24 มิถุนายน 2563

"วิชัย" จับมือพันธมิตรธุรกิจ กระตุ้นเที่ยวไทยกับ 6 โรงแรมชั้นนำ ชูมาตรฐานปลอดภัยระดับสูงสุด



แกรนด์ แอสเสทฯ ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพ พร้อมดูแลนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ ด้วยบริบทใหม่ด้านสุขอนามัย เพิ่มความมั่นใจด้วยการเป็นครั้งแรกของโรงแรมไทยที่ติดตั้งเครื่อง TytoCare และบริการแพทย์ออนไลน์โดยโรงพยาบาลพญาไท นำโซลูชั่นทันสมัยจากเอไอเอสมาใช้คัดกรองผู้เข้าพัก พร้อมเอาใจนักเดินทางด้วยบัตรกำนัลแทนเงินสดเพิ่มมูลค่าใช้บริการโรงแรมรีสอร์ทหรูได้ 6 แห่งในกรุงเทพ หัวหิน ปราณบุรี ภูเก็ต ตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียราคาพิเศษ ประกันโควิด-19 จากทิพยประกันภัย สำหรับผู้ซื้อบัตรกำนัล และสิทธิประโยชน์จากไอซีบีซี และบัตรเครดิตกรุงไทย 

กรุงเทพฯ 24 มิถุนายน - แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้  บริษัทชั้นนำด้านการบริหารจัดการโรงแรม และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แถลงถึงความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ โดยมี นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ และ นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย นพ.อภิรักษ์ ปาลวัฒน์วิไชย ผู้อำนวยการประสานงานฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลกลุ่ม Phyathai- Paolo Medical Campus  นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล  หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย นายวัน ฮัท โจเซฟ เชีย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายธุรกิจสาขา ธนาคารไอซีบีซี(ไทย) จำกัด(มหาชน) และนางสาวปริม ปัญญาเสรีพร ผู้อำนวยการ – การตลาดเพื่อการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงถึงความร่วมมือในครั้งนี้


นายวิชัย ทองแตง เปิดเผยว่า นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญขององค์กรเอกชนชั้นนำ ในการจับมือกันเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยวันนี้ประเทศไทยได้แสดงศักยภาพในการเป็นประเทศที่สามารถควบคุมและขจัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอันดับสองของโลก ส่งผลให้การเดินทางและจองห้องพักกลับมาคึกคักอีกครั้ง  นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย 


สำหรับโรงแรมในเครือ แกรนด์ แอสเสทฯ ยังได้ยกระดับการท่องเที่ยวบนมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยสูงสุด โดยนักท่องเที่ยวและผู้มาใช้บริการทุกคนจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษด้วยบริบทใหม่ด้านสุขอนามัย และเป็นครั้งแรกในวงการโรงแรมไทยที่มีการนำวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าและเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาสนับสนุน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสัมผัสได้ถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพอย่างแท้จริง ซึ่งมาตรการต่างๆ นอกจากจะสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างประเทศอีกด้วย 


นายวิทวัส วิภากุล เปิดเผยเพิ่มเติมว่า แกรนด์ แอสเสทฯ มีความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรใน 2 ด้าน ได้แก่ ด้านความปลอดภัยด้านสุขภาพ  มีการร่วมมือกับ เครือโรงพยาบาลพญาไท  เอไอเอส  และ ทิพยประกันภัย ทั้งการติดตั้งเครื่องมือทางการแพทย์ TytoCare บริการแพทย์ออนไลน์โดยโรงพยาบาลพญาไท นำโซลูชั่นทันสมัยจากเอไอเอสมาใช้คัดกรองผู้เข้าพัก ประกันโควิด-19 จากทิพยประกันภัย 


ด้านการท่องเที่ยว เราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากพันธมิตรชั้นนำ ทั้ง ตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียราคาพิเศษ และสิทธิประโยชน์จากธนาคารไอซีบีซี  และบัตรเครดิตกรุงไทย นอกจากนี้ แกรนด์ แอสเสทฯ ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วยการจัดทำชุดบัตรกำนัลเพิ่มมูลค่า ที่สามารถเลือกใช้บริการโรงแรมและรีสอร์ทระดับห้าดาวได้ถึง 6 แห่ง ทั้งในกรุงเทพ หัวหิน ปราณบุรี และภูเก็ต โดยเป็นโรงแรมในเครือแกรนด์ แอสเสทฯ 5 แห่ง  ได้แก่  ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท,  รอยัล ออคิด เชอราตัน,  เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ, เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา, เชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า และโรงแรมพันธมิตรอีก 1 แห่งได้แก่ อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท ภูเก็ต 

โดยบัตรกำนัลราคา 6,000 บาท มีมูลค่า 10,000 บาท และบัตรกำนัลราคา 12,000 บาท มีมูลค่า 20,000 บาท ใช้ได้ทั้งห้องพัก รับประทานอาหาร และบริการสปา ซื้อได้ที่โรงแรมทั้ง 6 แห่ง ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 กรกฏาคมนี้ สามารถใช้ได้ทุกวัน ไม่มียกเว้นวันหยุด จนถึง 23 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สามารถนำบัตรกำนัลไปเลือกใช้กับเชนโรงแรมที่ต่างกันได้


สำหรับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพจากเครือโรงพยาบาลพญาไท  นพ.อภิรักษ์ ปาลวัฒน์วิไชย กล่าวว่า เครือโรงพยาบาลพญาไท มีบริการทางการแพทย์เพื่อเสริมความมั่นใจให้ผู้เข้าพัก โดยเป็นครั้งแรกของโรงแรมในเมืองไทยที่จะมีการติดตั้งเครื่อง “TytoCare” เทคโนโลยีทางการแพทย์ล่าสุดที่สามารถตรวจร่างกายผู้ป่วยเบื้องต้น และส่งข้อมูลสุขภาพ อาทิ ปอด หัวใจ การเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ช่องปาก ช่องหู ผิวหนัง ไปให้แพทย์วินิจฉัย ควบคู่กับบริการ "Clinic Connect" ปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ได้จากโรงแรม 

โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล มีความร่วมมือในการจัดการด้านสุขอนามัย และการตรวจคุณภาพอากาศภายใต้ระบบ Indoor Air Quality การวัดคุณภาพอากาศ โดยเป็นการตรวจวัดค่าฝุ่นละออง สารพิษ สารก่อภูมิแพ้ การตรวจวัดอุณหภูมิ ในพื้นที่จุดสำคัญหลักของโรงแรม ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อภาวะสุขภาพของผู้เข้าพัก ความปลอดภัยของเครื่องมือเครื่องใช้ในโรงแรม ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์การรับรองโดยกลุ่มโรงพยาบาลพญาไท รวมถึงการอบรมด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยให้พนักงานโรงแรม โดยเฉพาะส่วนงานบริการ ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร ห้องประชุม สระว่ายน้ำ และยกระดับความปลอดภัยและการให้บริการอาทิ การอบโอโซนในห้องพัก รถพยาบาลพร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง เป็นต้น


ด้าน นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล เปิดเผยว่า “เอไอเอส” มีความร่วมมือในการนำเสนอโซลูชั่นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าพัก โดยนำ “ระบบอ่านอุณหภูมิบนใบหน้า (Thermal Face Recognition)” มาใช้คัดกรองผู้มาใช้บริการโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมการตรวจสอบอัตลักษณ์ใบหน้า ด้วยระบบ Face Recognition ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลอัตลักษณ์และอุณหภูมิที่ตรวจสอบได้ในคราวเดียวกัน และสามารถแสดงจำนวนผู้มาใช้บริการแบบเรียลไทม์ พร้อม “ระบบติดตามตัว (Traveler Tracking Solution)” อุปกรณ์ติดตามการเดินทางของนักท่องเที่ยว ด้วยเทคโนโลยี NB-IoT ทำให้สามารถทราบข้อมูลย้อนหลัง 
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในกรณีที่ต้องมีการสอบสวนโรค มีระบบสามารถกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังและแจ้งเตือนกรณีที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปในบริเวณดังกล่าว มีปุ่มกดฉุกเฉินแจ้งให้ระบบรับทราบกรณีเกิดเหตุ 

นอกจากนี้ ยังอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทั่วไป   สามารถซื้อบัตรกำนัลเงินสดของแกรนด์ แอสเสทฯ ผ่านแอพพลิเคชั่น“จองสบาย” พร้อมมอบส่วนลดเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด อีกด้วย
ผู้ซื้อชุดบัตรกำนัล ยังจะได้รับประกันโควิด-19 จากทิพยประกันภัย โดย ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ทิพยประกันภัย พร้อมมอบความคุ้มครองให้แก่ผู้ใช้บริการโรงแรมที่ซื้อบัตรกำนัลแทนเงินสด ด้วยแผน “ประกันภัยคุ้มครองการติดเชื้อไวรัสโคโรนา” ที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด-19 สูงสุด 100,000 บาท พร้อมค่าชดเชยการเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่าจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา สูงสุด 100,000 บาท และยังมีความคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุอีก 100,000 บาท  โดยลูกค้าจะได้รับความคุ้มครอง เป็นระยะเวลา 30 วัน


พร้อมกันนี้ แกรนด์ แอสเสทฯ ยังมีความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ เปิดเผยว่า จากความร่วมมือในครั้งนี้ ไทยแอร์เอเชีย ได้มอบบัตรโดยสารราคาพิเศษเส้นทางบินภายในประเทศให้กับผู้ที่จองห้องพักโรงแรมในเครือแกรนด์ แอสเสทฯ เพื่อให้มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลายจะนำเอาจุดเด่นของผลิตภัณฑ์และบริการมาร่วมกันนำเสนอให้ผู้ที่กำลังวางแผนเดินทางท่องเที่ยว


นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือจากพันธมิตรด้านการเงิน ได้แก่ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) โดย นายวัน ฮัท โจเซฟ เชีย เปิดเผยว่า ธนาคารจะมอบสิทธิพิเศษให้ผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคาร ที่ซื้อบัตรกำนัลของแกรนด์ แอสเสทฯ โดยสิทธิพิเศษนี้เฉพาะผู้ถือบัตรเครดิตไอซีบีซีที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งมีทั้งลูกค้าชาวไทย และนักธุรกิจชาวจีนในเมืองไทยซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังในการใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวสูง 


ในส่วนของ บัตรเครดิต เคทีซี โดย นางสาวปริม ปัญญาเสรีพร กล่าวว่า บัตรเครดิตเคทีซี มอบสิทธิพิเศษคุ้มค่า เพื่อให้สมาชิกบัตรได้สัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนที่พิเศษสุด  โดยผู้ถือบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท เมื่อซื้อบัตรกำนัลของแกรนด์ แอสเสทฯ  จะได้รับส่วนลดทันที 4% หรือ ผ่อนชำระ 0% 5 เดือน สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตที่ซื้อบัตรกำนัลผ่าน KTC World Travel Service Center (โทร. 02 123 5050) ระหว่างวันที่ 1-31 กรกฏาคม 2563 สามารถเลือกรับส่วนลดทันที 4% หรือ เลือกผ่อนชำระ 0% นาน 5 เดือน และยังสามารถแลกคะแนน KTC Forever เท่ายอดซื้อ เพื่อเป็นส่วนลดได้อีก 12% ด้วย









23 มิถุนายน 2563

วิริยะประกันภัย ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษา บุตร-ธิดา สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ


​นายถิรพุทธิ์ เปรมาประยูรวงศา นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ รับมอบทุนสนับสนุนโครงการสวัสดิการทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดา สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ประจำปี 2563 จำนวน 50,000 บาท
จากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์  รองผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนมอบ ทั้งนี้สมาคมฯ ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นประจำทุกปี เพื่อจัดหาทุนเป็นสวัสดิการและแบ่งเบาภาระให้แก่สมาชิกของสมาคมฯ โดยพิธีมอบจัดขึ้น ณ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ตึกช้าง ถนน พหลโยธิน แขวง จันทรเกษม เขตจตุจักร

วิริยะประกันภัย ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษา

บุตร-ธิดา สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ
 
​นายถิรพุทธิ์ เปรมาประยูรวงศา นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ รับมอบทุนสนับสนุนโครงการสวัสดิการ
ทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดา สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ประจำปี 2563 จำนวน 50,000 บาท จาก
บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์  รองผู้จัดการฝ่ายสื่อสาร
องค์กร  เป็นผู้แทนมอบ ทั้งนี้สมาคมฯ ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นประจำทุกปี เพื่อจัดหาทุนเป็นสวัสดิการและ
แบ่งเบาภาระให้แก่สมาชิกของสมาคมฯ โดยพิธีมอบจัดขึ้น ณ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ตึกช้าง ถนน พหลโยธิน แขวง จันทรเกษม เขตจตุจักร

ทีเค พาเลซ ในรูปแบบ new normal


โรงแรม ทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น เปิดให้บริการ หลังหยุดวิกฤตไวรัส โควิด-19 ระบาด หนัก  
26 มิ.ย.63 ทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในรูปแบบ new normal

คุณสุชาดา พุทธเจริญ  Senior Director of Sales  กล่าวว่า จากสถานการณ์ ระบาดไวรัส โควิด-19 ในเมืองไทยอย่างหนักเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ทำให้โรงแรมได้รับผลกระทบอย่างมาก ทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น  ถูกยกเลิกห้องพักและจัดประชุม  เนื่องจากสถานการณ์บาดไวรัส โควิด-19
วันนี้ ทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น เตรียมความพร้อมทั้งเรื่องจุดตรวจเพื่อเข้ามาใช้บริการที่โรงแรม
ในส่วนห้องอาหาร ห้องประชุม ทุกจุดมีการตรวจคัดกรอง อย่างเข้มงวด การเว้นระยะห่างระหว่างรอ หรือ
จุดพัก การทำความสะอาด ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตลอดเวลา 
 




เชื่อมั่นได้ว่า การกลับมาเปิดบริการอีกครั้งในวันที่ 26 มิถุนายน 2563 ในรูปแบบ new normal 
โดยกรมอนามัย ได้มอบการรับรองมาตรฐาน  ความสะอาดปลอดภัย  ขอให้ทุกท่านมั่นใจในมาตรการ
ของโรงแรม ทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น 

ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลได้ที่
www.tkpalace.com

สวธ.จัดประกวดคลิป "มารยาทไทย แก้ไขปัญหาจราจร" หวังดึงจิตสำนึกเพื่อนร่วมทาง


กรุงเทพ : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.)  กระทรวงวัฒนธรรม  จัดการประกวดทำคลิปเผยแพร่ “มารยาทไทย แก้ไขปัญหาจราจร”   ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย” ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 600,000 บาท เพื่อปลูกจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไปให้ความสำคัญกับมารยาทไทยและวินัยจราจร  เปิดโอกาสให้ได้มีการใช้พื้นที่การแสดงออกทางความรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์บนโลกโซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์และส่งเสริมวัฒนธรรมไทย และเพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงการใช้มารยาทไทยแก้ไขปัญหาจราจร

นางสาวอัจฉราพร  พงษ์ฉวี รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า “โครงการจัดการประกวดทำคลิปเผยแพร่ “มารยาทไทย แก้ไขปัญหาจราจร”   ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย” เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐหลายภาคส่วน เพื่อที่จะให้การสร้างวินัยการจราจรเป็นวาระแห่งชาติ  ความเร่งรีบต่างๆ ทำให้คนทะเลาะเบาะแว้งกัน การขาดน้ำใจไมตรีบนท้องถนน บางส่วนไม่เคารพกฎจราจร โดยเฉพาะการใช้สื่อโซเซียลเผยแพร่ความไม่เหมาะสมต่าง ๆ 





จากปัญหาที่เกิดขึ้นภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพยายามบูรณาการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ความร่วมมือปลุกจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนน นำความเป็นไทย สร้างวินัยจราจรให้สังคมเร่งจัดทำแนวทางกิจกรรมการรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สร้างวินัยจราจรในระดับชาติ ประชาสัมพันธ์สร้าง ความรู้ความเข้าใจ ให้ประชาชนตระหนักและเห็นคุณค่าในการใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัย มีจิตสำนึก รับผิดชอบ มีน้ำใจ และเอื้ออาทรให้แก่กันบนท้องถนน มีมารยาทที่ดีในการขับขี่ยานพาหนะ กระตุ้นจิตสำนึก โดยใช้มารยาทไทยควบคู่กับวินัยจราจร มีน้ำใจไมตรี และการไหว้ขอบคุณและขอโทษ 

ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรมเคยรณณรงค์ในเรื่องนี้มาแล้ว การรณรงค์เรื่องวินัยจราจรให้เป็นรูปธรรม ต้องอาศัยเวลาแต่ถ้าทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เชื่อว่าจะสำเร็จผลอย่างยั่งยืน โดยโครงการจัดการประกวดทำคลิปเผยแพร่ “มารยาทไทย แก้ไขปัญหาจราจร”   ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย” นั้น จะมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมผ่านสื่อและช่องทางต่าง ๆ อยากให้น้องๆที่สนใจร่วมส่งผลงานมาประกวดกันมาก ๆ เพราะนอกจากจะได้รับทุนการศึกษาแล้ว ยังได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยในการช่วยเหลือให้สังคมไทยมีมารยาทและวินัยจราจรอีกด้วย” รองอธิบดีฯ กล่าว




หลักเกณฑ์การประกวดคลิปเผยแพร่มารยาทไทยแก้ไขปัญหาจราจร  โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑) ระดับการประกวด
๓.๑ ระดับมัธยมศึกษา (ม.๑ – ม.๖) ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า
๓.๒ ระดับอุดมศึกษา, ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า
ทั้งนี้ ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจะสมัครเป็นรายบุคคลหรือเป็นทีม  สมาชิกในทีมไม่เกิน ๓ คน  ผู้ส่งผลงานจะส่งได้คนละหรือทีมละ ๑ ผลงาน  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการสมัคร
๒) วิธีดำเนินการ/รายละเอียด/หลักเกณฑ์
๒.๑ คลิปที่ส่งเข้าประกวด มีความยาว ๒ - ๓ นาที ภายใต้แนวคิดมารยาทไทยแก้ไขปัญหาจราจร ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย” 
๒.๒ คลิปที่ส่งเข้าประกวดเป็นคลิปที่ถ่ายทำจากกล้องดิจิทัล หรือ กล้องวีดิโอ หรือโทรศัพท์มือถือ รูปแบบไฟล์นามสกุล .mp4 ความละเอียดแบบ HD
๒.๓ คลิปที่ส่งเข้าประกวดเป็นคลิปที่ไม่เคยได้รับรางวัลใด ๆ มาก่อน
๒.๔ ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือว่าเป็นที่สิ้นสุด
๒.๕ คลิปที่ส่งเข้าประกวด ต้องไม่มีลักษณะลบหลู่ต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และไม่ใช้ถ้อยคำที่เป็นการดูถูก ดูหมิ่น เสียดสี และก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม   
๒.๖ ผู้ประกวดต้องรับผิดชอบต่อลิขสิทธิ์ของข้อมูล ทั้งด้านเนื้อหา ภาพ เสียง คลิป ซอฟต์แวร์ หรืออื่นใดที่ใช้ในการผลิตผลงาน โดยต้องไม่ละเมิดกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา ในกรณีที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
๒.๗ ในกรณีที่คณะกรรมการพบว่า ผู้เข้ารอบหรือผู้ที่ได้รางวัลไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ปกปิดข้อเท็จจริง มีการแอบอ้าง หรือ เลียนแบบผลงานจากผู้อื่น คณะกรรมการสามารถตัดสิทธิ์ผู้เข้ารอบหรือผู้ที่ได้รางวัล ออกได้ทันที  และผู้เข้ารอบหรือผู้ที่ได้รับรางวัล ไม่มีสิทธิ์เรียกค่าเสียหาย ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
๒.๘ ผลงานของผู้ประกวดทุกชิ้นที่ส่งเข้าประกวดหรือได้รับรางวัล ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม


๓) การรับสมัคร ส่งผลงาน และการประกวด
๓.๑ กำหนดการประกวด
๑) การเปิดรับสมัครและส่งผลงาน วันที่ ๒๓ มิถุนายน – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓
๒) ประกาศผู้ผ่านรอบคัดเลือก วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
๓) กำหนดส่งผลงานรอบชิงชนะเลิศ ระหว่างวันที่ ๑๒ - ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓
๔) ประกาศผลรางวัลชนะเลิศ วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๓
๓.๒ การสมัคร  ผู้ประกวดต้องกรอกข้อมูลการสมัครให้ครบถ้วน โดยมิต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ได้ที่ www.twtvdo.com  หรือไปยังเว็ปไซด์ ด้วยการกดลิ้งก์บนโลโก้การประกวดคลิป “สัญจรดี วิถีไทย” การที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซด์ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
๓.๓ การส่งผลงาน  ผู้ประกวดสามารถส่งผลงานได้ที่ www.twtvdo.com
๓.๔ ผู้ประกวดที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือก จะได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) จากเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้กำกับภาพยนตร์ และ Youtuber เพื่อให้ผู้ประกวดที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือก สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มทักษะความสามารถในการผลิตคลิป โดยมิเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม
๓.๕ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงกำหนดการประกวดตามความเหมาะสม
๔) รอบการแข่งขัน
การประกวดทั้ง ๒ ระดับ แบ่งการประกวดเป็น ๒ รอบ คือ
๔.๑ รอบคัดเลือก เพื่อคัดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ จำนวน ๑๖ ทีมหรือคน ประกอบด้วย
- ระดับมัธยมศึกษา (ม.๑ - ม.๖), ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า จำนวน ๘ ทีมหรือคน
- ระดับอุดมศึกษา, ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า จำนวน ๘ ทีมหรือคน
๔.๒ รอบชิงชนะเลิศ มีจำนวน ๑๖ ทีมหรือคน (ระดับละ ๘ ทีม หรือคน)
๕) เกณฑ์การตัดสิน
๕.๑ เนื้อหาของคลิปวีดิโอ ภายใต้แนวคิดมารยาทไทยแก้ไขปัญหาจราจร ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย”
๕.๒ ความคิดสร้างสรรค์  วิธีการนำเสนอและการดำเนินเรื่องที่แปลกใหม่ สามารถสร้างจิตสำนึกที่ดี กระตุ้นให้ผู้ชมที่เป็นประชาชนทั่วไป รวมถึงคนรุ่นใหม่ได้รับการปลูกฝังวัฒนธรรมไทย ได้ตระหนักถึงค่านิยมและพฤติกรรมที่เหมาะสม จรรโลงให้สังคมมีความเป็นระเบียบวินัย รู้จักถ้อยทีถ้อยอาศัย ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างปกติสุข  ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาจราจรให้บรรเทาเบาบางลง
๕.๓ การถ่ายทำ/การตัดต่อพื้นฐาน  มีความคมชัด การใช้มุมกล้อง การบันทึกภาพและเสียง มีความชัดเจน
๖) รางวัลของผู้ประกวด มีดังนี้
๖.๑ ระดับมัธยมศึกษา (ม.๑ - ม.๖), ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า
รางวัลชนะเลิศ
รับเงินรางวัล  ๑๐๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑
รับเงินรางวัล  ๕๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒
รับเงินรางวัล   ๓๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลชมเชย
รับเงินรางวัล   ๑๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๕ รางวัล พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร
๖.๒ ระดับอุดมศึกษา, ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า
รางวัลชนะเลิศ
รับเงินรางวัล  ๑๐๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑
รับเงินรางวัล  ๕๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒
รับเงินรางวัล   ๓๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลชมเชย
รับเงินรางวัล   ๑๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๕ รางวัล พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร
๖.๓ รางวัลผู้ผ่านรอบคัดเลือก
รับเงินรางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑๖ รางวัล 
- ระดับมัธยมศึกษา (ม.๑ - ม.๖), ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า
  จำนวน ๘ ทีมหรือคน
- ระดับอุดมศึกษา, ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า
  จำนวน ๘ ทีมหรือคน
๗) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้สนใจสามารถสอบถามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.twtvdo
facebook: twtvdo
Line: @ThaiwaysTraffic
Instagram: ThaiwaysTraffic
twitter: ThaiwaysTraffic
YouTube: สัญจรดี วิถีไทย



22 มิถุนายน 2563

วิริยะประกันภัย พร้อมแล้ว!! เปิดรับสมัครอบรมใบขับขี่ รุ่นที่ 366

บมจ.วิริยะประกันภัย แจ้งข่าวดี!..หลังสถานการณ์การระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ดีขึ้น พร้อมเปิดรับสมัครนักขับขี่มือใหม่และประชาชนทั่วไปที่ยังไม่เคยมีใบอนุญาตขับรถยนต์ เข้าร่วมโครงการ "อบรมเสริมความรู้ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ รุ่นที่ 366” ประจำปี 2563 ซึ่ง บริษัทฯ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก จัดขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ต้องการขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ โดยการอบรมจะจัดขึ้นในวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2563 ณ กรมการขนส่งทางบก จตุจักร (เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 3 กรกฎาคม 2563)

ทั้งนี้ผู้เข้ารับการอบรมฯ จะได้รับความรู้เกี่ยวกับการขับรถอย่างปลอดภัย มารยาทในการขับรถ วิชากฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยทางหลวงและกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและการให้ความช่วยเหลือและปฐมพยาบาล รวมถึงความสำคัญและประโยชน์ของการประกันภัย โดยภายหลังผ่านการอบรมจะมีสิทธิ์เข้ารับการสอบข้อเขียน E-exam และสอบปฏิบัติขับรถยนต์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและระเบียบเดียวกับการขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ในวันเวลาราชการ หากสอบผ่านจะได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ทันที

สำหรับผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการอบรมฯ จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์ และต้องไม่เคยมีใบอนุญาตขับรถมาก่อน โดยยื่นเอกสารประกอบการสมัคร ได้แก่ ใบสมัครเข้าร่วมโครงการ  สำเนาบัตรประชาชน และใบรับรองแพทย์  (อายุไม่เกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกเอกสารจนถึงวันอบรม)

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่
www.viriyah.co.th 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Fanpage วิริยะจิตอาสา V volunteer 
โทร. 02-129-7422, 02-129-7426

ไปโรงเรียนปลอดภัย ไปกับ แอร์พอร์ต เรล ลิงก์


แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พร้อมรองรับการเดินทางของผู้โดยสารช่วงเปิดเทอม

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เตรียมพร้อมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และอำนวย
ความสะดวก รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเปิดเทอม ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น โดยให้เป็นไปตามมาตรการของกรมการขนส่งทางราง และกระทรวงคมนาคม


นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ที่จะเป็นช่วงเปิดภาคเรียนของโรงเรียน และมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสาร
ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เพิ่มมากขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 34,000 คน/วัน เป็น 40,000 คน/วัน 

ดังนั้น บริษัทจึงได้เตรียมพร้อมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และอำนวยความสะดวก รองรับการเดินทางของประชาชน เป็นไปตามมาตรการของกรมการขนส่งทางราง และกระทรวงคมนาคม
โดยดำเนินการต่างๆดังนี้


- ขอให้ผู้โดยสารทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าใช้บริการ และขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing เว้นระยะห่าง 2 เมตรขณะรอซื้อตั๋วโดยสาร และตรวจวัดอุณหภูมิ รวมถึง ยืนในระยะห่างที่เหมาะสมขณะใช้ลิฟต์ และบันไดเลื่อน งดเว้นการพูดคุยภายในตู้โดยสาร

- หากในกรณีผู้โดยสารหนาแน่น จะดำเนินการจำกัดปริมาณผู้โดยสารที่จะขึ้นสู่ชั้นชานชาลาและภายในรถไฟฟ้า ( Group Release ) โดยกำหนดพื้นที่ในการยืนรอห่างกัน 1 เมตร

- เตรียมขบวนรถเสริม ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น วันจันทร์ – ศุกร์ จำนวน 24 เที่ยว/วัน เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้โดยสารได้ หรือหากมีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่นมากก็จะพิจารณาเพิ่มเติมขบวนรถเสริมอีก เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้บริการของผู้โดยสาร

ทั้งนี้ขอแนะนำน้องๆนักเรียน นักศึกษา เลือกใช้บัตรสมาร์ทพาสประเภทนักเรียน นักศึกษา (Student Card)ใน

การเดินทางแทนการซื้อเหรียญโดยสาร เพื่อความสะดวก และลดความเสี่ยงจากการสัมผัสที่ไม่จำเป็น โดยบัตรสมาร์ทพาสประเภทนักเรียน นักศึกษา จะมีส่วนลด 20% ในการเดินทาง รวมทั้งมีสิทธิพิเศษส่วนลดร้านค้า และบริการในระบบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มากมาย


หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข
Call Center 1690 
หรือ www.srtet.co.th , www.facebook.com/AirportRailLink และ Twitter : Airport Rail Link