เที่ยวทั่วไทย อร่อยทั่วโลก อัพเดทข่าวรายวัน Lifestyle บันเทิง ทันทุกกระแสข่าว!

06 เมษายน 2566

ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครสวรรค์

พาเที่ยวเมืองงาม นามพิจิตร เที่ยวชุมชน ยลย่านเก่า

TOPTOTRAVEL มีโอกาสร่วมทริปท่องเที่ยว  ในฐานะสมาชิกชมรม  ช.ส.ท ทริปท่องเที่ยว จัดขึ้นโดย ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว(ช.ส.ท) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครสวรรค์  คุณ​ สุชารัตน์ แสงอรุณ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานจังหวัดนครสวรรค์ และ ทางอำเภอเมืองพิจิตร นำโดย คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมฯ นำสื่อมวลชนจาก
ส่วนกลางและคณะนักท่องเที่ยว ร่วมในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว "เที่ยวเมืองงาม นามพิจิตร




ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งมาเป็นปี 38  มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย  โดย สมาชิกชมรมฯ ใช้สื่อที่รับผิดชอบดำเนินการประชาสัมพันธ์  รวมทั้งให้ข้อคิดเห็นและเสนอแนะการดำเนินงาน ด้านการท่องเที่ยวต่อหน่วยงานของรัฐและเอกชนในโอกาสต่างๆ  ในปี 2566 ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว จัดกิจกรรมสำหรับสื่อสมาชิก ช.ส.ท. และสมาชิกวัยเก๋า กำหนดเดินทางไปทัศนศึกษา  “เที่ยวเมืองงาม นามพิจิตร “ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและย่านเก่าของจังหวัดพิจิตร กำหนดเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์และพิจิตร ระหว่างวันที่ 1 - 3 เมษายน 2566 โดยด้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครสวรรค์ และทางอำเภอเมืองพิจิตร

TOTOTRAVEL ต้นทริปเดินทางวันที่ 1 :  พาสานต้นน้ำเจ้าพระยา–วัดสุขุมาราม-ตลาดฟื้นอดีตบางมูลนาก– บึงสีไฟ โดยทีมงานและคณะพร้อมเพรียงกัน ณ จุดนัดหมาย ปั้มปตท. ตรงข้าม ม.หอการค้าไทย ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้เวลา 06.00 น. คณะพร้อมออกเดินทาง
โดยรถบัสปรับอากาศ มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์  แวะรับประทานอาหารเช้าร้านปราสาททอง

รับประทานอาหารเช้าร้านปราสาททอง


เริ่มต้นการเดินทางมืัอแรก ทริป : นครสวรรค์ - พิจิตรร้านปราสาททอง ประตูน้ำพระอินทร์ นวนคร ริมถนนพหลโยธิน ขาออก ติดปั้มPT และบางจาก 

📱 035361010,0818296307, 0896880328

📱 line : https://lin.ee/BSte1nn

📱fb : https://www.facebook.com/prasartthongres/

🌎แผนที่ร้าน https://goo.gl/maps/FQ678ZjiKYH2

📙MENU : https://facebook.com/pg/prasartthongres/menu/

พาสาน”  มีที่มาจากคำว่า  “ผสาน”  
เราอยู่กันที่ พาสาน ..
พาสาน อาคารสัญลักษณ์สุดล้ำแห่งต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองนครสวรรค์ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่บริเวณเกาะยม จุดกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจในปากน้ำโพ ตัวแบบของ พาสาน เป็นเส้นสายโค้งมาบรรจบกันแลดูคล้ายการรวมตัวกันของสายน้ำ 

ในปัจจุบันกำลังเตรียมดำเนินการเพิ่มเติมภายในตัวอาคาร ทั้งในส่วนของการแสดงข้อมูลประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม อีกทั้งจะมีการติดตั้งระบบมัลติมีเดีย แสง สี เสียงที่สวยงาม ทันสมัยภายนอกอาคาร แต่ ณ เวลานี้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมบริเวณโดยรอบได้ตลอดเวลา



ชื่อ “พาสาน”  มีที่มาจากคำว่า  “ผสาน”  คือ การรวมกัน แต่ “พาสาน” คือ การพาคนเข้าไปสานให้เกิดการผสมผสานกันระหว่าง คน สถานที่ และช่วงเวลา โดยมีรูปแบบอาคารที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยาถูกสะท้อนออกมา ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นริมน้ำได้อย่างกลมกลืนกับ ลักษณะโครงสร้างคล้ายเส้นสายที่สอดประสานกันมาบรรจบที่ปลาย สื่อถึงการรวมตัวกันของแม่น้ำหลักจาก 4 สาย มาประสานกันเป็นสองสายและรวมเป็นหนึ่งเดียว อาคารถูกออกแบบและก่อสร้างขึ้นให้สามารถคงอยู่ในสภาพภูมิประเทศ ที่จะมีน้ำขึ้นสูงในช่วงฤดูน้ำหลาก ลักษณะของอาคารยกโค้งพ้นน้ำ ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวสามารถพายเรือลอดส่วนโค้งของอาคาร ชมความงามของริมฝั่งน้ำตลอดจนความงามของสถาปัตยกรรมแห่งนี้ท่ามกลางสายน้ำ



“ศาลเจ้าพ่อแก้ว”  

รับประทานอาหาร กลางวัน (2) ณ ศาลเจ้าพ่อแก้ว บางมูลนาก 
จากนั้น ไปสักการะ   “ศาลเจ้าพ่อแก้ว”  ศาลเจ้าที่มีความงดงาม  ซุ้มประตูมีการประดับประดาตกแต่งไปด้วยสัตว์ในตำนานความเชื่อของคนจีน เที่ยวชม “ตลาดฟื้นอดีตร้อยปีบางมูลนาก”สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนชาวบางมูลนากในอดีต ที่ปัจจุบันยังคงไม่แปรผันไปตามกาลเวลาปัจจุบัน  


เจ้าพ่อแก้ว เป็นเจ้าพ่อที่ชาวบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร 
เจ้าพ่อแก้ว ศาลเจ้าที่มีความงดงาม ซุ้มประตูมีการประดับประดาตกแต่งไปด้วยสัตว์ในตำนานความเชื่อของคนจีน ชาวอำเภอใกล้เคียงนับถือมาเป็นเวลาหลายสิบปี ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม จะมีการจัดงานประจำปีทุกปี มีคนในอำเภอและต่างอำเภอมาร่วมงานกันมากมาย  ช่วงเช้าจะมีขบวนแห่ เจ้าพ่อแก้วจากศาลเจ้าพ่อ ไปรอบตลาด แล้วไปประดิษฐานที่สนามหน้าโรงเรียนอนุบาลบางมูลนาก “ราษฎร์อุทิศ” เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้ และมีงานฉลอง 6 คืน ในงานก็จะมีการละเล่น เช่น งิ้วแต้จิ๋ว, ลิเก, ดนตรี, การละเล่นอื่น ๆ ตลอดจนมีการขายสินค้าอุปโภคบริโภค มีการประมูลสิ่งของที่มีผู้บริจาค










บริเวณตลาดฟื้นอดีตบางมูลนาก เป็นอาคารไม้ที่ได้รับการบูรณะให้สวยงาม และยังคงรักษาต้นแบบเหมือนในอดีต อยู่ริมแม่น้ำน่าน มีทัศนียภาพที่สวยงามเป็นศาลเจ้าหลังเก่า ที่เคยประดิษฐานองค์เจ้าพ่อแก้ว แต่ชาวบ้านก็ยังมีความผูกพันต่อศาลเจ้าพ่อแก้ว (หลังเดิม) มิเสื่อมคลาย ปัจจุบันได้อัญเชิญองค์เจ้าพ่อแก้ว ไปประดิษฐานที่ ศาลเจ้าพ่อแก้ว (หลังใหม่)

วัดสุขุมาราม ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ 
วัดสุขุมารามตั้งอยู่ที่บ้านวังตะกู เลขที่ 236 หมู่ที่ 11 ตำบลวังตะกู อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ดิน 63 ไร่  23 ตารางวา เดิมชื่อวัดว่า “วัดใหม่วังตะกู” แต่หลวงพ่อเขียนพระเกจิอาจารย์ อายุ108 เรียกว่า “วัดสลักแกง” ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อว่า “วัดสุขุมาราม” เพื่อให้ คล้องจองกับนามสกุลของโยมกำจัด สุขุมานนท์ ผู้ถวายที่ดินสร้างวัด และได้รับอนุญาตสร้างวัด เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2499 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2516”  
วัดสุขุมาราม ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ 
  
วัดสุขุมาราม วัดนี้ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์    มีความยาว 55 เมตร สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2554 อีกทั้งยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเป็นสวนสาธารณะสำหรับออกกำลังกายและพักผ่อน หย่อนใจ  รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพิจิตร

บึงสีไฟ ที่เที่ยวพิจิตร นั่งชิล ชมวิวพระอาทิตย์ตก สุดโรแมนติก เมืองชาละวันจังหวัดพิจิตร หนึ่งในจังหวัดที่หลายๆ คน มักจะมองเป็นแค่ทางผ่านไปเที่ยวในจังหวัดใหญ่ๆ แต่อยากจะบอกให้ทุกคนลองแวะเที่ยวกันดูค่ะ เพราะที่พิจิตรเอง ก็มีไฮไลท์อย่างที่เราคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกันบึงสีไฟ ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าหลวง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ที่นี่จัดว่าเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ อันดับ 3 ของไทยก็ว่าได้ มีเนื้อที่รวมกว่า 5,000 ไร่ และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่จัดว่าอลังการ ยิ่งใหญ่มากๆ และยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตรอีกด้วย

บึงสีไฟ ที่เที่ยวพิจิตร นั่งชิล ชมวิวพระอาทิตย์ตก สุดโรแมนติก

โดยบรรยากาศรอบๆ ของ บึงสีไฟ จะค่อนข้างเงียบสงบและล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทำให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนที่สำคัญแห่งหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ ส่วนไฮไลท์ของที่นี่ คงจะหนีไม่พ้น ภาพของพระอาทิตย์ตกที่ตกลงกลางบึง บอกเลยว่าสมแล้วที่สถานที่แห่งนี้ มีชื่อว่า บึงสีไฟ เพราะถ้าใครได้เห็นภาพของพระอาทิตย์ตกที่นี่ ก็จะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยค่ะว่า สวยงดงามมากจริงๆ นอกจากนั้นบริเวณรอบๆ บึงสีไฟ มีที่เที่ยวที่น่าสนใจมากมาย  สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ รูปปั้นพญาชาลวัน ศาลากลางน้ำ สถานแสดงพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ และ บ่อจระเข้ ให้ได้เที่ยวชมกันอีกด้วยค่ะ ส่วนของฝากของที่ระลึกก็มีมาขายจัดเต็มเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสานจากผักตบชวา ผ้าทอบ้านป่าแดง มะขาวแก้วสี่รส ซึ่งในส่วนของบริเวณโซนขายของนั้น จะเปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ไปจนถึง 5 โมงเย็น

ใครที่ได้แวะผ่าน จังหวัดพิจิตร ก็อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปสวยๆ ของ บึงสีไฟ ท่ามกลางบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกกันด้วยนะคะ หลายๆ คนที่ได้มาชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ ก็ต้องหลงรักความงดงามของ สีไฟ แห่งเมือง พิจิตรนี้ไปตามๆ กันค่ะ อ่าๆ พูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่มา เสียดายแย่




ที่อยู่ : บึงสีไฟ ตำบลท่าหลวง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตรพิกัด : https://goo.gl/maps/Xf8bgYoo1UY7botB8 
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน
ครัววนิดา     
รับประทานอาหารเย็น  ณ ครัววนิดา  พิจิตร ร้านอาหาร บรรยากาศสไตร์วินเทจ ลิ้มรสอาหารไทย-จีน สูตรชาววัง รสชาติจัดจ้าน นั่งรับประทานที่ร้าน ·สั่งกลับบ้าน ที่นี่บรรยากาศดี และมีเมนูโดดเด่นอร่อยแบบต้นตำรับไทยแท้ๆ ลองแวะมานะคะ


ครัววนิดา ที่อยู่: 74 หมู่ 8 ตำบล ปากทาง อำเภอเมืองพิจิตร พิจิตร 66000
เวลาทำการ:  ปิด ⋅ เปิด 11:00 - 20.00 น. โทรศัพท์: 088 194 4949
ตืนนี้เข้าที่พัก โรงแรม มีพรสวรรค์ – พร้อมเช็คอิน  

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ออกเดินทาง วันที่ 2 : ตักบาตรทางน้ำคลองข้าวตอก–ศาลเจ้าแม่ทับทิมท่าฬ่อ–ย่านเก่าวังกรด- วัดท่าหลวง)

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของที่พักออกเดินทางไป วัดดงกลาง  อำเภอเมืองพิจิตร ร่วมสืบสานวิถีชาวพุทธ “ตักบาตรทางน้ำ” หนึ่งเดียวในจังหวัดพิจิตร (ตลาดชุมชนคุณธรรมวัดดงกลาง) จัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ ณ บริเวณหน้าตลาดชุมชนคุณธรรม วัดดงกลาง (คลองข้าวตอก) (ที่นี่มีบริการชุดใส่บาตร ชุดละ50บาท) 







ตลาดชุมชนคุณธรรมวัดดงกลาง
ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว นำโดยคุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมฯ นำสื่อมวลชนจาก
ส่วนกลางและคณะนักท่องเที่ยว ร่วมในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว "เที่ยวเมืองงาม นามพิจิตร "สำหรับกิจกรรมตักบาตรทางน้ำ คุณ​ สุชารัตน์ แสงอรุณ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานจังหวัดนครสวรรค์ และทางอำเภอเมืองพิจิตร ร่วมกับ ชุมชนคุณธรรม ฯ วัดดงกลาง  และ ภาคีเครือข่าย ภาครัฐ และ เอกชน ประชาชน ร่ว่มจัดกิจกรรมเพื่อ ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ในชุมชน และ เพื่อย้อนอดีตในเรื่องของวิถีชีวิต ตลอดจน ส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน  ซึ่งจะจัดทุกวันอาทิตย์ ณ ตลาดชุมชนคุณธรรมวัดดงกลาง (ดงกลางริเวอร์ไชค์) 




ชุมชนคุณธรรมวัดดงกลาง  เป็นหมู่บ้านหนึ่งในเก้าหมู่บ้านของตำบลดงกลาง ซึ่งเดิมนั้นขึ้นอยู่กับตำบล ดงป่าคำ แม้จะไม่ทราบวันก่อตั้งที่แน่ชัด แต่พอจะย้อนประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านได้จากการเล่าเรื่องของนายเลี่ยม มันตะสูตร ครูใหญ่บ้านดงป่าคำในอดีต ซึ่งเล่ากันมาว่า แต่เดิมตำบลดงกลางในปัจจุบันมีสภาพเป็นป่า ต่อมามีตามั่น กับยายคง อพยพมาจากกรุงเทพฯ มาอยู่กับญาติพี่น้องที่เมืองพิจิตรเก่า และสำรวจพื้นที่ตามบริเวณลำคลองเมืองเก่าหรือที่เรียกกันว่า “คลองข้าวตอก” และพบว่าบริเวณที่ดินบริเวณริมคลองดังกล่าวยังไม่ใครครอบครอง สามารถใช้ทำประโยชน์ได้ทั้งนั้น จึงทำการบุกร้างป่าสร้างบ้านเรือน และทำมาหากินจนร่ำรวย ต่อจากนั้นก็มีญาติพี่น้องอพยพตามกันมาเพื่อทำมาหากิน จนกลายเป็นครอบครัวใหญ่หลายครอบครัวเกิดเป็นชุมชนใหญ่และหนาแน่นขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน

ในปัจจุบัน  มีกิจกรรมความโดดเด่นที่เป็นจุดขายของชุมชน เช่น ตักบาตรทางน้ำริมคลองข้าวตอกทุกเช้าวันอาทิตย์ เปิดตลาดคุณธรรมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จำหน่ายสินค้าอาหารปลอดภัยด้วยราคาย่อมเยามีศูนย์เรียนรู้เตาเผาถ่านน้ำส้มควันไม้ สถาปัตยกรรมบ้าน ไม้โบราณ ต้นสะตือยักษ์รุกขมรดกของแผ่นดิน ส่งเสริมวิถีการเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่ พอกิน มีเส้นทางจักรยานในชุมชน รำวงเพื่อสุขภาพ เป็นต้น


จัดทุกวันอาทิตย์ ณ ตลาดชุมชนคุณธรรมวัดดงกลาง (ดงกลางริเวอร์ไชค์)
ต. ดงกลาง อ. เมือง  จ. พิจิตร


 “ศาลเจ้าแม่ทับทิม ท่าฬ่อ”
เดินทางไป “ศาลเจ้าแม่ทับทิม ท่าฬ่อ” ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพิจิตร และจังหวัดใกล้เคียง ภายในศาลเจ้ามีองค์เจ้าแม่ทับทิมเป็นองค์ประธาน  ถัดจากศาลเจ้ายังมี “โรงเรียนยกเอ็ง” ในอดีตเคยเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนให้แก่คนไทย และสอนภาษาไทยให้แก่คนจีน ซึ่ภายในห้องเรียนได้ทำเป็นห้องจำลองจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ให้แก่นักท่องเที่ยว


เดินทางไปบ้านวังกรด  เที่ยวชม “ย่านเก่าวังกรด” แหล่งท่องเที่ยว ที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Tourism Awards) สาขาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ประจำปี 2019 นั่งรถรางสัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตชุมชนบ้านเรือน อาคารไม้เก่าแก่ ความเป็นมาของบริเวณชุมชนวังกรด เดิมมีชื่อเรียกว่า “ชุมชนบ้านท่าอีเต่า” ต่อมามีการเปลี่ยนเป็น “ชุมชนวังกลม” ที่เรียกชื่อนี้เนื่องจากเป็นชื่อของห้วยน้ำที่มีลักษณะการหมุนเป็นวงกลมอยู่ใกล้บริเวณของวัดวงกลม ดังนั้นเมื่อมีการสร้างสถานีรถไฟวังกลมขึ้นในปีพ.ศ. 2540 



เนื่องจากชื่อสถานีวังกลมนี้ มีการตั้งชื่อสถานีเหมือนกับสถานีของรถไฟในภาคอีสาน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดต่อมาจึงมีการเปลี่ยนชื่อสถานีเป็นสถานีรถไฟวังกรด และได้เปลี่ยนชื่อชุมชนตามชื่อสถานีรถไฟเป็นชุมชนวังกรดนับแต่นั้นเป็นต้นมา

ดื่มน้ำชา ณ.บ้านหลวงประเทืองคดี
จากนั้นไปชมอาคารตึกปูนหลังแรกของวังกรด ณ “ตึกหลวงประเทืองคดี” ชุมชนตลาดเก่าวังกรดซึ่งมีอายุกว่าร้อยปีนี้ ยังมีทุนทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ อาทิ บ้านหลวงประเทืองคดี คหบดีเก่าของวังกรด บ้านเก่าเล่าเรื่องที่เก็บสะสมของโบราณ เช่น เสื่อไม้ไผ่อายุร้อยกว่าปีของบรรพบุรุษที่ยังคงเก็บรักษาไว้ของตระกูลไวยาวัจมัย ศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่วังกลม ศูนย์รวมจิตใจของชาวตลาดวังกรดและบุคคลภายนอกที่เลื่อมใสศรัทธา สถานีรถไฟวังกรด การตีมีดโบราณ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาววังกรด









รับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย ณ “ย่านเก่าวังกรด” เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน เดินทางไปเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์” สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไทย–เวียดนาม 


พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์  เกิดจากความร่วมมือระหว่าง จังหวัดพิจิตร องค์การบริหารส่วนตำบลป่ามะคาบ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ฮานอย ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม  สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบชุมชนของตำบลป่ามะคาบ และเป็นตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ ที่แสดงให้เห็นถึงการหล่อหลอมทางวัฒนธรรมอันแตกต่างร่วมกันของผู้คนในชุมชน และมิตรภาพอันดีของคนไทยที่มีต่อชาวเวียดนามมายาวนานเกือบร้อยปี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ เป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 6,400 ตารางเมตร เดิมเป็นสุสานของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณใจกลางบ้านดง  ตำบลป่ามะคาบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสำคัญและน้ำใจของประชาชนที่นี่ต่อประธานโฮจิมินห์ และชาวเวียดนามที่อพยพเข้ามาอาศัยที่บ้านดงเป็นที่แรก       



นอกจากนี้ ด้านนอกอาคาร ยังมีบ้านจำลองของประธานโฮจิมินห์จัดแสดงเป็นบ้านยกพื้นสูง ภายในตัวบ้านมีรูปปั้นของประธานโฮจิมินห์  และหิ้งบูชา รวมถึงของใช้ส่วนตัวที่ท่านเคยใช้ เช่น ตู้ไม้ ตะเกียงน้ำมันเก่า ๆ เป็นต้น สำหรับ วันและเวลาทำการ วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09:00 - 16:00 (หยุดวันจันทร์ และนักขัตฤกษ์)


พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์
ตั้งอยู่  หมู่ 5 ตำบลป่ามะคาบ อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 66000

วัดท่าหลวง "วัดราษฎร์ประดิษฐาราม" 
วัดท่าหลวง  มีชื่อเรียกกันหลายชื่อ เดิมทีเรียกกันว่า "วัดราษฎร์ประดิษฐาราม" ต่อมาเรียกกันว่า "วัดประดิษฐาราม" ปัจจุบันเรียกว่า "วัดท่าหลวง" ซึ่งเรียกตามชื่อของหมู่บ้านที่ตั้งวัดอยู่ คำว่า "ท่าหลวง" นั้นเป็นชื่อของหมู่บ้านท่าหลวง คลองท่าหลวง ตำบลท่าหลวง และเคยเป็นชื่อของอำเภอท่าหลวงมาก่อน ต่อมาเมื่อพุทธศักราช 2481เปลี่ยนเป็นอำเภอเมืองพิจิตรจนถึงปัจจุบันทางราชการได้เคยใช้สถานที่วัดท่าหลวงในกาประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาเป็นประจำ วัดท่าหลวงนี้มีมาก่อนที่จะย้ายจากเมืองพิจิตรเก่า มาตั้งอยู่ที่เมืองพิจิตรใหม่ในปัจจุบัน  แต่เดิมมีฐานะเป็นเพียงสำนักสงฆ์ตั้งอยู่ในป่าพงละเมาะไม้ในเขตหมู่บ้านท่าหลวงอำเภอท่าหลวง จังหวัดพิจิตรซึ่งในขณะนั้นที่ตั้งตัวเมืองพิจิตรอยู่ที่ตำบลเมืองเก่าห่างจากตัวเมืองพิจิตรใหม่   ในปัจจุบันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 8 กิโลเมตร  ดังที่ปรากฏในปัจจุบัน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯรัชกาลที่ 5 ซึ่งในขณะนั้นวัดท่าหลวงมีมาอยู่ก่อนแล้ว  แต่สภาพโดยทั่วไปของเสนาสนะถาวรวัตถุภายในวัดมีเพียงกุฏิหลังคามุงแฝกอยู่ 2–3 หลัง และมีอุโบสถหลังเก่ากับวิหารเก่าตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน   แต่มาเกิดไฟไหม้พงซึ่งใกล้กับที่ตั้งวัด ดังนั้นวัดท่าหลวงจึงถูกไฟไหม้กุฏิไปด้วย ส่วนอุโบสถเก่าและวิหารเก่าก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา


วัดท่าหลวง พระอารามหลวง
ตั้งอยู่เลขที่ 674 ถนนบุษบา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 

รับประทานอาหารเย็น ณ สวนอาหารเพาะรัก
ร้านอยู่ติดถนน จากตัว อ.เมืองพิจิตร วิ่งผ่านสะพานข้ามแม่น้ำน่านกับทางรถไฟมุ่งหน้าไปสากเหล็ก เป็นร้านผักปลอดสารพิษและศูนย์การเรียนรู้ ร้านอาหารไทยจีนรสเลิศ เป็นเรือนไม้กลางสวน บรรยากาศอบอุ่น ร้านอาหารบรรยากาศดี เหมาะที่จะมานั่งทานอาหาร รับลมชมวิวเพลินๆ ที่นี่มีเมนูอร่อยๆ หลากหลาย
โทร. 0817075543

เดินทางต่อทริปวันที่ 3 :  อุทยานเมืองเก่าพิจิตร–วัดโพธิ์ประทับช้าง–พิพิธภัณฑ์เสาปั้นจั่น  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องฮาหารของที่พัก – เช็คเอาท์ 08.30 น.   ออกเดินทางท่องเที่ยวต่ไปยัง”อุทยานเมืองเก่าพิจิตร” 

อุทยานเมืองเก่าพิจิตร
อุทยานเมืองเก่าพิจิตร ตั้งอยู่ที่บ้านเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร ห่างจากตัวเมืองพิจิตรในปัจจุบัน ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งเมืองพิจิตรเก่า สร้างขึ้นราวปีพุทธศักราช 1600 สมัยพระยาโคตรบอง มีพื้นที่กว่า 400 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางประวัติศาสตร์โบราณคดีและธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดพิจิตร   ซึ่งสร้างในสมัยพระยาโคตรบองเจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดพิจิตร อุทยานเมืองเก่า มีลักษณะเป็นเมืองโบราณ ประกอบไปด้วยกำแพงเมือง คูเมือง เจดีย์เก่า ฯลฯ มีสวนรุกขชาติกาญจนกุมา












แหล่งท่องเที่ยวภายในอุทยานที่น่าสนใจ เช่น สวนรุกขชาติ กาญจนกุมาร ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2520 ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ในขณะนั้น โดยสั่งการให้สำนักงานป่าไม้จังหวัดพิจิตรปรับปรุงพื้นที่บริเวณอุทยานเมืองเก่า โดยขอใช้พื้นที่จากกรมศิลปากร ที่เป็นเมืองโบราณเพื่อปลูกรวบรวมพรรณไม้และพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของทางจังหวัด สภาพต้นไม้ในสวนรุกขชาติเป็นไม้ของป่าเบญจพรรณ เช่น ไม้สัก ประดู่ป่า แดง มะค่าโมง ยางนา ตะแบก นนทรี

วัดโพธิประทับช้าง
วัดโพธิ์ประทับช้าง วัดราษฎร์ในสังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย ตั้งอยู่ที่ ตำบลโพธิ์ประทับช้าง  อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร วัดโพธิ์ประทับช้างปรากฏหลักฐานใน พระราชพงศาวดาร  กรุงศรีอยุธยาฉบับพระราชหัตถเลขา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2242–2244 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ช่วงรัชสมัย สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ สมเด็จ พระเจ้าเสือ บริเวณสถานที่ประสูติของพระองค์ ต่อมาวัดได้ถูกทิ้งร้างไป จากนั้นจึงได้มีการฟื้นฟูวัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งและพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน       




วัดโพธิ์ประทับช้าง วัดดัง พิจิตร เยือนถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ  พิจิตร จังหวัดเล็กๆ ที่มีทั้งโบราณสถาน และ วัดสวย เก่าแก่มากมาย ซึ่งสายบุญห้ามพลาดเลยจริงๆ ค่ะ อย่างที่ วัดโพธิ์ประทับช้าง เอง ก็น่าสนใจและควรค่าแก่การเดินทางไปสักการะอย่างมาก “วัดโพธิ์ประทับช้าง” เป็นโบราณสถานที่เก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2242 - 2244 ในสมัยสมเด็จพระสุริเยนทราธิบดี  (ขุนหลวงสรศักดิ์หรือพระพุทธเจ้าเสือ) พระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ณ สถานที่ประสูติของพระองค์ ลักษณะของวัดมีพระวิหารสูงใหญ่ มีกำแพงล้อมรอบ 2 ชั้น เป็นศิลปะแบบอยุธยา ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากกรมศิลปากร เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชม

นอกจากนี้ ยังมีโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดีไทย  เรื่องไกรทอง คือ ถ้ำชาละวัน มีที่มาจากวรรณคดีเรื่องไกรทอง บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 ลักษณะเป็นช่องขุดลึกลงไปในดิน ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นถ้ำชาละวัน มีเรื่องเล่าว่าเมื่อประมาณ 60-70 ปีก่อน พระภิกษุวัดนครชุมรูปหนึ่งได้จุดเทียนไขเดินเข้าไปในถ้ำแห่งนี้จนหมดเทียนเล่มหนึ่งก็ยังไม่ถึงก้นถ้ำปัจจุบันดินพังทลายทับถมจนตื้นเขิน ทางจังหวัดจึงได้สร้างรูปปั้นไกรทองและชาละวันไว้ที่บริเวณปากถ้ำด้วย  เกาะศรีมาลา มีลักษณะเป็นมูลดินมีคูน้ำล้อมรอบคล้ายเกาะเล็กๆ อยู่กลางคูเมืองนอกกำแพงเมืองเก่าด้านทิศเหนือ สันนิษฐานว่าแต่เดิมน่าจะเป็นป้อม หรือหอคอยรักษาการณ์ เพราะตั้งอยู่นอกเมืองและอยู่กลางคูเมือง พบเกาะพบชิ้นส่วนก้อนอิฐกระจายอยู่ทั่วไป แต่ชาวบ้านได้เก็บรวบรวมไว้ที่ใต้ศาลไม้อุทยานเมืองเก่าพิจิตร เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวันโดยไม่เสียค่าเข้าชม

ภายในวัดมี หลวงพ่อโต หรือ หลวงพ่อยิ้ม   อายุกว่า 300 ปี  ซึ่งชาวบ้านแถบนั้นให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก   เป็นพระประธาน  ในอุโบสถ มีอุโบสถหลังเก่าของวัดที่อยู่มาตั้งแต่แรกสร้างวัด อุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ตั้งอยู่บนฐานไพที มีมุขเด็จด้านหน้าและด้านหลัง ประตูตกแต่งสวยงามด้วยซุ้มยอดบุษบก นอกกำแพงแก้วด้านทิศใต้ มีเจดีย์รายอีก 1 องค์ สันนิษฐานกันว่าเป็นตำหนักพระเจ้าเสือ  นอกจากนี้ ยังมีศาลซึ่งประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าเสือ และรูปปั้นของ    พันท้ายนรสิงห์

รับประทานอาหารกลางวัน ณ  ร้านเลี้ยงหงกี่ ตะพานหิน
ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนเก่าแก่ของ ตะพานหิน โดยมีอาหารเด็ดคือ เป๋าฮื้อเส้น กับ หอยจ๋อ อยู่บริเวณใกล้ๆตะพานหินที่ห้ามแม่น้ำน่าน
ที่อยู่: 10 ถนน สหมิตร ตำบล ตะพานหิน อำเภอ ตะพานหิน พิจิตร 66110
เวลาทำการ:  เปิด ⋅ ปิด 10.00-20:00 น.


จากนั้นไปชม  “บ้านเก่าเสาปั้นจั่น” ซึ่งเป็นชื่อท่าเรือส่งสินค้าของอำเภอตะพานหิน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตัวบ้านมีความเก่าแก่ เป็นแหล่งเรียนรู้ใหม่ในตะพานหิน ลักษณะการออกแบบคล้ายๆ กึ่งพิพิธภัณฑ์ กึ่งแกลลอรี่ โดยแต่ละจุดในบ้านมีของเก่าที่หาชมได้ยากมาจัดแสดง บางชิ้นหลายคนยังไม่เคยเห็นอีกด้วย และที่น่าสนใจมากที่สุดคือ มุมถ่ายภาพที่สวยในทุกมุมแวะชิมกาแฟโบราณ โกยี-ท่งหลี



กาแฟโกยี กาแฟโบราณ ตะพานหิน 
โกยี-ท่งหลี และบริเวณใกล้เครบงมีจุดเช็คอินแหล่งใหม่ของคนชอบถ่ายภาพ งานศิลปะร่วมสมัย  “สะพานศิลป์ ที่พิกัด ร้านกาแฟโกยี - ท่งหลี สาขา 1 ติดกับสะพานข้ามแม่น้ำน่าน อยู่ฝั่งตลาดตะพานหิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร (จอดรถข้างถนนได้เลย)

https://goo.gl/maps/jNsEfyTLVXJ9DLWAA
เวลา ⏱ 05.00 - 14.00 น.  โทร. 081 740 0300

สตรีทอาร์ท (Street Art) แห่งเมืองตะพานหิน







ตะพานหิน (Bridge Art Taphanhin) สตรีทอาร์ท (Street Art) แห่งเมืองตะพานหิน จังหวัดพิจิตรบริเวณใกล้ๆ มีร้านกาแฟชื่อดัง #กาแฟโกยี ปัจจุบันโกยีอายุมาก กิจการตอนนี้จึงตกทอดมาสู่“โกบัญญัติ” ที่ดูแลกิจการอยู่ในตอนนี้  

กาแฟโกยี

เรียกว่าสนุกเต็มที่ดื่มด่ำบรรยากาศเที่ยวเมืองงาม นามพิจิตร เที่ยวชุมชน ยลย่านเก่า เต็มที่แล้วเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร   แวะรับประทานอาหารเย็นอีกสักมื้อที่ร้านด้วยกันที่  ณ ร้านเกษรา  จังหวัดสิงห์บุรี



ร้านเกษรา  จังหวัดสิงห์บุรี

ร้านเกษรา  จังหวัดสิงห์บุรี
ปกติเวลาผ่านสายเอเซีย นักท่องเที่ยวแวะกันบ่อย แต่วันนี้เรามาตรงห้องอาหาร สงสัยมานานละว่าเค้ามีอาหารอะไรบ้าง ห้องกว้างขวางมากสมกับที่เป็นจุดแวะที่รองรับคณะทัวร์ได้ อาหารอร่อยหลายเมนู ทานอาหารเรียบร้อยแวะซื้อของฝากก่อนกลับบ้านกันเลย

จัดโดย: ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว
ขอขอบพระคุณ คณะผู้ร่วมเดินทาง ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.)

#ททท.สำนักงานนครสวรรค์
#ผู้สนับสนุนการเดินทางเทศบาลเมืองพิจิตร
#ชุมชนบางมูลนาก
#ชุมชนศาลเจ้าแม่ทับทิม ท่าฬ่อ                                                               
#ชุมชนย่ายเก่าวังกรด
#เที่ยวเมืองงามนามพิจิตร
#เที่ยวชุมชนยลย่านเก่า














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น