สสว. ผนึกสถาบันอาหาร
โชว์ผลงานส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ไทย ภายในงาน “มหกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปสู่โลกอุตสาหกรรม”
พบกับ SME ทั้งกลุ่มอาหารเครื่องดื่มและกลุ่มผลผลิตทางการเกษตรจากทั่วประเทศ
กว่า 60 บูธ จากโครงการยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
และกิจกรรมพัฒนาเครือข่ายสับปะรดและเครือข่ายกระเทียม ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย
SME ปี 2562 ส่งผลให้เกิดการต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการ
กระตุ้นให้เกิดการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
นายสุวรรณชัย
โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. ได้ร่วมกับสถาบันอาหาร
ดำเนินโครงการยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม OTOP
3-5 ดาว โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งหลังการดำเนินโครงการเสร็จสิ้น พบว่า มีผู้ประกอบการจำนวน 500
ราย ทั่วประเทศให้ความสนใจและเข้าร่วมการอบรม และมีผู้ผ่านการคัดเลือกจำนวน
52 รายที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาศักยภาพ
ตั้งแต่การสำรวจความคิดเห็นแบบกลุ่มย่อย
(Focus group) ระดมความคิด สร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์
บรรจุภัณฑ์สินค้าอาหารและเครื่องดื่มในท้องถิ่นให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด กระทั่งได้
52 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาเป็นสินค้าต้นแบบ
อาทิ หลนเค็มบักนัดไก่
จ.อุบลราชธานี, มะขามผงชงพร้อมดื่ม
จ.เลย, เนื้อทุบรสแซ่บ จ.มุกดาหาร,ไส้อั่วสมุนไพรผสมบุกรสหม่าล่า จ.เชียงใหม่, ขิงแผ่นอบกรอบ
จ.เพชรบูรณ์,ปลาอินทรีย์ทรงเครื่อง บรรจุในถุง Retort Pouch จ.นนทบุรี, พัฟมะม่วง
จ.ราชบุรี, ซุปปลาผง จ.ปัตตานี, น้ำแกงส้มพร้อมบริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยจะมี 5 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิจารณาเพื่อคัดเลือกเป็นสุดยอดสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มประจำท้องถิ่น
(Product champion) ซึ่งทั้ง 5 ผลิตภัณฑ์จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถส่งผลกระทบแบบทวีคูณ
(Multiple Effect) กระตุ้นให้เกิดการบริโภคสินค้าหรือบริการมากขึ้น
ทำให้เศรษฐกิจในชุมชนเกิดการขยายตัว
“โครงการยกระดับผู้ประกอบการฯ
เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยอัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่น
เรื่องดีไซน์ บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนการเก็บรักษา เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า และสามารถเข้าสู่ตลาดสากลได้
คาดว่าจะสามารถ สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 25 ล้านบาทต่อปี
และสสว หวังให้ผู้ประกอบการ
ได้นําองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการนี้ไปดําเนินการต่อ เพื่อสร้างความยั่งยืนในแง่ของการสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่อไป” ผอ.สสว.กล่าว
นายสุวรรณชัย กล่าวอีกว่า สำหรับ โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2562 ในกลุ่มเครือข่ายสับปะรด
และกลุ่มเครือข่ายกระเทียม เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ สสว. ได้ร่วมมือกับสถาบันอาหารคัดเลือกผู้ประสานงานเครือข่าย (Cluster Development Agent : CDA) จำนวน
17 ราย การรวมกลุ่มเครือข่าย 5 กลุ่ม
แบ่งเป็นสับปะรด 4 เครือข่าย และกระเทียม 1 เครือข่าย ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ได้รับความรู้และประสบการณ์ในหลายด้าน ทั้งการยกระดับ มาตรฐานการผลิต การนำเทคโนโลยี นวัตกรรม
และงานวิจัยมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์
สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้และยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี
นางนิตยา
พิระภัทรุ่งสุริยา รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวต่อว่า โครงการสนับสนุน เครือข่าย SME ปี 2562
ในกลุ่มเครือข่ายสับปะรด และกลุ่มเครือข่ายกระเทียม ซึ่งสถาบันอาหารได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ
มีความคืบหน้าด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นรูปธรรมได้ 5 ผลิตภัณฑ์จาก 5 เครือข่าย ทั้งยังเกิดการเชื่อมโยงกันของผู้ประกอบการในเครือข่าย
ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ให้เกิดเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น
ได้แก่ กลุ่มเครือข่ายสับปะรดสามบุรี
(จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดกาญจนบุรี) พัฒนาไอศกรีมไวน์สับปะรด กลุ่มเครือข่ายสับปะรดสยามโกลด์ (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)
พัฒนาสับปะรดแช่เยือกแข็ง กลุ่มเครือข่ายสับปะรดสินสมุทร (จังหวัดระยอง
จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด) พัฒนาสับปะรดอบน้ำผึ้ง กลุ่มเครือข่ายสับปะรดภาคเหนือ
(จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก) พัฒนาสับปะรดผงสำหรับหมักเนื้อ และกลุ่มเครือข่ายผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดเชียงใหม่
พัฒนากระเทียมผง
ขณะเดียวกันได้ส่งเสริมการตลาดทั้งในและต่างประเทศ
พร้อมจัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ ณ เมืองมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 คาดว่ามียอดการ สั่งซื้อประมาณ 30 ล้านบาท
นายสุวรรณชัย
กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่า จาก 2 โครงการที่ สสว.ทำงานร่วมกับสถาบันอาหาร
มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกิดขึ้น ไม่น้อยกว่า 100 ผลิตภัณฑ์จากทั่วประเทศ
จึงเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาธุรกิจโดยการสนับสนุน ด้านการสร้างกลุ่มเครือข่าย และ
สร้าง Product Champion ด้วยการพัฒนาคุณภาพกระบวนการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์
ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดในปัจจุบันและเป็นการวางรากฐานการพัฒนาสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ให้มีการกระจายทั้งประเทศอย่างทั่วถึง
และเพื่อเป็นการต่อยอดการพัฒนาผู้ประกอบการให้เกิดความยั่งยืน
สสว. สถาบันอาหาร และมหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงได้จัดพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
การส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SME) ผ่านศูนย์ความเป็นเลิศ (Center
of Excellence) เพื่อการพัฒนายกระดับสินค้าชุมชน และสร้าง Product
Champion กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
“ความร่วมมือดังกล่าว
ได้แก่ การส่งเสริม และ สนับสนุนทางด้านวิชาการ การฝึกอบรม การพัฒนาองค์ความรู้
และการถ่ายทอด เทคโนโลยีให้แก่ผู้ประกอบการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์วัตถุดิบทางการเกษตร
เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในรูปแบบเพิ่มมูลค่าให้กับ สินค้าเกษตร
และการอนุรักษ์ หรือรักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่น การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่จากงานวิจัย โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นนำมายกระดับพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
ส่งผลกระทบแบบทวีคูณ (Multiple Effect) กระตุ้นให้เกิดการบริโภคสินค้าหรือบริการมากขึ้น
ส่งผลให้เศรษฐกิจในชุมชนเกิดการขยายตัวและยั่งยืน” นายสุวรรณชัย กล่าวในที่สุด
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจจากทั้งสองโครงการ
ได้นำมาจัดแสดงและจำหน่ายภายในงาน “มหกรรม
งานแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปสู่โลกอุตสาหกรรม” รวมทั้งผลิตภัณฑ์ ดีสินค้าเด่นในกลุ่มเครือข่าย
ทั่วประเทศ ตั้งแต่ วันที่ 20-26 สิงหาคม 2562 เวลา 10.00 -21.00 น.ณ ลานกิจกรรมลิฟท์แก้ว ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า ติดตามรายละเอียดผ่านทาง www.sme.go.th หรือ application SME CONNEXT
งานแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปสู่โลกอุตสาหกรรม” รวมทั้งผลิตภัณฑ์ ดีสินค้าเด่นในกลุ่มเครือข่าย
ทั่วประเทศ ตั้งแต่ วันที่ 20-26 สิงหาคม 2562 เวลา 10.00 -21.00 น.ณ ลานกิจกรรมลิฟท์แก้ว ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า ติดตามรายละเอียดผ่านทาง www.sme.go.th หรือ application SME CONNEXT
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น