31 กรกฎาคม 2568

พม.หนุนองค์กรชุมชนทั่วประเทศ

พม. หนุนองค์กรชุมชนทั่วประเทศขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยจากฐานราก 


ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ วานนี้ (31 กรกฎาคม 2568) นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดนิทรรศการและหมู่บ้านวัฒนธรรมชุมชน 5 ภาค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานมหกรรมวิถีพลังไท 3 "พลังองค์กรชุมชน เปลี่ยนประเทศไทย" (Community Power : Transforming Thailand)จัดโดย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
หรือ พอช. ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2568 ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี)
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ 




ภายหลังจากเปิดงาน นายธเนศพลได้เยี่ยมชมนิทรรศการและหมู่บ้านวัฒนธรรมชุมชน 5ภาค จากนั้นได้มอบนโยบายสำคัญในหัวข้อ “รัฐบาลกับการสนับสนุนความเข้มแข็งองค์กรชุมชนสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย” ต่อผู้แทนองค์กรชุมชนกว่า 300,000 แห่งทั่วประเทศที่เข้าร่วมแสดงผลงาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน และเสริมความเข้มแข็งของประชาธิปไตยให้มีความเข้มแข็งโดยมีชุมชนท้องถิ่นคือหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้เป้าหมายเหล่านี้เป็นจริงได้ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่ให้ความสำคัญกับการสร้างเข้มแข็งจากภายใน การพัฒนาศักยภาพของคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเป็นธรรม เพื่อเน้นย้ำบทบาทขององค์กรชุมชนในฐานะพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน





“กระทรวงพม. ให้ความสำคัญกับการสร้าง “สังคมที่เข้มแข็ง ยั่งยืน และเป็นธรรม” โดยมีนโยบายหลักที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส นโยบายเหล่านี้ครอบคลุมหลายมิติ ผ่านการแก้ไขปัญหาวิกฤตประชากรโดยชุมชนจะมีส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนาทุกมิติ เพื่อให้ทุกนโยบายที่วางไว้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง เป้าหมายของเราคือการสร้าง “สังคมที่คนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับการคุมครองและมีหลักประกันทางสังคมอย่างทั่วถึง มีส่วนร่วมในการพัฒนาและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตลอดไป” นายธเนศพล กล่าว  





ด้านนายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กล่าวว่า พอช. เป็นองค์กรที่สนับสนุนการดำเนินงานของขบวนองค์กรชุมชนและประชาสังคมในการสร้างความเข้มแข็ง ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาสังคม เพื่อพัฒนา คุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชน โดยมีเป้าหมาย "ชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง เต็มพื้นที่ประเทศไทย" โดย พอช. มีการขับเคลื่อน ชุมชนเข้มแข็งจนเกิดพื้นที่ต้นแบบและรูปธรรมการดำเนินงานและเพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาส ด้วยการเข้าถึงบริการสวัสดิการและอาชีพ และส่งเสริมทุนมนุษย์ ให้ทุกวัยสามารถพึ่งพาตนเอง เสริมความเข้มแข็งของครอบครัวและชุมชน เป็นรากฐานการพัฒนาบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน รัฐ เอกชน และภาคประชาชน ซึ่ง พอช.มีการหนุนเสริมการทำงานร่วมกับขบวนองค์กรชุมชนทั่วประเทศ “ผลงานเหล่านี้สะท้อนว่า เมื่อชุมชนมีความเข้มแข็งและได้รับการสนับสนุนอย่างถูกจุด ชุมชนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ การจัดงานมหกรรมวิถีพลังไทในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นเวทีแสดงศักยภาพ แต่ยังเป็นพื้นที่เรียนรู้ แลกเปลี่ยน และขยายผลสู่การพัฒนาในระดับประเทศ เป็นแรงบันดาลใจโดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ให้เห็นคุณค่าของการทำงานเพื่อสังคม” นายกฤษดากล่าว

ขณะที่ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่า ตลอดกว่า 25 ปีที่ผ่านมา องค์กรชุมชนได้ขับเคลื่อนงานพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี พอช. เป็นกลไกหลักที่ร่วมมือกับทุกภาคส่วน ผลักดันนโยบายที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง







“การจัดงานครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เวทีแสดงผลงาน แต่คือจุดเปลี่ยนของประเทศ ที่สะท้อนถึงพลังของคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นมาสร้างระบบใหม่จากบริบทของตนเอง ชุมชนไม่ได้รอความช่วยเหลือจากใคร แต่ลงมือเอง เพื่ออนาคตที่มั่นคงและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ดร.กอบศักดิ์กล่าว

งานมหกรรมวิถีพลังไท 3ฯ จึงไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังชุมชนทั่วประเทศ แต่ยังเป็นต้นแบบของการพัฒนาที่ขับเคลื่อนจากฐานราก สู่เป้าหมายของประเทศที่ประชาชนมีส่วนร่วม อยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี และมีความสุขอย่างยั่งยืน

TQM ผนึกกำลังสาขา ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดน่าน

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด (TQM) ร่วมกับพนักงาน    สาขาน่าน และแพร่ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในจังหวัดน่าน โดยได้จัดมอบ      ถุงยังชีพพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ นอกจากการมอบสิ่งของจำเป็นแล้ว ทีมงาน TQM ยังได้สำรวจข้อมูลและความต้องการเพิ่มเติมในพื้นที่ เพื่อวางแผนการช่วยเหลือในระยะถัดไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ TQM ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความมุ่งมั่นในการเคียงข้างสังคมในทุกช่วงวิกฤต 

สำหรับลูกค้า TQM ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งในส่วนของที่อยู่อาศัยหรือรถยนต์ สามารถติดต่อแจ้งเคลมประกัน    ที่สายด่วน 1737 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official: @TQM Insurance Broker และ Facebook Page: TQM Insurance Broker   


กรมการค้าต่างประเทศจับมือกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ เปิด Pop Up Counter

กรมการค้าต่างประเทศจับมือกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ เปิด Pop Up Counter  โชว์สินค้าเกษตรนวัตกรรมมุ่งเจาะนักท่องเที่ยวและต่างชาติเล็งขยายสู่ตลาดโลก

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นประธานในพิธีเปิด Pop-up Counter ในธีม “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ  ในวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 13.30 น. ทั้งนี้โดยมีการจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยกว่า 60 รายการ จากผู้ประกอบการกว่า 30 ราย ไปจนถึงวันที่  21 กันยายน 2568 นี้                                                                            


ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นาง อารดา เฟื่องทอง คณะผู้บริหารจากกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมให้การต้อนรับ โดยมี แอนโทเนีย โพซิ้ว รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023 และ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ให้เกียรติมาร่วมงานในฐานะพรีเซนเตอร์โครงการ   
 

กิจกรรม Pop-up Counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ดำเนินการโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ที่มีศักยภาพทั้งสำหรับกลุ่มผู้ซื้อ ชาวไทย และ กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ ทั้งสินค้าเกษตรนวัตกรรมอาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยได้มีการคัดสรรจากสินค้าที่ได้รับรางวัล “Agri Plus Award” และสินค้าอื่นที่แสดงถึงความเป็นนวัตกรรม เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าเกษตรไทย  แต่ละผลิตภัณฑ์  สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานธรรมชาติกับเทคโนโลยี ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ความยั่งยืน และมีสไตล์ ในขณะที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้กับ เกษตรกร และผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืนไป
พร้อมๆ กัน                    


Pop-up Counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวนานาชาติ เข้าชม ชิม ช้อป ใช้ และร่วมภาคภูมิใจกับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย พร้อมร่วมสนุก เพื่อลุ้นรับของที่ระลึกและคูปอง ส่วนลดสุดพิเศษได้ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ไปจนถึงวันที่ 21 กันยายน 2568


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม (สกน.) กรมการค้าต่างประเทศ 

โทร. 0 2547 4744 อีเมล apiinspire@gmail.com, api.dft@moc.go.th
หรือกดติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Facebook: Institute for Agricultural Product Innovation (APi)

30 กรกฎาคม 2568

สค. ปิดกิจกรรมเสวนาสัญจรเสริมสร้างพลังทางสังคมเพื่อขับเคลื่อนงานด้านสตรี ครอบครัวและความเสมอภาคระหว่างเพศ

วันนี้ ( 30 ก.ค. 68) เวลา 11.30 น. นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบหมายให้ นางสุดา สุหลง รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรมเสวนาสัญจรเสริมสร้างพลังทางสังคมเพื่อขับเคลื่อนงานด้านสตรี ครอบครัวและความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยมี ผู้บริหาร เจ้าหน้าสค. ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคและสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธีปิดดังกล่าว ณ โรงแรมกาลนาน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท นนทบุรี

นางสุดา กล่าวว่า ดิฉันขอขอบคุณทุกท่าน ที่มาร่วมงานเสวนาสัญจรเสริมสร้างพลังทางสังคมเพื่อขับเคลื่อนงานด้านสตรี ครอบครัว และความเสมอภาคระหว่างเพศ ในวันนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นภายใต้เป้าหมายอันมุ่งมั่นในการส่งเสริมสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความเสมอภาค เป็นธรรมและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคนอย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการขับเคลื่อนงานด้านสตรี ครอบครัว และความเสมอภาคระหว่างเพศ ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และที่สำคัญ คือ สื่อมวลชน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่สังคม

กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนที่สนับสนุน และร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานของกระทรวง พม. จนเกิดผลเป็นรูปธรรมในหลายมิติ ซึ่งรวมถึงด้านสตรี ครอบครัว และความเสมอภาคระหว่างเพศ






นางสุดา กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ให้ได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างผู้บริหารและสื่อมวลชนผ่านกิจกรรมเสวนา "สค. ร่วมกับสื่อ: พลังขับเคลื่อนสังคมอย่าง สร้างสรรค์" ภายใต้แนวคิด "พลังสื่อ สานสุขครอบครัวไทย: รายได้มั่นคง สังคมเท่าเทียม ไร้ความรุนแรง" เพื่อให้ได้แนวทางการทำงานร่วมกัน สร้างการรับรู้และขับเคลื่อนนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่องานของ พม. โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา ได้แก่
1. นางนัฏญา วรชินา ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสถาบันครอบครัว
2. นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ
3. นางสาวชนานาถ วิไลรัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ
4. นายจตุรภัทร เหล่ารบ ผู้แทนสื่อมวลชน จากรายการ talktoday ช่อง Amarin tv





นอกจากนีั กิจกรรมเสวนาสัญจรฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง สค. และเครือข่ายสื่อมวลชน และถือเป็นการขอบคุณเครือข่ายสื่อมวลชนที่ได้ให้ความร่วมมืออย่างดีเสมอมา สุดท้ายนี้ ในนามกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ขอขอบคุณผู้บริหาร บุคลากร สค.และเครือข่ายสื่อมวลชน ที่ได้สละเวลาอันมีค่าเข้าร่วมกิจกรรมเสวนาสัญจรฯ ในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความอนุเคราะห์และความร่วมมือที่ดีจากทุกท่านในการขับเคลื่อนงานด้านสตรี ครอบครัว และความเสมอภาคระหว่างเพศ เพื่อที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงนางสุดากล่าวตอนท้าย

KORKOK อิสระ ชูภักดี ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ

นายอิสระ ชูภักดี (อิส) ชาวจันทบุรี( New Young Craft ) ปี 2567 เจ้าของแบรนด์ กอกก ( korkok) จังหวัดจันทบุรี คนรุ่นใหม่ที่นำกกมาทำประโยชน์ สร้างเป็นแบรนด์ของตัวเอง คุณอิสจบปริญญาตรี วิชาเอกสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัวกับครอบครัว และเป็นคอลัมนิสต์ให้กับวารสารจันท์ยิ้ม จุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ (แรงบันดาลใจ)จากปลุกกกให้เกิด พัฒนาต่อยอดอย่างงดงาม KORKOK คือ แบรนด์กระเป๋าเสื่อกกจันทบูร ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวจันทบุรี 




“ปลุกกกให้เกิด” ผ่านการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ คนปลูก คนทอ จนถึงคนสร้างสรรค์ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมจากชุมชน ผสานดีไซน์ร่วมสมัยและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เสื่อกกไม่ใช่แค่วัสดุท้องถิ่น แต่กลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ในแฟชั่นและการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน โดยการทำงานร่วมกับ
ป้าๆ ที่พวกเราเรียกว่าแม่ครู ทุกคนยินดีสอนและให้คำแนะนำแบบไม่หวงวิชา พอได้ลงมือทำเองรู้เลยว่ายากมาก กว่าจะเป็นกกแต่ละเส้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเข้าใจว่าทำไมคนรุ่นใหม่ไม่อยากทำ เพราะทำช้า ได้เงินน้อย ในขณะที่เรามองว่านี่แหละคืออาชีพที่ยั่งยืน ไม่ร่ำรวยแต่อยู่ได้ มีความสุข

“กกสองน้ำ” กกพื้นถิ่นที่เติบโตในน้ำกร่อย ให้เส้นใยเหนียว มันวาว สวยงาม ทอเป็นเสื่อกกจันทบูรที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน ไม่ขึ้นรา งานหัตถศิลป์ร่วมสมัยที่ผสานภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ และแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง สู่ผลิตภัณฑ์ GI มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน  ปกติคนทำกก พอตากแห้งแล้วก็จะเก็บเป็นสต๊อกไว้ทอเป็นเสื่อตลอดปี เราให้ป้าทอเสื่อให้ พอจะจ่ายเงิน ป้าบอกไม่เอาเงินแต่ขอเป็นกกแห้งแทน เงินดูจะไม่สำคัญเท่าการมีกกไว้ คนทำเสื่อเค้ารู้ดีว่าการมีกกแห้งไว้เหมือนมีทองคำประดับกาย คำว่ากกแพงกว่าทองคำนั้นดูจะเป็นเรื่องจริง เพราะกกคืองาน กกคือสร้างรายได้ กกคือชีวิต ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในรอบนี้  ผลผลิตจาก กกสดราวๆ 700 กก. จ้างตัด จ้างจัก งบประมาณราวหมื่นกว่า ทำแห้งเสร็จรวมยอดได้ 139 กก. ราคาขาย กก.ละ 120 บาท รวมรายได้ 16,680 บาท แต่ในระหว่างขั้นตอน มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งนี่-นั่นกระจายระหว่างทางที่ไม่ได้คิด เบ็ดเสร็จหักลบค่าต้นทุนกับรายได้ะพอดีกัน กำไรไม่เห็น แต่สิ่งที่ได้ คือ รอยยิ้มและความภาคภูมิใจ ต่อวงจรชีวิตกกเพื่อให้คงอยู่ การปลูกกกที่ไม่ได้หวังเพียงกำไร แต่เห็นรอยยิ้มของคนทำเสื่อ มีกกไว้ใช้ก็ดีใจแล้วทำเท่าที่กำลังไหว และจะทำต่อในวิถีชีวิตแบบคนจันทบุรี เราเข้าใจแล้วว่า ‘ขาดทุนคือกำไร‘ มันมีความหมายอย่างไร แม้จะเหนื่อยแต่มีความสุข 


KORKOK ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและเรื่องราว จากเส้นกกธรรมชาติสู่ดีไซน์ร่วมสมัย ผสานพลังของ ‘แม่ครูทอเสื่อ’ รุ่นเก๋า กับความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ สู่แฟชั่นไอเท็มที่งดงามและเปี่ยมเสน่ห์เหนือกาลเวลาจากสิ่งของที่เป็นเพียงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้เสื่อจันทบูรถูกพัฒนาต่อยอดเป็นของตกแต่ง ของที่ระลึก และสินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย อาทิ กระเป๋า พรม ปลอกหมอน และของประดับบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีกด้วย





ปลุกกก ให้ได้เกิด ทั้งคนปลูก คนทอ คนทำ
TEL: 085 199 2488
FB  : KORKOK
IG  : KORKOKCHAN

#KORKOK
#เสื่อกกจันทบูร
#SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
#KORKOK #เสื่อกกจันทบูร
#มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ
#ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ