31 พฤษภาคม 2568

ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รมช.มท. แถลงข่าวจัดงาน Otop midyear 2025

นางสาว ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน แถลงข่าวการจัดงาน Otop midyear 2025  ภายใต้แนวคิด OTOP ทันโลก ทันสมัย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน   โดยมี นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นาย วรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน   , นายไพโรจน์ โสภาพร รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน , ผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ผู้บริหารหน่วยงานพันธมิตร ผู้บริหารกลุ่มเซนทรัล เข้าร่วม ณ    Zone Groove  the Office ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์         


นางสาว ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  กล่าวว่ารัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพมีงานทำและสร้างรายได้ โดยการสนับสนุนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ สนับสนุนให้ชุมชนได้มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้สมัยใหม่แหล่งเงินทุน รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการ และการตลาดเพื่อเชื่อมโยงสินค้า จากชุมชนสู่ตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยมุ่งหวังให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้า ประกอบกับกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การตลาด และการจำหน่าย “มุ่งเน้นการลดรายจ่าย สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ทั้งในระดับครัวเรือนและชุมชน โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนตามอัตลักษณ์ที่โดดเด่น (OTOP) ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการประสานกับภาคเอกชน เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มตลาดมากขึ้น การสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ซึ่งจะนำสู่การส่งออกสินค้าเชิงวัฒนธรรม และนำหลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ให้ผู้ประกอบการในชุมชนท้องถิ่นเป็นหน่วยธุรกิจในการสร้างงานสร้างรายได้ตามแนวทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน (Sustainable Economy) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า การจัดงานในครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถขยายตลาดและสร้างการรับรู้ให้กับงานศิลปหัตถกรรมจากภูมิปัญญาของคนไทยให้สามารถแพร่หลายและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งชาวไทย และต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมากรมการพัฒนาชุมชนได้มีการนำนวัตกรรมด้านต่างๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา อาทิ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงาม, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีอายุยาวนานขึ้น มีความทันสมัย เหมาะแก่การใช้งานมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจะสามารถเป็นการเพิ่มรายได้และยกระดับความเป็นอยู่ของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ให้ดียิ่งขึ้นอีกทั้งยังคงเป็นการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้สามารถเติบโต ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่สินค้าเพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีคุณภาพ นำไปสู่การขายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับประเทศ ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในอนาคต คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ได้ไม่น้อยกว่า 2000 ครัวเรือน โดยจะสามารถสร้างรายได้ให้เกิดเงินหมุนเวียนใน ระบบเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท ส่งผลให้คนในชุมชนได้ มีกิน มีใช้ สร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็งของประเทศต่อไป OTOP ทำให้เกิดโอกาสกับคนต่างจังหวัด แต่ปัจจุบัน OTOP ไปได้ไกล และนับเป็นพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาที่ทรงแบบลายผ้าและพระราชทานให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ได้นำไปต่อยอดพัฒนาหลากหลายผลิตภัณฑ์ ที่เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย       



นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมโดยการส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพมีงานทำและสร้างรายได้ รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการ และการตลาดเพื่อเชื่อมโยงสินค้าจากชุมชนสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยังมุ่งหวังให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าการจัดงาน “OTOP Midyear 2025 ในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งเสริมการตลาดสินค้า OTOP และกระตุ้นเศรษฐกิจกลางปีที่สำคัญงานหนึ่งของประเทศไทย ผ่านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เติบโต เข้มแข็ง และเชื่อมโยงไปยังเศรษฐกิจระดับมหภาค เพื่อสร้างรายได้ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน โดยภายในงาน มีกิจกรรมหลากหลาย ประกอบด้วย โซนนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิรา ลงกรณพระวชิราเกล้าเจ้าอยู่หัว โซนนิทรรศการกิจกรรมและการจำหน่ายสินค้าของหน่วยงานภาคี โซนแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP 3 - 5 ดาว กว่า 2,000 บูธ โซนโอทอปชวนชิม กว่า 160 ร้านค้าทั่วประเทศ โซน OTOP Trader ประเทศไทย และ OTOP Trader จังหวัด ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานการจัดหาช่องทางการตลาดสินค้า OTOP ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัท โอทอป อินเตอร์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และไฮไลต์สำคัญคือ  โซนศิลปิน OTOP จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากศิลปิน OTOP กว่า 40 รายที่อนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น, โซนชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี, โซนจักสานสู่สากล มีการคัดเลือกผลิตภัณฑ์จักสานมากกว่า 50 รูปแบบที่ผ่านการพัฒนาสู่ความเป็นสินค้าในระดับพรีเมียม ที่พร้อมมานาเสนอให้กับลูกค้าทุกท่านได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ มีหลากหลายรูปแบบ, โซนผ้าไทยใส่ให้สนุก และ First Lady ที่จัดแสดงผ้าที่มีอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด แต่มีดีไซน์ที่ทันสมัยเหมาะกับทุกรุ่น ทุกเพศ ทุกวัยที่สำคัญพลาดไม่ได้กับโซนพิเศษภายในงาน  ที่พลิกโฉม OTOP ไทยสู่โลกออนไลน์และการค้าโมเดิร์นเทรด  โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้ร่วมกับ 8 หน่วยงานพันธมิตร  ได้แก่ Good Goods ภายใต้ วิสาหกิจเพื่อสังคมเซ็นทรัล ของกลุ่มเซ็นทรัล, บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด, บริษัท ติ๊กต็อก (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด (NocNoc), บริษัท เน็กซ์ เจน ช้อป จำกัด (NexGen e-commerce), บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด   (7-11) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (โครงการไทยเด็ด) ที่ร่วมกันส่งเสริมด้านการตลาดให้ OTOP มีช่องทางการตลาด สู่โลกออนไลน์และการค้าโมเดิร์นเทรด สามารถสร้างรายได้ มีกำไรกลับคืนสู่ชุมชน           

นอกจากนี้ ยังมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องชื่อดังมาร่วมสร้างความบันเทิง  พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการขายภายในงานอีกมากมาย อาทิ การจับสลากรางวัลชิงโชค ร่วมลุ้นรับทองคำ มูลค่ากว่า 400,000 บาท นอกจากนี้ กรมการพัฒนาชุมชน ยังได้ร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชน เพิ่มช่องทางการจำหน่ายนำเสนอสินค้า OTOP ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์  เพิ่มช่องทางการขายผ่านโซเชียลมีเดีย  ต่างๆ ผ่าน Studio Live สร้างความน่าสนใจด้วยคอนเทนต์และกิจกรรมออนไลน์แบบทันสมัย  เพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์  เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อเชื่อมต่อกับผู้ผลิตแบบตรงๆ และร่วมสร้างชุมชนดิจิทัล          

จึงอยากขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านร่วมสนับสนุนสินค้าจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการOTOP ในงาน “OTOP Midyear 2025  ภายใต้แนวคิด OTOP ทันโลก ทันสมัย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน  พบกับความหลากหลายของสินค้าที่คัดสรรจากทั่วทุกภูมิภาคของไทยมาให้ ชม ชิม ช้อป กันอย่างเพลิดเพลิน  ตั้งแต่วันที่ 7 - 15  มิถุนายน 2568 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 - 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี หรือท่านใดที่ไม่มีเวลาแวะมาเลือกซื้อ เลือกช้อปกันที่เมืองทอง ก็สามารถร่วมอุดหนุนสินค้าจากภูมิปัญญาของชุมชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน ขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนในการสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ให้พี่น้องผู้ผลิต ผู้ประกอบการ กันนะครับ” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รมช.มท. แถลงข่าวจัดงาน Otop midyear 2025   ทันโลก ทันสมัย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน          

       

30 พฤษภาคม 2568

กรมการท่องเที่ยวไปสุด! ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวโลก


กรมการท่องเที่ยวไปสุด! ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวโลกดันผู้ประกอบการคุณภาพสู่ต้นแบบความสำเร็จ ผ่านมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย “ช้างชูงวงเริงร่า”

“สรวงศ์ เทียนทอง” ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวโลกตามนโยบายรัฐบาล โดยยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยผ่านการรับรองคุณภาพบริการและมาตรฐาน  “ช้างชูงวงเริงร่า” รวมถึงมาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียน, ISO และGreen Destinations ขับเคลื่อนผู้ประกอบการ โฮมสเตย์ ชุมชน แหล่งท่องเที่ยวสู่ต้นแบบความสำเร็จ เสริมศักยภาพSupply Side ยกระดับไทยสู่คุณภาพระดับโลก



กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกรมการท่องเที่ยว จัดพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ประจำปี พ.ศ. 2568 เมื่อเร็วๆนี้ ณ ห้องเซ็นทาราแกรนด์บอลรูม  ชั้น L โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ  หนึ่งในโรงแรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย มาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยว ประเภทโรงแรม โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกล่าวแสดงความยินดี  และมอบเครื่องหมาย รับรอง มาตรฐานการท่องเที่ยวไทย แก่ผู้ประกอบการ โฮมสเตย์ ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวที่ผ่านการตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยจากกรมการท่องเที่ยว ทั้งประเภทที่พักเพื่อการท่องเที่ยว บริการท่องเที่ยว กิจกรรมการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว มาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียน มาตรฐาน ISO และ Green Destinations ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รวมทั้งสิ้น 488 ราย โดยภายในงาน มีการเสวนาหัวข้อ “Standards: The Bridge to Success and Competitive Capabilities” ที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวชั้นนำซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยร่วมแบ่งปันประสบการณ์ จริง ทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพบริการและกลยุทธ์การบริหารจัดการ ตอกย้ำว่ามาตรฐานคือสะพานสู่ความสำเร็จและศักยภาพในการแข่งขัน


กรมการท่องเที่ยวได้ดำเนินการจัดพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยเป็นประจำทุกปี เพื่อยกย่องผู้ประกอบการ โฮมสเตย์ ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยว ที่มีศักยภาพและเป็นต้นแบบ แห่งความสำเร็จ ผู้ซึ่งผ่านกระบวนการตรวจประเมินที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มุ่งเน้น การยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยผ่านการพัฒนาคุณภาพบริการ การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยใช้ Soft Power และการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพื่อให้นักท่องเที่ยว จากทั่วโลกได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน เป็นเลิศทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับสากล พร้อมเสริมสร้างความเชื่อมั่น ในศักยภาพของไทย ในฐานะจุดหมายปลาย ทางคุณภาพ ระดับโลก ทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ คุณค่า และมูลค่า ให้เครื่องหมายมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย “ช้างชูงวงเริงร่า” เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว และสาธารณชนทั่วไป ตลอดจนกระตุ้นและเชิญชวนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้าสู่กระบวนการรับรองมาตรฐานเพิ่มขึ้น



ทั้งนี้ มาตรฐานการท่องเที่ยวไทย เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมยกระดับห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการบริหารจัดการและการให้บริการที่ดีมีคุณภาพ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ทุกกลุ่ม และสร้างความยั่งยืนสู่ผู้ประกอบการ มีทั้งสิ้น56 มาตรฐาน อายุการรับรองมาตรฐาน 3 ปี ครอบคลุมการท่องเที่ยวในด้านต่าง ๆ ทั้งที่พัก สินค้าและบริการท่องเที่ยวด้านกิจกรรมท่องเที่ยว ด้านแหล่ง ท่องเที่ยว และด้านธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ผู้ได้รับการรับรองมาตรฐานได้รับประโยชน์ในการยกระดับคุณภาพการให้บริการและการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐ สร้างรายได้และเกิดความยั่งยืน ในการประกอบ ธุรกิจท่องเที่ยว ช่วยเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการสถานประกอบการท่องเที่ยว ชุมชน โฮมสเตย์ และมัคคุเทศก์ ที่ได้รับรอง มาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ด้วยความมั่นใจ คุ้มค่า โดยสามารถค้นหาสถานที่และสถานประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ผ่านทางเว็ปไซต์ tts.dot.go.th และเฟซบุ๊ก Thailand Tourism Standard สำหรับผู้ที่สนใจก้าวเข้าสู่มาตรฐานการท่องเที่ยวไทย


สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2141 3235 และอีเมล tsactourism@gmail.com

กรมการท่องเที่ยวไปสุด! ปักหมุดไทยผ่านมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย “ช้างชูงวงเริงร่า”


“สรวงศ์ เทียนทอง” ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวโลกตามนโยบายรัฐบาล โดยยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยผ่านการรับรองคุณภาพบริการและมาตรฐาน “ช้างชูงวงเริงร่า” รวมถึงมาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียน, ISO และGreen Destinations ขับเคลื่อนผู้ประกอบการ โฮมสเตย์ ชุมชน แหล่งท่องเที่ยวสู่ต้นแบบความสำเร็จ เสริมศักยภาพ Supply Side ยกระดับไทยสู่คุณภาพระดับโลก

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกรมการท่องเที่ยว จัดพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ประจำปี พ.ศ. 2568 ณ ห้องเซ็นทาราแกรนด์บอลรูม ชั้น L โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ หนึ่งในโรงแรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย มาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยว ประเภทโรงแรม โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกล่าวแสดงความยินดีและมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย แก่ผู้ประกอบการ โฮมสเตย์ ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวที่ผ่านการตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยจากกรมการท่องเที่ยว ทั้งประเภทที่พักเพื่อการท่องเที่ยว บริการท่องเที่ยว กิจกรรมการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว มาตรฐาน การท่องเที่ยวอาเซียน มาตรฐาน ISO และ Green Destinations ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รวมทั้งสิ้น 488 ราย โดยภายในงานมีการเสวนาหัวข้อ “Standards: The Bridge to Success and Competitive Capabilities” ที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวชั้นนำซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยร่วมแบ่งปันประสบการณ์จริง ทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพบริการและกลยุทธ์การบริหารจัดการ ตอกย้ำว่ามาตรฐานคือสะพานสู่ความสำเร็จและศักยภาพในการแข่งขัน



กรมการท่องเที่ยวได้ดำเนินการจัดพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยเป็นประจำทุกปี เพื่อยกย่องผู้ประกอบการ โฮมสเตย์ ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จ ผู้ซึ่งผ่านกระบวนการตรวจประเมินที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มุ่งเน้นการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยผ่านการพัฒนาคุณภาพบริการ การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยใช้ Soft Power และการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน เป็นเลิศทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับสากลพร้อมเสริมสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางคุณภาพระดับโลก ทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ คุณค่า และมูลค่า ให้เครื่องหมายมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย “ช้างชูงวงเริงร่า” เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและสาธารณชนทั่วไป ตลอดจนกระตุ้นและเชิญชวนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้าสู่กระบวนการรับรองมาตรฐานเพิ่มขึ้น




ทั้งนี้ มาตรฐานการท่องเที่ยวไทย เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมยกระดับห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการบริหารจัดการและการให้บริการที่ดีมีคุณภาพ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มและสร้างความยั่งยืนสู่ผู้ประกอบการ มีทั้งสิ้น 56 มาตรฐาน อายุการรับรองมาตรฐาน 3 ปี ครอบคลุมการท่องเที่ยวในด้านต่าง ๆ ทั้งที่พัก สินค้าและบริการท่องเที่ยว






ด้านกิจกรรมท่องเที่ยว ด้านแหล่งท่องเที่ยว และด้านธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ผู้ได้รับการรับรองมาตรฐานได้รับประโยชน์ในการยกระดับคุณภาพการให้บริการและการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐ สร้างรายได้และเกิดความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ช่วยเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการสถานประกอบการท่องเที่ยว ชุมชน โฮมสเตย์ และมัคคุเทศก์ที่ได้รับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ด้วยความมั่นใจ คุ้มค่า โดยสามารถค้นหาสถานที่และสถานประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ผ่านทางเว็ปไซต์ tts.dot.go.th และเฟซบุ๊ก Thailand Tourism Standard

สำหรับผู้ที่สนใจก้าวเข้าสู่มาตรฐานการท่องเที่ยวไทย สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2141 3235 และอีเมล tsactourism@gmail.com

JB Group สยายปีก ปักธงตลาดจีน ยึดความสำเร็จการค้า "Laos Model"

จับตา JB Group ภายใต้การกุมบังเหียน ของ “ CEO JIM ” ชาคริต นักสอน สยายปีก ผนึกพันธมิตรนำทัพสินค้าไทยเปิดตลาดจีน นำร่องปักธง "สิบสองปันนา" ยึดแนวทางความสำเร็จการค้า "Laos Model” ก่อนตั้งเป้า รุกเชื่อมโยง เส้นทางสายไหมยุคใหม่ (BRI - Belt and Road Initiative) สู่นคร คุนหมิง และมหานคร ฉงชิ่ง, คาซัคสถาน ,รัสเซีย จนถึงยุโรป ด้าน กงศุลพาณิชย์คุนหมิง พร้อมหนุนผู้ประกอบการไทย โกอินเตอร์ เวทีตลาดโลก

เมื่อวันที่  29 พฤษภาคม 2568 คุณชาคริต นักสอน ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท เจ บี  (JB Group) ร่วมลงนามในพิธีเซ็นเอ็มโอยู (MOU) ระหว่าง บริษัท JB Bangkok กับ คุณอันซาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Xishuangbanna Taibanna จำกัด ผู้นำเข้าสินค้ารายใหญ่จากประเทศจีน  ณ ห้องประชุมบริษัท JB Bangkok โดยมีคณะผู้บริหารของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานและแสดงความยินดีในความร่วมมือเป็นคู่ค้า นำสินค้าไทยไปจำหน่ายประเทศจีนตอนใต้ นำร่องในพื้นที่สิบสองปันนา 

คุณชาคริต  เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัท เจบี กรุ๊ป มีธุรกิจ หลัก ในการจัดจำหน่ายสินค้าใน สปป.ลาว  มากกว่า 20 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มีอัตราเติบโตของ ยอดขาย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากการที่ เป็นตัวแทน จัดจำหน่าย สินค้าอุปโภคบริโภคแต่เพียงผู้เดียวใน สปป..ลาว ให้กับ กลุ่ม  บริษัท พันธมิตร อาทิ บริษัทดัชมิลล์ ประเทศไทย, บริษัทในเครือ BJC เบอร์ลี่ ยุคเกอร์,บริษัท อาหารยอดคุณ ,บริษัท f-plus (ฟ้าไทย) เป็นต้น 

จากความสำเร็จอย่างมากในการสร้างรากฐานการจัดจำหน่ายสินค้าที่แข็งแกร่ง ใน สปป. ลาว จึงจุดประกายให้ตนเองจะยึดเป็น "โมเดลลาว" ในการขยายโอกาสมุ่งหน้าสู่ตลาดจีน และมีการเซ็นเอ็มโอยู กับ  บริษัทคู่ค้าจากจีน คือ Xishuangbanna Taibanna ในครั้งนี้




โอกาสนี้ ยังได้เชิญ ผู้บริหาร Xishungbanna Taibanna มาร่วมแนะนำสินค้าของแบรนด์พันธมิตรในงาน THAIFEX-Anuga Asia 2025 อิมแพค เมืองทองธานี ด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากเจ้าของสินค้าทุกแบรนด์ที่เคยร่วมค้าขายด้วยกันมา จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายการจัดจำหน่ายสู่ ตลาดจีนตอนใต้ สิบสองปันนา ก่อนในระยะแรก


สำหรับแผนในอนาคตอันใกล้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นภายใน 2 ปีข้างหน้า ทาง JB Bangkok  ตั้งเป้าที่จะทำการค้าเชื่อมโยงบนเส้นทางสายไหมยุคใหม่ (BRI - Belt and Road Initiative) เพื่อขยายการจัดจำหน่ายไปสู่ นครคุนหมิง และมหานคร ฉงชิ่ง, คาซัคสถาน ,รัสเซีย จนถึงยุโรปต่อไป "  ผมหวังว่า เรื่องราวความสำเร็จของ
JB Bangkok จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทย ผู้ประกอบการสินค้าไทย กล้าที่จะมองโลกให้กว้างขึ้น และก้าวออกไปทำการตลาดในต่างประเทศ ดังเช่นที่ JB Bangkok กำลังทำ ถ้ามองภาพ ให้ชัดเจนขึ้นคือ ปัจจุบันประชากรในลาวและจีนตอนใต้  (สิบสองปันนา) มีประมาณ 9 ล้านคน แต่หากรวมประชากรทั้งหมดตามเส้นทาง BRI ไปจนถึงยุโรป ตัวเลขจะพุ่งสูงเกือบ 900 ล้านคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า โอกาส
ทางธุรกิจนั้นมีอยู่มากมายมหาศาลสำหรับประเทศไทย"  คุณชาคริต กล่าวย้ำ



ด้านคุณอันซาน กล่าวว่า  บริษัท เป็นผู้จำหน่ายสินค้า ในมณฑลยูนนานและสิบสองปันนา ประเทศจีน มานาน ซึ่งที่ผ่านมาก็นำเข้าผลผลิตการเกษตร ผลไม้ สินค้าอุปโภคบริโภค จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลักอยู่แล้ว  ส่วนเหตุผลที่เลือกค้ากับ ทาง JB Bangkok เนื่องจาก ได้รู้จักชื่อเสียง และจากคำแนะนำ ของท่านกงศุลพาณิชย์ นครคุนหมิงรวมทั้งได้มีโอกาส พบปะในงานแสดงสินค้าที่ภาครัฐและเอกชนไทยจัดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และทราบว่า เจบี กรุ๊ป ทำธุรกิจในลาว ประสบความสำเร็จ อย่างมาก จึงมั่นใจว่าการตกลงทำการค้าร่วมกันครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จเหมือนที่ใน ประเทศลาวได้ 

ขณะที่ คุณณัฐ วิมลจันทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง (กงศุล
ฝ่ายพาณิชย์) เปิดเผยว่า มีความยินดีและภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทั้งสองบริษัท ได้พบปะเจรจาการค้าร่วมกัน จนบรรลุข้อตกลงการเซ็นเอ็มโอยู สู่การดำเนินธุรกิจต่อไป"ผมมั่นใจว่า การเซ็นเอ็มโอยู ร่วมกันระหว่าง JB Bangkok และ Xishuangbanna Taibanna เป็นก้าวสำคัญที่ผู้ประกอบการไทย ได้สามารถทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับ และเปิดตัวเข้าสู่ตลาดจีนในสิบสองปันนา เชียงรุ้ง มณฑลยูนนาน และมณฑลต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น และถือเป็นความภาคภูมิใจของของสถานกงศุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ที่ได้ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย สามารถโกอินเตอร์ และเติบโตต่อไปในอนาคตครับ"
คุณณัฐ กล่าวในตอนท้าย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงาน "THAIFEX-Anuga Asia 2025" อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค.68 นั้น คุณชาคริต ยังนำคณะผู้บริหาร JB Bangkok และบริษัท Xishungbanna พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้า ของแบรนด์สินค้าชั้นนำที่เป็นพันธมิตรของBJC (บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด(มหาชน)โดยมี คุณพัชร ปรีดาศักดิ์ Sr.Business Manager-laos & Vietnam ให้การต้อนรับ  และยังเยี่ยมชมบูธ บริษัท อาหารยอดคุณ จำกัด  อย่างดีมาตลอด ได้แก่ดัชมิลล์, BJC ,ยอดคุณ, เอฟพลัส ผงปรุงรสฟ้าไทย, เซปเป้บิวตี้ดริ้ง,  ฉั่วฮะเส็ง ,thai coco และ ครัววังทิพย์ เป็นต้น การเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าต่างๆ ดังกล่าว ยังได้รับการต้อนรับและแนะนำสินค้าอย่างอบอุ่น เป็นกันเอง จากผู้บริหารและเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ สร้างความประทับใจต่อคณะผุู้บริหาร JB Bangkok และ บริษัท Xishuangbanna เป็นอย่างมาก 


ล่าสุด คุณชาคริต พร้อมด้วยผู้บริหาร บริษัท Xishuangbanna ยังเข้าพบปะเจรจาการค้ากับคณะผู้บริหารบริษัท  เอสดี กัทธรี อินเตอร์เนชั่นแนล มรกต จำกัด (มหาชน)  ผู้ผลิตน้ำมันและผลิตภัณฑ์ ประกอบอาหารจากปาล์ม ถั่วเหลือง เมล็ดดอกทานตะวัน ข้าวโพด และดอกคาโนลา ชั้นนำของประเทศไทยอีกด้วย โดยมีคุณอัสนี มาลัมพุช กรรมการผู้จัดการ, คุณนุชนาถ สุขมงคล ผู้จัดการทั่วไป ให้การต้อนรับ ซึ่งมีผลสรุปร่วมกันอย่างดี ในการนำน้ำมันพืชมรกต ไปจำหน่ายที่สิบสองปันนา ในเร็วๆ นี้

29 พฤษภาคม 2568

ครั้งแรกที่หม้อแดง พร้อมผัดสุกี้แห้งถึงโต๊ะ!

MK Restaurants เสิร์ฟเมนูใหม่ “สุกี้ผัดแห้งเอ็มเค” หม้อแดงหม้อเดิม เพิ่มเติมคือประสบการณ์ใหม่ 


MK Restaurants ตอกย้ำผู้นำแบรนด์สุกี้ในประเทศไทย ลุยสร้างสีสันกระตุ้นตลาดให้คึกคัก พร้อมจับกระแสเทรนด์มาแรงเอาใจคนรุ่นใหม่ เปิดตัวแคมเปญ “สุกี้ผัดแห้ง” ครั้งแรกที่หม้อแดงหม้อเดิมที่คุ้นเคย เพิ่มเติมคือประสบการณ์ใหม่ที่พร้อมมาผัดให้ถึงโต๊ะ ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าและสร้างปรากฏการณ์สะเทือนวงการ #สุกี้ผัดแห้งเอ็มเคใกล้ฉัน เสิร์ฟพร้อมกันทุกสาขากว่า 400 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 – 31 สิงหาคม 2568 นี้เท่านั้น 


คุณทานตะวัน ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เทรนด์การกินสุกี้ผัดแห้งยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงจากข้อมูลบน Social Listening ที่มีคำค้นหาถึงประเภทสุกี้มากที่สุดคือ ‘สุกี้แห้ง’ ถึง 49% โดยเมื่อต้นปีก็ยังมีประเด็นถกเถียงบนโลกโซเชียลว่า ‘สุกี้แห้งต้องผัดหรือไม่ผัด’ และที่สำคัญก็มีผู้บริโภคหลายคนได้ครีเอทเมนูสุกี้ผัดแห้ง พร้อมชูความอร่อยและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ ‘น้ำจิ้มสุกี้เอ็มเค’ 

ทั้งหมดกลายเป็นแรงบันดาลใจสู่แคมเปญใหม่ “สุกี้ผัดแห้งเอ็มเค” ที่เกิดจาก Customer Insight อย่างแท้จริง ผ่านการนำเสนอความคุ้มค่าและปลดล็อคตำนานหม้อแดงกว่า 39 ปี หม้อเดิมที่ทุกคนคุ้นเคยในร้าน MK Restaurants มาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า โดยการครีเอทสิ่งที่มีอยู่เดิมนี้ให้กลายเป็นสิ่งใหม่ที่มีคุณค่าและน่าสนใจยิ่งขึ้น 

ประสบการณ์ใหม่จากเมนู ‘สุกี้ผัดแห้งเอ็มเค’ ของ MK Restaurants

• ครั้งแรกที่หม้อแดงหม้อเดิมที่คุ้นเคย เพิ่มเติมคือประสบการณ์ใหม่ที่พนักงานจะมาผัดให้ถึงโต๊ะลูกค้า 

• น้ำจิ้มสุกี้ผัดแห้ง สูตรลับที่คิดค้นมาเพื่อสุกี้ผัดแห้งเอ็มเคโดยเฉพาะ

• เลือกชุดสุกี้ผัดแห้งเอ็มเคที่ใช่ กับ 3 ชุดอร่อย ทั้งสุกี้ผัดแห้งหม้อแดงหมู, สุกี้ผัดแห้งหม้อแดงเนื้อ และสุกี้ผัดแห้งหม้อแดงทะเล เริ่มต้นเพียง 199 บาท/ชุด (สำหรับ 2 ท่าน)

• สนุกกับการเพิ่มท็อปปิ้งในเมนูสุกี้ผัดแห้งเอ็มเคได้ตามสไตล์ 

• ความอร่อยครบเซตกับเมนูโปรดกับชุดสุกี้ผัดแห้งเอ็มเคสุดคุ้ม เสิร์ฟพร้อมเป็ดย่างหมูกรอบ และชุดสุกี้ผัดแห้งจัดเต็ม ที่มาพร้อมเป็ดย่างหมูกรอบ (ใหญ่), บะหมี่หยก (ใหญ่) และก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้ง 


นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันสุดพิเศษจาก MK Restaurants x เป๋าตังเปย์ เพียงเก็บคูปองส่วนลดและสแกนจ่าย ผ่านเป๋าตังเปย์วอลเล็ต บนแอปเป๋าตัง ที่ร้าน MK Restaurants ทุกสาขา รับส่วนลดทันที 50 บาท เมื่อสั่งเมนูสุกี้ผัดแห้งเอ็มเค เมนูใดก็ได้ และมียอดชำระตั้งแต่ 199 บาทขึ้นไป ตั้งแต่ 29 พฤษภาคม 2568 – 

31 สิงหาคม 2568 (หรือจนกว่าสิทธิ์จะเต็ม) เฉพาะทานที่ร้านหรือซื้อกลับบ้านเท่านั้น จำกัด 1 สิทธิ์/1 คน/เดือน 

(ลูกค้า 1 ท่านจะได้รับสูงสุด 3 สิทธิ์ตลอดแคมเปญ) จำกัด 50,000 สิทธิ์แรก/เดือน (สิทธิ์ในเดือนแรกจะนับตั้งแต่วันที่ 

29 พฤษภาคม 2568 – 30 มิถุนายน 2568) รวม 150,000 สิทธิ์ ตลอดระยะเวลาส่งเสริมการขาย เงื่อนไขเป็นไป ตามที่ธนาคารและบริษัทกำหนด ติดตามรายละเอียดโปรโมชันจากเป๋าตังเปย์ ที่ https://krungthai.com/link/ptp-promotion 

ติดตามรายละเอียดแคมเปญ สุกี้ผัดแห้งเอ็มเค และติดตามการอัพเดตแคมเปญใหม่ ๆ ของ MK Restaurants แบบต่อเนื่องตลอดทั้งปี ได้ที่ https://www.facebook.com/mkrestaurants

สหฟาร์มพลิกโฉมอาหารฮาลาล อวดเมนูใหม่ในงาน THAIFEX 2025

เปิดตัวแคมเปญ “Halal With Heart” ชูศรัทธา สู่มาตรฐานโลก

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ “ความเชื่อมั่นในสิ่งที่กิน” มากกว่าราคาและรสชาติ “อาหารฮาลาล”
จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของศาสนา แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความสะอาด ปลอดภัย และเคารพต่อผู้บริโภคในระดับโลก – และนั่นคือเหตุผลที่ สหฟาร์ม (SAHA FARMS) เดินหน้าตอกย้ำจุดยืนของผู้นำในตลาดอาหารฮาลาลอย่างเต็มรูปแบบ ในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025: Beyond Food Experience ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคมนี้ ณ บูธ 2-U29, อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2, เมืองทองธานี

ไฮไลต์พิเศษในงานวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 คือกิจกรรม “Halal Cooking Experience” โดย ดร.จารุวรรณ โชติเทวัญ ประธานสายการตลาดต่างประเทศ บัญชี และการเงิน บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ที่จะมาร่วม สาธิตเมนูเด็ดจากผลิตภัณฑ์ฮาลาล พร้อมแชร์เบื้องหลังการพัฒนาแนวคิด “Halal With Heart – ฮาลาลด้วยหัวใจ” ที่ชูจุดแข็งของสหฟาร์มในฐานะผู้ผลิตอาหารฮาลาลที่เข้าใจศรัทธาอย่างแท้จริง

ดร.จารุวรรณ กล่าวถึงที่มาของแคมเปญว่า “ฮาลาลสำหรับเรา ไม่ใช่แค่ตรารับรอง แต่มันคือหัวใจของการผลิตทุกวัน ดังนั้นเราต้องการให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสิ่งที่เขากิน สะอาด ถูกหลักศาสนา”

แคมเปญ “Halal With Heart” คือการยกระดับความเชื่อมั่นในอาหารฮาลาล ด้วย 3 เสาหลักแห่งคุณภาพ:

1.คนมุสลิมจริง ดูแลจริง – ทีมงานมุสลิมในสายการผลิตและควบคุมคุณภาพที่เข้าใจและปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลามทุกขั้นตอน

2.มาตรฐานฮาลาลจากสำนักกรรมการกลางอิสลามฯ – ครอบคลุมทั้งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ทำความสะอาด และโลจิสติกส์

3.ศรัทธา และความใส่ใจต่อการอยู่ร่วมกัน – โรงงานจัดพื้นที่ละหมาดที่สะอาดและสงบ สนับสนุนการใช้ชีวิตตามหลักศาสนาอย่างจริงจัง



ดร.จารุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลาดฮาลาลนั้นใหญ่กว่าแค่กลุ่มมุสลิม โดยอาหารฮาลาลไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้บริโภคมุสลิมอีกต่อไป ด้วยภาพลักษณ์ของความ “สะอาด ปลอดภัย ถูกหลักศาสนา” ทำให้สินค้าฮาลาลได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความต้องการสินค้าโปรตีนที่ได้รับการรับรองฮาลาลเพิ่มขึ้นทุกปี จากข้อมูลที่ได้ทำการศึกษามา พบว่าตลาดอาหารฮาลาลโลกในปี 2025 มีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทย โดยเฉพาะแบรนด์ผู้นำอย่าง สหฟาร์ม มีบทบาทสำคัญในการป้อนสินค้าสู่ตลาดสากล ทั้งกลุ่มเนื้อไก่แช่แข็ง เนื้อไก่ปรุงสุก ไปจนถึงสินค้าประมง เช่น ปลาดุกแช่แข็งฮาลาล ที่เริ่มบุกตลาดใหม่ๆ แล้วเช่นกัน เสียงจริงจากคนทำงานจริง โดยภายในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 สหฟาร์มยังเปิดตัวทีมงานชาวมุสลิมจากสายการผลิต 4 คน ที่จะร่วมพบปะและให้ข้อมูลโดยตรงแก่ลูกค้าและผู้สนใจภายในบูธ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า “เบื้องหลังสินค้า ทุกชิ้นคือหัวใจของคนทำงาน”

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สหฟาร์มเคยคว้ารางวัล Prime Minister’s Export Award 2024 สาขา Best Halal และได้ร่วมงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านอาหารฮาลาลจากภาคเอกชน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากทั้งในและต่างประเทศอย่างชัดเจน จึงเป็นอีกก้าวนึงของเส้นทางเวทีโลกของสหฟาร์ม

ท่านใดสนใจพบกับสหฟาร์มได้ที่บูธ 2-U29 และร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับอาหารฮาลาลที่ “ทานได้ทุกศาสนา อร่อยได้ทุกวัน” ได้ที่งาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ในวันที่ 27 – 31 พฤษภาคม 2568
ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2, เมืองทองธานี

28 พฤษภาคม 2568

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย จัดโปรกลางปีราคาดีสบายกระเป๋า 𝗠𝗶𝗱-𝗬𝗲𝗮𝗿 𝗘𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲 𝗗𝗲𝗮𝗹

หนีความวุ่นวาย มาผ่อนคลายที่เชียงราย โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่นจัดโปรกลางปีราคาดี สบายกระเป๋า 𝗠𝗶𝗱-𝗬𝗲𝗮𝗿 𝗘𝘀𝗰𝗮𝗽𝗲 𝗗𝗲𝗮𝗹 จองห้องพักวันนี้ รับสิทธิพิเศษฟรีอัพเกรดห้องพักเดอลักซ์เป็นห้องสวีท แล้วมาชาร์ตพลังกาย พลังใจ รับพลังบวก ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน 2568 ห้องดีลักซ์ ไม่รวมอาหารเช้า 𝟭,𝟱𝟬𝟬.- บาท หรือห้องดีลักซ์ รวมอาหารเช้า 𝟭,𝟳𝟬𝟬.- บาทแล้วอัพเกรดห้องพักเป็น 𝐄𝐱𝐞𝐜𝐮𝐭𝐢𝐯𝐞 𝐒𝐮𝐢𝐭𝐞 (ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องว่าง)



โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่นถูกออกแบบอย่างหรูหราได้มาตรฐานระดับสากล รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งสะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมล้านนา มีล็อบบี้ต้อนรับอันโอ่โถง ล็อบบี้เลาจน์ ออกล้านนาร่วมสมัย ด้วยภาพวาดสีสะท้อนถึงศิลปะพื้นบ้านของชาวเชียงราย ห้องอาหารนานาชาติ ศูนย์ออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ รวมถึงพื้นที่สีเขียวเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง พร้อมติดตั้งเครื่องไบโอโซน (BIOZONE ระบบ Photoplasma Technology) ภายในโรงแรมฯ ซื่งสามารถฆ่าเชื้อโรค PM2.5 และกำจัด ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ได้ถึง 99.99% และยังถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาทางด้านมลพิษในอากาศ และพื้นผิวสัมผัส รวมทั้งกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานต่างๆ ทำให้อากาศภายในโรงแรมฯ บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และความไว้วางใจ ใน การเข้ามาใช้บริการของแขก

สำรองห้องพักที่: bit.ly/3eCYMKY
หรือสอบถามรายละเอียด กรุณาโทร 052 055 888 www.heritagechiangrai.com