เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

31 มีนาคม 2568

“ข้าวแช่คลายร้อน” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ

ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ จัดเมนูต้อนรับฤดูร้อนตลอดเดือนเมษายนนี้ด้วย “ข้าวแช่” สำรับอาหารที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน หอมเย็นสดชื่น ด้วยการนำข้าวสารที่ผ่านการขัดจนหมดยางข้าวก่อนทำให้สุก เวลาทานจึงเติมน้ำเย็นที่มีกลิ่นหอมของดอกมะลิพร้อมน้ำแข็ง ทานคู่กับลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ หมูฝอย หัวหอมสอดไส้ ปลาแห้งผัดหวาน และเครื่องผัดหวานต่าง ๆ เพียงชุดละ 359 บาท++ และ ข้าวเหนียวมะม่วง เพียงชุดละ 159 บาท++ หรือ มะม่วงน้ำปลาหวาน เพียงชุดละ 129 บาท++เท่านั้น 



www.facebook.com/theemeraldcoffeeshop 

พิเศษสุด!! ทานชุด “ข้าวแช่คลายร้อน” ได้ไม่อั้นเฉพาะมื้อกลางวัน ที่จัดบริการรวมในบุฟเฟต์นานาชาติพร้อมอาหารไทย 4 ภาค  ระหว่างเวลา 11.30 – 14.30 น.  เพียงท่านละ 659 บาทถ้วน (จากปกติ 900 บาท) 

โปรโมชั่นพิเศษ!! “วันผู้สูงอายุ 13 เมษายน 2568” สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพียงแสดงบัตรประชาชนและจองมาทานครบ 4 ท่าน ผู้สูงอายุทานฟรี 1 ท่าน   

สำรองที่นั่งโทร. 0-2276-4567 ต่อ 8413-4 หรือไลน์ @theemeraldhotel และ www.facebook.com/theemeraldcoffeeshop

กลิ้งเพื่อน้อง ครั้งที่ 5” ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์


เนื่องในวาระครบรอบ 55 ปี ของการก่อตั้งสมาคมส่งเสริมการศึกษาในถิ่นกันดาร ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  ได้จัดกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศล ภายใต้ชื่องาน  “กลิ้งเพื่อน้อง ครั้งที่ 5” ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์  เพื่อนำรายได้หลักหักค่าใช้จ่าย สนับสนุนกิจกรรมให้การสงเคราะห์โรงเรียน โดยนำไปใช้ในกิจกรรมให้การสงเคราะห์โรงเรียน เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน สบทบทุนสร้างห้องสมุดโรงเรียนในจังหวัดปราจีนบุรี ซ่อมแซมห้องสุขาเรียนและอาคารเรียนจังหวัดเพชรบูรณ์ ปรับปรุงคุณภาพน้ำดื่มโรงเรียนในจังหวัดหนองบัวลำภู  โดยมี พลเอกจรัล กุลละวณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานพิธี โดยมี นายสมพันธ์  จารุมิลินท  นายกสมาคมกีฬาโบว์ลิ่งแห่งประเทศไทย เป็นประธานกิตติมศักดิ์การจัดงาน  ดร.มนวิภา ประชัญคดี นายกสมาคมฯ และประธานดำเนินงาน มีทีมร่วมแข่งขัน 60 ทีม รางวัลการแข่งขันมีทั้งประเภททีม และบุคคล มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 240 คน    





ภายในงานมีการมอบรางวัลพิเศษให้กับผู้เข้าร่วมงาน อาทิ รางวัลแต่งกายเข้าธีมงาน, ขวัญใจกลิ้งเพื่อน้อง และรับของรางวัลมากมายจากผู้ให้การสนับสนุนการจัดงาน มีผู้เข้าร่วมงานหลายท่าน อาทิ รศ.นพ. ปกิตติ ทยานิธิ, ดร. ลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ, คุณรัญชา  บริบาลบุรีภัณฑ์ และคุณสริยา สิวายุ



เชียงใหม่-ลำพูน ชวนสืบสานสงกรานต์ล้านนา สัมผัส ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเหนือ สานต่อพลังภูมิปัญญาพื้นถิ่น

ในงาน “Water Festival 2025 เทศกาลวิถีน้ำ…วิถีไทย”  

“Water Festival 2025 เทศกาลวิถีน้ำ…วิถีไทย” ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งเมืองล้านนาที่เตรียมเนรมิตการจัดงานสุดยิ่งใหญ่ฉลองวาระครบ10 ปี พร้อมสืบสานทศวรรษแห่งความดีงาม “มรดกภูมิปัญญาไทยทางวัฒนธรรม” ของโลก กับ งานเฟสติวัลแห่งปีที่ทุกคนรอคอยที่ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “มหาสงกรานต์ มหาสนุก” ช้อป ชิม ชมการแสดง การละเล่น และภูมิปัญญาพื้นถิ่นล้านนาหลากหลายสาขาจากสล่ารุ่นครูสู่ยุวชนสล่า สืบสานต่อยอดมรดกวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน  เพื่อ “บอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก”

ที่ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “มหาสงกรานต์ มหาสนุก” จากพลังความร่วมมือของหลายภาคส่วน นำโดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย /กระทรวงวัฒนธรรม / กองทัพเรือ / กรุงเทพมหานคร / พันธมิตรท่าน้ำ / ชุมชนในพื้นที่การจัดงานทุกภูมิภาค และเครือข่ายทุกภาคส่วน และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)ในฐานะหัวเรือใหญ่ที่เป็นผู้ริเริ่มการจัดงาน 

โดยจังหวัดเชียงใหม่จัดขึ้นที่ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมือง ระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน 2568 พบกับกิจกรรมมงคลตักบาตรโชติกา และพิธีห่มผ้าพระธาตุ เข้าร่วมพิธีสวดสืบชะตาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต อัญเชิญพระอัฏฐารสขึ้นขบวนแห่และร่วมขบวนไปยังวัดพระสิงห์ กิจกรรมจุดผางประทีปรอบพระธาตุเจดีย์หลวง กราบสักการะมงคล 10 ประการที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร สายบุญสายมูต้องไม่พลาด นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและการแสดงต่างๆ อาทิ กิจกรรมกาดหมั้วครัวฮอม /กาดสล่า กิจกรรมหุ่นกระบอกจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปะพื้นบ้านจากชุมชนล้านนาและการแสดงจากเยาวชน เป็นต้น และจังหวัดลำพูน จัดที่ตลาดนัดสงกรานต์ ถนนรถแก้ว วันที่ 12 – 13 เมษายน 2568 ร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปและกาดมั่ว บริเวณถนนรถแก้ว ชมขบวนของดีเวียงลำพูน ขบวนรณรงค์ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมผู้ประกอบการสร้างสรรค์ในท้องถิ่น ณ ถนนเจริญราษฎร์และถนนอินทยงยศ ตั้งแต่โรงเรียนจักรคำคณาทร ถึงวัดพระธาตุหริภุญชัยฯ โดยทั้ง 2 จังหวัดได้มีกิจกรรมที่จัดเตรียมให้ผู้เข้าชมงานทั้งชาวไทยและต่างชาติ


นอกจากจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน งาน “Water Festival 2025 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” การจัดงานยังคงจัดขึ้นพร้อมกันทั้ง 4 ภาค 6 จังหวัด ทั่วประเทศไทย ได้แก่ ภาคกลาง จัดที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร บนแลนด์มาร์คที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร,  วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร, วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร, วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร, เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์, ท่ามหาราช,ท่าสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม, ท่าศาลเจ้ากวนอู (คลองสาน), คลองโอ่งอ่าง-วัดบพิตรพิมุขวรวิหาร โดยปีนี้ยังได้ขยายพื้นที่จัดงานไปยังใจกลางเยาวราช “ไชน่าทาวน์ มาร์เก็ต เฉลิมบุรี” ภาคใต้ ที่จังหวัดภูเก็ต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดขอนแก่น 



มาร่วมสืบสานประเพณี และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของสงกรานต์ล้านนากับเทศกาล “Water Festival 2025 เทศกาลวิถีน้ำ…วิถีไทย” ครั้งที่ 10 ที่จะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน 2568 และจังหวัดลำพูน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 เมษายน 2568 

ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ Facebook: Water Festival Thailand

บอร์ด อพท. เคาะ! ดัน 2 โครงการสำคัญขับเคลื่อนท่องเที่ยวยั่งยืนตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ

​นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานคณะกรรมการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (พพท.) เป็นประธานในการประชุมบอร์ด อพท. ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 โดยมีมติเตรียมเดินหน้า 2 โครงการสำคัญ ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ

** เดินหน้าโครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง**

​นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานบอร์ด อพท. กล่าวว่า การขับเคลื่อนโครงการสำคัญ 2 โครงการฯ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง โดยอนุมัติรายละเอียดรายรับและรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 25.7 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการออกแบบก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง หลังจากที่ได้รับงบประมาณจากสำนักงบประมาณ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามอบหมายให้ อพท. เร่งดำเนินการ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาตามแนวทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการโครงการฯดังกล่าว ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย โดยคาดว่าโครงการดังกล่าว จะส่งผลให้ภูกระดึงเป็นแม่เหล็กใหม่ของแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อการเรียนรู้แห่งใหม่ในระดับอาเซียน ที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดเลย เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวในภูมิภาคอีสาน และดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศอาเซียนเข้าไทย

**ยกระดับเชียงราย พัฒนาพื้นที่นำร่อง - ย่านสุขสมดุล (Wellness District)**


​โครงการต่อมา คือ พัฒนาพื้นที่นำร่อง - ย่านสุขสมดุล (Wellness District) ปี 2568 ในพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย ตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567โดยมีพื้นที่เป้าหมายคืออำเภอแม่สรวย และอำเภอเวียงป่าเป้า เพื่อเตรียมรองรับกลุ่มนักลงทุน และนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่จะมาเยือนในปี 2569 เนื่องจากประเทศไทยมีแผนที่จะเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Global Wellness Summitโดยตั้งเป้าว่าการพัฒนาในครั้งนี้จะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการด้านเวลเนสในจังหวัดเชียงรายให้มีคุณภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าและสะท้อนเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมศักยภาพชุมชนในการให้บริการและพัฒนาสินค้าด้านเวลเนสเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่ และใช้ซอฟพาวเวอร์ด้านเวลเนสเป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ชุมชนนำร่องในพื้นที่เชียงรายอย่างยั่งยืน

**ร่วมยินดี 2 รางวัลระดับโลกและส่งกำลังใจให้น่าน สงขลา ลุ้นร่วมเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ประจำปี 2025**


นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานบอร์ด อพท. กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการ พพท. ได้ร่วมแสดงความยินดีกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ อพท. ในโอกาสที่เป็นตัวแทนแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษ เข้ารับรางวัลมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก ในงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก งาน ITB Berlin 2025 ได้แก่ “เมืองเก่าน่าน” ได้รับรางวัล Green Destination Gold Award 2025 ซึ่งเป็นแห่งแรกของอาเซียนและหนึ่งเดียวในเอเชียของปีนี้ และ “เมืองเชียงคาน” ได้รับรางวัล Green Destination Top 100 Story Award 2025 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยได้มอบนโยบายให้ อพท. ขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพื้นที่ ชุมชน และยกระดับแหล่งท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานในระดับสากล เพื่อสร้างการรับรู้การท่องเที่ยวยั่งยืนในระดับนานาชาติ และวางเป้าหมายการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยผลักดันแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษไปสู่ต้นแบบแหล่งท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ

พร้อมกันนี้ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับ 2 พื้นที่พิเศษที่ อพท. ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานภาคีเครือข่ายและภาคชุมชนขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ให้เป็นไปตามเกณฑ์การพัฒนาเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์กรยูเนสโก โดยสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ (UNESCO Thai National Commission) ได้มีหนังสือแจ้งผลการคัดเลือกการเสนอ 2 เมือง เป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้ารับการพิจารณาเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ประจำปี 2568 โดยคณะกรรมการองค์การยูเนสโก สำนักงานใหญ่ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศสตามที่คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ได้มีมติให้เสนอชื่อจังหวัดน่านสมัครเข้าร่วมเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน และเสนอจังหวัดสงขลาสมัครเข้าร่วมเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ ด้านอาหาร อพท. ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ชาวจังหวัดน่าน และจังหวัดสงขลา ในการก้าวไปสู่มาตรฐานในระดับโลก และได้รับเลือกเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ประจำปี 2025 ต่อไป

ต้อนรับลมร้อนด้วยเมนูข้าวแช่โบราณ และ“บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อกลางวัน

ณ ห้องอาหารเวนติซี ชั้น 24 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์

ต้อนรับปีใหม่ไทย ห้องอาหารเวนติซี ชั้น 24 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ ให้คุณได้อิ่มฟินแบบจัดเต็มกับขบวนความอร่อยของ บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อกลางวัน ทั้งสเตชั่นเมนูอาหารสไตล์อิตาเลียน - ไทย พร้อมอาหารรสเลิศจากทั่วทุกมุมโลก อิ่มอร่อยแบบไม่อั้นทั้งความสดใหม่ มุมซีฟู้ดออนไอซ์ กุ้ง กั้ง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เสิร์ฟแบบสดใหม่พร้อมน้ำจิ้ม ซีฟู้ดรสจัดจ้าน รวมไปถึงมุมอาหารญี่ปุ่น ซูชิ ซาชิมินานาชนิด ของว่างและสลัดต่างๆ อาหารหลากหลายชนิดจากทั่วทุกมุมโลก ชีสระดับพรีเมียม รวมถึงของหวานให้คุณเลือกลิ้มลอง อีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ต้อนรับลมร้อน และพร้อมให้คุณคลายร้อนในแบบฉบับชาววัง ด้วยอาหารไทยโบราณหอมเย็นชื่นใจ กับข้าวแช่ เมนูที่หารับประทานได้แค่ปีละครั้ง โดยเชฟของเราพิถีพิถันตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดข้าวไปจนถึงการเตรียมน้ำอบควันเทียน เสิร์ฟพร้อมดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมสดชื่น กลมกล่อมครบรสชาติทานคู่กับเครื่องเคียงอย่าง ลูกกะปิทอด หมูฝอย หัวไชโป๊วผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน หอมแดงทอด พริกหยวกสอดไส้ มะม่วงเขียวเสวย และผักเคียง เป็นต้น


เมนูข้าวแช่โบราณ และ“บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อกลางวัน เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 น. - 15.00 น. ราคาเพียง 1,455 บาท++ ต่อท่าน (ไม่รวมเครื่องดื่ม) เด็กอายุ 6-11 ขวบ ราคา 728 บาท++ ต่อท่าน สามารถซื้อแพ็กเกจเครื่องดื่มเพิ่มเติมในราคาเริ่มต้นที่ 149 บาท++ (น้ำดื่ม น้ำอัดลม และชา กาแฟ)
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 0-2100-6255 หรือ อีเมล์: diningcgcw@chr.co.th
เฟสบุ๊ค: www.facebook.com/centara.cgcw
อินสตาแกรม: centaragrand_centralworld

28 มีนาคม 2568

บางกอกแอร์เวย์ส กางแผนปี 68 เติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าขนส่งผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน

กรุงเทพฯ, 28 มีนาคม 2568 - บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส นำโดย นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ แถลงทิศทางและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจบริษัทฯ ประจำปี 2568 พร้อมด้วย นายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายงานการเงินและบัญชี และ นางสาวอมรรัตน์ คงสวัสดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย และรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด โดยปี 2568 ตั้งเป้ายอดผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน พร้อมแผนรองรับอุปสงค์การเดินทางที่เพิ่มขึ้นในมิติที่สำคัญ ตลอดจนแคมเปญการตลาด ความร่วมมือกับหลากพันธมิตรชั้นนำ เพื่อพัฒนาแบรนด์ สร้างรายได้ และการเดินหน้าสู่เป้าหมายความยั่งยืน 

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมอุตสาหกรรมการบินโลกว่ามีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) เมื่อเดือนธันวาคม 2567 ระบุว่า หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมการบินมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีอุปสงค์การเดินทางทางอากาศเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของโลก และแนวโน้มนี้ก็สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ

นายพุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า เป้าหมายการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทฯ คาดการณ์จำนวนเที่ยวบิน 48,077 เที่ยวบิน อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 82% ขนส่งผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน ราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยประมาณ 4,200 บาทต่อที่นั่ง ทั้งนี้ แนวโน้มการเดินทางในปีนี้ เส้นทางสมุย ยังคงเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีการสำรองที่นั่งล่วงหน้าในช่วงเดือนมีนาคม – กันยายน 2568 เพิ่มขึ้น 14% โดยบริษัทฯ วางแผนกลับมาให้บริการเส้นทาง สมุย-กัวลาลัมเปอร์ วันละ 1 เที่ยวบิน ในไตรมาส 4 เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารจากยุโรปที่เดินทางผ่านทางสนามบินกัวลาลัมเปอร์

ปัจจุบันบริษัทฯ ให้บริการเที่ยวบินสู่ 19 จุดหมายปลายทาง ประกอบด้วยภายในประเทศ 11 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิและดอนเมือง) เกาะสมุย เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ตราด ลำปาง แม่ฮ่องสอน 

สุโขทัย หาดใหญ่ อู่ตะเภา และจุดหมายปลายทางต่างประเทศ 8 แห่ง ได้แก่ มัลดีฟส์ สิงคโปร์ เสียมเรียบ พนมเปญ หลวงพระบาง ฮ่องกง เฉิงตู ฉงชิ่ง 

บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เครือข่ายความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสายการบิน ปัจจุบันมีสายการบินพันธมิตร (Codeshare Partners) รวมทั้งสิ้นจำนวน 30 สายการบิน และมีสายการบินข้อตกลงร่วม (Interline Partners) กว่า 70 สายการบินทั่วโลก 

ด้านบริหารจัดการฝูงบินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ปีนี้ คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนเครื่องบินรวมทั้งสิ้นรวม 25 ลำ และมีแผนจะปรับฝูงบิน (Re-fleet) เครื่องบินรุ่น ATR72-600 รวมทั้งสิ้น 12  ลำ โดยมีกำหนดทยอยส่งมอบระหว่างปี 2569 ถึงปี 2571 นายพุฒิพงศ์ กล่าว

ในส่วนการพัฒนาศักยภาพธุรกิจสนามบิน บริษัทฯ มีแผนปรับปรุงอาคารผู้โดยสารของสนามบินสมุย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วนสนามบินตราดมีแผนขยายรันเวย์ เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินแบบไอพ่นได้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ 

สำหรับแผนการลงทุนโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภานั้น ล่าสุด บริษัทฯ และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีการร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อยกระดับความร่วมมือในการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 

นอกจากนี้ เพื่อตอกย้ำศักยภาพสายการบินชั้นนำระดับภูมิภาค บริษัทฯ เตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมระดับนานาชาติ "AAPA Assembly of President 2025" ครั้งที่ 69 ระหว่างวันที่ 14 -15 พฤศจิกายน 2568 โดยมีผู้นำระดับสูงของสายการบินสมาชิกกว่า 250 ท่าน จาก 18 สายการบิน รวมทั้งตัวแทนจากองค์กรกำกับดูแลระดับโลกอย่าง ICAO และ IATA หน่วยงานกำกับดูแลด้านการบิน ผู้ผลิตอากาศยานชั้นนำ และพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก เข้าร่วมงาน ซึ่งการประชุมนี้นับเป็นเวทียุทธศาสตร์ที่สำคัญของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค

นายพุฒิพงศ์ ยังกล่าวถึงนโยบายด้านความยั่งยืนของบริษัท ฯ ในปี 2568 ที่ยังคงยึดหลักแนวคิด ESG ในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบใน 3 ด้าน ด้านสิ่งแวดล้อม ได้สานต่อโครงการ Low Carbon Skies by Bangkok Airways มุ่งเน้นลดการปล่อยคาร์บอน สอดรับพันธกิจภาคการบินโลกสู่เป้าหมาย Net Zero Carbon Emission 2050 การบริหารจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ล่าสุด เข้าร่วมโครงการมุ่งสู่ Net Zero ด้วยวิธี Science Based Target เพื่อสร้าง Roadmap ที่ชัดเจน ด้านสังคม ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้ การดูแลสิทธิมนุษยชน และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน ขณะที่ ด้านธรรมาภิบาล ยังคงเน้นความโปร่งใส การปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณธุรกิจ (Code of Conduct) ความพึงพอใจของลูกค้า และการนำนวัตกรรมมาใช้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการยกระดับคะแนนประเมินความยั่งยืน FTSE Russell ESG Scores ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพิจารณานำมาใช้ โดยมีกำหนดเริ่มอย่างเป็นทางการในปี 2569

นายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายงานการเงินและบัญชี บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ภาพรวมผลการดำเนินการด้านการเงินของปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 26,041 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวม 20,638 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิ 3,798 ล้านบาท 

ผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 เป็นจำนวน 5,454 ล้านบาท อัตราการทำกำไร (EBITDA Margin) อยู่ที่ 28% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทในปี 2567 ที่ 2.53 เท่า

นางสาวอมรรัตน์ คงสวัสดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย และรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด เปิดเผยว่า ด้านแผนการขายในปีนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นตลาดต่างประเทศซึ่งเป็นลูกค้าหลัก เพื่อเพิ่มยอดจำหน่ายและรายได้ คาดการณ์ส่วนแบ่งช่องทางการขายบัตรโดยสารผ่านเว็บไซต์เป็นสัดส่วน 28% และช่องทางอื่น 72% (BSP Agent, Online Travel Agent, Call Center, Etc.) โดยเป็นการขายผ่านช่องทางเชื่อมต่อตรงผ่านระบบ 32% ตลาดภายในประเทศ 18% และตลาดต่างประเทศ 50% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยยังมีความต้องการสูงและยังคงแข็งแกร่ง โดยวางแผนการขายเชิงรุกสำหรับตลาดต่างประเทศกลุ่มใหม่ อาทิ เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประเทศในแถบละตินอเมริกา และตุรกี โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสำนักงาน GSA รวมทั้งสิ้น 26 แห่งทั่วโลก

สำหรับกลยุทธ์การขายมี 4 แนวทาง ได้แก่ การมุ่งเน้นตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะการต่อยอดการขาย จากกระแสซีรีส์ "White Lotus Season 3"  โดยจับกลุ่มลูกค้าที่ตามรอยซีรีส์ เน้นกลุ่มประเทศ อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นตลาดที่เติบโตสูง เช่น คาซัคสถาน ซาอุดีอาระเบีย ตลาดที่มีฟรีวีซ่า เช่น อินเดีย และจีน ขยายการเชื่อมต่อตรงผ่านระบบกลุ่ม API/NDC/Direct Connect ให้มากขึ้นเพราะเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับสายการบินในยุคดิจิทัล ที่สามารถตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก เนื่องจากแนวโน้มปัจจุบันลูกค้านิยมซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์เปรียบเทียบราคา (Metasearch) และตัวแทนจำหน่ายตั๋วออนไลน์ (OTA) ช่วยให้สายการบินกระจายการขายตั๋วไปยังตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขายผ่านแพลตฟอร์มของสายการบินพันธมิตร ซึ่งเป็นการขายร่วม (Codeshare) บนบัตรโดยสารของสายการบินพันธมิตรผ่านช่องทางบนระบบแบบเชื่อมต่อตรง ช่วยขยายช่องทางการขาย และเพิ่มฐานลูกค้าแพลตฟอร์มของสายการบินพันธมิตร เริ่มจากสายการบินแควนตัสบนระบบ QDP และพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อขยายความร่วมมือต่อไป เช่น สายการบิน Thai Airways, British Airways, Lufthansa Group, Emirates, Etihad, Eva Air เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมปรับโฉมระบบสำรองที่นั่งออนไลน์ใหม่ เป็น RefX (Reference Experience) หรือ Digital Commerce พัฒนาโดยบริษัทอะมาดิอุส เพื่อให้ผู้โดยสารเข้าถึงข้อมูลเที่ยวบิน ราคา และบริการเสริมได้ง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้น 

ไฮไลท์กลยุทธ์สื่อสารการตลาดปี 2568 เปิดตัวภายใต้ธีม "Awesome Experience" มุ่งสร้างการเดินทางสู่ประสบการณ์ครั้งใหม่ที่มีความหมายกับผู้โดยสารทุกกลุ่ม โดยเน้นการบริการที่พิเศษ สะดวกสบาย และให้ความสำคัญกับความยั่งยืน พร้อมส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ภายใต้แนวคิด "ดีต่อใจ" โดยแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ “ญาญ่า - อุรัสยา เสปอร์บันด์” เริ่มเผยแพร่บนทุกช่องทางแล้ววันนี้

สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของปีนี้ ได้เตรียมจัด Pop-up Boutique Experience ณ สนามบินสุวรรณภูมิ สมุย ตราด สุโขทัย และเชียงใหม่ โดยนำเสนอประสบการณ์อาหารที่หลากหลาย ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือประเพณีอันแท้จริงของชุมชนเอาไว้ อาทิ ในเดือนเมษายน สนามบินสุวรรณภูมิ จะให้บริการไอศกรีมที่รังสรรค์รสชาติจากจินตนาการ (Jin – Ta Icecream)  

และพลาดไม่ได้ กับกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา Bangkok Airways Boutique Series 2025 รายการแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 พบกับ 3 เส้นทางวิ่งใน 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (สมุย) ตราด สุโขทัย เสื้อวิ่งออกแบบโดยศิลปินอิสระ 'Underhatdaddy' ที่ถ่ายทอดอัตลักษณ์ของแต่ละจุดหมายปลายทาง และร่วมวิ่งไปกับ 3 ศิลปินชื่อดัง 'ตู่ ภพธร' 22 มิถุนายน ที่เกาะสมุย 'โตโน่ ภาคิน' 17 สิงหาคม ที่จ.ตราด และ 'เทศน์ ไมรอน' 28 กันยายน ที่จ.สุโขทัย 

อีกหนึ่งกลยุทธ์แบรนด์เพื่อเข้าถึงใจลูกค้า และตอกย้ำภาพลักษณ์ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่สามารถครองใจผู้โดยสารทั่วโลก กับแชมป์ 8 ปีซ้อน Skytrax Award สายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลก และสายการบินระดับภูมิภาคดีที่สุดในเอเชีย ล่าสุดจับมือกับ PUMA สปอร์ตแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ภายใต้แนวคิด “Be The First Move For Better Together” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับการให้บริการ

27 มีนาคม 2568

“ภูณิพัฒน์ โปรดักซ์” เปิดตัว สบู่ - เซรั่ม - แชมพู ดูแลผิวและเส้นผมทุกคน

นวัตกรรมความงามระดับพรีเมียม จากสมุนไพรธรรมชาติแท้ 100%

พบกับสุดยอด 3 ผลิตภัณฑ์ สบู่ – เซรั่ม – แชมพู ภายใต้แบรนด์ “ณพัฒน์” (Naphat) ที่จะพลิกโฉมการดูแลผิวและเส้นผมของคุณ ด้วยสารสกัดจากสมุนไพรไทยแท้ 100% ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่เหนือกว่า เห็นผลจริง ปลอดภัย 100% ไม่มีสารเคมีอันตราย โดย คุณบุญชู วัฒนกิจ อดีตนักบริหารจาก CPAC เครือ SCG ผู้เชื่อมั่นในพลังธรรมชาติ และต้องการให้ทุกคนได้สัมผัส ความมหัศจรรย์ของสมุนไพรไทย ผ่านผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่า ปลอดภัย และเห็นผลจริง

นายบุญชู วัฒนกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูณิพัฒน์ โปรดักซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ สมุนไพรคุณภาพ ภายใต้แบรนด์ “ณพัฒน์” (Naphat) บรรจงคัดสรรวัตถุดิบเกรดพรีเมียม มีคุณภาพทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับคุณประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งมีสินค้าจำหน่ายอยู่ 3 ผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 1. คอลลาเจน ไวท์เทนนิ่ง แอนด์ แอคแน่ โซฟ 2. ซุปเปอร์ คอลลาเจน โกลด์ ซีรัม และ 3. เนอเชอรัล เฮอเบิล แชมพู ทุกผลิตภัณฑ์ได้รับ อย. จากกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน และเพื่อสุขอนามัยที่ดีต่อผิวและเส้นผมของทุกคน โดยมีลายละเอียดของแต่ละผลิตภัณฑ์ ดังนี้

1. “คอลลาเจน ไวท์เทนนิ่ง แอนด์ แอคแน่ โซฟ” (Collagen Whitening & Acne Soap) สบู่หน้าใส ลดสิว ผิวเนียนกระจ่างใส แก้ปัญหาเรื่องสิว ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำกวนใจ สบู่ตัวนี้อัดแน่นด้วยสารสกัดเข้มข้น คอลลาเจนญี่ปุ่น ช่วยฟื้นฟูผิวให้เนียนเด้ง อ่อนเยาว์, เบต้ากลูแคนและวิตามิน B3 ช่วยลดรอยดำ เผยผิวกระจ่างใส, ทีทรีออยล์ ช่วยลดสิว ลดมัน ผิวสะอาดหมดจด ฟองนุ่มละเอียด หอมละมุน ไม่แห้งตึง

2. “ซุปเปอร์ คอลลาเจน โกลด์ ซีรัม” (Super collagen gold serum) เซรั่มทองคำ บางเบา แต่พลังการบำรุงเต็มพิกัด ช่วยปัญหาผิวโทรม ริ้วรอยมา ต้องการผิวใสฉ่ำวาว มีทองคำบริสุทธิ์ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย ผิวตึงกระชับ, แตงกวาและว่านหางจระเข้ ช่วยเติมความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว, วิตามิน B3 และคอลลาเจนญี่ปุ่น ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับทุกสภาพผิว

3. “เนอเชอรัล เฮอเบิล แชมพู” (Shampoo Naphat natural herbal) แชมพูสมุนไพร 9 ชนิด ฟื้นฟูผมเสีย ผมร่วง ให้กลับมาสวยสุขภาพดี ช่วยปัญหาผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะมัน แชมพูสูตรธรรมชาติ อุดมด้วยสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการคันหนังศีรษะ, ใบบัวบกและขิง ช่วยกระตุ้นรากผม ให้แข็งแรง ลดผมร่วง, อัญชันช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม, มะกรูดและใบหมี่ ช่วยลดความมัน ขจัดรังแค ลดคันหนังศีรษะ ฟองนุ่ม ล้างออกง่าย กลิ่นหอมสดชื่น


“ณพัฒน์” (Naphat) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ที่คุณต้องลอง! วัตถุดิบพรีเมียมจากธรรมชาติแท้ 100% ไม่มีสารเคมีอันตราย อ่อนโยน ใช้ได้ทุกสภาพผิว ผ่านการทดสอบจริง เห็นผลจริง รีวิวจากผู้ใช้จริง คุณภาพเทียบเท่าเคาน์เตอร์แบรนด์ แต่ราคาจับต้องได้ สมุนไพรไทย มีความมหัศจรรย์และทรงคุณค่าอย่างมาก หากมีการนำมาใช้อย่างถูกวิธีและปริมาณที่เหมาะสม เราจะพบกับผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์ สัมผัสความมหัศจรรย์ของสมุนไพรไทยของผลิตภัณฑ์ “ณพัฒน์” (Naphat) แล้วคุณจะหลงรักและชื่นชอบ

สามารถดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์แบรนด์ “ณพัฒน์” (Naphat) ได้ที่ Facebook : Naphat Skincare Serum and Soap ติดต่อซื้อสินค้าและสอบถามได้ที่ Line id : 0654265199 และโทรศัพท์เบอร์ : 0654265199

เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2568 ครั้งที่ 43

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดย ททท. จัดทัพใหญ่รังสรรค์ เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2568 ครั้งที่ 43 หนึ่งใน Grand Festivity แห่งปี นำเสนอ “เสน่ห์ไทย”5 ภาคในทุกมิติผ่าน 9 โซนความสุขแบบเต็มแมกซ์ ภายใต้แนวคิด “5 Must Do in Thailand” สร้างแรงบันดาลใจออกเดินทาง รับความสุขทันที ที่เที่ยวไทยตลอดทั้งปี


วันที่ 26 มีนาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสรวงค์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ประธานกรรมการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมเป็นประธานเปิดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 43 โดยได้รับเกียรติจากคณะทูตานุทูต คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ เอกชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมพิธีเปิดงานดังกล่าว ฯ

ปี 2568 นี้ ททท. จัดหนักจัดเต็มยกพลสินค้า และบริการทางการท่องเที่ยวตามแนวคิด “5 Must Do in Thailand” ควบคู่กับแนวคิด Carbon Neutral Tourism สอดรับกับปีท่องเที่ยวไทย “Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025” ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ออกเดินทางไปพบกับ Grand Moment พร้อมรับความสุขทันที ที่เที่ยวไทยตลอดทั้งปี ทั้งยังคง DNA ของหน่วยงานส่งเสริมแนวทางการท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3  ผ่านกิจกรรม ลดโลกเลอะ Zero Waste to Landfills กำหนด 14 จุดบริการคัดแยกขยะทั่วงาน เพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่ส่งไปยังบ่อฝังกลบให้น้อยที่สุด โดยขยะทุกชนิดจะได้รับการคัดแยกและกำจัดอย่างถูกวิธี ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายท้าทายขึ้นไปอีกกับการลดปริมาณขยะที่ไม่ได้แยกสูงสุดที่ 10% สะท้อนความตั้งใจให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง


สำหรับ 9 โซนกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ ได้แก่ 5 โซนหมู่บ้านภูมิภาค และ 4 โซนกิจกรรมสำคัญ แต่ละโซนจัดเต็มกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ นำเสนอแลนด์มาร์กสุดไอคอนิก จุดถ่ายภาพ อาหารและสินค้าท้องถิ่นจากทั่วประเทศ กิจกรรมสาธิตและ DIY เพิ่มความสนุกตื่นตาตื่นใจไปพบโชว์วัฒนธรรมและร่วมสมัยที่ไม่ควรพลาด ประกอบด้วย

โซนที่ 1 Amazing Thailand : นำเสนอนิทรรศการ 65 ปี การทำงานของคน ททท. ในรูปแบบ TeamLab , พบกับความน่ารักของ Art Toy “น้อง Huuyaow(หูยาว) และ Worldboy (เวิลด์บอย)” พาเที่ยวไทย 5 ภาคด้วยกิจกรรมมากมาย

โซนที่ 2 หมู่บ้านภาคตะวันออก: สนุกกับ “สีสันตะวันออก” ผ่านแนวคิด  5 Must do in the East และMust Seek แหล่งท่องเที่ยว โดยมีการจำลองอาณาจักรผีเสื้อแห่งผืนป่าตะวันออก อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว เป็นแลนด์มาร์กและความมหัศจรรย์ของ 9 จังหวัดภาคตะวันออก

โซนที่ 3 หมู่บ้านภาคกลาง: นำเสนอแนวคิด “สร้างประสบการณ์พิเศษ ย้อนยุคเชื่อมอดีตสู่ปัจจุบัน” โดยจำลองสถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อนำเสนอเรื่องราวการเดินทางด้วยรถไฟจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน พร้อมเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของความเป็นภาคกลาง ผ่าน “5 Must Do in Central Thailand”เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย เที่ยวได้ตลอดปี

โซนที่ 4 หมู่บ้านภาคเหนือ: นำเสนอภายใต้คอนเซปต์ “SEASON OF NORTH 2025” ผ่าน“5 Must Do in Northern Thailand”ของภาคเหนือ ในสไตล์ Modern Lanna

โซนที่ 5 หมู่บ้านภาคใต้ วัฒนธรรมปักษ์ใต้ ผ่านกิจกรรมหล๊บใต้บ้านเรา 14 จังหวัดภาคใต้ ผสมผสามกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ Creativity, Technology, Sustainability

โซนที่ 6  หมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ชวนหลงรักถิ่นอีสาน กับแนวคิด "ประเพณีสีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา" บอกเล่าความเป็นอีสานผ่านวัฒนธรรม ประเพณี อาหาร งานหัตถกรรม มวยโบราณอีสาน วัฒนธรรมและสินค้าที่มีศักยภาพ  ผ่านแนวคิด 5 Must Do in Isan

โซนที่ 7  พันธมิตรและห้าง ททท.: เป็นการรวมพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวสร้างการรับรู้ในแง่มุมต่าง ๆของการท่องเที่ยว อาทิ กระทรวงวัฒนธรรมองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การรถไฟแห่งประเทศไทย และไปรษณีย์ไทย เป็นต้น

โซนที่ 8 เวทีกลาง: รวมความสุขจากเสียงดนตรี จากศิลปินที่มีชื่อเสียง และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม การแสดงร่วมสมัย การเดินแบบแฟชั่นโชว์ และกิจกรรมเล่นเกมส์แจกของรางวัลตลอด 5 วัน

โซนที่ 9 Sustainable Tourism Goals (STGs): แนวคิดเป้าหมายการท่องเที่ยวยั่งยืน สู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิ เป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Tourism) ที่เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยว ผสมผสานไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในการนําเสนอองค์ความรู้เรื่องความยั่งยืน

การจัดงานในครั้งนี้ ททท. คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานตลอด 5 วันจัดงาน จำนวน 130,000 คน สร้างการรับรู้ 45 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 400 ล้านบาท จุดประกายให้นักท่องเที่ยวออกเดินทาง สัมผัสประสบการณ์แบบ Grand Moment “สุขทันที ที่เที่ยวไทย”


สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมงาน "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 43 ประจำปี 2568" วันที่ 26-30 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เข้าร่วมงานฟรีโดยสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถไฟฟ้า MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, เดินทางโดยรถแท็กซี่ ณ จุดบริการ รับ - ส่ง ชั้น G บริเวณฝั่งทะเลสาบ, รถประจำทาง สาย 136 ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center โทร. 1672 Travel Buddy

#เทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี2568 #สุขทันทีที่เที่ยวไทย
#TTF2025 #Amazingthailand #5MustDoInThailand #GrandT

พาราไดซ์ พาร์ค เติมเต็มความต้องการด้านสุขภาพ สู่การเป็น Health & Wellness Destination

พาราไดซ์ พาร์ค ยืนหนึ่งในเรื่องการให้บริการสุขภาพครบวงจร เดินหน้าขยายพันธมิตรด้านสุขภาพชื่อดังหลากหลายอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งสู่การเป็นจุดหมายปลายทางเป็น “สถานีสุขภาพดี”  ที่ครบในด้านสุขภาพและการใช้ชีวิตดี ๆ Health & Wellness Destination เพื่อยกระดับประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไป
จากเดิมให้กับลูกค้าทุกคน เชื่อตอบโจทย์และต่อยอดไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเดิม และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่





หลังจากที่ เอ็ม บี เค ประกาศปรับโฉมใหม่ ศูนย์การค้าพาราไดซ์  พาร์ค พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์และแนวคิดใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Living in Harmony ใส่ใจการใช้ชีวิต กินดี อยู่ดี สุขภาพดี เพื่อยกระดับประสบการณ์ใหม่ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่ดูแลใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ด้วยการให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม ที่ไม่เพียงแต่เน้นการรักษาแต่ยังรวมถึงการสร้างเสริม ป้องกัน ดูแล รักษา บำบัดและฟื้นฟู แบบครบวงจรในย่านศรีนครินทร์ 

นางสาวพุทธชาด ศรีนิศากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการตลาด บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ก่อนที่จะปรับโฉมใหม่และปรับแนวคิดคอนเซ็ปต์ใหม่ ได้มีการศึกษาพฤติกรรมไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าตลอดจนประชาชนพื้นที่โดยรอบ แม้ว่าแต่ละกลุ่มจะมีไลฟ์สไตล์หรือความต้องการที่แตกต่างกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนให้ความสนใจเหมือนกันและมีแนวโน้มว่าจะสนใจเพิ่มมากขึ้น คือ “การดูแลสุขภาพดีไม่ต้องรอ” เพราะเรารวมคลินิคมากมายครบถ้วน ให้คุณเข้าถึงการรักษาได้อย่างสะดวกสบาย มาดูแลสุขภาพไปพร้อมกับการใช้ชีวิตประจำวัน





ตอนนี้มีพันธมิตรด้านสุขภาพ ทั้งคลินิกแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์ทางเลือก ศูนย์ความงามแบบครบวงจร ตลอดจนร้านเพื่อสุขภาพต่าง ๆ กว่า 50 ร้านค้า โดยเฉพาะชั้น 3 มีพื้นที่ 17,014 ตารางเมตร และกว่า 60% ของพื้นที่ ทำเป็น โซน Health & Wellness  ลูกค้าจะพบกับคลินิกชั้นนำมาเปิดให้บริการ อย่าง คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ@พาราไดซ์ พาร์ค ที่ถือเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญกับ โรงพยาบาลรามาธิบดี ในการเปิดศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจรนอกพื้นที่โรงพยาบาล ให้ประชาชนเข้าถึงการดูแลสุขภาพและการบริการที่ครบวงจร โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา อาทิ  อายุกรรม กุมารเวช กระดูกและข้อ
สูติ-นรีเวช เวชศาสตร์ฟื้นฟู แพทย์ทางเลือก คลินิกการนอนหลับ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี และการให้บริการพื้นฐานทางหัตถการที่สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางเข้าเมืองหรือเข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาล สามารถรองรับผู้ป่วยได้ไม่ต่ำกว่า 300 คนต่อวัน  ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการมากว่า 1ปี ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าและประชาชนในพื้นที่ทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ารับบริการต่อเนื่อง 

รวมทั้งมีคลินิกของคุณหมอที่เก่งและเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านต่าง ๆ มาเปิดให้บริการ อาทิ คลินิกกายภาพบำบัด Rehabz By Chersery Home ที่เหมือนยกแผนกกายภาพบำบัดระดับโรงพยาบาลมาไว้ที่นี่ เพื่อดูแลฟื้นฟูสุขภาพด้านกายภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ พร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการรักษา โสฬสคลินิก (SOROT CLINIC)  รักษาไมเกรนและโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ด้วยวิธี
"กดจุดลึกปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น (Deep Acupressure and Muscle Restructuring)" ผสมผสานกับ "การบำบัดจุดกดเจ็บ” อีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สหคลินิก เวลเนสแคร์ ใช้การรักษาด้วยวิถีธรรมชาติบำบัดร่วมกับแผนปัจจุบัน (Integrative Therapy/Integrative Medicine) พร้อมให้ความรู้ในการปรับเปลี่ยนอาหารให้เป็นยา


นอกจากนี้ยังมีศูนย์ดูแลสุขภาพและความงามชั้นนำที่นำนวัตกรรมทันสมัย พร้อมด้วยทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญทั้งด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย เวชศาสตร์ป้องกัน เวชศาสตร์ฟื้นฟู คอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด อาทิ Aestheta Wellness & Aesthetic พบกับการให้บริการที่หลากหลาย อาทิ การปรับสมดุลร่างกายด้วยการคลีนลำไส้ให้สะอาดกับ Colon Hydrotherapy  หรือการดูแลหัวใจด้วย EECP เครื่องมือที่ช่วยเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงหัวใจให้เพิ่มขึ้น  ส่วน S’RENE by SLC คลินิกดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเพื่อคนเมือง ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย อย่าง Smart Focus Shockwave ที่ใช้คลื่นกระแทกที่มีความแม่นยำสูง มารักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ กระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และเพิ่มการไหลเวียนเลือด หรือการรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยการฉีดเกล็ดเลือดด้วยเครื่อง PRP เป็นต้น รวมทั้งยังมีคลินิกแพทย์แผนจีน คลินิกสุขภาพจิต คลิกนิกเฉพาะทางเรื่องการได้ยิน คลินิกทันตกรรม ตลอดจนร้านสินค้าเพื่อสุขภาพและอุปกรณ์ของใช้ผู้สูงอายุ และโซน ตลาดสมุนไพรพรีเมียม นำสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ได้รับการรับรองหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รางวัลจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพ และในไตรมาส 2 นี้จะเปิด ศูนย์ไตเทียม ให้บริการฟอกไต ซึ่งพาราไดซ์ พาร์ค ถือเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกในประเทศไทยที่มีบริการฟอกไต โดยสามารถรองรับผู้มาใช้บริการได้ถึง 16 เตียง ใช้สิทธิ์ประกันสังคม และสิทธิ์ 30 บาท ได้อีกด้วย 

นางสาวพุทธชาด กล่าวเพิ่มเติม ไม่เพียงแค่การเติมเต็มพันธมิตรสุขภาพชั้นนำ หรือผนึกร้านค้าชั้นนำ ร้านอาหารชื่อดังต่าง ๆ ภายในศูนย์การค้าให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าและสร้างทราฟฟฟิกให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น การจัด “อีเว้นท์” เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มทราฟฟิก และช่วยกระตุ้นกำลังซื้อร้านค้าต่าง ๆ เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติได้อีกเช่นกัน

ปัจจุบันทราฟฟิกลูกค้าพาราไดซ์ พาร์ค เฉลี่ยประมาณวันละ 40,000-50,000 คนต่อวัน ในช่วงวันหยุดหรือในวันที่มีการจัดกิจกรรมอีเว้นท์ จะเพิ่มขึ้น 15% โดยกลุ่มลูกค้าของพาราไดซ์ พาร์ค จะเป็นกลุ่มครอบครัว และผู้สูงวัย ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง พบว่ามีเฉลี่ยการใช้จ่ายปกติอยู่ที่ 3,000 บาทต่อบิล แต่เมื่อมีการจัดอีเว้นท์ จะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

เมื่ออีเว้นท์มีส่วนสำคัญในการดึงดูดคนเข้าศูนย์การค้าฯ และช่วยเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยให้กับร้านค้า จึงต้องออกแบบที่มีความโดดเด่น น่าสนใจ และน่าประทับใจ ตลอดจนนำเทรนด์คนดังที่กำลังเป็นกระแสมาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรม เพื่อมอบความสุขและความผ่อนคลายสำหรับทุกคนในครอบครัว รวมทั้งการจัดกิจกรรมที่รองรับกลุ่มผู้สูงอายุ 



โดยอีเว้นท์ที่ครองใจที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อย่าง กิจกรรม “ยังก์ ไหว คลับ” เป็นเหมือนเป็นอีกหนึ่งคอมมูนิตี้ที่กลุ่มผู้สูงวัย ที่ได้ออกมาพบปะพูดคุย เพลิดเพลินกับการใช้เวลาว่างหลังเกษียณ ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ทั้งการเต้นลีลาศ และร้องเพลง กิจกรรม PARADISE PARK KHON THE THEATER การแสดงโขน ให้ชมฟรีในทุกเดือน ซึ่งนอกจากร่วมอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของไทยให้คงอยู่แล้ว ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นอย่างมากทุกคนชื่นชอบและรอคอยเพื่อที่จะมาชื่นชมการแสดง หรือแม้แต่การนำเรื่องเทรนด์การดูแลสุขภาพมาต่อยอดกับ กิจกรรม Paradise Park Health & Wellness ที่จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ จากพันธมิตรคลินิกในศูนย์การค้าฯ อาทิ             Rehabz By Chersery Home สหคลินิก เวลเนสแคร์ มาให้ความรู้ควบคู่การทำเวิร์คช็อปที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ขณะเดียวกันผนึกพันธมิตรกับสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยชั้นนำ ในการจัดการแข่งขันเชิงวิชาการที่สนุกอย่างสร้างสรรค์ทั้งการแข่งขันหุ่นยนต์ การแข่งขันหมากรุกสากล การแข่งขัน Crossword การแข่งขันการ์ดเกม เป็นต้น  





“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนี้ของพาราไดซ์ พาร์ค ไม่เพียงแต่ปรับกลยุทธ์และแนวคิดใหม่ แต่ยังยกระดับประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้า ในการมุ่งสู่การเป็น Health & Wellness Destination จุดหมายปลายทางที่ครบครันในเรื่องการดูแลสุขภาพและการมาใช้ชีวิตดี ๆ ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการ กินดี อิ่มอร่อยร้านอาหารมากมาย อยู่ดี เพลิดเพลินกับสินค้าคุณภาพที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล รวมทั้งกิจกรรมดี ๆ มากมายสำหรับทุกคนในครอบครัว และ สุขภาพดี กับหลากหลายบริการด้านสุขภาพแบบองค์รวมที่พร้อมดูแลคุณทั้งร่างกายและจิตใจ เชื่อว่าจะตอบโจทย์และต่อยอดไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเดิมและยังช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้อีกเช่นกัน” นางสาวพุทธชาด กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เอ็ม บี เค คอนแทคท์เซ็นเตอร์ 1285
พร้อมติดตามกิจกรรม และโปรโมชันดี ๆ ของศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ได้ที่ www.paradisepark.co.th หรือเฟซบุ๊กเพจ Paradise Park อินสตาแกรม paradisepark_th และยูทูป paradiseparkchannel

#พาราไดซ์พาร์ค #Paradisepark  #HEALTHANDWELLNESSDESTINATION
#รามาธิบดีเฮลธ์สเปซ #RehabzByCherseryHome #โสฬสคลินิก #สหคลินิก #Aestheta
#S’RENE #ศูนย์ไตเทียม