คุณเพ็ญจันทร์ ล้อสีทอง กับผลิตภัณฑ์พร้อมส่ง
ผ่านการฟรีซที่ 40 องศาฯ
ที่เปิดตัวไปแล้วและกำลังขยายตลาดเมืองไทยในแล้ว
ตอนนี้
เธอเล่าให้ฟังว่า ..” ดิฉันกลับจากสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2014 หลังจากที่ไปอยู่ดูแลธุรกิจอาหารแช่แข็งของครอบครัว
นั่นก็คือ บริษัท ไอทีฟู้ดฯ มาสิบกว่าปีพอกลับมาเมืองไทยดิฉันก็ยังคงช่วยดูแลธุรกิจของบริษัทอยู่
ซึ่งจะมีพี่ๆ น้องๆ ของเราเป็นผู้ถือหุ้น รวมทั้งผู้ถือหุ้นอื่น ๆ ด้วย
โดยหน้าที่ของดิฉันก็คือ ดูแลบริษัท
ให้ทำรายได้ตอบแทนผู้ถือหุ้น รวมทั้ง
เรื่องเงินเดือนของพนักงานทุกคน เนื่องจากบริษัทเราเป็นบริษัทขนาดกลางที่มีรายได้ปีละประมาณ
300 ล้านบาทแน่นอนว่า
การทำงานทุกอย่างย่อมมีอุปสรรคเข้ามาให้แก้ไขอยู่เสมอ แต่คุณเพ็ญจันทร์
ก็ยึดถือคติประจำใจที่ว่า “ปัญหาทุกปัญหามีทางแก้เสมอ”เพราะถ้าไม่มีปัญหาเข้ามาให้แก้ไข ก็จะไม่เกิดปัญญาขึ้นมาได้…
”เวลาเกิดปัญหา ดิฉันจะมีหลักเกณฑ์ 3 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมไว้เสมอ
นั่นก็คือ
เวลา สติ และเงิน
เพราะ ถ้า เรามี 3 ข้อนี้พร้อมอยู่แล้ว เมื่อเกิดปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ ในการทำงาน
ดิฉันมั่นใจว่าจะ ทั้ง 3 สิ่งที่มีนี้แก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
พูดง่ายๆ ว่าประสบการณ์จะเป็นครูสอนเรา แล้วเรายังสามารถนำประสบการณ์
ที่ผ่านมานั้น มาปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เข้ามาในการทำธุรกิจใหม่อย่างการทำสินค้าแบรนด์ปลาสลิดติดบ้าน
ด้วยเช่นกัน แต่ก็ต้องเรียนรู้กันไป
สำหรับสินค้าแบรนด์ปลาสลิดติดบ้านบ้าง
ดิฉันเริ่มต้นธุรกิจนี้เมื่อปลายปี 2019 จุดเริ่มต้นก็สืบเนื่องมาจากบริษัทแรกซึ่งทำธุรกิจอาหารแช่แข็งส่งขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่สหรัฐฯ
เป็นส่วนใหญ่นั่นแหละค่ะ คือช่วงหนึ่งดิฉันต้องไปบริหารงานที่สหรัฐฯ ประมาณ 15
ปีทำให้รู้ว่าผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งนั้นลูกค้าตอบรับดีมาก
ยอดขายไม่เคยตกเลย ได้แก่ปลาสลิดฯ โดยเฉพาะโซนที่คนเอเชียอาศัยอยู่ด้วยแล้ว
ยิ่งชอบมาก ส่วนเหตุผลที่เริ่มต้นทำแบรนด์ปลาสลิดติดบ้าน
ก็เพราะพอกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีเวลาว่างเยอะมาก
คือดิฉันจะเข้าไปตรวจโรงงานแค่สัปดาห์ละ 1 วันเท่านั้น
เนื่องจากเรามีลูกน้องที่ดูแลบริหารโรงงาน ให้อยู่แล้ว ที่จริงแรกเริ่มเลยดิฉันเปิดบริษัทตรวจสอบบัญชีก่อนในปี
2015 ตามด้วยบริษัทเซ็ตอัพสำนักงานบัญชีในปี 2018 เมื่อทุกอย่างอยู่ตัวก็ปล่อยให้ลูกน้องดูแล
พอเดือนพฤศจิกายน 2019 ดิฉันจึงเปิดบริษัท เอสพีเจ กรุ๊ป ประเทศไทยฯ และสร้างแบรนด์ปลาสลิดติดบ้านขึ้นมา เนื่องจากตอนนั้นตัวเองอยากทานมาก แต่ หาซื้ออยากจัง แล้วอีกอย่างปลาสลิดที่ขายตามตลาดทั่วไป พอลองทานแล้ว ทั้งรสชาติและกลิ่นของมันนั้น เรารู้สึกว่ายังคุณภาพไม่ดีพอ แถมปลายังตัวเล็กมาก แม้จะเดินดูหลายตลาดแล้วก็ยังไม่เป็นที่พอใจ แพ็กเกจจิ้งก็ไม่มี เวลาจะส่งให้ใครก็ไม่สะดวก เพราะด้วยกลิ่นที่แรงของมันน่ะแหละค่ะ”
เมื่อคิดได้แบบนั้น
ผู้บริหารหญิงเก่งก็เดินหน้าเริ่มต้นธุรกิจด้วยการให้ฝ่ายจัดซื้อของ บริษัท
ไปสั่งซื้อปลาสลิดจากวิสาหกิจชุมชนของ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่จะเพาะเลี้ยงปลาคุณภาพ ปลอดเชื้อ ไม่มีสารเคมีตกค้างที่ก่อให้เกิดมะเร็งด้วย
การเลี้ยงปลาตามธรรมชาติ จากนั้นจึงนำปลาที่สั่งซื้อมาผ่านไลน์การผลิตที่โรงงาน
คือทำความสะอาด หมักเกลือ แล้วนำมาตากแดดในโดม จนออกมาเป็นแพ็กเกจจิ้งที่สวยงาม
และสะดวกต่อการขนส่ง ยิ่งเมื่อลองรับประทานก รู้สึกได้ว่าอร่อย มีคุณภาพ
สามารถหยิบขึ้นมาทอดหรือทำอาหารได้เลย สมกับชื่อของแบรนด์ “ปลาสลิดติดบ้าน”
เชียวละ
“จุดเด่นของปลาสลิดติดบ้านก็คือ
กรรมวิธีการผลิตที่นำปลามาตากแดดในโดมปิด จึงมั่นใจในความสะอาด ไม่มีแมลงวัน
และยาฆ่าแมลง ที่สำคัญเราใช้ปลาตัวเมียที่มีเนื้อเยอะมีไข่ โดยคัดไซส์ขนาดตัวเท่ากันหมดในแพ็กเดียว
แล้วยังผ่านการฟรีซที่อุณหภูมิ-40 องศาฯ แบบใส่ถาดเหล็กเรียงกันสองชั้น พร้อมทั้งเข็นเข้าห้องเย็นซึ่ง
เป็นการถนอมอาหารแบบคุณภาพไม่เปลี่ยน
ที่สำคัญเกล็ดน้ำแข็งจะไม่แทรกเข้าไปในเนื้อปลา โดยเราจะนำปลาเข้าห้องฟรีซครั้งละ 8
ตัน และด้วยความที่เราตากแดดเสร็จแล้วนำเข้าฟรีซภายใน 3 ชั่วโมง จึงทำให้ปลาไม่มีกลิ่นเหม็นตุ
เนื่องจากได้ตากแดดในปริมาณที่พอเหมาะ 1 แดด
จุดสำคัญอีกอย่างก็คือโดมตากปลา
ของเรานั้นสามารถรวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์ให้มีความร้อนที่มากกว่าใช้แดดธรรมดาราวๆ 36-38 องศาฯ แม้วันไหนไม่มีแดด แต่โดมก็จะเก็บความร้อนไว้ได้สูงกว่าภายนอก 2-5
องศาฯ ทาให้น้ำมันที่ผิวปลาออกมาหมด ปลาจึงไม่มีกลิ่นเหม็นหืน
แถมแต่ละแพ็กที่บรรจุปลาสลิดก็
จะมีกระดาษซับน้ำทุกตัวเลยค่ะ เมื่อมีการขนส่งก็จะมีDry
Ice -ดรายไอซ์ที่ช่วยเก็บรักษาอุณหภูมิด้วย ดังนั้น
หากไปเก็บต่อในช่องฟรีซก็จะเก็บได้นานถึง 6 เดือน
แต่ถ้าเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาก็จะเก็บได้ 1 เดือน
แล้วเรายังแวคคัมปลาแบบถุงละ 1 ตัว ซึ่งข้อดีก็
คือหากรับประทานไม่หมดก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฟรีซเซอร์เบิร์น
อีกอย่างกล่องแพ็กเกจจิ้งยังสวยงาม สามารถเก็บความเย็นได้นานเวลาขนส่งหลายวันโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องคุณภาพ
รวมทั้งมีการใช้กล่องโฟมและดรายไอซ์ในการขนส่งด้วย
พูดได้ว่าเราผลิตสินค้าด้วยความใส่ใจและดูแลเรื่องคุณภาพจนถึงมือผู้บริโภคทุกคน
ที่ สำคัญสินค้าเรามี
อย.ครบถ้วนค่ะ”
คุณเพ็ญจันทร์
ยังได้เสริมว่าได้วางกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าแบรนด์ปลาสลิดติดบ้านไว้
3 กลุ่มด้วยกันคือ กลุ่มผู้บริโภคที่แท้จริง, กลุ่มตัวแทนจำหน่าย และกลุ่มตัวแทนจำหน่ายที่ไม่ต้องลงทุน
เพียงแต่ทำหน้าที่หาลูกค้าให้ แล้วก็ได้ เปอร์เซ็นต์ไป
ซึ่งตอนนี้เธอก็ได้วางแผนด้านการบริหารจัดการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการเปิดแฟรนไชส์สำหรับผู้ที่สนใจอีกด้วย
“ด้วยความที่ดิฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยมานาน พอเริ่มต้นธุรกิจใหม่
แน่นอนว่าก็เหมือนเราเริ่มต้นจากศูนย์เลย คือ นอกจากวางแผนธุรกิจแล้ว
เรายังต้องหาลูกค้าใหม่ๆ หาพันธมิตรใหม่ๆ รวมทั้งต้องวางแผนการตลาดใหม่ทั้งหมดด้วย
ตอนนี้สินค้าแบรนด์ปลาสลิดติดบ้าน มีทั้ง ‘ปลาสลิดฟิลเลต์’
คือเนื้อปลาสลิดที่แล่แล้ว ‘ปลาสลิดแดดเดียว’ ปลาสลิดพร้อมทอด และ
‘ปลาสลิดแบบที่ทอดแล้ว’ซึ่งสินค้าทั้ง 3 ประเภทนี้ ถูกบรรจุในแพ็กเกจจิ้งอย่างดีเมื่อลูกค้า
ซื้อไปแล้วยังสามารถใช้วิธีทอดได้ทั้งหม้อทอดไร้น้ามัน
หรือจะทอดโดยใช้กระทะปกติและใช้น้ำมันก็ได้ ในอนาคตอันใกล้นี้ เราก็กำลังติดต่อเพื่อนำสินค้าเข้าไปขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต ตาม ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งตามร้านอาหารต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการเปิดแฟรนไชส์และรับตัวแทนจำหน่ายตามภาคต่างๆ ของประเทศไทยอีกด้วยค่ะ”
สำหรับช่องทางออนไลน์
ลูกค้าสามารถอัพเดตรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปลาสลิดติดบ้าน ได้ที่
Facebook
FANPAGE : ปลาสลิดติดบ้าน Website www.tidbarn.com
Line : @ปลาสลิดติดบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น