให้เลือกซื้อหา พร้อมบริการส่งถึงบ้าน และเมนูจากเชอร์รี่หลากหลายเสิร์ฟที่ร้าน City Fresh ทุกสาขา

        ชิลีเป็นผู้นำการส่งออกเชอร์รี่ของโลก โดยปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนใหญ่มายังภูมิภาคเอเชีย มร. ออสการ์ อาริอากาดา ผู้แทนการค้าชิลีประจำประเทศไทย ProChile กล่าวว่า การส่งออกชิลีในฤดูกาลที่แล้วมีมูลค่าเกือบ 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงสถานภาพที่แข็งแกร่งของชิลีในฐานะผู้ส่งออกผลไม้สดในเวทีโลก

       “ชิลีมีความได้เปรียบเป็นพิเศษในการผลิตอาหารได้หลากหลายประเภท โดยเฉพาะผลไม้สด เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่มีตั้งแต่เทือกเขาแอนดีส มหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลทรายอาตาคามา ไปจนถึงทวีปแอนตาร์กติกา การมีภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยกับมีสถาบันของรัฐที่เข้มแข็ง ตลอดจนระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัย ทำให้ชิลีสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงไปได้ทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชีย โดยสามารถรักษามาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับ ความปลอดภัยด้านอาหารและความยั่งยืนได้อย่างเข้มงวด”

      นายออสการ์กล่าวว่า นวัตกรรมและระบบโลจิสติกส์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชิลีสามารถรักษาคุณภาพและความสดของผลิตภัณฑ์ สายพันธุ์เชอร์รี่ที่เก็บเกี่ยวได้เร็วจะขนส่งทางอากาศก่อน จากนั้นสินค้าล็อตหลักจะส่งออกตามมาทางเรือ ประมาณกลางเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งจะทันเวลากับช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ตลาดมีความต้องการสูง

      นอกจากนี้ ชิลียังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกในอีกหลายประเภทผลไม้ ได้แก่ เชอร์รี่ พลัม และพรุน ในปี 2567 ชิลีส่งออกผลไม้สดมายังอาเซียนเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นเชอร์รี่อย่างเดียวกว่า 700 ล้านบาท การส่งออกเชอร์รี่มายังไทยเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท




 ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการส่งออกชิลี หรือ ProChile ได้จับมือร่วมกับภาคต่างๆ ของไทยทั้งรัฐและเอกชน รวมถึงผู้นำเข้า ในการส่งเสริมตลอดจนสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพสินค้าส่งออกกลุ่มอาหารของชิลี ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล ผลไม้ รวมถึงเชอร์รี่ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ หรือภาคบริการต่างๆ

       “City Fresh” ผู้นำเข้าผลไม้รายใหญ่ เปิดฤดูกาลเชอร์รี่ชิลีอย่างสวยงาม ด้วยสินค้าสดใหม่จากผู้ผลิตคุณภาพประเทศชิลี โดยเป็นการนำเข้าในช่วงเวลาที่รวดเร็วกว่าเดิมซึ่งเป็นช่วงเดือนธันวาคม คุณวงศรันย์ ฉัตรอมรวงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท City Fresh เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทได้จับมือ Global AG ผู้ผลิตรายใหม่ซึ่งคิดค้นนวัตกรรมที่สามารถเร่งการออกผลได้เร็วขึ้น

       ทั้งนี้ บริษัท City Fresh เป็นผู้นำเข้าผลไม้จากซัพพลายเออร์อันดับต้นๆ ของชิลี ไม่ว่าจะเป็น Dole หรือ Cope Fruit ที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณของสินค้า โดยคัดสรรผลไม้เกรดส่งออกหรือเกรดที่ดีที่สุดเข้ามายังไทย ก่อนที่จะกระจายให้ยี่ปั๊ว Wholesale และซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ อาทิ Gourmet Market และอื่นๆ รวมถึงผ่านช่องทางของ City Fresh เองไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายออนไลน์ เดลิเวอรี่ หรือหน้าร้าน

      “หลักสำคัญของเราคือคุณภาพต้องได้ ราคาเป็นเรื่องตามมา เราพยายามคัดสรรซัพพลายเออร์ที่ดี ที่มีการ QC ตรวจสอบคุณภาพแล้วตรงตามเกณฑ์ที่เราได้ตั้งมาตรฐานไว้” คุณวงศรันย์กล่าว พร้อมเปิดเผยอีกว่า บริษัทฯ นำเข้าเชอร์รี่ชิลีทุกปี เนื่องจากเป็นหนึ่งในผลไม้ที่คนไทยชื่นชอบที่สุด รวมถึงความมีคุณภาพ เนื้อแน่น กรอบ รู้สึกถึงความสดใหม่เมื่อรับประทาน และเก็บรักษาได้นาน อีกทั้งอยู่ใน range ราคาที่จับต้องได้

      เชอร์รี่ชิลี ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล จะมีราคาจำหน่ายปลีกในไทยอยู่ที่กิโลกรัมละ 1,700-1,800 บาทตามแต่ขนาดของผลไม้ มีทั้งไซซ์ 28-30 หรือ 30-32 มิลมิเมตร โดยสำหรับ City Fresh เอง จะนำเข้าอย่างต่อเนื่องให้เพียงพอกับการรอคอยและความต้องการของผู้บริโภคเชอร์รี่ จากการนำเข้าจากแหล่งอื่นๆ ที่ขาดช่วงไปในระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคมที่ผ่านมา


           สำหรับแฟนพันธุ์แท้เชอร์รี่ ที่ City Fresh นอกจากจะจำหน่ายผลเชอร์รี่สดจากชิลีเป็นพระเอกในช่วงปลายปีแล้ว ยังมีการรังสรรค์เมนูสมูตตี้ เค้ก ทาร์ต และพายเชอร์รี่ จำหน่ายที่  Concept Store ภายใต้คอนเซปต์ “Community for fruit lover” หรือสังคมคนรักผลไม้ ตั้งอยู่ที่ซอยปรีดีพนมยงค์ 26 เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 8.30-18.00 น. หรือ ที่คาเฟ่ผลไม้สาขา  Central World ชั้น 5 และสาขาที่กำลังจะเปิดเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ที่ สยามพารากอน ชั้น 5 ด้วย

06 พฤศจิกายน 2568

กรมการท่องเที่ยวเดินหน้ารุกตลาดภาพยนตร์สหรัฐฯ ร่วมงาน American Film Market 2025 ปักธงดึงกองถ่ายระดับโลกสู่ประเทศไทย

กรมการท่องเที่ยว โดยกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ (Thailand Film Office: TFO) เตรียมเข้าร่วมออกคูหานิทรรศการในงาน American Film Market 2025 (AFM 2025) ระหว่างวันที่ 11 – 15 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรม Fairmont Century Plaza นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เพื่อเชิญชวนผู้สร้างภาพยนตร์ระดับโลกเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย โดยนำเสนอ มาตรการคืนเงินกองถ่ายต่างประเทศสูงสุด 30% (Cash Rebate) ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายส่งเสริมการถ่ายทำที่มีความโดดเด่นและแข่งขันได้ในระดับสากล


นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า การเข้าร่วมงาน AFM 2025 ครั้งนี้ นอกจากการเข้าร่วมงานตลาดภาพยนตร์ กรมการท่องเที่ยวยังมีนัดหมายเข้าพบเจรจาทางธุรกิจเชิงรุกกับ Motion Picture Association (MPA) และผู้บริหารสตูดิโอชั้นนำ อาทิ Netflix, Paramount Pictures และ Walt Disney Pictures เพื่อเชิญชวนสตูดิโอขนาดใหญ่ให้เข้ามาลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย

“กรมการท่องเที่ยวตั้งเป้าดึงกองถ่ายระดับโลกให้เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำมากขึ้น ผ่านการนำเสนอศักยภาพทั้งด้านโลเคชันที่หลากหลาย ทีมงานมืออาชีพ และมาตรการคืนเงินกองถ่ายต่างประเทศสูงสุด 30% ซึ่งได้รับความสนใจจากคนในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์นานาชาติอย่างต่อเนื่อง” อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าว

ประเทศไทยได้รับความนิยมอย่างมากจากกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา มีกองถ่ายจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาลงทุนถ่ายทำในไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งเป็นทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อไทยในฐานะประเทศที่พร้อมรองรับการถ่ายทำภาพยนตร์จากฮอลลีวูด

กรมการท่องเที่ยวเชื่อมั่นว่า การเข้าร่วมงาน AFM 2025 จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการต่อยอดศักยภาพอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย สร้างรายได้หมุนเวียนสู่เศรษฐกิจฐานราก กระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์ในระดับโลกอย่างแท้จริง

MK GROUP มอบเงินบริจาค 12 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10

บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มอบเงินบริจาค 12 ล้านบาท เพื่อสมทบกองทุน “เพื่อ รพ.ศิริราช” และ “เพื่อ รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์” คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยทางบริษัทฯ มีปณิธานและเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยได้บริจาคกำไรสุทธิทั้งหมดในปี 2567 หลังจากหักค่าใช้จ่ายจากการดำเนินกิจการร้านอาหารทั้ง 4 แบรนด์ ที่ตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาล

ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ คือ เอ็มเค เรสโตรองต์, ยาโยอิ, ฮากาตะ และเลอ เพอทิท เพื่อให้ทางโรงพยาบาลนำไปใช้ในกิจกรรมที่จำเป็นและเกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการและสังคมโดยรวม ซึ่งปัจจุบันทางบริษัทฯ ได้มีการบริจาคอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 รวมแล้วกว่า 150 ล้านบาท 

ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ พร้อมทั้งคณะผู้บริหาร เป็นผู้รับมอบ ณ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ชั้น 2 เมื่อเร็ว ๆ นี้

05 พฤศจิกายน 2568

Benz BKK Group จัดทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “3 Days 2 Nights Praycation in Hong Kong”

มอบประสบการณ์เหนือระดับให้ลูกค้า Mercedes-Benz Certified

กรุงเทพฯ – 5 พฤศจิกายน 2568 — Benz BKK Group ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มาตรฐานระดับโลก ครอบคลุม 3 โชว์รูม 3 มุมเมือง ได้แก่ บางนา, วิภาวดี และกาญจนาภิเษก เดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าคนพิเศษ ผ่านกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Benz BKK Exclusive Trip: 3 Days 2 Nights Praycation in Hong Kong” เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ออกรถยนต์ Mercedes-Benz Certified ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา


ทริปพิเศษครั้งนี้  จัดขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์แห่งความประทับใจ ให้ลูกค้าสัมผัสเสน่ห์ของฮ่องกง ตลอด 3 วัน 2 คืน พร้อมกิจกรรมไหว้พระเสริมสิริมงคล ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ชื่อดัง อาทิ วัดแชกงหมิว, วัดหวังต้าเซียน, วัดเจ้าแม่กวนอิมรีพัลส์เบย์, วัดเจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ, และวัดเจ้าแม่กวนอิมซีซ้าน รวมถึงการนั่งกระเช้า Crystal Cable Car สู่พระใหญ่แห่งเกาะลันตา เพื่อสัมผัสทัศนียภาพสุดอลังการจากมุมสูงของเกาะฮ่องกง ลูกค้ายังได้ดื่มด่ำกับมื้ออาหารระดับ พรีเมียม อาทิ Duck Victoria, ห่านย่างสูตรต้นตำรับ, และติ่มซำร้านดัง พร้อมเข้าพักในโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวใจกลางเมือง ซึ่งสะท้อนความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตามปรัชญา “The Best or Nothing” ที่ Benz BKK Group ยึดถือมาโดยตลอด

ภายในทริปได้รับเกียรติจาก ดร.สุภา ลิขิตพฤกษ์ รองกรรมการ และ คุณตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ ร่วมเดินทางและดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างอบอุ่นตลอดทั้งทริปสะท้อนถึงความตั้งใจ ของ Benz BKK Group ที่มุ่งเน้นการดูแลลูกค้าแบบใกล้ชิด และสร้างความผูกพันระยะยาว ในฐานะครอบครัวเดียวกัน “เราต้องการให้ลูกค้าของ Benz BKK Group รู้สึกถึงความพิเศษตั้งแต่ วันที่รับรถไปจนถึงทุกประสบการณ์หลังการขาย ทริปนี้จึงไม่ใช่เพียงการท่องเที่ยวแต่เป็นการขอบคุณ และสร้างความทรงจำร่วมกัน ในแบบที่สะท้อนจิตวิญญาณของ Mercedes-Benz อย่างแท้จริง” — คุณตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์, กรรมการผู้จัดการ Benz BKK Group


Benz BKK Group ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโปรแกรมดูแลลูกค้า และจัดกิจกรรมพิเศษต่อเนื่อง เพื่อมอบ ประสบการณ์เหนือระดับให้กับผู้ใช้รถยนต์ Mercedes-Benz Certified มั่นใจได้ทั้งในด้านคุณภาพ ความคุ้มค่า และบริการหลังการขายที่ดีที่สุด

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น ร่วมโครงการ “เที่ยวดี มีคืน”


โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น ร่วมโครงการ “เที่ยวดี มีคืน” #ชวนสัมผัสลมหนาว... เที่ยวเชียงรายอย่างคุ้มค่า พร้อมสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 2 เท่า!

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น ร่วมสนับสนุนนโยบายภาครัฐ “เที่ยวดี มีคืน” ระหว่างวันนี้ – 15 ธันวาคม 2568 เชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสบรรยากาศลมหนาวแห่งล้านนา พักผ่อนอย่างมีสไตล์ ท่ามกลางความสะดวกสบายครบครัน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสุดพิเศษดังนี้


สิทธิ์สำหรับบุคคลธรรมดา รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 1.5 เท่า (รวมไม่เกิน 30,000 บาท) เมื่อใช้บริการห้องพักหรือห้องอาหารภายในโรงแรม และสิทธิ์สำหรับบริษัท, ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล รับสิทธิลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดอบรม สัมมนา หรือกิจกรรมภายในโรงแรม เพียงแจ้งขอ e-Tax Invoice ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้ทันที! (*เป็นไปตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานภาครัฐกำหนด)
โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น พร้อมต้อนรับทุกท่านด้วยบริการระดับพรีเมียม ทั้งห้องพักกว้างขวาง ห้องอาหารบรรยากาศอบอุ่น และห้องประชุมสัมมนาทันสมัย ครบเครื่องทั้งการพักผ่อนและการทำงาน เติมเต็มทริปเชียงรายของคุณ... ด้วยความสบาย คุ้มค่า และสิทธิประโยชน์เต็มรูปแบบจาก “เที่ยวดี มีคืน”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองห้องพักได้ที่
โทร.052 055 888
อีเมลreservation@heritagechiangrai.com
เว็บไซต์ www.heritagechiangrai.com

พม. จับมือราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ฯ–ศิริราช รณรงค์ตรวจมะเร็งปากมดลูก เสริมสุขภาพหญิง พม.

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ภาควิชาสูติศาสตร์–นรีเวชวิทยา และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จัด “โครงการรณรงค์ให้ความรู้การตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง เพื่อเป็นสวัสดิการสำหรับสตรี พม.” โดยมี นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ ห้องประชุมชั้น 2 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ





นางสาวแรมรุ้ง กล่าวว่า ตามนโยบายของนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มุ่งเน้น “พัฒนาคนทำงานด้านสังคม พัฒนาคน พัฒนาสังคม” ผ่านแนวคิด “HEAL ใจ” กระทรวงจึงให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลากรให้มีทั้งสุขภาพกายและใจที่ดี เพื่อพร้อมปฏิบัติงานดูแลประชาชนอย่างเต็มศักยภาพจากข้อมูลของกรมการแพทย์พบว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 4 ของผู้หญิงทั่วโลก และเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ การส่งเสริมให้สตรีรู้จัก “ตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง” จึงเป็นอีกแนวทางสำคัญในการเฝ้าระวังสุขภาพ

นางสาวแรมรุ้ง กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่บุคลากรหญิงในสังกัด พม. เกี่ยวกับการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง เสริมสร้างความเข้าใจในการดูแลสุขภาพ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค นอกจากนี้ ยังเป็นการ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงห่วงใยสุขภาพของพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ผ่านโครงการตามพระราชดำรินานัปการ เช่น หน่วยแพทย์พระราชทาน โครงการหมอหมู่บ้าน และมูลนิธิสายใจไทยฯ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2531 ที่ว่า “เรื่องสุขภาพอนามัยนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล... หากประชาชนมีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์ ก็จะมีสติปัญญาเล่าเรียน ประกอบสัมมาอาชีพ สร้างสรรค์ความเจริญต่าง ๆ ให้บ้านเมือง”





ภายในงานมีบุคลากรสตรีจากส่วนราชการในสังกัด พม. ส่วนกลาง เข้าร่วมกว่า 150 คน โดยกิจกรรมประกอบด้วย
1) การบรรยายให้ความรู้เรื่อง “มะเร็งปากมดลูกและแนวทางป้องกัน” โดย ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
2) การสาธิต “วิธีตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง” โดยนักศึกษาแพทย์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
3) การอบรมเชิงปฏิบัติการ “HPV Self-Collected Test” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้ฝึกเก็บตัวอย่างด้วยตนเองอย่างถูกวิธีการจัดโครงการครั้งนี้ไม่เพียงส่งเสริมให้บุคลากรสตรีของ พม. มีความรู้ด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงในการสร้าง “คนทำงานสังคมคุณภาพ” ที่มีทั้ง สุขภาพดี จิตใจเข้มแข็ง และพร้อมแบ่งปันความห่วงใยสู่สังคมอย่างยั่งยืน นางสาวแรมรุ้งกล่าวในตอนท้าย